เขานั่งอยู่ในห้องขัง เย็นย่ำลงพอดีกับเวลาส่งข้าวส่งน้ำที่กองสืบสวนจัดหาให้ นายทหารผู้ที่ส่งสำรับนั้นเอ่ยถามเขา.. คุณขอรับ รู้จักแม่จันหรือไม่ เอ๊ะ..เขาถามกลับไปอย่างแปลกใจ ..ทำไมรึ? คำรับฝาก...ที่นายทหารเอ่ยว่ามาจากเพื่อนของแม่จันนั้นทำเอาเขารู้สึกซาบซึ้งและอดสูในใจไปพร้อมๆกันมิได้...
ทำไมเขาจะไม่ทราบ...เพื่อน...ที่นายทหารกล่าวถึงนั้นเป็นใคร...ฝ่าบาท ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เธอยังไม่ลืมเขา ยังเผื่อแผ่พระเมตตามาถึงเขาถึงในห้องขัง.. ฝ่าบาท.. อย่าทรงลดองค์มาทรงนับเพื่อนกับกระหม่อมเวลานี้เลย กระหม่อมไม่เพียงแต่เป็นสามัญชนคนธรรมดา..หากยังเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงรอหลวงท่านตัดสินเสียด้วย เขาจะรอดจากคุกหรือรอดตายหรือไม่ เมื่อนึกถึงชะตากรรมของตัวเอง... ชายหนุ่มเม้มปากแน่นเก็บความรู้สึกแล้วเอ่ยตอบนายทหารผู้มีน้ำใจคนนั้นว่า... ฝากบอกแม่จันไปถึงเพื่อนฉันด้วย ว่าไม่ต้องส่งใครมาอีก ฉันไม่อยากเจอหน้าใคร
เธอรู้เพียงแค่ว่า..เขายังอยู่ในระหว่างถูกสอบสวน...จันจึงถูกเธอไหว้วานอีกครั้งเพื่อนำคำไปบอกเขาที่คุมขัง ซึ่งตอนนี้ยังให้ญาติได้มีโอกาสมาเยี่ยม เธอเชื่อว่าผู้ชายซื่อตรง จิตใจมั่นคงอย่างอนลไม่น่าคิดหาญกล้าทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้ เธอบอกจันเพียงว่า.. ไม่ต้องพูดอะไรกับใครมาก และฝากบอกเขา.. ไม่ว่าจะถูกผิดอย่างไร.....”ฉันก็ยังเหมือนเดิม” .... อนล..ฉันหวัง..ว่าคำฝากของฉันจะทำให้เธอมีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องของตัวเอง ความถูกต้องที่เธอเคยบอก..ถ้าไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร ไม่ได้ทำให้ถูกกลายเป็นผิดอยู่ดี..
งานสวดพระศพของเสด็จป้ายังไม่ครบกำหนด เธอและจันยังคงไปงานทุกวัน พระญาติองค์อื่นๆก็ผลัดหมุนเวียนกันมา วันนี้เจ้าพี่สุรคมเสด็จด้วย พอเสร็จกิจธุระเขาก็เอาแต่จะตรัสถึงเรื่องหมั้นหมายที่คาราคาซังอยู่จนเธอระอา เธอไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรด้วยตั้งแต่แรกจนบัดนี้ อุรวศีจึงเอ่ยตอบเจ้าพี่อย่างตรงไปตรงมา... อย่าให้เธอต้องรู้เรื่องอะไรไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ชีวิตเธอก็วุ่นวายมากพอแล้ว พูดถึงขนาดนี้..เจ้าพี่ก็ยังไม่เข้าพระทัย ยังคิดเข้าข้างองค์เองอีกหรือนี่... เธอทำได้เพียงแต่เงียบ ไม่ตอบรับเพื่อตัดบทให้จบลงไป
หากเป็นเจ้าพี่สุรคมที่คงหาเรื่องเพื่อพูดคุยต่อ จึงเอ่ยถามว่า..เธอรู้เรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องก่อการณ์หรือไม่ แม้จะอยากทราบเพียงใด แต่เธอจะออกหน้ามากก็คงมิได้ จึงบ่ายเบี่ยงไปว่าเธออยู่แต่ฝ่ายในคงไม่รู้ความเป็นไปข้างนอกนักหรอก หากเป็นจัน สาวรับใช้ที่ช่างรู้งานสมกับที่อยู่ด้วยกันมานาน จัน..จึงเอ่ยถามเจ้าพี่ถึงการจับกุมทันที เจ้าพี่ตอบรับว่าจับกุมได้หลายคนแล้ว เธอมองจันเพียงแวบเดียว เด็กสาวก็รู้ ...