ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “หนีร้อนจากไทย ไปตากไอแดดที่ Ethiopia” ตอนที่ 7: นั่งจนตูดบานกับระยะทางแค่ 216 กม.

คำเตือน: โปรดอย่าเสียดายเงินในกระเป๋า ยอมบินไปจะดีกว่า
แต่ถ้าว่างและไม่หวั่นก็ตามมาผจญภัยบนท้องถนนกับคน Local แบบเราได้เลย
รวมเวลาไม่มากไม่น้อย ก็แค่เกือบ 14 ชั่วโมงเอง หัวเราะหัวเราะหัวเราะหัวเราะ

ตอนที่ 0: สารบัญการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/36464768
ตอนที่ 1: ซินเดอเรลล่าชะเง้อหาราชรถฟักทองท่อง Addis Ababa
https://ppantip.com/topic/36464848
ตอนที่ 2: Danakil เตาอบขนาดใหญ่ในเอธิโอเปีย
https://ppantip.com/topic/36464894
ตอนที่ 3: สีสันแห่งซัลเฟอร์ที่ Dallol
https://ppantip.com/topic/36465028
ตอนที่ 4: Erta Ale มนต์เสน่ห์ “ออนเซน” แอฟริกา
https://ppantip.com/topic/36471880
ตอนที่ 5: โบกมืออำลาแก๊งค์ช้าง ช้าง ช้าง...See you!
https://ppantip.com/topic/36482464
ตอนที่ 6: เกี่ยวแขนเพื่อนใหม่ไป Aksum
https://ppantip.com/topic/36482956

    “ตึ๊ง ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึง...ตึ่ง ตึ๊ง ตึง ตึ๊ง ตึง ตึ่ง ตึ๊ง...” เสียงกรีดร้องจากนาฬิกาปลุกตอนตีสามครึ่งเป็นเสียงครั้งสุดท้ายที่บ่งบอกว่าจะโอ้เอ้ไม่ได้แล้ว เพราะรถจะมารับตอน ตีสี่ เราจะเดินทางจาก Aksum ไปที่ Shire โดยรถตู้ที่เราเหมาคนละ 400 Birr ใช้เวลา 1 ชั่วโมงมาถึงที่ Shire มันเป็นสถานนีรถปราศจากคนจนเราคิดว่าวันนี้เราจะชิวๆ ไม่ต้องวิ่งร้อยเมตรแข่งกับใครอีก แต่ความคิดนี้ต้องหยุดชะงัก เพราะคนมาเพิ่มเรื่อยๆ จนหกโมงเช้า...โอ้ว...แม่เจ้า!!! คนมากกว่าที่ Mekele อีก

    แน่นอนว่าเราใช้ Step เดิมในการฝ่าฝูงชนเพื่อให้ได้มาซึ่งที่นั่น เราถามก่อนและเล็งแล้วว่ารถไป Gonder ให้วิ่งตรงๆ เบนขวานิดๆ ทันทีที่ประตูเปิดวิญญาณนักวิ่งเอธิโอเปียก็เข้าสิง แม้เจ้าหน้าที่จะบอกว่าห้ามวิ่ง พร้อมถือไว้หน้าสามคอยกำกับอยู่หน้าประตู แต่ก็ไม่เห็นจะมีใครฟัง ในเมือคนเอธิโอเปียวิ่ง ชั้นก็วิ่งสิจ๊ะ พอมาถึงรถคนเฝ้ารถขอดูตั๋ว อ้าว...งง!! มีซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ด้วยเหรอ??? งงได้แค่ 5 วิ พอเค้าไล่ให้ไปคันข้างๆ ก็รีบเบียดตัวขึ้นรถทันทีกลัวไม่มีที่นั่ง กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องดีใจกันได้ไม่ถึง 5 นาทีก็มีหนุ่มเอธิโอเปียมาทวงเก้าอี้พร้อมโชว์ตั๋ว อะไรว้า??? ทำไมทุกคนมีตั๋ว เราเลยเสียสละลงไปวิ่งถามว่ายังมีรถคันไหนไป Gonder ได้อีก ปรากฎว่ามี minibus อีกคันอยู่อีกมุมของสถานีเลย คราวนี้ลำบากเพื่อนเราต้องแบกกระเป๋าลงมาให้พร้อมฝ่าฝูงชนล้านแปดบนรถลงมา พอเท้าแตะพื้นก็ “วิ่ง” อีกแล้ว (อยู่ประเทศนี้ต้องตื่นตัวกับการวิ่งจริงๆ) คราวนี้เราได้ขึ้นรถและนอนอย่างสบายใจ เพราะอีกนานกว่าจะถึง Gonder

    เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน พอขึ้นรถปุ๊บก็สลบกันทั้งคู่ ตื่นมาอีกทีก็ถึงจุดตรวจจุดแรก พอเห็นคนเอธิโอเปียควักบัตรประชาชน หรือสมุดประจำตัวอะไรซะอย่างออกมาตรวจ เราสองคนก็รีบควักพาสปอร์ตออกมา แต่...ควักเก้อ!!! เจ้าหน้าที่ผ่านเราไปเหมือนอากาศธาตุ เราเลยถือโอกาสคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายวิวด้านนอกเล่นเลยละกัน ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว


    หลังจากผ่านจุดตรวจแรกมันก็มีจุดตรวจที่สอง...สาม...ตามมาเรื่อยๆ (ตอนนี้เลิกสนใจเจ้าหน้าที่แล้ว เพราะดูเหมือนเค้าไม่คิดจะตรวจเอกสารคนต่างชาติเลย) จนมาถึงจุดตรวจใหญ่ รถจอดเป็นแถว มีรถสองคันก่อนหน้าเรา คนเริ่มลงจากรถไปด้านล่าง เราก็คว้ากระเป๋าเดินลงแบบงงๆ  ระหว่างที่ยืนรอ นั่งรอ ก็เห็นตำรวจ (หรือทหารก็ไม่รู้) ปีนขึ้นหลังคารถไปค้นกระเป๋าทุกใบ เราคิดในใจว่า “ค้นแบบนี้จะไปเจออะไร! ใช้หมาน่าจะง่ายกว่ามั๊ย?” เราปรามาศในใจได้ไม่เกินหนึ่งนาที ตำรวจก็ค้นเจอ “ปืน” ในกระเป๋า!!! โอเคค่ะ! ตำรวจที่นี่สุดยอดจริงๆ หลังจากเจอปืนอันแรกแล้ว ต่อจากนั้นก็ตรวจยิบย่อยกว่าเดิม ส่วนเราก็นั่งตากแดดรับวิตามินดีไป 2 ชั่วโมงเต็มๆ พอตอนขึ้นรถต่างชาติก็เป็นอภิสิทธิ์ชนอีกเช่นเคยค่ะ ไม่ต้องตรวจกระเป๋า ไม่ต้องตรวจเอกสาร ขึ้นมานั่งรอสวยๆ ได้เลย


ต่างชาติขึ้นมานั่งรอสวยๆ บนรถได้เลยค่ะ

    ระหว่างรอมีเด็กมายืนขายมะนาวลูกละ 1 Birr แล้วก็มีคนซื้อหลายคนเลย เราไม่เข้าใจว่าซื้อกันไปทำไม จนกระทั่งรถเริ่มออกสตาร์ทอีกครั้ง คนในรถเริ่มกัดเปลือกมะนาวทิ้ง แล้วดูดน้ำมะนาว จากนั้นก็เอามาจ่อจมูก ใช่แล้ว!!! มันคือยาดมแบบฉบับเอธิโอเปียนั่นเอง หลังจากที่รถแล่นไปได้ไม่ถึง 20 นาที สภาพทางที่รถวิ่งแย่ยิ่งกว่าถนนลูกรัง โค้งแม่ฮ่องสอนที่ว่าแน่ยังต้องแพ้ให้ที่นี่ โค้งเยอะมากกว่า ถนนขรุขระกว่า สภาพรถเน่ากว่า โดยรวมแล้วการนั่งรถในสภาพนี้มันชวนให้คลื่นไส้มากจริงๆ ซึ่งคนที่ไม่ได้ซื้อมะนาวมาก็ต้องคว้าเอาถุงมารองรับอาเจียนกันไป ส่วนเรามี “ยาดม” ที่พกมาจากไทยเลยรอดตัวไป

วิวระหว่างทาง

    รถแล่นแบบไม่มีจอดพัก (ไม่รู้จะพักตรงไหน สองข้างทางเป็นหุบเขา เป็นเหวตลอดทาง) จนกระทั่งบ่ายโมง รถเราก็จอดกลางถนน มองเห็นคนวิ่งไปออกันด้านซ้ายมือ พอมองไปข้างหน้าปรากฎว่ามีรถบัส (คันก่อนหน้าเรา) เสียอยู่กลางทาง ทำให้รถสวนไปมาไม่ได้ ทุกคนเลยเดินลงจากรถ เราก็เลยไปสำรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นทางด้านซ้ายที่คนมุงกัน ที่แท้เขาก็ไปรอน้ำตกดื่มกัน  พอเห็นว่าอีกนานก็เลยเดินเล่นถ่ายรูปซะเลย (ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรให้ถ่าย)

