ตอนที่ 0: สารบัญการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/36464768
ตอนที่ 1: ซินเดอเรลล่าชะเง้อหาราชรถฟักทองท่อง Addis Ababa
https://ppantip.com/topic/36464848
ตอนที่ 2: Danakil เตาอบขนาดใหญ่ในเอธิโอเปีย
https://ppantip.com/topic/36464894
ตอนที่ 3: สีสันแห่งซัลเฟอร์ที่ Dallol
https://ppantip.com/topic/36465028
ตอนที่ 4: Erta Ale มนต์เสน่ห์ “ออนเซน” แอฟริกา
https://ppantip.com/topic/36471880
ตอนที่ 5: โบกมืออำลาแก๊งค์ช้าง ช้าง ช้าง...See you!
https://ppantip.com/topic/36482464
ตอนที่ 6: เกี่ยวแขนเพื่อนใหม่ไป Aksum
https://ppantip.com/topic/36482956
ตอนที่ 7: นั่งจนตูดบานกับระยะทางแค่ 216 กม.
https://ppantip.com/topic/36486591
ตอนที่ 8: Gonder เที่ยวเบลอๆ ไปตามเพื่อน
https://ppantip.com/topic/36490238
เค้าว่ามันยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Victoria Falls มันได้ฉายาว่า Smoke of Fire (Great smoke) แค่ชื่อ แค่คำล่ำลือก็ทำให้เราอยากจะมาสัมผัสด้วยตัวเองใจจะขาด ก่อนเปิดเปิด google หาดูรูปรัวๆ แล้วตัดสินใจว่าที่อื่นไม่ไปไม่ว่า แต่ต้องมาที่นี่ให้ได้
รูปจาก
http://www.thousandwonders.net/Blue+Nile+Falls Photo by ctsnow
เราจะต้องเดินทางไป Bahir Dar ด้วยรถตู้ คิดว่ารถตู้เล็กๆ หนึ่งคันจะบรรจุคนได้กี่คน?
ก. 15
ข. 20
ค. 25
ง. 30
คำตอบ เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่ยัดๆ มาสูงสุดตลอดทางมันเกิน 25 คนเจ้าค่ะ อึ้งและทึ่งกับการจัดสรรที่นั่งของรถโดยสารในประเทศนี้จริงๆ
เราออกเดินทางจาก Gonder ประมาณบ่ายสาม มาถึง Bahir Dar ตอนห้าโมงนิดๆ โรงแรมที่เราพักเลือกอยู่ใกล้ท่ารถจะได้ไปมาสะดวก ไม่ต้องเสียค่าตุ๊กๆ อีก ที่โรงแรมมีคนมาเสนอทัวร์ถึงห้องนอน (แอบกลัวนิดๆ) แต่เราขอเลือกมาคุยด้านนอกจะสะดวกกว่า โปรแกรมที่มาเสนอคือทัวร์น้ำตก + Lake Tana ราคา $40 แน่นอนว่าเราไม่เอา เพราะมันแพง และเราอยากไปเที่ยวเองมากกว่า ไม่อยากกระวนกระวายเรื่องเวลากับทัวร์ แต่คนขายทัวร์คิดว่าเราติดที่ราคาลดลงมาจนสุดท้ายอยู่ที่ $25 ซึ่งถือว่าถูกมากๆ เพราะค่ารถบัสไปกลับก็ 50 Birr ค่าเข้า 50 Birr + ค่าเรือที่ Lake Tana 500 Birr รวมๆ แล้วถ้าไปเองก็ $26 แล้ว ไม่นับค่าเสียเวลาอื่นๆ อีก เพราะฉะนั้นราคาที่โรงแรมเสนอมา