จันจึงถามต่อถึงอนลให้เธอทันที.. อุรวศีรอฟัง..อย่างใจจดจ่อ เจ้าพี่เกริ่นว่า..เขาก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่มิได้ไปดูดำดูดีเพื่อนเลย เธอจึงเปรยกลับไปว่า..อีกไม่นาน คงจะตั้งศาลขึ้นมาเพื่อตัดสินคดีความแล้วกระมัง ...ศาลถูกตั้งแล้ว ตามคำตอบรับของเจ้าพี่ หากเป็นประโยคต่อไปต่างหากที่ทำเอาเธอตกใจไม่น้อย.... บ่ายนี้อนลจะถูกย้ายไปคุมตัวที่กระทรวงกลาโหมและคงห้ามใครเข้าเยี่ยมอีก หากเธอถูกตัดสินว่าผิดจริง จะโทษประหาร หรือ ขังลืมฉันก็ยังมิรู้ได้ ชาตินี้เราจะได้พบหน้ากันอีกหรือไม่...อนล
อาเกื้อมาเยี่ยม...พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาสารภาพพูดความจริงไปว่าใครเป็นคนผิด. ..เขาไม่พูดและยืนยันจะไม่พูด อนลรู้...ถึงเขาไม่ผิด แต่เขาไม่มีหลักฐานแก้ต่างให้ตัวเองเลย...ว่าทำไมเขาถึงไปอยู่ที่บ้านเจ้านายของพี่ใหญ่ในยามวิกาลได้ หากพูดออกไป....ว่าเขาไปตามหาพี่ชาย...เรื่องคงซัดทอดไปถึงพี่ใหญ่ทันที อาไม่กลัว...แต่เขากลัว.. เขากลัวว่าหากทั้งเขา อาเกื้อและพี่ใหญ่ถูกจับกุมต้องโทษกันหมด เห็นทีคุณพ่อคุณแม่คงตายทั้งเป็นเป็นแน่..
ผู้ชายอย่างเขา..แม้ภายนอกคุณพ่อจะเห็นว่าเขาอ่อนแอกว่าพี่ชายที่เป็นชายชาติทหาร แต่บัดนี้..อนลรู้...สิ่งใดที่เขาทำเพื่อครอบครัวได้..เขาจะทำ ลูกผู้ชายอย่างเขาเข้มแข็งที่ภายในต่างหาก...
เสียงรถหยุดกะทันหันดังเอี๊ยด... ทำเอาชายหนุ่มผู้ต้องขังที่นั่งอยู่บนรถทหารยื่นหน้าอออกมาดู บ่ายแล้ว..ถึงเวลาที่เขาจะถูกย้ายตัวไปคุมตัวที่คุกกระทรวงกลาโหม เหตุการณ์วุ่นวายเมื่อมีรถขนผลไม้ตัดหน้าหกกระจายขวางเต็มถนน.. ..หัวใจเขาแทบหยุดเต้น เมื่อหันไปเห็นเธอ..ท่านหญิง ท่านหญิงของกระหม่อม เธออยู่ในชุดชาวบ้านสะอาดตา หากมีผ้าคลุมพรางพระเกศาไว้ เธอมาส่งเขา...เธอลดองค์มาส่งเขาในที่แบบนี้ ชาตินี้กระหม่อมอาจจะได้เห็นพระพักตร์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย....เขาจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ มอง...อย่างที่ต้องการประทับวงหน้างามนั้นไว้ในหัวใจตลอดกาล สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเทิดทูนเหนือเกล้า... ฝ่าบาท..กระหม่อมทราบแล้ว....”เหมือนเดิมของฝ่าบาทเป็นเช่นไร”.. น้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้าแดงกร่ำ เขาเม้มปากแน่นอย่างอดกลั้นมิให้มันไหล ยิ้มทั้งน้ำตาของเขาพยายามเข้มแข็งให้เธอเห็น อนลรู้..การจากเป็นเพื่อไปตายแบบนี้โหดร้ายยิ่งกว่าการจากตายนัก ฝ่าบาท....กระหม่อมขอทูลลา
เพียงรถทหารที่ขนผู้ต้องหามาถึงจุดที่หมาย... ครูจางวางส่งสัญญาณทันที จันและเถ้าแก่บุญทัน..รับหน้าที่ให้รถลากที่นั่งกันมาคนละคัน ให้ลากไปตัดหน้ารถขนผลไม้จนหกระเนระนาดกองเต็มถนน... อรุวศีประทับยืนอยู่ริมถนนในมุมที่ลับตาคน ฉันเห็นเธอแล้ว...อนล... เธอจ้องมองเขา เขายังอยู่ในชุดราชประแตนที่คุ้นเคยมิใช่ชุดนักโทษ หากใบหน้าเขากลับดูหมองลงไปถนัดตา ข้อมือเขาถูกกุญแจมือตรวนเอาไว้...
