ปฐพีเดือด ตอนที่2.

กระทู้สนทนา
ตอนที่2. สืบข่าว
โดย : ตรัยโศก  ณ  ริมน่าน

เสียงรองเท้าย่ำไปตามโถงทางเดินก้องสะท้อนกลับไปกลับมา   สถานที่อันมืดสลัวอึมครึม  ยะเยือกเย็นและเต็มไปด้วยอักขระเลขยันต์ตลอดสองฝั่งของผนังและตามประตูห้องขังที่ถูกจานด้วยแป้งเป็นรูปยันต์สะกดนี้   สารวัตรเจษคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี  เขามาที่นี่บ่อยครั้ง  ทั้งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเลือกให้ควบคุมผู้ต้องหามายังห้องขัง  และมาในฐานะของนายตำรวจที่ต้องการสอบถามข้อมูลกับผู้ต้องขังในนี้  ผู้ต้องขังเด็ดขาด  ในฐานะ จอมขมังเวทย์

“ถึงแล้วครับท่าน”  

ผู้คุมนามว่า หาญ หรือจ่าหาญ ซึ่งเดินนำทางด้วยความเงียบมาโดยตลอดกล่าวเสียงเรียบ  ขณะเอื้อมมือจะไขกุญแจเพื่อเปิดห้องขังให้  สารวัตรเจษคว้าหมับจับข้อมือที่เต็มไปด้วยรอยสักอักขระเลขยันต์นั้นไว้  ก่อนที่เนื้อเหล็กของประตูบานใหญ่จะถูกสัมผัสด้วยมือของผู้ที่คิดว่าอาคมของตนเองก็แน่พอ

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับท่าน  อย่าลืมสิครับ  ท่านเลือกผมมาเอง...ผมยังจำคำพูดในวันนั้นได้นะครับ 'ถ้าคุณไม่แกร่งพอ  ผมจะไม่เลือกคุณมาทำงานนี้...'  ฉะนั้น  ในเมื่อตอนแรกเชื่อใจว่าผมและคนอื่น ๆ แกร่งพอ  ก็ต้องเชื่อให้ถึงที่สุดสิครับ”

“ไม่ใช่ผมไม่เชื่อใจคุณนะจ่า”  สารวัตรเจษอธิบายเสียงเรียบหน้าเครียด  ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนารมณ์ผิด  “เพียงแต่มีบางคนในนี้...ที่ความแข็งแกร่งของพวกคุณ  มันไม่พอ”

พูดจบสารวัตรเจษก็พยักพเยิดให้อีกฝ่ายขยับออกห่างจากประตู  ก่อนที่ตนเองจะยืนประนมมือสงบนิ่งรวมจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิ

‘พุทธังเกราะอิติกุรังตัง พระพุทธ จงมาเป็นหนัง  พระพุทธัง คงทรหด ตะโจ หนัง  ธัมมังเกราะอิติกุรังตัง พระธัมมังจงมาเป็นเนื้อ พระธัมมัง คงทรหด มังสัง เนื้อ สังฆังเกราะ อิติกุรังตัง พระสังฆัง จงมาเป็นกระดูก พระสังฆัง ทรหด อัฏฐิ กระดูก อิสะวาสุคงคง ตรีเพชชะคงคง!’  

สารวัตรเจษภาวนาคาถาเกราะแก้วในใจ  ลืมตาแล้วเป่าพรวดใส่ประตูตรงหน้า  พลันเกิดเสียงดังกึง! สนั่น ราวกับอะไรบางอย่างที่เกาะกุมอยู่กับประตูกระเด็นหลุดออก  สารวัตรเจษเหลือบมองจ่าหาญ เป็นสัญญาณว่าตอนนี้เปิดประตูได้  

อีกฝ่ายพยักหน้าและจัดการไขกุญแจให้  ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก  ผู้คุมคนนั้นก็เข้าใจทุกอย่าง  กลิ่นอายความเข้มขลังของอาคมชั่วร้ายแผ่ซ่านจนตนเองขนลุกไม่กล้าแม้แต่จะขยับเท้า  

ต่างกับสารวัตรเจษที่ก้าวเข้าไปแบบไม่มีกริ่งเกรง  กลางห้องอันมีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย  หญิงสาวนางหนึ่งนั่งก้มหน้านิ่ง  รอบกายของเธอเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษมากมายหลายชนิดเท่าที่มนุษย์จะรู้จัก  บางตัวยังมีชีวิต  บางตัวนิ่งสนิทตายเพราะกัดกันเอง  หากคะเนเอาจากสายตาแล้ว...จำนวนมีไม่ต่ำกว่าพันเป็นแน่  เพราะมันเบียดเสียยัดเยียดอยู่เต็มพื้นห้อง  ลามไปจนถึงหน้าประตูและหยุดอยู่แค่นั้น  ไม่มีตัวใดกล้ำกรายเล็ดลอดออกมา

