ลุยเดียวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “หนีร้อนจากไทย ไปตากไอแดดที่ Ethiopia” ตอนที่ 1: ซินเดอเรลล่าชะเง้อหาราชรถฟักทองท่อง Addis

ตอนที่0: สารบัญการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/36464768

จากอ้อมอกเมืองไทยไปเหยียบแผ่นดินเอธิโอเปีย

          ณ สนามบินสุวรรณภูมิช่วงสี่โมงเย็น พอเท้าแตะพื้นปุ๊บรีบวิ่งตรงไปตม. แต่ต้องเบรคเอี๊ยดดด!!! ชั้นลืมลานายญี่ปุ่น หันกลับไป “ซาโยนาระค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” แล้วกลับหลังหันวิ่งปรู๊ดไปตม. ไม่เหลียวกลับมามองด้านหลังอีกเลย (ไม่ได้โปรโมทก็เพราะทิ้งนายนี่แหละ แหะๆ)

          จากสนามบินกลับถึงบ้านรีบแพ็คกระเป๋า อาบน้ำแล้วขับรถไปบ้านแม่เพื่อฝากรถ (และหาคนไปส่งฟรีๆ) ที่บ้านเลยพาออกไปกินข้าวเลี้ยงส่งก่อนไปตกระกำลำบากที่เอธิโอเปีย ก่อนจะไล่ให้ขึ้น Taxi ไปเอง แต่อยากประหยัดค่ารถเลยถ่วงเวลาด้วยทุกทางที่คิดได้ จนสุดท้ายน้องชายใจอ่อนยอมขับไปส่งให้ถึงสนามบิน (เย้ๆ ประหยัดไปเกือบห้าร้อยบาท ฮ่าๆ)

          พอถึงปุ๊บรีบไปเข้าแถวเช็คอิน  Kenya airways กับ Ethiopia Airline อยู่แถวเช็คอินเดียวกัน แต่ที่ต่างกันคือ Ethiopia Airline มีแต่คนเอธิโอเปียล้วนๆ และคนมหาศาล ส่วน Kenya Airways มีความ Multi-national มากกว่า และที่สำคัญแถวสั้นกว่ามาก  จุดนี้วาดฝันไปแล้วว่าจะได้นอนยาวบนเครื่องบิน อิอิ และฝันนั้นมันก็เป็นจริง

          บนเครื่องคนน้อยมากๆ หลับได้เต็มที่สุดๆ จากกรุงเทพถึงไนโรบีใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง แล้วพักต่อเครื่อง 1ชั่วโมงครึ่งเพื่อบินต่อไปยัง Addis Ababa เครื่องบินที่บินไป Addis Ababa กว่าจะถึง Addis Ababa ก็ 9 โมงเช้า
    
          พอลงจากเครื่องเราก็ตรงดิ่งไปทำวีซ่า แต่...ช้าก่อน!!!! มันไม่มีแถวให้ต่อ หรือมันเช้าไปเลยไม่ค่อยมีคน คราวนี้เลยชิวมากๆ เดินไปแลกเงินก่อนแล้วกัน แล้วค่อยกลับมาทำวีซ่าแล้วกัน

    

          ขั้นตอนแรกคือยื่นพาสปอร์ตในช่องนี้
          ขั้นตอนต่อมาคือ เดินอ้อมไปด้านหลังจ่ายเงิน แล้วรับเล่ม
          ขั้นตอนสุดท้าย เดินกลับมาทางเดิม เพื่อไปผ่านตม. ซึ่งอยู่ทางขวามือของช่องทำวีซ่า
ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอนเราก็ได้เหยียบแผ่นดินเอธิโอเปียอย่างเต็มภาคภูมิ!!!


จากสนามบินเข้าเมืองทำอย่างไร

          ออกจากสนามบินมาตรงโถงผู้โดยสารขาเข้า จะมีบริษัททัวร์มาคอยถามว่าจะซื้อทัวร์ไหม ถ้าไม่ซื้อทัวร์ก็จะเสนอขายบัตรโทรศัพท์ในราคา USD20 ซึ่งแพงมาก ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปซื้อ รอไปซื้อในเมืองถูกกว่ามากๆ หรือขอจากเอเจนซี่ทัวร์แบบเราก็ได้ซิมมาใช้ฟรีๆ แต่เติมเงินเอาเองก็เท่านั้น