ตาคม ๒ คู่สบกันในเพียงเสี้ยวนาที ก็เข้าใจความหมายที่ไม่ต้องเอ่ย อนล...ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้พบ เธอมองหน้าเขา.. ชายหนุ่มต่างศักดิ์ที่วนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของเธอมากกว่าพระญาติที่สมศักดิ์กันคนนี้ เธอมองแบบไม่วางตา..เหมือนจะเก็บความรู้สึกนี้ให้นานที่สุด เพียงเสียงเครื่องยนต์รถทหารที่จอดดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนเสียงกระชากหัวใจเธอและเขาออกจากกันก็ไม่ปาน ....ใจหาย เธอใจหายจริงๆ ฉันมาบอกลา ฉันคงส่งเธอได้เพียงเท่านี้ อุรวศีคงไม่ทรงรู้องค์ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอหน่วยไม่ต่างจากชายหนุ่มเลย... สายพระเนตรยังคงจับจ้องรถทหารที่ค่อยๆเคลื่อนออกไปจากจุดเกิดเหตุจนลับตา.... ลาก่อน..อนล โทษร้ายแรงเช่นนี้ จะหาใครรอดพ้นจากความตายคงยากเต็มทน
แผนเสี่ยงๆของเธอได้ผล..เธอได้บอกลาอนล นานมากเท่าที่จะทำได้ ให้สมกับความปรารถดีของเขาที่เคยมีต่อเธอเสมอมา..แม้จะวุ่นวายกันไปใหญ่จนจันแอบกระซิบว่าเถ้าแก่บุญทันน่าจะรู้ทันเราเสียแล้ว... เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขอบใจจันอย่างเต็มพระทัยที่ยอมเสี่ยงออกหน้ารับแทนทันที...
ภายในห้องคุมขังใต้ดินของกลาโหม อนลนั่งอยู่ในชุดนักโทษร่างกายผ่ายผอม วงหน้าของชายหนุ่มที่เคยรูปงามกลับดูโทรมลงไปถนัดตา ข้อเท้าของเขามีตรวนเส้นยาวพันธนาการเอาไว้ เขานั่งหมดอาลัยไปกับชะตากรรมของตัวเอง...จู่ๆนายทหารชั้นผู้น้อยก็มาแจ้ง...มีคนมาขอเข้าเยี่ยม เขาอดแปลกใจไม่ได้ เมื่อถูกย้ายมาที่นี่...ทางเดียวที่จะเข้ามาเยี่ยมนักโทษอย่างเขาได้ คงจะเป็นผู้มีอำนาจในกระทวงกลาโหมกระมัง เขาถูกนำตัวมาพบนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของฝ่ายกลาโหมที่เขาไม่รู้จัก เช่นเคย...ท่านพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้งก่อนขึ้นศาลตัดสินในอีกไม่กี่วัน ข้อเสนอให้สารภาพและจะกันเขาไว้เป็นพยานนั้นดีอยู่หรอก ท่านจี้ตรงใจเขาเรื่องคุณแม่...ท่านจะอยู่อย่างไรหากเขาต้องโทษประหาร...เมื่อนึกถึงพี่ชายและอา อนลไม่เสียเวลาคิดนาน เขาจึงตอบออกไปอย่างหนักแน่นไม่ต่างจากเดิม... กระผมทราบดีขอรับ ว่าคุณแม่คงจะเสียใจ แต่ความตายของกระผมเพียงคนเดียว ถือว่าเล็กน้อยนัก.... เขาไม่ปริปากซัดทอดใครเหมือนเดิม
กลับมาถึงห้องขังที่แทบมองไม่เห็นเดือนเห็นตะวันนี้...ชายหนุ่มนั่งพิงกำแพงทิ้งตัว ทิ้งอารมณ์นึกไปถึงพระพักตร์ของท่านหญิงในวันที่เธอมาส่ง...เธอต่อลมหายใจให้ว่าที่นักโทษประหารอย่างเขาให้หายใจต่อ น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมานิ่งๆอย่างไม่อายผู้ใด น้ำตาแห่งความคิดถึง....วิบากกรมคราวนี้...เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้อนลยังมีลมหายใจอยู่ต่อไปได้...คงมีเพียงทุกๆความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอ...นับจากวันแรกที่พบพระพักตร์ที่ห้องทรงพระอักษร....นับจากครั้งที่ ๒ ที่เขาได้เล่นจะเข้ถวาย...นับจาก...
