Best Restaurants กลับมาอีกเป็นครั้งที่ 5 ในปี 2017 นี้
โดยการประกาศรางวัลประจำปีนี้จัดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ณ The House on Sathorn โรงแรมดับเบิลยู กรุงเทพฯ
ทั้ง 50 อันดับรวบรวมร้านอาหารที่ดีที่สุดจากทั้ง กรุงเทพฯ โตเกียว เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และอีกมากมายทั่วทั้งเอเชีย
และความน่าตื่นตาตื่นใจของรางวัลในปีนี้คือ มีร้านอาหารไทยติดอันดับถึง 7 ร้าน และไม่ใช่เพียงแค่เป็นร้านชื่อเดิมที่เห็นหน้าเห็นตากันบ่อยๆ
เพราะปีนี้มีร้านหน้าใหม่เข้ามาร่วมในชาร์ตด้วย
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออันดับที่ 13. Sühring (ติดอันดับเป็นครั้งแรก)
แต่ก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 13 กันเลยทีเดียว ..
บวกกับโดนส่วนตัวเจ้าของกระทู้ชอบทานอาหารแนวนี้อยู่แล้ว จึงมีแรงกระตุ้นให้ต้องรีบไปลิ้มชิมรสในเร็ววัน!!
โทรไปจองครั้งแรกได้คำตอบมาว่าเต็มหมดแล้ว ทุกรอบ
วันต่อมาโทรไปจองใหม่ข่าวดีคือยังไม่เต็มและสามารถเลือกรอบได้ โดยมีให้เลือก 3 รอบ คือ 6 โมง , 1 ทุ่มครึ่ง และ 3 ทุ่ม
เลยเลือกเวลาเร็วสุด 6 โมงเย็น ทานเยอะได้ ไม่อ้วน
ช่วงบ่ายจะมีพนักงานโทรมาคอนเฟิร์มและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ( เป็นภาษาอังกฤษ ) ที่ จขกท แสนจะไม่คุ้นเคย
ฟังไม่ค่อยออกจนต้องขอให้เค้าพูดซ้ำหลายรอบอยู่เหมือนกัน ได้ใจความว่า เป็นการคอนเฟิร์มเวลา , สอบถามว่าสามารถเดินทางไปที่ร้านถูกหรือไม่
สอบถามเรื่องอาหารที่แพ้ และ มีการไปเพื่อเลี้ยงฉลองในโอกาสพิเศษอะไรรึเปล่า คร่าวๆประมาณนี้
ร้านอยู่แถวยานนาวา เข้าไปในซอยไม่ลึกมากนัก มีที่จอดรถสะดวกสบายหน้าร้าน หน้าร้านดูโล่งๆ โปร่ง และ ดูเน้นธรรมชาติ
อาหารจะมีให้เลือกเป็น A La Carte และ Set Menu
แบบเซตคอร์ส จะมีให้เลือก 8 และ 12 คอร์ส
(ลืมถ่ายราคามา)
8 courses 2200 บาท
12 courses 2800 บาท
ถ้าเปลี่ยนจานหลัก เป็นเนื้อ Nozaki เพิ่มอีก 1090 บาท
เพิ่มเห็ดทรัฟเฟิล ราคาตามน้ำหนัก ค่ะ
ถ้าเป็น Wine Pairing +2500 บาท
ราคาประมาณนี้ จริงๆมีรายละเอียดปลีกย่อยอีก แต่ลืมเก็บมาจริงๆ (พลาดดด)
เราเลือกแบบ 12 จาน
ตอนแรกจะไม่เอา wine pairing แต่ลองสั่งไวน์มาทาน 2 แก้ว ปรากฎว่า ไม่เอาไม่ได้
เพราะไวน์ที่นี่อร่อยมากจริงๆ และหลายขวดเป็นแบบ ออแกนิค ซึ่งเชฟเคลมว่าทานแล้วจะไม่ปวดหัว
แต่ตอนจบ เราปวดหัวนะ มึนกันเลยทีเดียว
ที่นี่จะเน้นไวน์ขาวเป็นหลัก เพราะเข้ากับรสชาติและส่วนประกอบของอาหาร เบาๆ สไตล์ Sühring
เราไม่ได้ถ่าย wine มาครบทุกชนิด เพราะตอนขวดแรกๆ เรามัวแต่ตื่นเต้นกับรสชาติอาหาร
และไม่ทันคิดว่าจะเอามารีวิว ให้เพื่อนๆได้ดูกัน
นี่เมนูแรก เป็นขนมปัง และ เบียร์จิ๋วว รสชาติจะเป็นยังไงอยากให้มาลองชิมกันดู
แต่สำหรับเราชอบทุกเมนูของที่นี่เลย ไม่ได้อวยนะ เพราะเราจ่ายเองค่ะ 5555
ต่อมา 3 อย่างนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกัน
ให้ทานตามลำดับ คือ ..
