สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนนะค่ะ ดิฉันขอเรียกตัวเองว่า"ลูกหมู"นะค่ะ อยากจะแบ่งปันประสบการณ์เพื่อหวังให้เรื่องที่ดิฉันประสบมาเป็นข้อคิดและเรื่องเตือนใจผู้หญิง ในการคบผู้ชายนะค่ะ
......ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำก่อนว่าโดยส่วนตัวดิฉันเป็นคนอ้วนและต้องการลดความอ้วน จึงจะมีกิจวัตรประจำวันในทุกๆวันหลังเลิกงานคือ การออกกำลังกาย และการออกกำลังกายนี่เอง ที่ทำให้ดิฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้(เรื่องราวต่อจากนี้ไปทั้งหมดเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนี้ค่ะ)........ โดยเมื่อประมาณต้นปี 2559 วันหนึ่งหลังเลิกงาน ดิฉันกับเจ้ไปออกกำลังกายที่ยิมแห่งหนึ่งตามกิจวัตรปกติ เผอิญวันนั้นดิฉันได้เจอกับพี่ท่านหนึ่งที่รู้จักกันเป็นอย่างอย่างดี ซึ่งขอเรียกพี่คนนี้ว่าพี่ไก่ ดิฉันทักทายกับพี่ไก่ตามปกติของคนรู้จักทักทายปราศัยกัน โดยสังเกตว่าพี่ไก่มาออกกำลังกายกับใคร จากนั้นดิฉันออกกำลังกายตามปกติ สักพักหนึ่งพี่ไก่ก็เดินมาสอบถามดิฉันว่า
พี่ไก่ : น้องยังทำงานที่เดิมไหม
ลูกหมู : ที่เดิมค่ะพี่
พี่ไก่ : อ่อๆหรอ
.....แล้วพี่ไก่ก็แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง (ผู้ชายที่อยากจะเล่าเพื่อเตือนใจผู้หญิงหลายๆคน) ดิฉันขอเรียกผู้ชายคนนี้ว่า"พี่ไผ่"เขาเข้ามาแนะนำตัวเขา และขอคำแนะนำในการยื่นภาษี (เป็นเพียงบทสนทนาสั้นๆและก็เดินจากไป) จากนั้นพี่ไก่ก็ขอเบอร์โทรของดิฉัน ด้วยเป็นคนที่รู้จักกันมาดิฉันก็เลยให้เบอร์โทรไป โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร ในวันนั้นเองหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จ ดิฉันแยกย้ายกับเจ้ ต่างคนต่างกลับบ้านตัวเอง เมื่อกลับถึงบ้านก็พบว่าโทรศัพท์มีเบอร์โทร08XXXXX022 (ซึ่งเป็นเบอร์โทรที่ไม่ทราบชื่อ) ดิฉันก็โทรกลับไปยังหมายเลขนั้น พบว่าปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย เขาก็แนะนำตัวว่าเขาคือพี่ไผ่นะ ที่รู้จักที่ยิมตะกี้ เขาเริ่มบทสนทนาทางโทรศัพท์ด้วยความสุภาพ จากการสอบถามเรื่องภาษีอากร จนเป็นการพูดคุยบอกเล่าประวัติย่อๆของเขา (ซึ่งวันนั้นดิฉัน เองก็แปลกใจตัวเองว่าทำไมดิฉันถึงคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักได้เป็นชั่วโมงเลยหรอ ในครั้งแรกของบทสนทนา)และดิฉันก็รู้สึกว่าคุยกับเขานานไปแล้ว ดิฉันก็เลยตัดบทสนทนาว่า" เราคุยกันนานไปแล้วนะค่ะ และก็ยินดีนะค่ะที่ได้รู้จัก สวัสดีค่ะ" เขาก็ตอบรับด้วยความสุภาพว่า "ขอโทษครับ พี่ขอบันทึกเบอร์โทรน้องไว้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