    วิธีเข้าเมืองตาที่เราศึกษามาคือ นั่ง Taxi ประมาณ 100 Birr (ไม่ชัวร์ราคาเพราะไม่ได้นั่งเอง) ส่วนเรานัดให้ ETT มารับ (มันเป็นบริการพื้นฐานของ ETT ไม่ว่าใครจะไป ใครจะมาเขามีคนมาคอยรับเสมอ แต่....คนคนนั้นของชั้นอยู่ที่ไหน???  จุดนี้มีปากเอาไว้ถาม ถามไปทั่วแต่ก็ไม่มีใครรู้จัก ETT เลย สุดท้ายเลยต้องตัดใจโทรเข้าหา ETT แล้วบอกว่าเราอยู่ตรงไหน ให้คนขับรถมาหาเราที่จุดนั้น ซึ่งไม่เกิน 5 นาที เทพบุตรของเราก็ปรากฎตัว พร้อมกับคำพูดอย่างสุภาพว่า “มาดามเอากระเป๋าไปเก็บก่อน เพราะผมต้องรอลูกค้าอีกคนที่ลืมของในสนามบิน”
          
           เนื่องจากวันนี้เป็นวันชิวๆ ไม่มีแผนอะไร (หล่อนไม่มีแผนอะไรตั้งแต่แรกแล้วมั๊ย?) เลยรอได้ แรกๆ ก็ยืนรอ สิบนาทีผ่านไปเริ่มนั่งรอ อีกสิบนาทีคว้ากล้องมาถ่ายรูปเล่น แล้วก็กลับมานั่งใหม่ รวมๆ ก็รอไม่นานแค่ครึ่งชั่วโมงกว่า เทพบุตรของเราก็กลับมาพร้อมกับผู้ชายแคนาเดียนผู้ลืมแว่นตาทิ้งไว้ที่สนามบินเมื่อเช้านี้

รูปนกที่ลานจอดรถในสนามบินระหว่างนั่งรอ



ชีวิตช่วงครึ่งเช้า

          ครึ่งเช้าหมดไปกับการเดินทาง และใช้เวลาใน ETT เพื่อชำระเงิน จากที่คุยในเมล์เราต้องจ่ายมัดจำก่อน 30% แล้วค่อยมาจ่ายที่นี่อีก 70% ที่นี่จะมีปัญหามากเรื่องการจ่ายด้วยบัตรเครดิต แรกๆ บอกว่าบัตรเครดิตใช้ไม่ได้ ต่อมาบอกว่าจะจ่ายเครดิตก็ได้ พอเปลี่ยนคนคุย อ้าว..ไม่ได้อีกละ! แต่เรายืนยันจะจ่ายด้วยบัตรเครดิตเพราะไม่อยากเอาเงินติดตัวเยอะ ซึ่งพอมาถึงที่ออฟฟิศก็มีปัญหารูดเงินไม่ได้!!! แต่ด้วยความมุ่งมั่นว่า “ไม่มีเงินสด” สุดท้ายเค้าก็เนรมิตให้เครื่องรูดบัตรมันทำงานได้ซะอย่างงั้น

          ถึงเวลาใกล้เที่ยงเราเลยขอไปเช็คอินที่โรงแรมที่เราจองไว้ (ไม่ได้จองกับ ETT เพราะเราต้องการราคาไม่ถึง 1,000 บาท) แต่ ETT บอกว่าจะส่งรถมารับเราตอนบ่ายสองโมง เพื่อพาไป One Day Trip ฟรี ได้ยินของฟรีแล้วหูผึ่ง ความเมื่อยล้าจากการเดินทางหายไปหมดสิ้น รีบกลับไปเก็บของก่อนดีกว่า

          เราพักโรงแรมที่อยู่ย่านสนามบิน ราคา USD20 (ไม่เสียค่า Taxi เพราะ ETT มาส่ง)  ซึ่งจากรูปในเวปที่จองที่พัก กับความจริงมันมีความต่าง ตึกสร้างเสร็จแค่ครึ่งเดียว!!! มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ตั้งแต่เริ่ม Backpack ก็ได้พักห้องพักที่ยังสร้างไม่เสร็จมานับครั้งไม่ถ้วน เอาของไปเก็บแล้วเตรียมตัวไปเที่ยวดีกว่า

