วิปัสสนาญาณ ๙ เปรียบเทียบกับอารมณ์เด็ดขาดของเหล่าพระอริยะเจ้า

วิปัสสนาญาณ ๙

๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ (พิจารณาเห็นความเกิดและความดับ)
๒. ภังคานุปัสสนาญาณ (พิจารณาเห็นความดับ)
๓. ภยตูปัฎฐานญาณ (พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่ากลัว)
๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ (พิจารณาเห็นโทษของสังขาร)
๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ (พิจารณาสังขารเห็นเป็นของน่าเบื่อหน่าย)
๖. มุญจิตุกามยตาญาณ (พิจารณาเพื่อใคร่จะให้พ้นจากสังขารไปเสีย)
๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ (พิจารณาหาทางที่จะให้พ้นจากสังขาร)
๘. สังขารุเปกขาญาณ (พิจารณาเห็นว่า ควรวางเฉยในสังขาร)
๙. สัจจานุโลมิกญาณ (พิจารณาอนุโลมในญาณทั้ง ๘ นั้น เพื่อกำหนดรู้ในอริยสัจ) (คือการพิจารณาทวนตั้งแต่ข้อที่ ๑ - ๘ หรือ ๘ - ๑ กลับไป-กลับมา)

   ดังนั้นจึงขอพิจารณาดังนี้   

ญาณ ๑-๒  เป็นอารมณ์เด็ดขาดของพระโสดาบัน  เห็นความเกิดดับ
ญาณ ๓-๔  เป็นอารมณ์เด็ดขาดของพระสกิทาคามี  เห็นโทษ-ภัยของสังขาร และมองว่าเป็นของน่ากลัว
ญาณ ๕-๗  เป็นอารมณ์เด็ดขาดของพระอนาคามี  เกิดความเบื่อหน่ายในสังขาร
ญาณ ๘  เป็นอารมณ์เด็ดขาดของพระอรหันต์  มีอารมณ์อุเบกขา วางเฉยในธรรมทั้งปวง
ญาณ ๙  ความจริงแล้ววิปัสสนาญาณมีแค่ ๘ ข้อ ข้อที่๙ เป็นเพียงแค่การนึกทบทวนข้อทั้ง ๘ ข้อกลับไป-กลับมาเท่านั้น


   เป็นการพิจารณาสภาวะธรรม ตามอารมณ์ของพระอริยะเจ้า เมื่อเทียบกับวงจรวิปัสสนาญาณ  ไม่นับรวมที่ญาณจะเกิดขึ้นตามปกติ ๑-๙  ในขั้นตอนก่อนการบรรลุธรรม  เพียงเมื่อบรรลุธรรมในแต่ละระดับขั้นไปแล้ว พระอริยะเจ้า จะมีอารมณ์อยู่ที่ขั้นไหนตามวงจร

   ผิดถูก แย้งได้ครับ ยินดีรับฟังทุกความเห็น
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
จขกท เข้าใจคลาดเคลื่อนครับ

ลำดับวิปัสสนาญาณทั้งเก้าขั้นนั้น ท่านวางลำดับให้ว่าจะเป็นวิปัสสนา ต้องมีลำดับอย่างไร

ไม่ได้เกี่ยวว่าพิจารณาถึงลำดับไหนแล้วจะเป็นพระอริยะตามที่ว่า

ในการพิจารณานั้น ลำดับในการพิจารณาในแต่ละสภาวะธรรมอาจเห็นสภาวะธรรมทั้งเก้าลำดับในคราวเดียว

หรืออาจไม่ครบทั้งเก้าลำดับก้อได้ เมื่อมาถึงลำดับ ปล่อยวางสังขารแล้ว ลำดับสุดท้ายท่านให้สำรวจว่ายังมีทุกข์หลงเหลืออยู่หรือไม่

หากยามนั้นไม่มีทุกข์หลงเหลือ ก้อแค่ทุกข์ดับในคราวนั้น คือเข้าสภาวะธรรมอันเป็นนิโรธ ก้อรู้ว่านั่นคือนิโรธสภาวะธรรม

อาจจะไม่ได้เป็นพระอริยะเลยก้อได้ แค่ดับเป็นคราวๆไป จะรู้ว่าอริยะน่ะ จะมีญาณรู้ต่างหาก รู้ได้ยังไงลองไปศึกษาเรื่องอินทรี 22 เพิ่ม

ในลำดับท้ายๆนะครับ ไม่ใช่รู้ลำดับญาณในวิปัสสณา นั่นแค่แบบฝึกหัดครับ แล้ววิปัสสนาน่ะยังแยกได้อีกว่า คุณวิปัสสนาโดยบัญญัติ

หรือปรมัติ แล้วจะเห็นตามลำดับญาณที่ยกมา ต้องอย่างน้อยเห็นสภาวะธรรมในขั้นปฐมฌาน แต่จะชัดเจน คมชัดต้อง จตุตถฌาน

เห็นอารมณ์ อารมณ์มาจากไหน อารมณ์นั้นมาจากผัสสะทั้งหก ดูตรงไหนก้อได้ ส่วนเมื่อผัสสะแล้วมันจะปรุงแต่งเป็นอะไรก้อแล้วแต่ เมื่อถึง

ขั้นปลอยวางอารมณ์คือ เมื่อเกิดผัสสะ จะเกิดเวทนาเสมออย่างใดอย่างหนึ่ง ปล่อยวางคือ ปล่อยวางเวทนานั้นโดยไม่ตามยึด หรือไขวคว้า

อารมณ์ใดๆ นั่นคือกระทบแล้วรู้ แล้วก้อปล่อย มันจะเป็นไปเองโดยไม่ได้คิดว่าปล่อย ถ้าคิดว่าปล่อยนั่นน่ะปรุงแต่งแล้ว คือปรุงแต่งความคิด

ว่าปล่อย ลักษณะที่ถูกคือเมื่อมีอะไรมากระทบทางอายตนะ สิ่งที่มากระทบน่ะจะมาเป็นคลื่น เป็นกระแส กระทบแล้วมันก้อดับ แต่มันมาต่อเนื่อง

ไม่หยุด แต่ความจริงมันหยุด ที่หยุดน่ะก้อคือดับ พอมันกระทบแล้วมันก้อดับ พอมันดับก่อนที่จะเกิดอารมณ์ใหม่ มันเกิดช่องว่างขึ้นคั่นก่อน

ตรงนั้นท่านเรียก ภวังคจิต จะเห็นทันหรือป่าวแค่นั้นเอง

และสุดท้าย คือในญาณสุดท้าย ท่านให้สำรวจสิ ยังมีทุกข์เหลืออยู่ไหม ถ้ามีนั่นแสดงว่ายังมีการไขวคว้าอารมณ์แล้วยึดอยู่ การไขวคว้าอารมณ์

นั่นแหละความอยาก พออยากมันก้อยึด ญาณสุดท้ายนั่นก้อคือ วิมังสา ในอิทธิบาทสี่นั่นเอง

แล้วอารมณ์วิปัสสนาจริงๆน่ะ ต้องเป็นชั้นปรมัต โดยเพิกบัญญัติเสีย หากยังเพิกบัญญัติไม่ได้ มันก้อจะปรุงแต่งความคิดไปเรื่อย

กลายเป็นอย่างที่ท่านล้อว่า วิปัสสนึก มิใช่วิปัสสนา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่