.......จากนั้นดิฉันก็ใช้ชีวิตปกติตามเดิม ทำงาน-ออกกำลังกาย วนไป วันหนึ่งดิฉันก็โพสต์รูปพร้อมแคปชั่นฮาในไทม์ไลน์ พบว่ามีพี่ไผ่มากดสติ้กเกอร์ถูกใจในไทม์ไลน์ ดิฉันก็ทักไลน์พี่เขาไป เขาก็ตอบไลน์กลับมา และวันต่อมาเขาก็ทักไลน์มาในตอนเช้าของทุกๆวัน เขาเริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเขาให้ดิฉันฟังในไลน์ ดิฉันรู้สึกเหมือนได้รู้จักเพื่อนใหม่คนหนึ่งที่คุยสนุกและเหมือนจะสนิทกันด้วยเรื่องราวที่เขาเล่าและพูดคุยกับเราในทุกๆวัน และในตอนเย็นเราก็มักจะเจอกันที่ยิมเสมอ แต่เขามักจะไม่กล้าเข้ามาพูดคุยซึ่งหน้า ส่วนใหญ่เราจะเเค่ทักทายสวัสดีและต่างคนต่างก็ออกกำลังกายตามปกติ บางวันเขาก็ทักเจ้ของดิฉันแต่กลับแอบมองแต่ไม่กล้าพูดคุยซึ่งหน้ากับดิฉัน (ตอนนั้นก็สงสัยนะค่ะว่าอีตาทิ่มนี่ ทำไมในไลน์คุยสนุกแต่พอเจอตัว ขี้อายไม่กล้ามาคุยกับดิฉัน) ด้วยความสงสัยอยากรู้อยากเห็นของดิฉัน ดิฉันก็เลยถามพี่เขาว่าทำไมในไลน์คุยเก่งแต่ทำไมเจอตัวไม่มาคุยกับน้องเลย .....รู้ไหมค่ะ เขาบอกดิฉันว่าหน้าดิฉันดูนิ่งๆเหมือนหยิ่งๆดุๆเขาไม่กล้าเข้ามาคุย...(อุต่ะ!!!!....หยิบกระจกสำรวจหน้าตาตัวเองนี่เราหน้าโหดขนาดนั้นเลยหรอ....555+) ตอนนั้นก็ขำตาทิ่มนี่นะแล้วบอกเขาว่า " พี่ค่ะ หน้าหนูเป็นแบบนั้น แต่ตัวจริงหนูเป็นเด็กบ็องๆนะค่ะ " ด้วยความรู้สึกเหมือนจะเริ่มสนิทกันมากขึ้น เขาบอกว่าตัวเขาเองไม่มีแฟนอายุ37ปีแล้ว ไม่เคยเจอใครที่พิเศษเหมือนน้องมาก่อนเลย ดิฉันก็ไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่ค่ะก็เลยบอกเขาว่าห้ามจีบนะ เขาก็ถามวันเกิด โดยส่วนตัวเราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดว่าเหมือนเพื่อนหรือคนรู้จักกันก็ถามวันเกิดกันตามธรรมดา พอเราบอกไป../.../.... เขาก็ถามดิฉันว่าบอกวันเดือนปีเกิดมาแบบนี้ไม่กลัวพี่เอาไปทำเสน่ห์หรอ??? ดิฉันตอบเขาว่า" การทำเสน่ห์เป็นการผูกมัดไว้ได้เพียงชั่วคราว มันไม่สามารถผูกให้คนรักกันตลอดได้ สักวันมันก็ต้องจาง" ณ วันนั้น ดิฉันไม่ได้เอะใจหรือสงสัยอะไร พี่เขาทราบว่าดิฉันชอบฟังเพลง ดังนั้นทุกๆวันพี่เขาก็จะส่งเพลงมาให้ฟังในไลน์ เริ่มจากเพลงห่างไกลเหลือเกิน
(****ต้องขอเล่าย้อนนะค่ะว่าปกติ ดิฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ เกิด โตและทำงานต่างจังหวัด ส่วนพี่เขาเป็นคนกรุงเทพค่ะ แต่มารับราชการอยู่ต่างจังหวัดและทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เขาจะเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ และจะกลับมาทำงานต่างจังหวัดในวันจันทร์ช่วงเช้า นี่คือกิจวัตรประจำของเขานะค่ะ)