รูปที่พัก ด้านบนคือภาพจากในเวป ส่วนด้านล่างคือความจริงที่ไปเจอ


ชีวิตช่วงครึ่งบ่าย

          หลังจากเก็บของอาบน้ำ แล้วเราก็รีบลงมารอราชรถของเรา จุดนี้มีความเป็นซินเดอเรลล่ามาก เพราะมีเวลาถึงแค่บ่ายสองสำหรับการทำธุระทุกอย่าง ใกล้ถึงบ่ายสองนางซินก็ยังไม่ได้กินข้าว แต่มันไม่ทันแล้วเดี๋ยวราชรถฟักทองจะมารับ นางซินก็นั่งรอไปเรื่อยๆ ส่ง Whatsapp ไปถามก็บอกอีก 15 นาที โทรไปก็บอกว่ารถติด สรุปว่ารอไม่นานค่ะ แค่ 2 ชั่วโมงเอง หึหึ
    
          พอราชรถมาปุ๊บก็ถามว่าจะนางซินอยากไปไหน นางซินผู้ซึ่งไม่มีแผนการใดๆ เพราะเข้าใจว่า One Day Trip เป็นทัวร์ที่บริษัทจัดให้เลยมืดแปดด้าน จำได้แต่อยากไป Cathedral ที่อื่นยังไงก็ได้ แต่กว่าจะไปถึงมันจะปิดหรือยังเนี่ย?

          สรุปราชรถตุเลง ตุเลง พานางซินไป Museum ก่อน (ค่าเข้า 10 Birr) นางซินผู้ไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติพันธ์ใดๆ ในเอธิโอเปียก็ได้แต่เดินแล้วอ่านไปเรื่อยๆ ตอนนี้ตัวอยู่ Museum แต่ใจลอบไป Cathedral แล้ว



          หลังจากเดินครบทุกชั้นก็รีบถลันตัวออกมากระโดดขึ้นรถไป Cathedral แต่พลขับกลับบอกว่ามันน่าจะปิดแล้ว แต่ไปลองดูก่อนก็ได้ พอมาถึง Holy Trinity Cathedral สอบถามกับคนขายตั๋ว ได้ความว่าโบสถ์ปิดดึกมากช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงก่อน Easter โฮะๆ ในที่สุดเราก็ได้มาที่ที่เราอยากมา ค่าตั๋วเข้าที่นี่ราคา 150 Birr เล่นเอาน้ำตาเล็ดเลย แต่มันใช้ได้ทั้งส่วนที่เป็น Museum ที่อยู่ด้านหลังโบสถ์ และส่วนที่ด้านในโบสถ์
          
          เราเริ่มเดินในส่วนของ Museum ก่อน เราถ่ายรูปได้จากด้านนอกเท่านั้น ด้านในไม่อนุญาติให้ถ่าย Museum เป็นสถานที่เก็บของใช้ของนักบวชในศาสนาคริสต์ของโบสถ์แห่งนี้


    พอเดินครบหนึ่งรอบก็รีบเดินกลับมาที่โบสถ์ ที่โบสถ์นี้ก่อนเข้าด้านในจะต้องถอดรองเท้าแล้วหิ้วไปเก็บด้านใน (ถ้าวางด้านนอกอาจกลายเป็นนางซินผู้ปราศจากรองเท้าทั้งสองข้าง และเจ้าชายไม่อาจจะตามตัวพบได้) ด้านในลักษณะเหมือนโบสถ์ทั่วไปๆ แต่ แต่ทางด้านซ้ายจะมีโลงศพของกษัติย์เอธิโอเปียอยู่ในนั้นด้วย




    ตอนนี้ท้องมันโครกครากมาก เพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืน (ไม่ตื่นมากินตอนแอร์ฯ เสริฟอาหาร) เลยบอกคนขับว่าไม่ไปเที่ยวแล้ว ช่วยส่งเราทิ้งไว้ที่ร้านอาหารอะไรก็ได้ เดี๋ยวกลับเอง แต่เหมือนคำว่า “เดี๋ยวกลับเอง” จะเป็นคำต้องห้าม หรือเขาไม่เข้าใจคำนี้จริงๆ คือไม่ยอมพาเราไปร้านอาหาร ถ้าจะไปต้องซื้อแล้วห่อกลับไปกินที่โรงแรมเท่านั้น อย่างนั้นเราขอแค่ Supermarket ก็ยังดี สุดท้ายเลยได้น้ำมาหนึ่งขวด + Chocolate 1 แท่ง + Biscuit 1 ห่อ และแล้วก็ถึงเวลาที่นางซินต้องกลับไปยังที่พักของตัวเอง พรุ่งนี้จะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่งเพราะรถจะมารับไปสนามบินตอนตี 5 ราตรีสวัสดิ์ทุกคน

ตอนต่อไปจะเริ่มทริป 4 วัน รอติดตามต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่