ใส่ร้ายกันชัดๆ...พี่หญิงกลางกับพี่หญิงนิด พลิกขาวให้เป็นดำอีกแล้ว...คราวนี้ยุแยงพี่หญิงเล็กเรื่องเจ้าพี่สุรคม เธอยืนยันไม่รู้กี่รอบว่าเธอไม่เคยแสดงท่าทีว่ารักชอบพอเลย ไม่เคย...แสดงออกสักนิดว่าอยากจะเสกสมรสด้วย แล้วที่เจ้าพี่สุรคมมาขอให้พี่หญิงเล็กถอนหมั้น มันเกี่ยวข้อกับเธอตรงไหนกัน พี่หญิงกลางกับพี่หญิงนิดไม่เชื่อยังไม่เท่าไหร่ หากพี่หญิงเล็ก เจ้าพี่ที่สนิทสนมรักใคร่กันดีมาตั้งแต่เด็กกลับไม่ยอมเชื่อใจเธอซะนี่ หากเธอมีใจให้จริง เธอจะบ่ายเบี่ยงไม่รับไม่รู้เรื่องที่เสด็จป้าทรงพยายามจับคู่ดูตัวแต่แรกทำไม ทุกวันนี้เธอก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแล้ว...ทั้งเจ้าพี่สุรคม พี่หญิงเม ป้าเรี่ยมก็ต่างพากันคิดว่าที่เธอปฏิเสธมาตลอด เพราะเธอกลัวจะเสียหาย แต่ไม่ใช่...เธอมิได้รักเจ้าพี่สุรคมต่างหาก
เสด็จพ่อทรงเคยสอนว่า...แม้แผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า... เธอถามพี่หญิงเล็กว่าทรงจำคำสอนนี้ได้หรือไม่ เธอถามเพราะ.. เสด็จพ่อทรงสอนและอยากให้ลูกสาวทุกคนรักศักดิ์ศรีของตัวเอง มิใช่มาผิดใจกันเพราะผู้ชายแบบนี้
อีกแล้วรึ...ยังจะมีใครในกลาโหมมาเยี่ยมเขาได้อีกหรือ.. พี่ใหญ่! พี่ชายมาช่วยเขาแล้ว...อนลยิ้มอย่างดีใจเมื่อทราบว่าใครมาเยี่ยม พี่ชายเขาตอบรับ...พี่ต้องหาทางช่วยนลแน่ แต่นลต้องรอสักพัก เพราะของแบบนี้มันคงต้องใช้เวลา พี่ชายพูดจบจากใบหน้าหมองที่มีรอยยิ้มแต้ม กลับหุบลงแทบไม่ทัน...เวลาอย่างนั้นหรือ เขาไม่มีเวลาแล้ว เขาจะถูกส่งตัวไปขึ้นศาลในอีกไม่กี่วัน ชายหนุ่มทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้อย่างทอดถอนใจ จบแล้ว...ความหวังเดียวของเขา..เขาหวังว่าพี่ใหญ่จะต้องหาทางช่วยเขาจงได้ เมื่อพี่ใหญ่อ้างถึงความทุกข์ใจของคุณพ่อคุณแม่หากเขาสารภาพ อนลจะทำอย่างไรได้เล่า นอกจากรับคำว่าเขาทราบดี ว่าหากพูดอะไรออกไปผลจะเป็นเยี่ยงไร แม้จะยังไม่โดนซัดทอดจากผู้สมคบคิดคนอื่นก็ตาม
พี่ชายบอกให้เขารอ บอกให้เขาเชื่อ อนลตอบรับ เขาเชื่อพี่ใหญ่เสมอ อนลจ้องอนึกไม่วางตา สายตาเขาเด็ดเดี่ยวมากอย่างชายที่ผ่านความทุกข์มาแล้ว... พี่ใหญ่ลากลับด้วยความแผ่วเบา การเข้ามาเยี่ยมนักโทษคดีแบบเขาคงไม่ง่ายนัก หากอนลเรียกพี่ชายที่เขารักใคร่เป็นครั้งสุดท้าย.....พี่ใหญ่... ลาก่อนครับ คำบอกลาของเขามิใช่การลาเพื่อวันนี้..หากอนลรู้ตัว..เขาเอ่ยคำลาตลอดกาลต่างหาก
อนลเอ่ยปากขอบคุณทหารชั้นผู้น้อยที่มาเรียกตัวเขา...ผมขอลาคุณตรงนี้ล่ะกัน เผื่อจะไม่ได้เจอกันอีก คุณดูแลผมดีมาก....คำพูดที่ยอมรับชะตากรรมตัวเองแล้ว หากหนักแน่น มั่นคงสมเป็นลูกผู้ชาย..เอาล่ะ วันขึ้นศาลก็มาถึงจนได้...