มันเล้าใจมาก แต่อยากเที่ยวเองมากกว่า เลยปฎิเสธไป ทัวร์มีขู่เราด้วยว่าพรุ่งนี้มีรถขาไป แต่ขากลับไม่มีรถมาที่นี่ มันเลยทำให้เราลังเลตอนแรก แต่เหมือนใน Lonely Planet เคยบอกว่ามีรถกลับตลอดก่อนบ่ายสาม เพราะฉะนั้นเราว่าเราไปเสี่ยงเอาข้างหน้า ถ้าไม่มีก็ขอนักท่องเที่ยวแถวนั้นติดรถกลับมาก็ได้ คนขายทัวร์ขายทัวณืไม่ได้เลยจะชวนไปกินข้าวที่บ้านวันพรุ่งนี้แทน อันนี้ก็ปฏิเสธไปเช่นกัน 555
กลางคืนฝนเทกระหน่ำ ไฟฟ้าดับแล้วดับอีก พอหลับตาลงนอนไฟฟ้าดันมา มันไม่ได้มาแค่ไฟ แต่มันมาพร้อมความครื้นเครงของสถานบันเทิง ดนตรีกระหึ่มเข้าไปกี่โมงกี่ยามก็ไม่รู้กว่าจะได้นอนมันทรมานมาก พอนอนหลับแล้วดันมียุงมีวินว่อนอยู่ข้างหูได้อีก คราวนี้เลยเอาผ้าคลุมโปงเลย ดูซิว่าจะเข้ามาใต้ผ้าห่มยังไง
เช้าวันรุ่นขึ้นเลยตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไปหนึ่งชั่วโมง แต่ก็กะไว้แล้วว่าวันนี้จะไปน้ำตกอย่างเดียวเลยไม่รีบมาก พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปท่ารถถามหาว่ารถไป Tis Aby คันไหน พอได้เป้าหมายแล้วก็พุ่งตรงไปทันที แต่ลืมของ...ลืมพาสปอร์ตไว้ที่โรงแรม เลยคิดว่ากลับไปเอาดีกว่า เผื่อมีจุด(อยาก)ตรวจระหว่างทางอีก พอกลับมาเดินไปแถวๆ ทางเป้าหมาย มีผู้ชายคนหนึ่งดูเป็นคนดีมาก ถามว่าอยากไปที่ Tis Aby เหรอ รอตรงนี้อีกครึ่งชั่วโมงรถจะมา เราก็รอ....แต่มันตะหงิด ๆ ก็เมื่อกี้คนที่ชี้ทางมามันออกจะเบนไปทางขวานิดๆ เราเริ่มไม่แน่ใจเลยถามคนไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ารถมินิบัสที่ไป Tis Aby ก็อยู่ข้างๆ ที่เรายืนรอนั่นแหละ (ประมาณว่าโดนหลอกแต่เช้า)
พรุ่งนี้จะเป็นวัน Easter วันนี้ทุกคนเลยออกมาที่ตลาดขายสัตว์เพื่อซื้อแพะ ซื้อวัว ซื้อไก่กับไปเชือดทำเป็นอาหารฉลองวัน Easter ดังนั้นระหว่าทางจะเห็นตลาดขายสัตว์ มีเสียงวัว เสียงแพะร้องระงมจนน่าหดหู่
สภาพบ้านเรือนของคนเอธิโอเปียระหว่างทางไป Tis Aby
ระยะทางประมาณ 30 กม. แต่ใช้เวลาเดินทางถึง 2 ชม. ระหว่างทางมีเจ้าหน้าที่มาตรวจแล้วไม่รู้พูดอะไร คนขายตั๋วคืนเงินให้ทุกคนคนละ 10 Birr ตำรวจมองมาที่หน้าเราแล้วเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดแล้วก็ลงไป สุดท้ายมีแค่เราคนเดียวในรถที่ไม่ได้เงิน 10 Birr เหมือนคนอื่นๆ (เศร้านิดๆ) พอถึง Tis Aby