.......เล่าต่อนะค่ะ พี่เขาก็ส่งเพลงมาทุกวัน ส่งมาบ่อยๆ ส่วนเราก็ฟังเเละชอบคิดตามเนื้อหาเพลง และเหมือนเขาจะรู้ว่าเราคิดตามก็จะส่งแต่เพลงที่มีเนื้อหาดีๆออกแนวความรักแอบรัก เป็นห่วงซะมากกว่า เช่น เพลงคนทางนั้น เพลงAnniversary เพลงนอนน้อย เพลงฉันคิด เพลงรักเหอะ เพลงเธอคือทุกอย่าง ฯลฯ ในวันวาเลนไทน์ก็ส่งสติ้กเกอร์วาเลนไทน์มาให้ และด้วยความชอบคิตตี้ของดิฉัน เขาก็หอบเอาคิตตี้ยักษ์(เพราะมันคือที่นอนตัวคิตตี้ประมาณ3ฟุต)มาให้หลังวันวาเลนไทน์ (อุต่ะ!!!~...ตกใจสิค่ะ พี่ค่ะมันมากไปหรือเปล่า เราเพิ่งรู้จักกันนะ พี่จะมาให้หนูทำไม )เขาบอกว่าเขาอยากจะให้เราจริงๆ ก็รับไว้ค่ะ........**ด้วยหัวใจพองโต*** มีชื่อด้วยนะค่ะ " วัลลี "
......เขาชอบถามถึงชีวิตประจำวันของดิฉัน นอกจากไปออกกำลังกายเเล้วชอบทำอะไรบ้าง นอกจากงานหลักสารพัดที่ดิฉันทำนะค่ะ ก็มีทำขนมหวาน ทำอาหาร และก็เป็นสิ่งที่เขาอยากให้ดิฉันทำให้เขาทานบ้าง ดิฉันก็บอกเขาว่าแล้วแต่อารมณ์หนูนะค่ะ และด้วยเรื่องราวที่เขาเล่าถึงการทำงานสารพัดของเขาทั้งรับราชการ งานบริษัทที่กรุงเทพ ช่วยงานคุณพ่อ ฯลฯ ดิฉันก็อดสงสารไม่ได้ ก็ได้งั้นเดี๋ยวทำขนมให้แล้วกันถือว่าให้กำลังใจและเขาก็ทวงให้ทำขนมให้ทานหลายรอบแล้ว ก็เลยทำให้ค่ะ (ขอบอกว่าขนมของดิฉันไม่ได้อร่อยมากมาย แถมยังต้องแช่แข็งเพราะดิฉันจะว่างแค่วันอาทิตย์ วันธรรมดาไม่สามารถทำให้ทานได้ และเขาก็ไม่อยู่ในวันสุดสัปดาห์ เลยต้องเเช่เเข็งให้เขาไปอุ่นทานเอาเอง ) เขาก็ชมขนมที่ดิฉันซะเว่อร์วังอลังการล้านแปด ......จากนั้นก็ทำข้าวกล่องค่ะ อาหารที่เด็กบ๊องอย่างดิฉันชอบ ก็ทำเป็นข้าวกล่องน้อยให้เขาค่ะ เขาก็เอากล่องมาคืนและก็ซื้อช็อกโกแลตซึ่งเป็นของโปรดมากกกก(ก.ไก่ ล้านตัวของดิฉันมาให้ แต่มาเป็นกล่องเลยค่ะ จนเจ้แซวว่าเขาใส่ยาเสน่ห์มาบ้างไหมแก ส่วนตัวดิฉันก็ขำคำพูดเจ้และก็แบ่งช็อกโกแลตให้เจ้ทานค่ะ แถมแบ่งให้คนอื่นๆทานด้วย เพราะมันเยอะมาก .............. เหมือนเรื่องราวจะดีใช่ไหมค่ะ เจอคนที่เหมือนจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในชีวิตของเรา เข้าใจธรรมชาติของตัวเรา รับอารมณ์เอาเเต่ใจของเราได้ ใจเย็นและมีเหตุผลในความงี่เง่าของเราได้
.......***.......และแล้วเหตุการณ์ที่คิดว่าต้องเกิดก็เกิดขึ้น เขามาบอกเราว่าเขาโดนเรียกตัวย้ายไปหน่วยที่กรุงเทพ และกำหนดวันเดินทางมาแล้ว เจ้านายที่นี่เขาไม่อยากให้ไป แต่ถ้าเขาไปตำแหน่งก็สูงขึ้น............ เขาถามดิฉันว่าดิฉันให้เขาไปไหม??? ... เป็นครั้งแรกที่เขาเขามาขอคุยเป็นหน้าตาจริงจังมาก ถ้าเป็นคุณ คุณจะตอบเขายังไงล่ะค่ะ?? สำหรับดิฉันไม่ใช่คนโลกส่วนนะค่ะและไม่ได้คิดว่าเขาต้องอยู่กับเรา เพราะตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าย้านหรือเปลี่ยนงานที่ดีกว่าหรือเปล่าหรือไปเรียนต่อระดับที่สูงขึ้น หรือพูดง่ายๆว่าอนาคตก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่จุดนี่นานแค่ไหน ก็เลยตอบเขาไปด้วยเหตุผลว่า ... " ถ้าตอนนี้เหตุผลที่พี่อยากอยู่ที่นี่จังหวัดนี้เพราะหนู อย่าอยู่เลยค่ะ พี่ต้องไปที่โน้น บ้านพี่อยู่โน้น ครอบครัว(พ่อแม่พี่น้อง)อยู่โน้น บริษัทอีก ฯลฯ พี่ควรจะไปในที่ที่ทำให้พี่ได้เติบโตในหน้าที่การงานที่ดีกว่า และตัวหนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องสอบหรือย้ายไปอยู่ที่ไหน ไปเหอะค่ะ ระยะทางไม่ได้ทำลายความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเราได้นะค่ะ ถ้าเราคือคนที่ใช่และต้องการจะรักษากันไว้จริงๆ ณ ตอนนั้น เหมือนคนที่รู้สึกสนิทและพูดคุยกันมากกว่าเพื่อนปกติทั่วไป
และเเล้วก็พี่เขาก็กำหนดวันเดินทาง ก่อนจะไปเขาก็มักจะทำอะไรพิเศษๆ เช่น กำหนดวันพิเศษ (วันที่10ของทุกๆเดือน) ไปไหว้พระ ให้ช่อดอกไม้ แม้แต่การมอบแหวนรุ่นให้เราเก็บไว้ พี่เขามักจะบอกเสมอว่า ..." โอกาสไม่ได้มีเข้ามาให้วันพิเศษ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีโอกาสก็แค่อยากจะทำให้มันเป็นวันที่พิเศษ " .. ((...เหมือนเรื่องราวทุกอย่างจะดีและสวยใช่ไหมละค่ะ ต้องติดตามอ่านต่อนะค่ะ ..... ))
ขอเล่าประสบการณ์เตือนใจผู้หญิงนะค่ะ "ผู้ชายเดี๋ยวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ เหมือนจะจริงใจ สุดท้ายมีแต่การหลอกลวง"
......ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำก่อนว่าโดยส่วนตัวดิฉันเป็นคนอ้วนและต้องการลดความอ้วน จึงจะมีกิจวัตรประจำวันในทุกๆวันหลังเลิกงานคือ การออกกำลังกาย และการออกกำลังกายนี่เอง ที่ทำให้ดิฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้(เรื่องราวต่อจากนี้ไปทั้งหมดเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนี้ค่ะ)........ โดยเมื่อประมาณต้นปี 2559 วันหนึ่งหลังเลิกงาน ดิฉันกับเจ้ไปออกกำลังกายที่ยิมแห่งหนึ่งตามกิจวัตรปกติ เผอิญวันนั้นดิฉันได้เจอกับพี่ท่านหนึ่งที่รู้จักกันเป็นอย่างอย่างดี ซึ่งขอเรียกพี่คนนี้ว่าพี่ไก่ ดิฉันทักทายกับพี่ไก่ตามปกติของคนรู้จักทักทายปราศัยกัน โดยสังเกตว่าพี่ไก่มาออกกำลังกายกับใคร จากนั้นดิฉันออกกำลังกายตามปกติ สักพักหนึ่งพี่ไก่ก็เดินมาสอบถามดิฉันว่า
พี่ไก่ : น้องยังทำงานที่เดิมไหม
ลูกหมู : ที่เดิมค่ะพี่
พี่ไก่ : อ่อๆหรอ