ตอนที่ ๙ : ชะตาชีวิตจะผันเปลี่ยนไปเช่นไร... ฉันยังเหมือนเดิม
ทำไมเขาจะไม่ทราบ...เพื่อน...ที่นายทหารกล่าวถึงนั้นเป็นใคร...ฝ่าบาท ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เธอยังไม่ลืมเขา ยังเผื่อแผ่พระเมตตามาถึงเขาถึงในห้องขัง.. ฝ่าบาท.. อย่าทรงลดองค์มาทรงนับเพื่อนกับกระหม่อมเวลานี้เลย กระหม่อมไม่เพียงแต่เป็นสามัญชนคนธรรมดา..หากยังเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงรอหลวงท่านตัดสินเสียด้วย เขาจะรอดจากคุกหรือรอดตายหรือไม่ เมื่อนึกถึงชะตากรรมของตัวเอง... ชายหนุ่มเม้มปากแน่นเก็บความรู้สึกแล้วเอ่ยตอบนายทหารผู้มีน้ำใจคนนั้นว่า... ฝากบอกแม่จันไปถึงเพื่อนฉันด้วย ว่าไม่ต้องส่งใครมาอีก ฉันไม่อยากเจอหน้าใคร
เธอรู้เพียงแค่ว่า..เขายังอยู่ในระหว่างถูกสอบสวน...จันจึงถูกเธอไหว้วานอีกครั้งเพื่อนำคำไปบอกเขาที่คุมขัง ซึ่งตอนนี้ยังให้ญาติได้มีโอกาสมาเยี่ยม เธอเชื่อว่าผู้ชายซื่อตรง จิตใจมั่นคงอย่างอนลไม่น่าคิดหาญกล้าทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้ เธอบอกจันเพียงว่า.. ไม่ต้องพูดอะไรกับใครมาก และฝากบอกเขา.. ไม่ว่าจะถูกผิดอย่างไร.....”ฉันก็ยังเหมือนเดิม” .... อนล..ฉันหวัง..ว่าคำฝากของฉันจะทำให้เธอมีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องของตัวเอง ความถูกต้องที่เธอเคยบอก..ถ้าไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร ไม่ได้ทำให้ถูกกลายเป็นผิดอยู่ดี..
งานสวดพระศพของเสด็จป้ายังไม่ครบกำหนด เธอและจันยังคงไปงานทุกวัน พระญาติองค์อื่นๆก็ผลัดหมุนเวียนกันมา วันนี้เจ้าพี่สุรคมเสด็จด้วย พอเสร็จกิจธุระเขาก็เอาแต่จะตรัสถึงเรื่องหมั้นหมายที่คาราคาซังอยู่จนเธอระอา เธอไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรด้วยตั้งแต่แรกจนบัดนี้ อุรวศีจึงเอ่ยตอบเจ้าพี่อย่างตรงไปตรงมา... อย่าให้เธอต้องรู้เรื่องอะไรไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ชีวิตเธอก็วุ่นวายมากพอแล้ว พูดถึงขนาดนี้..เจ้าพี่ก็ยังไม่เข้าพระทัย ยังคิดเข้าข้างองค์เองอีกหรือนี่... เธอทำได้เพียงแต่เงียบ ไม่ตอบรับเพื่อตัดบทให้จบลงไป
หากเป็นเจ้าพี่สุรคมที่คงหาเรื่องเพื่อพูดคุยต่อ จึงเอ่ยถามว่า..เธอรู้เรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องก่อการณ์หรือไม่ แม้จะอยากทราบเพียงใด แต่เธอจะออกหน้ามากก็คงมิได้ จึงบ่ายเบี่ยงไปว่าเธออยู่แต่ฝ่ายในคงไม่รู้ความเป็นไปข้างนอกนักหรอก หากเป็นจัน สาวรับใช้ที่ช่างรู้งานสมกับที่อยู่ด้วยกันมานาน จัน..จึงเอ่ยถามเจ้าพี่ถึงการจับกุมทันที เจ้าพี่ตอบรับว่าจับกุมได้หลายคนแล้ว เธอมองจันเพียงแวบเดียว เด็กสาวก็รู้ ...จันจึงถามต่อถึงอนลให้เธอทันที.. อุรวศีรอฟัง..อย่างใจจดจ่อ เจ้าพี่เกริ่นว่า..เขาก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่มิได้ไปดูดำดูดีเพื่อนเลย เธอจึงเปรยกลับไปว่า..