เราก็รีบตรงไปที่ Ticket Office เพื่อซื้อตั๋วและสอบถามทาง อย่างที่หลายๆ เวปบอกว่ามีทางไปสองทางคือ เดิน กับ นั่งเรือ (เที่ยวละ 10 Birr) เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าทางที่จะเดินออกออฟฟิศหันหน้ากลับไปยังจุดที่ลงรถแล้วให้เลี้ยวซ้ายแยกแรก ทางมันจะชันๆ แต่ถ้านั่งเรือให้เลี้ยวขวา เดินไปตามสายน้ำ จนถึงปลายทางจะมีท่าเรือ แต่ถ้ากลัวหลงสามารถจ้างไกด์ได้ที่ราคา 100 Birr เราไม่อยากจ้างไกด์ แต่เขาก็ขู่ว่ามันไปยากเดี๋ยวหลง บลาๆๆ สุดท้ายเราก็ใจอ่อน แต่บอกไว้ก่อนว่าเราเดินช้า และเราถ่ายรูปนาน เราอาจจะใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง สรุปแล้วที่เราพูดมาไม่ใช่ปัญหา เราเลยโอเค
แผนที่ที่ทางออฟฟิศขายตั๋วโชว์ให้เราดู กลมๆ สีเขียวคืออฟฟิศ กากบาทสีแดงคือท่าเรือแรกที่จะเห็น แต่ไม่ใช่ท่าเรือที่เราจะใช้ จุดสีน้ำเงินคือท่าเรือข้ามฟากดูน้ำตก
ไกด์ถามเราว่าอยากเดินหรือนั่งเรือ เราขอนั่งเรือก่อน แล้วขากลับเราจะเดินมันจะได้เป็นวงกลมครบ 1 รอบ ได้เห็นอะไรที่ควรจะเห็นทั้งหมด แต่ไกด์ก็พยายามจะไม่ให้เราเดิน จะให้นั่งเรือไปกลับ แม้แต่ตอนจ่ายเงินค่าเรือก็ไม่ให้เราจ่าย บอกว่ากลับมาค่อยจ่ายก็ได้ แต่เรายืนยันว่าเราจะเดินเพราะฉะนั้นเราไม่กลับมาแล้ว หลังจากคำยืนยันไกด์เราก็หน้าตูด แล้วเดินทิ้งเราไว้ข้างหลังอย่างไม่ใยดี
ทางเดินไปท่าเรือ
ถ้าเห็นตรงนี้แล้วตรงไปหน่อยแล้วเลี้ยวขวาก็จะถึงท่าเรือ
หลังจากที่ขึ้นจากเรือแล้ว ทางเดินจะเป็นทางราบๆ เดินง่ายมาก ไม่มีปีนขึ้นปีลงอีกเลย
ระหว่างทางจากท่าเรือไปน้ำตกก็จะเห็นวิวธรรมชาติมากมาย
เราเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงน้ำตก ไกด์ชี้ให้เราดูน้ำตกจากด้านบนแล้วก็เดินหายไปเลย จุดนี้เราไม่แคร์ไกด์แล้ว แรกๆ ว่าจะให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย แต่ถ้ามาแนวนี้ Selfie เองต่อไปก็ได้
ภาพจากมุมสูง (ไม่มาก เพราะคนถ่ายเตี้ย)
เราเดินลงมาจนถึงด้านล่างเพื่อชื่นชมน้ำตกพร้อมหยาดน้ำตา เปล่าเล๊ยยยย ไม่ได้ปลื้มปิติกับความอลังการใดๆ มันคือความผิดหวัง (ที่เตรียมใจมาบ้างแล้วเพราะเพื่อนเยอรมันบอก) กับคำนิยามที่ว่า Smoke of Fire หรือ Great Smoke อะไรก็ตามที่คนเขาว่ากัน หน้าผาของน้ำตกนี้กว้า 400 เมตรก็จริง แต่น้ำตกจริงๆ มันมีน้ำถึง 30 เมตรมั๊ย????