สีเขียวด้านบนของเมนูต่อมา พนักงานบอกว่าเป็น herb จากทางเยอรมัน
ให้ทานคำเดียวห้ามกัด เพราะมันจะไหล ..
ต่อมาเป็นขาหมูเยอรมัน ที่ทำออกมาในรูปแบบหน้าตาแปลกใหม่ แต่พอกัดเข้าไป ก็ยังคงรสชาติของขาหมูชัดเจนอยู่ดี อร่อยมากกๆ
และต่อมาเป็น liver duck หรือตับเป็ด เสิร์ฟคู่กับไวน์หวาน
เชฟแนะนำให้ทานตับ 1 คำ จิบไวน์ 1 คำ ไปเรื่อยๆ จะได้ประมาณ 3 ถึง 4 รอบค่ะ
ตามมาด้วยจานนี้ รสชาติคล้ายๆทานปลาดิบในแบบ omakase แต่เป็นฟิวชั่น
เชฟบอกว่าเป็นปลาจากญี่ปุ่น
ต่อมาเป็นขนมปังที่ขอเพิ่มเท่าไหร่ก็ได้ มาพร้อมกับเครื่องเคียงที่เชฟจะอธิบายว่าอันไหนทานคู่กัน
เริ่มตั้งแต่ชนิดของขนมปัง , ทานคู่กับเนยแบบไหน และ ท็อปด้วยเนื้อชนิดใด
อ้อ มีโถยีสต์ที่ใช้ทำขนมปังมาให้ดูและดมกันด้วย
ทานคู่กันแบบนี้ค่ะ
และ
ต่อมาเป็นจานปลารสชาติหวานกลมกล่อม เข้ากันได้ดีกับไวน์ที่เสิร์ฟมาคู่กัน
ต่อด้วยพาสต้า ที่จะมีออฟชั่นให้เลือก คือสามารถเพิ่มเห็ดทรัฟเฟิล คิดราคาเป็นกรัม กรัมละเท่าไหร่ไม่แน่ใจ
ของเราในจาน 800 บาทค่ะ
ต่อมาเป็น main course ค่ะ
ถ้าเลือกตามคอร์สจะได้เป็นเป็ด
หรือเพิ่มอีก 1090 บาทจะได้เป็นเนื้อเกรดเอ ที่นุ่มละลายในปากจานนี้
ถ้าใครเป็น beef lover แนะนำให้ทานค่ะ
จบแล้วววว สำหรับของคาว ต่อกันด้วย Pre Dessert จานนี้ผสม จินโทนิค ด้วย
เอ้า! ไม่เมายังไงไหวววว
ปิดท้ายด้วยของหวาน
เป็นสลัดครัมเบิ้ล และ green apple sorbet
มาคู่กับชีสทาร์ต
และตามธรรมเนียมแก้วนี้เพื่อย่อยอาหาร อิ่มสบายท้อง
รสชาติคล้ายๆนมข้นหวานเลยที่นี่
เอาไวน์มาฝาก
(ไม่ครบนะคะ)
ตามมาด้วยราคาค่าเสียหายค่ะ
แล้วจะเอาร้านอาหารอร่อยๆมารีวิวอีกนะคะ 😊
[CR] [CR]Sühring #Asias50bestrestaurants2017 #Thirteenth
โดยการประกาศรางวัลประจำปีนี้จัดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ณ The House on Sathorn โรงแรมดับเบิลยู กรุงเทพฯ
ทั้ง 50 อันดับรวบรวมร้านอาหารที่ดีที่สุดจากทั้ง กรุงเทพฯ โตเกียว เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และอีกมากมายทั่วทั้งเอเชีย
และความน่าตื่นตาตื่นใจของรางวัลในปีนี้คือ มีร้านอาหารไทยติดอันดับถึง 7 ร้าน และไม่ใช่เพียงแค่เป็นร้านชื่อเดิมที่เห็นหน้าเห็นตากันบ่อยๆ
เพราะปีนี้มีร้านหน้าใหม่เข้ามาร่วมในชาร์ตด้วย
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออันดับที่ 13. Sühring (ติดอันดับเป็นครั้งแรก)
แต่ก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 13 กันเลยทีเดียว ..