อีกไม่นาน คงจะตั้งศาลขึ้นมาเพื่อตัดสินคดีความแล้วกระมัง ...ศาลถูกตั้งแล้ว ตามคำตอบรับของเจ้าพี่ หากเป็นประโยคต่อไปต่างหากที่ทำเอาเธอตกใจไม่น้อย.... บ่ายนี้อนลจะถูกย้ายไปคุมตัวที่กระทรวงกลาโหมและคงห้ามใครเข้าเยี่ยมอีก หากเธอถูกตัดสินว่าผิดจริง จะโทษประหาร หรือ ขังลืมฉันก็ยังมิรู้ได้ ชาตินี้เราจะได้พบหน้ากันอีกหรือไม่...อนล
อาเกื้อมาเยี่ยม...พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาสารภาพพูดความจริงไปว่าใครเป็นคนผิด. ..เขาไม่พูดและยืนยันจะไม่พูด อนลรู้...ถึงเขาไม่ผิด แต่เขาไม่มีหลักฐานแก้ต่างให้ตัวเองเลย...ว่าทำไมเขาถึงไปอยู่ที่บ้านเจ้านายของพี่ใหญ่ในยามวิกาลได้ หากพูดออกไป....ว่าเขาไปตามหาพี่ชาย...เรื่องคงซัดทอดไปถึงพี่ใหญ่ทันที อาไม่กลัว...แต่เขากลัว.. เขากลัวว่าหากทั้งเขา อาเกื้อและพี่ใหญ่ถูกจับกุมต้องโทษกันหมด เห็นทีคุณพ่อคุณแม่คงตายทั้งเป็นเป็นแน่..
ผู้ชายอย่างเขา..แม้ภายนอกคุณพ่อจะเห็นว่าเขาอ่อนแอกว่าพี่ชายที่เป็นชายชาติทหาร แต่บัดนี้..อนลรู้...สิ่งใดที่เขาทำเพื่อครอบครัวได้..เขาจะทำ ลูกผู้ชายอย่างเขาเข้มแข็งที่ภายในต่างหาก...
เสียงรถหยุดกะทันหันดังเอี๊ยด... ทำเอาชายหนุ่มผู้ต้องขังที่นั่งอยู่บนรถทหารยื่นหน้าอออกมาดู บ่ายแล้ว..ถึงเวลาที่เขาจะถูกย้ายตัวไปคุมตัวที่คุกกระทรวงกลาโหม เหตุการณ์วุ่นวายเมื่อมีรถขนผลไม้ตัดหน้าหกกระจายขวางเต็มถนน.. ..หัวใจเขาแทบหยุดเต้น เมื่อหันไปเห็นเธอ..ท่านหญิง ท่านหญิงของกระหม่อม เธออยู่ในชุดชาวบ้านสะอาดตา หากมีผ้าคลุมพรางพระเกศาไว้ เธอมาส่งเขา...เธอลดองค์มาส่งเขาในที่แบบนี้ ชาตินี้กระหม่อมอาจจะได้เห็นพระพักตร์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย....เขาจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ มอง...อย่างที่ต้องการประทับวงหน้างามนั้นไว้ในหัวใจตลอดกาล สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเทิดทูนเหนือเกล้า... ฝ่าบาท..กระหม่อมทราบแล้ว....”เหมือนเดิมของฝ่าบาทเป็นเช่นไร”.. น้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้าแดงกร่ำ เขาเม้มปากแน่นอย่างอดกลั้นมิให้มันไหล ยิ้มทั้งน้ำตาของเขาพยายามเข้มแข็งให้เธอเห็น อนลรู้..การจากเป็นเพื่อไปตายแบบนี้โหดร้ายยิ่งกว่าการจากตายนัก ฝ่าบาท....กระหม่อมขอทูลลา
เพียงรถทหารที่ขนผู้ต้องหามาถึงจุดที่หมาย... ครูจางวางส่งสัญญาณทันที จันและเถ้าแก่บุญทัน..รับหน้าที่ให้รถลากที่นั่งกันมาคนละคัน ให้ลากไปตัดหน้ารถขนผลไม้จนหกระเนระนาดกองเต็มถนน... อรุวศีประทับยืนอยู่ริมถนนในมุมที่ลับตาคน ฉันเห็นเธอแล้ว...อนล... เธอจ้องมองเขา เขายังอยู่ในชุดราชประแตนที่คุ้นเคยมิใช่ชุดนักโทษ หากใบหน้าเขากลับดูหมองลงไปถนัดตา ข้อมือเขาถูกกุญแจมือตรวนเอาไว้...