มันเป็นเพราะการสร้างเขื่อนเก็บกับน้ำไว้ใช้ช่วงหน้าแรก (ตอนที่เราไป) แต่จะมีการผันน้ำออกมาจนเต็มผืนหน้าผาน้ำตกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม (เรียกว่าเป็น High season ของที่นี่ก็ไม่ผิดนัก) รูปมันจะออกมาอลังการเหมือนที่เราเสิร์ทใน google นั่นแหละ
ดื่มด่ำได้ 5 นาที่ ไกด์ก็จะจี้ให้เราเดินอีกแล้ว เราเลยควักเงิน 100 Birr เพื่อจ่ายแล้วบอกให้กลับไปได้เลยไม่ต้องรอ แต่ก็ยังยืนยันว่าจะรอ เราก็ไม่รู้จะทำไงเลยใช้เวลาเต็มที่อย่างที่ตัวเองอยากทำ เสร็จจากน้ำตกเราตัดสินใจจะเดินกลับอีกทาง เพื่อจะได้ดูว่ารอบๆ มีอะไรบ้าง พอมาถึงสะพานแขวนอันแรกก็ชะงัก ทำไมทางข้างหน้าเหมือนทางขึ้นเขาเลย จะไปต่อดีมั๊ย แต่เอ๊ะ! ตอนอยู่ที่ห้องขายตั๋วเราแอบเห็นมีรูปสะพานหินที่อยู่ระหว่างทางมาน้ำตกนี่หน่า มันอีกไกลมั๊ยนะ? หันไปถามไกด์ได้คำตอบว่าต้องเดินอีก 40 นาที เป็นทางขึ้นเขาแบบที่เห็นอยู่ตรงหน้า เรานี่ถอดใจเลย กลับทางเรือก็ได้
สะพานแขวนอันแรกที่ต่างชาติมากสร้างให้สำหรับข้ามเหวลึกตรงนี้
เดชะบุญตอนที่ไกด์ตอบเรามีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาได้ยินพอดี เลยบอกเราว่าเดินเหอะทางไม่ไกลแล้วก็ไม่ชันด้วย เดิน 10 นาทีก็ถึง นั่นไง เกือบโดนไกด์หลอก หลังจากจุดนี้ไกด์ก็เดินไปที่จุดถ่ายรูป ชี้ให้เราดู แล้วก็เดินหายไปไหนก็ไม่รู้ เราก็ไม่สนใจละ เดินถ่ายรูปเล่นเองไปเรื่อยๆ ก็ได้
หลังกจาข้ามสะพานมาแล้วเราก็จะเห็นน้ำตกจะมุมสูงอีกด้าน อันนี้น่าจะเป็นด้านเดียวกับรูปในอินเตอร์เนทที่เคยเห็น แต่มันต่างกันแค่ปริมาณน้ำก็เท่านั้นเอง
ระหว่างทางเจอเด็กน้อย เด็กน้อยบอกถ่ายรูปให้หน่อย พอถ่ายเสร็จแบบมอืขอเงินซะงั้น
เดินมาเกือบสุดทางจะเห็นอีกฟากของน้ำตกซึ่งมาน้ำให้เห็นประปราย
เจอไกด์อีกทีตอนที่ฝั่งตรงข้ามเป็นเขื่อนใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า ไกด์หยุดบอกว่าตรงนี้ห้ามถ่ายรูป แล้วก็เดินหายไปอีกแล้ว เจออีกทีก็ปลายทางที่เป็นสะพานหินเลย คือจุดนี้มันมีที่ที่ต้องปีนลง แล้วคือขาสั้นเหยียบไม่ถึงพื้น ดีนะมีผู้ชายใจดีมาช่วยพยุงให้ก้าวลงไปได้ คิดในใจว่า “จ้างไกด์มาทำไมวะเนี่ย???”