ภาพนี้อาจจะไม่ได้เรียกว่าน้ำตก แต่ก็ไม่รู้จะให้คำนิยามว่าอะไร มันคือน้ำจากธรรมชาติที่ไหลมาตามผาหิน

วิวจากบริเวณที่รถจอดไปไม่ได้เพราะติดรถเสีย

    ครึ่งชั่วโมงกว่าที่ติดอยู่ตรงนั้น พอรถที่สวนกันเริ่มจะไปได้ เราก็รีบกลับมาประจำที่และคิดว่าคงไม่มีอะไรอีกแล้ว แต่!!!ช้าก่อน รถที่เสียเมื่อกี้มันรถบัสใช่ไหม? คนเหล่านั้นไปทางเดียวกับเราใช่เปล่า? แล้วถ้ารถเสียเขาจะไปยังไง? ไม่ต้องคิดนาน พอรถเราเลื่อนผ่านรถบัสคันนั้นปุ๊บ คนจากรถคันที่เสียก็กรูกันขึ้นรถเรา จุดนี้ปลากระป๋องยี่ห้อไหนที่ว่าแน่ ก็ต้องยอมแพ้ให้กับรถบัสเอธิโอเปียนะจ๊ะ


    รถแล่นต่อมาอีกประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงชุมชนแห่งหนึ่ง คนที่อพยพมาจากรถคันก่อนก็ลงตรงนี้กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อากาศถ่ายเทดีขึ้น จากนั้นรถก็วิ่งผ่านเขต Semien Mountains ที่เราตั้งใจว่าจะไป Trek หนึ่งวัน แต่พอเห็นสภาพเขาแล้ว มันแล้งแบบไม่เห็นความชุ่มชื้น ดูไม่น่ามีอะไร บวกกับยังเหนื่อยจาก Volcano อยู่เลยคิดว่าอาจจะตัดโปรแกรมนี้ทิ้งดีกว่า

    อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมารถมาถึง Debark คนขับรถให้ทุกคนลงจากรถไปกินข้าว เราหันไปเห็นเพื่อนเยอรมันเราวางเสื้อคลุมจองที่นั่ง เราก็รีบควัก Lonely Planet มาจองที่นั่งด้วยเช่นกัน อันนี้ถือเป็นความโง่ส่วนตัว ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะหลังจากที่ไปหาอะไรรองท้อง กลับมารถรอเปลี่ยนยางแล้ว พอขึ้นรถมาก็พบว่า Lonely Planet เราหายไปแล้ว แต่ที่นั่งเรายังอยู่ ส่วนเสื้อของเพื่อนเราก็ยังอยู่!!! เราก็คิดซะว่าคนที่ขโมยคงเป็นคนไฝ่รู้ ต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ แต่ตำราอังกฤษคงหายาก ถือซะว่าทำทานละกัน แต่การทำทานครั้งนี้สร้างผลกระทบต่อการเที่ยวยิ่งใหญ่นัก เพราะคนที่ชอบวางแผนเที่ยวแบบ “คร่าวๆ” อย่างเรา มันไปต่อไม่ถูกเมื่อไม่มีตำราคู่กาย


    อีกสองชั่วโมงต่อมารถก็มาถึงในเมือง Gonder เราพุ่งตรงไปโรงแรมที่เราหมายตาไว้ แต่ “วันนี้น้ำไม่ไหลนะจ๊ะ” ได้ยินคำนี้จะรออะไร ก็เปลี่ยนโรงแรมสิคะ ต้องยอมจ่ายแพงขึ้นมาหน่อยแต่ห้องมีระเบียง เหมาะแก่การซักผ้าเป็นยิ่งนัก หลังจากจัดการกับตัวเองและเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ถึงเวลาไปหาอาหารรับประทานกัน เพื่อนเยอรมันของเราเธอเป็น Vegetarian ซึ่งสามารถกินอาหาร Fasting ได้แบบไม่ติดขัดใดๆ แต่นางคงสงสารคนเรื่องมากแบบเรา จึงยอมเดินหาร้านอาหารที่ขายแบบปกติทั่วไป สุดท้ายวันนี้เราก็ได้กินโปรตีนสมใจอยาก จะว่าไปอาหารที่เอธิโอเปียราคาไม่แพงเลย แล้วรสชาตก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่