ตาคม ๒ คู่สบกันในเพียงเสี้ยวนาที ก็เข้าใจความหมายที่ไม่ต้องเอ่ย อนล...ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้พบ เธอมองหน้าเขา.. ชายหนุ่มต่างศักดิ์ที่วนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของเธอมากกว่าพระญาติที่สมศักดิ์กันคนนี้ เธอมองแบบไม่วางตา..เหมือนจะเก็บความรู้สึกนี้ให้นานที่สุด เพียงเสียงเครื่องยนต์รถทหารที่จอดดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนเสียงกระชากหัวใจเธอและเขาออกจากกันก็ไม่ปาน ....ใจหาย เธอใจหายจริงๆ ฉันมาบอกลา ฉันคงส่งเธอได้เพียงเท่านี้ อุรวศีคงไม่ทรงรู้องค์ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอหน่วยไม่ต่างจากชายหนุ่มเลย... สายพระเนตรยังคงจับจ้องรถทหารที่ค่อยๆเคลื่อนออกไปจากจุดเกิดเหตุจนลับตา.... ลาก่อน..อนล โทษร้ายแรงเช่นนี้ จะหาใครรอดพ้นจากความตายคงยากเต็มทน
แผนเสี่ยงๆของเธอได้ผล..เธอได้บอกลาอนล นานมากเท่าที่จะทำได้ ให้สมกับความปรารถดีของเขาที่เคยมีต่อเธอเสมอมา..แม้จะวุ่นวายกันไปใหญ่จนจันแอบกระซิบว่าเถ้าแก่บุญทันน่าจะรู้ทันเราเสียแล้ว... เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขอบใจจันอย่างเต็มพระทัยที่ยอมเสี่ยงออกหน้ารับแทนทันที...
ภายในห้องคุมขังใต้ดินของกลาโหม อนลนั่งอยู่ในชุดนักโทษร่างกายผ่ายผอม วงหน้าของชายหนุ่มที่เคยรูปงามกลับดูโทรมลงไปถนัดตา ข้อเท้าของเขามีตรวนเส้นยาวพันธนาการเอาไว้ เขานั่งหมดอาลัยไปกับชะตากรรมของตัวเอง...จู่ๆนายทหารชั้นผู้น้อยก็มาแจ้ง...มีคนมาขอเข้าเยี่ยม เขาอดแปลกใจไม่ได้ เมื่อถูกย้ายมาที่นี่...ทางเดียวที่จะเข้ามาเยี่ยมนักโทษอย่างเขาได้ คงจะเป็นผู้มีอำนาจในกระทวงกลาโหมกระมัง เขาถูกนำตัวมาพบนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของฝ่ายกลาโหมที่เขาไม่รู้จัก เช่นเคย...ท่านพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้งก่อนขึ้นศาลตัดสินในอีกไม่กี่วัน ข้อเสนอให้สารภาพและจะกันเขาไว้เป็นพยานนั้นดีอยู่หรอก ท่านจี้ตรงใจเขาเรื่องคุณแม่...ท่านจะอยู่อย่างไรหากเขาต้องโทษประหาร...เมื่อนึกถึงพี่ชายและอา อนลไม่เสียเวลาคิดนาน เขาจึงตอบออกไปอย่างหนักแน่นไม่ต่างจากเดิม... กระผมทราบดีขอรับ ว่าคุณแม่คงจะเสียใจ แต่ความตายของกระผมเพียงคนเดียว ถือว่าเล็กน้อยนัก.... เขาไม่ปริปากซัดทอดใครเหมือนเดิม
กลับมาถึงห้องขังที่แทบมองไม่เห็นเดือนเห็นตะวันนี้...ชายหนุ่มนั่งพิงกำแพงทิ้งตัว ทิ้งอารมณ์นึกไปถึงพระพักตร์ของท่านหญิงในวันที่เธอมาส่ง...เธอต่อลมหายใจให้ว่าที่นักโทษประหารอย่างเขาให้หายใจต่อ น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมานิ่งๆอย่างไม่อายผู้ใด น้ำตาแห่งความคิดถึง....วิบากกรมคราวนี้...เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้อนลยังมีลมหายใจอยู่ต่อไปได้...คงมีเพียงทุกๆความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอ...นับจากวันแรกที่พบพระพักตร์ที่ห้องทรงพระอักษร....นับจากครั้งที่ ๒ ที่เขาได้เล่นจะเข้ถวาย...นับจาก...