มาต่อในคอมเมนท์นะคะ ในนี้เขียนไม่พอแล้ว
ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “หนีร้อนจากไทย ไปตากไอแดดที่ Ethiopia” ตอนที่ 9: Smoke of Fire ที่ Blue Nile Falls
https://ppantip.com/topic/36464768
ตอนที่ 1: ซินเดอเรลล่าชะเง้อหาราชรถฟักทองท่อง Addis Ababa
https://ppantip.com/topic/36464848
ตอนที่ 2: Danakil เตาอบขนาดใหญ่ในเอธิโอเปีย
https://ppantip.com/topic/36464894
ตอนที่ 3: สีสันแห่งซัลเฟอร์ที่ Dallol
https://ppantip.com/topic/36465028
ตอนที่ 4: Erta Ale มนต์เสน่ห์ “ออนเซน” แอฟริกา
https://ppantip.com/topic/36471880
ตอนที่ 5: โบกมืออำลาแก๊งค์ช้าง ช้าง ช้าง...See you!
https://ppantip.com/topic/36482464
ตอนที่ 6: เกี่ยวแขนเพื่อนใหม่ไป Aksum
https://ppantip.com/topic/36482956
ตอนที่ 7: นั่งจนตูดบานกับระยะทางแค่ 216 กม.
https://ppantip.com/topic/36486591
ตอนที่ 8: Gonder เที่ยวเบลอๆ ไปตามเพื่อน
https://ppantip.com/topic/36490238
เค้าว่ามันยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Victoria Falls มันได้ฉายาว่า Smoke of Fire (Great smoke) แค่ชื่อ แค่คำล่ำลือก็ทำให้เราอยากจะมาสัมผัสด้วยตัวเองใจจะขาด ก่อนเปิดเปิด google หาดูรูปรัวๆ แล้วตัดสินใจว่าที่อื่นไม่ไปไม่ว่า แต่ต้องมาที่นี่ให้ได้
รูปจาก http://www.thousandwonders.net/Blue+Nile+Falls Photo by ctsnow
เราจะต้องเดินทางไป Bahir Dar ด้วยรถตู้ คิดว่ารถตู้เล็กๆ หนึ่งคันจะบรรจุคนได้กี่คน?
ก. 15
ข. 20
ค. 25
ง. 30
คำตอบ เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่ยัดๆ มาสูงสุดตลอดทางมันเกิน 25 คนเจ้าค่ะ อึ้งและทึ่งกับการจัดสรรที่นั่งของรถโดยสารในประเทศนี้จริงๆ
เราออกเดินทางจาก Gonder ประมาณบ่ายสาม มาถึง Bahir Dar ตอนห้าโมงนิดๆ โรงแรมที่เราพักเลือกอยู่ใกล้ท่ารถจะได้ไปมาสะดวก ไม่ต้องเสียค่าตุ๊กๆ อีก ที่โรงแรมมีคนมาเสนอทัวร์ถึงห้องนอน (แอบกลัวนิดๆ) แต่เราขอเลือกมาคุยด้านนอกจะสะดวกกว่า โปรแกรมที่มาเสนอคือทัวร์น้ำตก + Lake Tana ราคา $40 แน่นอนว่าเราไม่เอา เพราะมันแพง และเราอยากไปเที่ยวเองมากกว่า ไม่อยากกระวนกระวายเรื่องเวลากับทัวร์ แต่คนขายทัวร์คิดว่าเราติดที่ราคาลดลงมาจนสุดท้ายอยู่ที่ $25 ซึ่งถือว่าถูกมากๆ เพราะค่ารถบัสไปกลับก็ 50 Birr ค่าเข้า 50 Birr + ค่าเรือที่ Lake Tana 