.....แล้วพี่ไก่ก็แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง (ผู้ชายที่อยากจะเล่าเพื่อเตือนใจผู้หญิงหลายๆคน) ดิฉันขอเรียกผู้ชายคนนี้ว่า"พี่ไผ่"เขาเข้ามาแนะนำตัวเขา และขอคำแนะนำในการยื่นภาษี (เป็นเพียงบทสนทนาสั้นๆและก็เดินจากไป) จากนั้นพี่ไก่ก็ขอเบอร์โทรของดิฉัน ด้วยเป็นคนที่รู้จักกันมาดิฉันก็เลยให้เบอร์โทรไป โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร ในวันนั้นเองหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จ ดิฉันแยกย้ายกับเจ้ ต่างคนต่างกลับบ้านตัวเอง เมื่อกลับถึงบ้านก็พบว่าโทรศัพท์มีเบอร์โทร08XXXXX022 (ซึ่งเป็นเบอร์โทรที่ไม่ทราบชื่อ) ดิฉันก็โทรกลับไปยังหมายเลขนั้น พบว่าปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย เขาก็แนะนำตัวว่าเขาคือพี่ไผ่นะ ที่รู้จักที่ยิมตะกี้ เขาเริ่มบทสนทนาทางโทรศัพท์ด้วยความสุภาพ จากการสอบถามเรื่องภาษีอากร จนเป็นการพูดคุยบอกเล่าประวัติย่อๆของเขา (ซึ่งวันนั้นดิฉัน เองก็แปลกใจตัวเองว่าทำไมดิฉันถึงคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักได้เป็นชั่วโมงเลยหรอ ในครั้งแรกของบทสนทนา)และดิฉันก็รู้สึกว่าคุยกับเขานานไปแล้ว ดิฉันก็เลยตัดบทสนทนาว่า" เราคุยกันนานไปแล้วนะค่ะ และก็ยินดีนะค่ะที่ได้รู้จัก สวัสดีค่ะ" เขาก็ตอบรับด้วยความสุภาพว่า "ขอโทษครับ พี่ขอบันทึกเบอร์โทรน้องไว้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
.......จากนั้นดิฉันก็ใช้ชีวิตปกติตามเดิม ทำงาน-ออกกำลังกาย วนไป วันหนึ่งดิฉันก็โพสต์รูปพร้อมแคปชั่นฮาในไทม์ไลน์ พบว่ามีพี่ไผ่มากดสติ้กเกอร์ถูกใจในไทม์ไลน์ ดิฉันก็ทักไลน์พี่เขาไป เขาก็ตอบไลน์กลับมา และวันต่อมาเขาก็ทักไลน์มาในตอนเช้าของทุกๆวัน เขาเริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเขาให้ดิฉันฟังในไลน์ ดิฉันรู้สึกเหมือนได้รู้จักเพื่อนใหม่คนหนึ่งที่คุยสนุกและเหมือนจะสนิทกันด้วยเรื่องราวที่เขาเล่าและพูดคุยกับเราในทุกๆวัน และในตอนเย็นเราก็มักจะเจอกันที่ยิมเสมอ แต่เขามักจะไม่กล้าเข้ามาพูดคุยซึ่งหน้า ส่วนใหญ่เราจะเเค่ทักทายสวัสดีและต่างคนต่างก็ออกกำลังกายตามปกติ บางวันเขาก็ทักเจ้ของดิฉันแต่กลับแอบมองแต่ไม่กล้าพูดคุยซึ่งหน้ากับดิฉัน (ตอนนั้นก็สงสัยนะค่ะว่าอีตาทิ่มนี่ ทำไมในไลน์คุยสนุกแต่พอเจอตัว ขี้อายไม่กล้ามาคุยกับดิฉัน) ด้วยความสงสัยอยากรู้อยากเห็นของดิฉัน ดิฉันก็เลยถามพี่เขาว่าทำไมในไลน์คุยเก่งแต่ทำไมเจอตัวไม่มาคุยกับน้องเลย .....รู้ไหมค่ะ เขาบอกดิฉันว่าหน้าดิฉันดูนิ่งๆเหมือนหยิ่งๆดุๆเขาไม่กล้าเข้ามาคุย...(อุต่ะ!!!!....