ทว่า...ทันทีที่สารวัตรเจษก้าวเท้าเข้าไปในห้อง  เหล่าสัตว์มีพิษทั้งหลายกระจายหายไปเป็นฝุ่นควัน  หญิงสาวกลางห้องแค่นหัวเราะออกมาก่อนเงยหน้าขึ้นเหลือบตามองยิ้มน้อย ๆ
 
“สวัสดี...สะบันงา...”  สารวัตรเจษกล่าว

“ว่ายังไงคะคุณมือปราบจอมขมังเวทย์...มีอะไรให้สะบันงาผู้นี้รับใช้รึคะ?  หึหึหึ...”

“ฉันมีข้อความมาบอกเธอ  มันถึงเวลาแล้ว  เขาต้องการให้เธอทำงานให้”  สารวัตรเจษกล่าวหลังจากนั่งยอง ๆ ตรงหน้าสะบันงา  ซึ่งบัดนี้อักขระเลขยันต์ทั้งหลายที่เคยมีเลือนหายไปเหลือเพียงผิวหนังเกลี้ยงเกลา  “จากนายใหม่ของเธอ  ฝากด้วยนะ...คน ๆ นั้นบอกมาแค่นี้”

“ได้สิคะ   น้อมรับบัญชา...หึหึหึ”

“นี่มันหมายความว่ายังไงครับสารวัตร?  ท่านจะปล่อยตัวนักโทษโดยพละการรึครับ?”

ผู้คุมได้ยินที่ทั้งคู่สนทนากันโดยไม่คิดจะปิดบังก็กระทำตามหน้าที่  จ้ำพรวดเข้าไปภายในห้องขังหมายจะทักท้วงหรือหักห้าม  ทว่า  กลับต้องสะดุ้งใจตัวเย็นวาบ  เพราะทันทีที่พ้นประตูเข้าไป  ด้านซ้ายมือกลับปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง  ยิ่งเห็นยิ่งเย็นวาบ  เพราะที่ยืนอยู่ตรงนั้นมิใช่ใคร  สารวัตรเจษ  ที่ก็ยังมีอีกคนนั่งยอง ๆ หันหลังให้อยู่เบื้องหน้า

“นะ  โน  นะ  อันตะรายา  สารพัดจังงัง  วินาสสันตุ!”  

สารวัตรเจษที่ยืนอยู่ด้านข้างพร่ำพระคาถาอย่างรวดเร็วแล้วเป่าใส่หน้า  พลันสติสัมปชัญญะของผู้คุมเกิดเลือนราง  ยืนนิ่งดวงตาเหม่อลอยราวคนไร้วิญญาณ  สารวัตรเจษที่นั่งยอง ๆ ลุกขึ้นหันกลับมาหาเขา ขณะเดียวกันสารวัตรเจษอีกคนก็ค่อย ๆ ถอยหลังหายเข้าไปในกำแพงห้องขังดั่งฝุ่นควัน

“สะ  สิ  มิ  ระ...”  เขาใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงหน้าผากผู้คุมคนนั้นว่าพระคาถาเบา ๆ สามครั้งก่อนเอ่ยบอกบางอย่างที่จะกลายเป็นคำสั่งและความทรงจำฝังหัวจนกว่ามนต์จะคลาย  เมื่อเสร็จสิ้นก็หันมาทางสะบันงา

“ไปกันเถอะ  ยิ่งชักช้าสถานการณ์ยิ่งแย่ลง”  แล้วทั้งสามก็เดินออกจากที่นั่นไป  ประตูห้องขังของสะบันงาถูกปิดสนิทเรียบร้อย  มีไม่กี่คนที่รู้ว่าด้านในหาได้มีนักโทษถูกคุมขังอยู่  มันเป็นเพียงห้องขังว่าง ๆ สะบันงาถูกพาตัวออกไปแล้ว  โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง  จากคำขอร้องกึ่งสั่งของผู้ที่เคยจัดการและจับเธอยัดเข้าตะรางอาคมแห่งนี้

เช้าวันต่อมา  ผู้คุมอีกคนเดินมาเปลี่ยนกะเ  เขาเอ่ยทักเพื่อนร่วมงานที่ถูกคัดเลือกมาเช่นเดียวกับตนอย่างที่เคยทำอยู่ทุกวี่วัน

“เป็นไงวะไอ้หาญ?  มีเรื่องอะไรวุ่นวายรึเปล่าเมื่อคืน?”