500 Birr รวมๆ แล้วถ้าไปเองก็ $26 แล้ว ไม่นับค่าเสียเวลาอื่นๆ อีก เพราะฉะนั้นราคาที่โรงแรมเสนอมา มันเล้าใจมาก แต่อยากเที่ยวเองมากกว่า เลยปฎิเสธไป ทัวร์มีขู่เราด้วยว่าพรุ่งนี้มีรถขาไป แต่ขากลับไม่มีรถมาที่นี่ มันเลยทำให้เราลังเลตอนแรก แต่เหมือนใน Lonely Planet เคยบอกว่ามีรถกลับตลอดก่อนบ่ายสาม เพราะฉะนั้นเราว่าเราไปเสี่ยงเอาข้างหน้า ถ้าไม่มีก็ขอนักท่องเที่ยวแถวนั้นติดรถกลับมาก็ได้ คนขายทัวร์ขายทัวณืไม่ได้เลยจะชวนไปกินข้าวที่บ้านวันพรุ่งนี้แทน อันนี้ก็ปฏิเสธไปเช่นกัน 555
กลางคืนฝนเทกระหน่ำ ไฟฟ้าดับแล้วดับอีก พอหลับตาลงนอนไฟฟ้าดันมา มันไม่ได้มาแค่ไฟ แต่มันมาพร้อมความครื้นเครงของสถานบันเทิง ดนตรีกระหึ่มเข้าไปกี่โมงกี่ยามก็ไม่รู้กว่าจะได้นอนมันทรมานมาก พอนอนหลับแล้วดันมียุงมีวินว่อนอยู่ข้างหูได้อีก คราวนี้เลยเอาผ้าคลุมโปงเลย ดูซิว่าจะเข้ามาใต้ผ้าห่มยังไง
เช้าวันรุ่นขึ้นเลยตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไปหนึ่งชั่วโมง แต่ก็กะไว้แล้วว่าวันนี้จะไปน้ำตกอย่างเดียวเลยไม่รีบมาก พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปท่ารถถามหาว่ารถไป Tis Aby คันไหน พอได้เป้าหมายแล้วก็พุ่งตรงไปทันที แต่ลืมของ...ลืมพาสปอร์ตไว้ที่โรงแรม เลยคิดว่ากลับไปเอาดีกว่า เผื่อมีจุด(อยาก)ตรวจระหว่างทางอีก พอกลับมาเดินไปแถวๆ ทางเป้าหมาย มีผู้ชายคนหนึ่งดูเป็นคนดีมาก ถามว่าอยากไปที่ Tis Aby เหรอ รอตรงนี้อีกครึ่งชั่วโมงรถจะมา เราก็รอ....แต่มันตะหงิด ๆ ก็เมื่อกี้คนที่ชี้ทางมามันออกจะเบนไปทางขวานิดๆ เราเริ่มไม่แน่ใจเลยถามคนไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ารถมินิบัสที่ไป Tis Aby ก็อยู่ข้างๆ ที่เรายืนรอนั่นแหละ (ประมาณว่าโดนหลอกแต่เช้า)
พรุ่งนี้จะเป็นวัน Easter วันนี้ทุกคนเลยออกมาที่ตลาดขายสัตว์เพื่อซื้อแพะ ซื้อวัว ซื้อไก่กับไปเชือดทำเป็นอาหารฉลองวัน Easter ดังนั้นระหว่าทางจะเห็นตลาดขายสัตว์ มีเสียงวัว เสียงแพะร้องระงมจนน่าหดหู่
สภาพบ้านเรือนของคนเอธิโอเปียระหว่างทางไป Tis Aby