บวกกับโดนส่วนตัวเจ้าของกระทู้ชอบทานอาหารแนวนี้อยู่แล้ว จึงมีแรงกระตุ้นให้ต้องรีบไปลิ้มชิมรสในเร็ววัน!!
โทรไปจองครั้งแรกได้คำตอบมาว่าเต็มหมดแล้ว ทุกรอบ
วันต่อมาโทรไปจองใหม่ข่าวดีคือยังไม่เต็มและสามารถเลือกรอบได้ โดยมีให้เลือก 3 รอบ คือ 6 โมง , 1 ทุ่มครึ่ง และ 3 ทุ่ม
เลยเลือกเวลาเร็วสุด 6 โมงเย็น ทานเยอะได้ ไม่อ้วน
ช่วงบ่ายจะมีพนักงานโทรมาคอนเฟิร์มและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ( เป็นภาษาอังกฤษ ) ที่ จขกท แสนจะไม่คุ้นเคย
ฟังไม่ค่อยออกจนต้องขอให้เค้าพูดซ้ำหลายรอบอยู่เหมือนกัน ได้ใจความว่า เป็นการคอนเฟิร์มเวลา , สอบถามว่าสามารถเดินทางไปที่ร้านถูกหรือไม่
สอบถามเรื่องอาหารที่แพ้ และ มีการไปเพื่อเลี้ยงฉลองในโอกาสพิเศษอะไรรึเปล่า คร่าวๆประมาณนี้
ร้านอยู่แถวยานนาวา เข้าไปในซอยไม่ลึกมากนัก มีที่จอดรถสะดวกสบายหน้าร้าน หน้าร้านดูโล่งๆ โปร่ง และ ดูเน้นธรรมชาติ
อาหารจะมีให้เลือกเป็น A La Carte และ Set Menu
แบบเซตคอร์ส จะมีให้เลือก 8 และ 12 คอร์ส
(ลืมถ่ายราคามา)
8 courses 2200 บาท
12 courses 2800 บาท
ถ้าเปลี่ยนจานหลัก เป็นเนื้อ Nozaki เพิ่มอีก 1090 บาท
เพิ่มเห็ดทรัฟเฟิล ราคาตามน้ำหนัก ค่ะ
ถ้าเป็น Wine Pairing +2500 บาท
ราคาประมาณนี้ จริงๆมีรายละเอียดปลีกย่อยอีก แต่ลืมเก็บมาจริงๆ (พลาดดด)
เราเลือกแบบ 12 จาน
ตอนแรกจะไม่เอา wine pairing แต่ลองสั่งไวน์มาทาน 2 แก้ว ปรากฎว่า ไม่เอาไม่ได้
เพราะไวน์ที่นี่อร่อยมากจริงๆ และหลายขวดเป็นแบบ ออแกนิค ซึ่งเชฟเคลมว่าทานแล้วจะไม่ปวดหัว
แต่ตอนจบ เราปวดหัวนะ มึนกันเลยทีเดียว
ที่นี่จะเน้นไวน์ขาวเป็นหลัก เพราะเข้ากับรสชาติและส่วนประกอบของอาหาร เบาๆ สไตล์ Sühring
เราไม่ได้ถ่าย wine มาครบทุกชนิด เพราะตอนขวดแรกๆ เรามัวแต่ตื่นเต้นกับรสชาติอาหาร
และไม่ทันคิดว่าจะเอามารีวิว ให้เพื่อนๆได้ดูกัน
นี่เมนูแรก เป็นขนมปัง และ เบียร์จิ๋วว รสชาติจะเป็นยังไงอยากให้มาลองชิมกันดู
แต่สำหรับเราชอบทุกเมนูของที่นี่เลย ไม่ได้อวยนะ เพราะเราจ่ายเองค่ะ 5555
ต่อมา 3 อย่างนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกัน
ให้ทานตามลำดับ คือ ..