หยิบกระจกสำรวจหน้าตาตัวเองนี่เราหน้าโหดขนาดนั้นเลยหรอ....555+) ตอนนั้นก็ขำตาทิ่มนี่นะแล้วบอกเขาว่า " พี่ค่ะ หน้าหนูเป็นแบบนั้น แต่ตัวจริงหนูเป็นเด็กบ็องๆนะค่ะ " ด้วยความรู้สึกเหมือนจะเริ่มสนิทกันมากขึ้น เขาบอกว่าตัวเขาเองไม่มีแฟนอายุ37ปีแล้ว ไม่เคยเจอใครที่พิเศษเหมือนน้องมาก่อนเลย ดิฉันก็ไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่ค่ะก็เลยบอกเขาว่าห้ามจีบนะ เขาก็ถามวันเกิด โดยส่วนตัวเราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดว่าเหมือนเพื่อนหรือคนรู้จักกันก็ถามวันเกิดกันตามธรรมดา พอเราบอกไป../.../.... เขาก็ถามดิฉันว่าบอกวันเดือนปีเกิดมาแบบนี้ไม่กลัวพี่เอาไปทำเสน่ห์หรอ??? ดิฉันตอบเขาว่า" การทำเสน่ห์เป็นการผูกมัดไว้ได้เพียงชั่วคราว มันไม่สามารถผูกให้คนรักกันตลอดได้ สักวันมันก็ต้องจาง" ณ วันนั้น ดิฉันไม่ได้เอะใจหรือสงสัยอะไร พี่เขาทราบว่าดิฉันชอบฟังเพลง ดังนั้นทุกๆวันพี่เขาก็จะส่งเพลงมาให้ฟังในไลน์ เริ่มจากเพลงห่างไกลเหลือเกิน
(****ต้องขอเล่าย้อนนะค่ะว่าปกติ ดิฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ เกิด โตและทำงานต่างจังหวัด ส่วนพี่เขาเป็นคนกรุงเทพค่ะ แต่มารับราชการอยู่ต่างจังหวัดและทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เขาจะเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ และจะกลับมาทำงานต่างจังหวัดในวันจันทร์ช่วงเช้า นี่คือกิจวัตรประจำของเขานะค่ะ)
.......เล่าต่อนะค่ะ พี่เขาก็ส่งเพลงมาทุกวัน ส่งมาบ่อยๆ ส่วนเราก็ฟังเเละชอบคิดตามเนื้อหาเพลง และเหมือนเขาจะรู้ว่าเราคิดตามก็จะส่งแต่เพลงที่มีเนื้อหาดีๆออกแนวความรักแอบรัก เป็นห่วงซะมากกว่า เช่น เพลงคนทางนั้น เพลงAnniversary เพลงนอนน้อย เพลงฉันคิด เพลงรักเหอะ เพลงเธอคือทุกอย่าง ฯลฯ ในวันวาเลนไทน์ก็ส่งสติ้กเกอร์วาเลนไทน์มาให้ และด้วยความชอบคิตตี้ของดิฉัน เขาก็หอบเอาคิตตี้ยักษ์(เพราะมันคือที่นอนตัวคิตตี้ประมาณ3ฟุต)มาให้หลังวันวาเลนไทน์ (อุต่ะ!!!~...ตกใจสิค่ะ พี่ค่ะมันมากไปหรือเปล่า เราเพิ่งรู้จักกันนะ พี่จะมาให้หนูทำไม )เขาบอกว่าเขาอยากจะให้เราจริงๆ ก็รับไว้ค่ะ........**ด้วยหัวใจพองโต*** มีชื่อด้วยนะค่ะ " วัลลี "
......เขาชอบถามถึงชีวิตประจำวันของดิฉัน นอกจากไปออกกำลังกายเเล้วชอบทำอะไรบ้าง นอกจากงานหลักสารพัดที่ดิฉันทำนะค่ะ ก็มีทำขนมหวาน ทำอาหาร และก็เป็นสิ่งที่เขาอยากให้ดิฉันทำให้เขาทานบ้าง ดิฉันก็บอกเขาว่าแล้วแต่อารมณ์หนูนะค่ะ และด้วยเรื่องราวที่เขาเล่าถึงการทำงานสารพัดของเขาทั้งรับราชการ งานบริษัทที่กรุงเทพ ช่วยงานคุณพ่อ ฯลฯ ดิฉันก็อดสงสารไม่ได้ ก็ได้งั้นเดี๋ยวทำขนมให้แล้วกันถือว่าให้กำลังใจและเขาก็ทวงให้ทำขนมให้ทานหลายรอบแล้ว ก็เลยทำให้ค่ะ (ขอบอกว่าขนมของดิฉันไม่ได้อร่อยมากมาย แถมยังต้องแช่แข็งเพราะดิฉันจะว่างแค่วันอาทิตย์ วันธรรมดาไม่สามารถทำให้ทานได้ และเขาก็ไม่อยู่ในวันสุดสัปดาห์ เลยต้องเเช่เเข็งให้เขาไปอุ่นทานเอาเอง ) เขาก็ชมขนมที่ดิฉันซะเว่อร์วังอลังการล้านแปด ......