ระยะทางประมาณ 30 กม. แต่ใช้เวลาเดินทางถึง 2 ชม. ระหว่างทางมีเจ้าหน้าที่มาตรวจแล้วไม่รู้พูดอะไร คนขายตั๋วคืนเงินให้ทุกคนคนละ 10 Birr ตำรวจมองมาที่หน้าเราแล้วเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดแล้วก็ลงไป สุดท้ายมีแค่เราคนเดียวในรถที่ไม่ได้เงิน 10 Birr เหมือนคนอื่นๆ (เศร้านิดๆ) พอถึง Tis Aby เราก็รีบตรงไปที่ Ticket Office เพื่อซื้อตั๋วและสอบถามทาง อย่างที่หลายๆ เวปบอกว่ามีทางไปสองทางคือ เดิน กับ นั่งเรือ (เที่ยวละ 10 Birr) เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าทางที่จะเดินออกออฟฟิศหันหน้ากลับไปยังจุดที่ลงรถแล้วให้เลี้ยวซ้ายแยกแรก ทางมันจะชันๆ แต่ถ้านั่งเรือให้เลี้ยวขวา เดินไปตามสายน้ำ จนถึงปลายทางจะมีท่าเรือ แต่ถ้ากลัวหลงสามารถจ้างไกด์ได้ที่ราคา 100 Birr เราไม่อยากจ้างไกด์ แต่เขาก็ขู่ว่ามันไปยากเดี๋ยวหลง บลาๆๆ สุดท้ายเราก็ใจอ่อน แต่บอกไว้ก่อนว่าเราเดินช้า และเราถ่ายรูปนาน เราอาจจะใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง สรุปแล้วที่เราพูดมาไม่ใช่ปัญหา เราเลยโอเค
แผนที่ที่ทางออฟฟิศขายตั๋วโชว์ให้เราดู กลมๆ สีเขียวคืออฟฟิศ กากบาทสีแดงคือท่าเรือแรกที่จะเห็น แต่ไม่ใช่ท่าเรือที่เราจะใช้ จุดสีน้ำเงินคือท่าเรือข้ามฟากดูน้ำตก
ไกด์ถามเราว่าอยากเดินหรือนั่งเรือ เราขอนั่งเรือก่อน แล้วขากลับเราจะเดินมันจะได้เป็นวงกลมครบ 1 รอบ ได้เห็นอะไรที่ควรจะเห็นทั้งหมด แต่ไกด์ก็พยายามจะไม่ให้เราเดิน จะให้นั่งเรือไปกลับ แม้แต่ตอนจ่ายเงินค่าเรือก็ไม่ให้เราจ่าย บอกว่ากลับมาค่อยจ่ายก็ได้ แต่เรายืนยันว่าเราจะเดินเพราะฉะนั้นเราไม่กลับมาแล้ว หลังจากคำยืนยันไกด์เราก็หน้าตูด แล้วเดินทิ้งเราไว้ข้างหลังอย่างไม่ใยดี
ทางเดินไปท่าเรือ
ถ้าเห็นตรงนี้แล้วตรงไปหน่อยแล้วเลี้ยวขวาก็จะถึงท่าเรือ
หลังจากที่ขึ้นจากเรือแล้ว ทางเดินจะเป็นทางราบๆ เดินง่ายมาก ไม่มีปีนขึ้นปีลงอีกเลย
ระหว่างทางจากท่าเรือไปน้ำตกก็จะเห็นวิวธรรมชาติมากมาย
เราเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงน้ำตก ไกด์ชี้ให้เราดูน้ำตกจากด้านบนแล้วก็เดินหายไปเลย จุดนี้เราไม่แคร์ไกด์แล้ว แรกๆ ว่าจะให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย แต่ถ้ามาแนวนี้ Selfie เองต่อไปก็ได้
ภาพจากมุมสูง (ไม่มาก เพราะคนถ่ายเตี้ย)
เราเดินลงมาจนถึงด้านล่างเพื่อชื่นชมน้ำตกพร้อมหยาดน้ำตา เปล่าเล๊ยยยย ไม่ได้ปลื้มปิติกับความอลังการใดๆ มันคือความผิดหวัง (ที่เตรียมใจมาบ้างแล้วเพราะเพื่อนเยอรมันบอก) กับคำนิยามที่ว่า Smoke of Fire หรือ Great Smoke อะไรก็ตามที่คนเขาว่ากัน หน้าผาของน้ำตกนี้กว้า 400 เมตรก็จริง แต่น้ำตกจริงๆ มันมีน้ำถึง 30 เมตรมั๊ย????