ใส่ร้ายกันชัดๆ...พี่หญิงกลางกับพี่หญิงนิด พลิกขาวให้เป็นดำอีกแล้ว...คราวนี้ยุแยงพี่หญิงเล็กเรื่องเจ้าพี่สุรคม เธอยืนยันไม่รู้กี่รอบว่าเธอไม่เคยแสดงท่าทีว่ารักชอบพอเลย ไม่เคย...แสดงออกสักนิดว่าอยากจะเสกสมรสด้วย แล้วที่เจ้าพี่สุรคมมาขอให้พี่หญิงเล็กถอนหมั้น มันเกี่ยวข้อกับเธอตรงไหนกัน พี่หญิงกลางกับพี่หญิงนิดไม่เชื่อยังไม่เท่าไหร่ หากพี่หญิงเล็ก เจ้าพี่ที่สนิทสนมรักใคร่กันดีมาตั้งแต่เด็กกลับไม่ยอมเชื่อใจเธอซะนี่ หากเธอมีใจให้จริง เธอจะบ่ายเบี่ยงไม่รับไม่รู้เรื่องที่เสด็จป้าทรงพยายามจับคู่ดูตัวแต่แรกทำไม ทุกวันนี้เธอก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแล้ว...ทั้งเจ้าพี่สุรคม พี่หญิงเม ป้าเรี่ยมก็ต่างพากันคิดว่าที่เธอปฏิเสธมาตลอด เพราะเธอกลัวจะเสียหาย แต่ไม่ใช่...เธอมิได้รักเจ้าพี่สุรคมต่างหาก
เสด็จพ่อทรงเคยสอนว่า...แม้แผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า... เธอถามพี่หญิงเล็กว่าทรงจำคำสอนนี้ได้หรือไม่ เธอถามเพราะ.. เสด็จพ่อทรงสอนและอยากให้ลูกสาวทุกคนรักศักดิ์ศรีของตัวเอง มิใช่มาผิดใจกันเพราะผู้ชายแบบนี้
อีกแล้วรึ...ยังจะมีใครในกลาโหมมาเยี่ยมเขาได้อีกหรือ.. พี่ใหญ่! พี่ชายมาช่วยเขาแล้ว...อนลยิ้มอย่างดีใจเมื่อทราบว่าใครมาเยี่ยม พี่ชายเขาตอบรับ...พี่ต้องหาทางช่วยนลแน่ แต่นลต้องรอสักพัก เพราะของแบบนี้มันคงต้องใช้เวลา พี่ชายพูดจบจากใบหน้าหมองที่มีรอยยิ้มแต้ม กลับหุบลงแทบไม่ทัน...เวลาอย่างนั้นหรือ เขาไม่มีเวลาแล้ว เขาจะถูกส่งตัวไปขึ้นศาลในอีกไม่กี่วัน ชายหนุ่มทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้อย่างทอดถอนใจ จบแล้ว...ความหวังเดียวของเขา..เขาหวังว่าพี่ใหญ่จะต้องหาทางช่วยเขาจงได้ เมื่อพี่ใหญ่อ้างถึงความทุกข์ใจของคุณพ่อคุณแม่หากเขาสารภาพ อนลจะทำอย่างไรได้เล่า นอกจากรับคำว่าเขาทราบดี ว่าหากพูดอะไรออกไปผลจะเป็นเยี่ยงไร แม้จะยังไม่โดนซัดทอดจากผู้สมคบคิดคนอื่นก็ตาม
พี่ชายบอกให้เขารอ บอกให้เขาเชื่อ อนลตอบรับ เขาเชื่อพี่ใหญ่เสมอ อนลจ้องอนึกไม่วางตา สายตาเขาเด็ดเดี่ยวมากอย่างชายที่ผ่านความทุกข์มาแล้ว... พี่ใหญ่ลากลับด้วยความแผ่วเบา การเข้ามาเยี่ยมนักโทษคดีแบบเขาคงไม่ง่ายนัก หากอนลเรียกพี่ชายที่เขารักใคร่เป็นครั้งสุดท้าย.....พี่ใหญ่... ลาก่อนครับ คำบอกลาของเขามิใช่การลาเพื่อวันนี้..หากอนลรู้ตัว..เขาเอ่ยคำลาตลอดกาลต่างหาก
อนลเอ่ยปากขอบคุณทหารชั้นผู้น้อยที่มาเรียกตัวเขา...ผมขอลาคุณตรงนี้ล่ะกัน เผื่อจะไม่ได้เจอกันอีก คุณดูแลผมดีมาก....คำพูดที่ยอมรับชะตากรรมตัวเองแล้ว หากหนักแน่น มั่นคงสมเป็นลูกผู้ชาย..เอาล่ะ วันขึ้นศาลก็มาถึงจนได้...