จากนั้นก็ทำข้าวกล่องค่ะ อาหารที่เด็กบ๊องอย่างดิฉันชอบ ก็ทำเป็นข้าวกล่องน้อยให้เขาค่ะ เขาก็เอากล่องมาคืนและก็ซื้อช็อกโกแลตซึ่งเป็นของโปรดมากกกก(ก.ไก่ ล้านตัวของดิฉันมาให้ แต่มาเป็นกล่องเลยค่ะ จนเจ้แซวว่าเขาใส่ยาเสน่ห์มาบ้างไหมแก ส่วนตัวดิฉันก็ขำคำพูดเจ้และก็แบ่งช็อกโกแลตให้เจ้ทานค่ะ แถมแบ่งให้คนอื่นๆทานด้วย เพราะมันเยอะมาก .............. เหมือนเรื่องราวจะดีใช่ไหมค่ะ เจอคนที่เหมือนจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในชีวิตของเรา เข้าใจธรรมชาติของตัวเรา รับอารมณ์เอาเเต่ใจของเราได้ ใจเย็นและมีเหตุผลในความงี่เง่าของเราได้
.......***.......และแล้วเหตุการณ์ที่คิดว่าต้องเกิดก็เกิดขึ้น เขามาบอกเราว่าเขาโดนเรียกตัวย้ายไปหน่วยที่กรุงเทพ และกำหนดวันเดินทางมาแล้ว เจ้านายที่นี่เขาไม่อยากให้ไป แต่ถ้าเขาไปตำแหน่งก็สูงขึ้น............ เขาถามดิฉันว่าดิฉันให้เขาไปไหม??? ... เป็นครั้งแรกที่เขาเขามาขอคุยเป็นหน้าตาจริงจังมาก ถ้าเป็นคุณ คุณจะตอบเขายังไงล่ะค่ะ?? สำหรับดิฉันไม่ใช่คนโลกส่วนนะค่ะและไม่ได้คิดว่าเขาต้องอยู่กับเรา เพราะตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าย้านหรือเปลี่ยนงานที่ดีกว่าหรือเปล่าหรือไปเรียนต่อระดับที่สูงขึ้น หรือพูดง่ายๆว่าอนาคตก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่จุดนี่นานแค่ไหน ก็เลยตอบเขาไปด้วยเหตุผลว่า ... " ถ้าตอนนี้เหตุผลที่พี่อยากอยู่ที่นี่จังหวัดนี้เพราะหนู อย่าอยู่เลยค่ะ พี่ต้องไปที่โน้น บ้านพี่อยู่โน้น ครอบครัว(พ่อแม่พี่น้อง)อยู่โน้น บริษัทอีก ฯลฯ พี่ควรจะไปในที่ที่ทำให้พี่ได้เติบโตในหน้าที่การงานที่ดีกว่า และตัวหนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องสอบหรือย้ายไปอยู่ที่ไหน ไปเหอะค่ะ ระยะทางไม่ได้ทำลายความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเราได้นะค่ะ ถ้าเราคือคนที่ใช่และต้องการจะรักษากันไว้จริงๆ ณ ตอนนั้น เหมือนคนที่รู้สึกสนิทและพูดคุยกันมากกว่าเพื่อนปกติทั่วไป
และเเล้วก็พี่เขาก็กำหนดวันเดินทาง ก่อนจะไปเขาก็มักจะทำอะไรพิเศษๆ เช่น กำหนดวันพิเศษ (วันที่10ของทุกๆเดือน) ไปไหว้พระ ให้ช่อดอกไม้ แม้แต่การมอบแหวนรุ่นให้เราเก็บไว้ พี่เขามักจะบอกเสมอว่า ..." โอกาสไม่ได้มีเข้ามาให้วันพิเศษ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีโอกาสก็แค่อยากจะทำให้มันเป็นวันที่พิเศษ " .. ((...เหมือนเรื่องราวทุกอย่างจะดีและสวยใช่ไหมละค่ะ ต้องติดตามอ่านต่อนะค่ะ ..... ))