มันเป็นเพราะการสร้างเขื่อนเก็บกับน้ำไว้ใช้ช่วงหน้าแรก (ตอนที่เราไป) แต่จะมีการผันน้ำออกมาจนเต็มผืนหน้าผาน้ำตกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม (เรียกว่าเป็น High season ของที่นี่ก็ไม่ผิดนัก) รูปมันจะออกมาอลังการเหมือนที่เราเสิร์ทใน google นั่นแหละ
ดื่มด่ำได้ 5 นาที่ ไกด์ก็จะจี้ให้เราเดินอีกแล้ว เราเลยควักเงิน 100 Birr เพื่อจ่ายแล้วบอกให้กลับไปได้เลยไม่ต้องรอ แต่ก็ยังยืนยันว่าจะรอ เราก็ไม่รู้จะทำไงเลยใช้เวลาเต็มที่อย่างที่ตัวเองอยากทำ เสร็จจากน้ำตกเราตัดสินใจจะเดินกลับอีกทาง เพื่อจะได้ดูว่ารอบๆ มีอะไรบ้าง พอมาถึงสะพานแขวนอันแรกก็ชะงัก ทำไมทางข้างหน้าเหมือนทางขึ้นเขาเลย จะไปต่อดีมั๊ย แต่เอ๊ะ! ตอนอยู่ที่ห้องขายตั๋วเราแอบเห็นมีรูปสะพานหินที่อยู่ระหว่างทางมาน้ำตกนี่หน่า มันอีกไกลมั๊ยนะ? หันไปถามไกด์ได้คำตอบว่าต้องเดินอีก 40 นาที เป็นทางขึ้นเขาแบบที่เห็นอยู่ตรงหน้า เรานี่ถอดใจเลย กลับทางเรือก็ได้
สะพานแขวนอันแรกที่ต่างชาติมากสร้างให้สำหรับข้ามเหวลึกตรงนี้
เดชะบุญตอนที่ไกด์ตอบเรามีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาได้ยินพอดี เลยบอกเราว่าเดินเหอะทางไม่ไกลแล้วก็ไม่ชันด้วย เดิน 10 นาทีก็ถึง นั่นไง เกือบโดนไกด์หลอก หลังจากจุดนี้ไกด์ก็เดินไปที่จุดถ่ายรูป ชี้ให้เราดู แล้วก็เดินหายไปไหนก็ไม่รู้ เราก็ไม่สนใจละ เดินถ่ายรูปเล่นเองไปเรื่อยๆ ก็ได้
หลังกจาข้ามสะพานมาแล้วเราก็จะเห็นน้ำตกจะมุมสูงอีกด้าน อันนี้น่าจะเป็นด้านเดียวกับรูปในอินเตอร์เนทที่เคยเห็น แต่มันต่างกันแค่ปริมาณน้ำก็เท่านั้นเอง
ระหว่างทางเจอเด็กน้อย เด็กน้อยบอกถ่ายรูปให้หน่อย พอถ่ายเสร็จแบบมอืขอเงินซะงั้น
เดินมาเกือบสุดทางจะเห็นอีกฟากของน้ำตกซึ่งมาน้ำให้เห็นประปราย
เจอไกด์อีกทีตอนที่ฝั่งตรงข้ามเป็นเขื่อนใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า ไกด์หยุดบอกว่าตรงนี้ห้ามถ่ายรูป แล้วก็เดินหายไปอีกแล้ว เจออีกทีก็ปลายทางที่เป็นสะพานหินเลย คือจุดนี้มันมีที่ที่ต้องปีนลง แล้วคือขาสั้นเหยียบไม่ถึงพื้น ดีนะมีผู้ชายใจดีมาช่วยพยุงให้ก้าวลงไปได้ คิดในใจว่า “จ้างไกด์มาทำไมวะเนี่ย???”
มาต่อในคอมเมนท์นะคะ ในนี้เขียนไม่พอแล้ว