สีเขียวด้านบนของเมนูต่อมา พนักงานบอกว่าเป็น herb จากทางเยอรมัน
ให้ทานคำเดียวห้ามกัด เพราะมันจะไหล ..
ต่อมาเป็นขาหมูเยอรมัน ที่ทำออกมาในรูปแบบหน้าตาแปลกใหม่ แต่พอกัดเข้าไป ก็ยังคงรสชาติของขาหมูชัดเจนอยู่ดี อร่อยมากกๆ
และต่อมาเป็น liver duck หรือตับเป็ด เสิร์ฟคู่กับไวน์หวาน
เชฟแนะนำให้ทานตับ 1 คำ จิบไวน์ 1 คำ ไปเรื่อยๆ จะได้ประมาณ 3 ถึง 4 รอบค่ะ
ตามมาด้วยจานนี้ รสชาติคล้ายๆทานปลาดิบในแบบ omakase แต่เป็นฟิวชั่น
เชฟบอกว่าเป็นปลาจากญี่ปุ่น
ต่อมาเป็นขนมปังที่ขอเพิ่มเท่าไหร่ก็ได้ มาพร้อมกับเครื่องเคียงที่เชฟจะอธิบายว่าอันไหนทานคู่กัน
เริ่มตั้งแต่ชนิดของขนมปัง , ทานคู่กับเนยแบบไหน และ ท็อปด้วยเนื้อชนิดใด
อ้อ มีโถยีสต์ที่ใช้ทำขนมปังมาให้ดูและดมกันด้วย
ทานคู่กันแบบนี้ค่ะ
และ
ต่อมาเป็นจานปลารสชาติหวานกลมกล่อม เข้ากันได้ดีกับไวน์ที่เสิร์ฟมาคู่กัน
ต่อด้วยพาสต้า ที่จะมีออฟชั่นให้เลือก คือสามารถเพิ่มเห็ดทรัฟเฟิล คิดราคาเป็นกรัม กรัมละเท่าไหร่ไม่แน่ใจ
ของเราในจาน 800 บาทค่ะ
ต่อมาเป็น main course ค่ะ
ถ้าเลือกตามคอร์สจะได้เป็นเป็ด
หรือเพิ่มอีก 1090 บาทจะได้เป็นเนื้อเกรดเอ ที่นุ่มละลายในปากจานนี้
ถ้าใครเป็น beef lover แนะนำให้ทานค่ะ
จบแล้วววว สำหรับของคาว ต่อกันด้วย Pre Dessert จานนี้ผสม จินโทนิค ด้วย
เอ้า! ไม่เมายังไงไหวววว
ปิดท้ายด้วยของหวาน
เป็นสลัดครัมเบิ้ล และ green apple sorbet
มาคู่กับชีสทาร์ต
และตามธรรมเนียมแก้วนี้เพื่อย่อยอาหาร อิ่มสบายท้อง
รสชาติคล้ายๆนมข้นหวานเลยที่นี่
เอาไวน์มาฝาก
(ไม่ครบนะคะ)
ตามมาด้วยราคาค่าเสียหายค่ะ
แล้วจะเอาร้านอาหารอร่อยๆมารีวิวอีกนะคะ 😊
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น