“ไม่มี”  จ่าหาญตอบสั้น ๆ สีหน้าเป็นปกติ มอบพวงกุญแจให้ ลงชื่อแล้วเดินจากไป...

เวลาเดียวกัน ณ บ้านของตระกูลฤทัยเพชร  ขณะที่ลดากำลังจะก้าวขึ้นรถเพราะเห็นว่าอีกชั่วโมงจะถึงเวลาเข้าเวร  เธอถูกปลูกฝังจากดอกเตอร์เกริกไกรผู้เป็นบิดาว่า  ในการทำงานไม่ว่าจะเป็นหน่วยไหน  ราชการหรือเอกชน  คำว่าตรงเวลาไม่มีอยู่จริง  จะมีก็เพียงมาก่อนกับมาทีหลังเท่านั้น  และมันฝังหัวจนเธอปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ยังเป็นเพียงนักเรียนนักศึกษา

ทว่า ยังไม่ทันได้ปิดประตูรถ  ที่หน้าบ้านลดาแลเห็นจี๊ปทหารคันหนึ่งจอดนิ่งสนิทรออยู่ก่อนแล้ว  ข้างรถมีทหารหญิงยืนนิ่งรออยู่ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม  

“อ้าว! มาแล้ว?  ทำไมไม่เรียกล่ะนั่น”  

“สวัสดีค่ะ  ผู้กองให้ฉันรับส่งคุณลดาตั้งแต่วันนี้จนกว่าผู้กองจะกลับมา  เชิญค่ะ”  ทหารหญิงพูดเสียงดังฟังชัด เปิดประตูรถให้ลดาขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง  
พยาบาลสาวหยุดนิดหนึ่งมองหน้าทหารหญิงที่คาดว่าคงเป็นลูกน้องคนใดคนหนึ่งที่สามีไว้ใจ  คะเนจากอายุไม่น่าจะห่างจากตนเท่าใดนัก  

“ฉันนั่งหน้าคู่กันไปก็ได้ค่ะ”  พร้อมกันนั้นลดาก็ดันประตูให้ปิดสนิท  

“แล้วก็...ฉันไม่ใช่ทหาร ไม่ต้องการความเข้มแข็งเคร่งครัด  ต่อไปพูดกับฉันแบบธรรมดา ๆ เถอะค่ะ  ตามประสาผู้หญิงด้วยกัน”   ส่งยิ้มให้  ซึ่งเป็นยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจก่อนอ้อมไปยังอีกฝั่ง จัดแจงเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ  ทหารหญิงยิ้มกับตนเองก่อนเปิดประตูก้าวขึ้นรถนั่งข้างกัน 

“ถ้าไม่เสียมารยาทจนเกินไป ฉันขอถามชื่อกับอายุได้ไหมคะ?  ขอแบบมนุษย์ทั่วไปเขาคุยกัน  ผู้หญิงธรรมดาเขาคุยกัน  ไม่เอาแบบเป็นทางการ...นะคะ”  ลดาเป็นฝ่ายยิงคำถามก่อน

“อ๋อ..ค่ะ  ฉันชื่อสะบันงา  ปีนี้ก็สามสิบพอดี”  ทหารหญิงหันมาตอบยิ้มน้อย ๆ  แล้วก็ต้องสะดุ้งวาบ เมื่อจู่ ๆ ลดาคว้าหมับจับมือของเธอเอาไว้

“ขอบคุณที่บอกความจริงนะคะคุณสะบันงา ไม่สิ  ถ้าไม่รังเกียจขอเรียกสะบันงาเฉย ๆ ก็แล้วกันเพราะฉันก็อายุเท่ากัน”  ลดายิ้ม  ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้านิ่ง  แม้คำพูดจะดูไม่มีอะไรทว่าความนัยที่แฝงไว้นั้น  มันบ่งบอกชัดเจนว่าลดารู้ทุกอย่าง

“ในเมื่อเราต้องอยู่ด้วยกันจนกว่าทะนงเขาจะกลับมา  ฉันก็จะขอเปิดใจเลยก็แล้วกัน  ฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร  รู้ว่าเธอเคยทำอะไรมาและรู้ด้วยว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ไหน  ถ้าทะนงเขาใช้ให้เธอมาทำหน้าที่นี้จริง ๆ แสดงว่าเขาไว้ใจเธอ  เขาไม่เคยทำอะไรที่ไม่มีเหตุผล  ฉะนั้น...สะบันงา  ตั้งแต่วันนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ”
(มีต่อนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่