ถอดให้เป็นท่อนตามที่วงเล็บไว้หน่อยครับ
(บุษบงก็เบิกบานผกากร รัศมีพระจันทรก็มัวหมองเหมือนหนึ่งจะเศร้าโศกแสนวิปโยคเมื่อยามปัจจุสมัย ทั้งรัศมีพระสุริโยทัยส่องอยู่รางๆ ขึ้นเรืองฟ้า เสียงชะนีเหนี่ยวไม่ไห้หาละห้อยโหย พระกำลังนางก็อิดโรยพิไรร่ำร้อง) (พระสุรเสียงเธอกู่ก้องกังวานดง เทพเจ้าทุกพระองค์กอดพระหัตถ์เงี่ยพระโสตสดับสาร พระเยาวมาลย์เธอเที่ยวหาพระลูก พระนางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ ตั่งแต่ยามเย็นจนรุ่งเช้าก็สุดสิ้นที่จะเที่ยวค้น) (ทุกตำแหน่งแห่งละสามหนเธอเที่ยวหา ปณฺณรสโยชนมคฺํค ํค ถ้าจะคลี่คลายขยายมรคาก็ได้สิบห้าโยชน์โดยนิยม นางจึงเซซังเข้าไปสู่พระอาศรมบังคมบาทพระภัสดา ประหนึ่งว่าชีวาจะวางวายทำลายล่วง) (สองพระกรเธอข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญคร่ำแล้วรำพันว่า โอ้เจ้าดวงสุริยันจันทรทั้งคู่ของแม่เอ่ยแม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ที่ หรือจะข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็จะตามเจ้าไปจนสุดแรง) (นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา) (เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่า พ่อชาลีแม่กัณหายังทูลสั่งแม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองรา กลิ่นยังจับนาสาอยู่รวยรื่น) (โอ้ลูกข้านี้จะไม่คืนเสียแล้วกระมังในครั้งนี้ กัณหาชาลีลูกรักแม่นับวันแต่ว่าจะแลลับล่วงไปเสียแล้วละหนอใครจะกอดพระศอเสวยนมผทมด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่จะเข้าที่บรรจถรณ์เจ้าเคยเคียงเรียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี) (แต่นี่แม่จะกล่อมใครให้นิทราโอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น สำคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะฝากฝีพึ่งลูกทั้งสองคนมิรู้ว่าจะกลับวิบัติพลัดพรากไม่เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณ เจ้าเอาแต่ห่วงสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นี้ติดต้องข้องอยู่ด้วยอาลัย) (เจ้าทิ้งชื่อและโฉมไว้ให้เปล่าอกในวิณญาณ์เมื่อเ้าแม่จะเข้าไปสู่ป่ายังได้เห็นเจ้าอยู่หลัดๆ ควรละหรือมาสลัดแม่นี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่นี้บรรลัยเสียจริงแล้ว ควรจะสงสารเอ่ยด้วยนางแก้วกัลยาณี) (น้อมพระเกศีลงทูลถามหวังจะติดตามลูกรักทั้งสองรากราบถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยกพระบาทเยื่องย่างพระกานนางให้เสียวสั่นหวั่นไหวไปทั้งสององค์ ดุจชายธงอันต้องกำลงลมอยู่ลิ่วๆสิ้นพระแรงโรยเธอโหยหิวระหวยทรวง) (พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพักตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน จะทูลสั่งก็ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย แต่พอตรัสว่าพระคุณเจ้าเอ๋ยคำเดียวเท่านั้นก็หายเสียงเอียงพระกายบ่ายศิโรเพฐน์ พระเนตรหลับหับพระโอษฐ์ลงทันที) (วิสญฺญี หุตฺวานางก็ถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้านั้นแล)
ช่วยถอดคำประพันธ์ กัณฑ์มัทรี ให้หน่อยครับ
(บุษบงก็เบิกบานผกากร รัศมีพระจันทรก็มัวหมองเหมือนหนึ่งจะเศร้าโศกแสนวิปโยคเมื่อยามปัจจุสมัย ทั้งรัศมีพระสุริโยทัยส่องอยู่รางๆ ขึ้นเรืองฟ้า เสียงชะนีเหนี่ยวไม่ไห้หาละห้อยโหย พระกำลังนางก็อิดโรยพิไรร่ำร้อง) (พระสุรเสียงเธอกู่ก้องกังวานดง เทพเจ้าทุกพระองค์กอดพระหัตถ์เงี่ยพระโสตสดับสาร พระเยาวมาลย์เธอเที่ยวหาพระลูก พระนางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ ตั่งแต่ยามเย็นจนรุ่งเช้าก็สุดสิ้นที่จะเที่ยวค้น) (ทุกตำแหน่งแห่งละสามหนเธอเที่ยวหา ปณฺณรสโยชนมคฺํค ํค ถ้าจะคลี่คลายขยายมรคาก็ได้สิบห้าโยชน์โดยนิยม นางจึงเซซังเข้าไปสู่พระอาศรมบังคมบาทพระภัสดา ประหนึ่งว่าชีวาจะวางวายทำลายล่วง) (สองพระกรเธอข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญคร่ำแล้วรำพันว่า โอ้เจ้าดวงสุริยันจันทรทั้งคู่ของแม่เอ่ยแม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ที่ หรือจะข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็จะตามเจ้าไปจนสุดแรง) (นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา) (เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่า พ่อชาลีแม่กัณหายังทูลสั่งแม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองรา กลิ่นยังจับนาสาอยู่รวยรื่น) (โอ้ลูกข้านี้จะไม่คืนเสียแล้วกระมังในครั้งนี้ กัณหาชาลีลูกรักแม่นับวันแต่ว่าจะแลลับล่วงไปเสียแล้วละหนอใครจะกอดพระศอเสวยนมผทมด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่จะเข้าที่บรรจถรณ์เจ้าเคยเคียงเรียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี) (แต่นี่แม่จะกล่อมใครให้นิทราโอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น สำคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะฝากฝีพึ่งลูกทั้งสองคนมิรู้ว่าจะกลับวิบัติพลัดพรากไม่เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณ เจ้าเอาแต่ห่วงสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นี้ติดต้องข้องอยู่ด้วยอาลัย) (เจ้าทิ้งชื่อและโฉมไว้ให้เปล่าอกในวิณญาณ์เมื่อเ้าแม่จะเข้าไปสู่ป่ายังได้เห็นเจ้าอยู่หลัดๆ ควรละหรือมาสลัดแม่นี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่นี้บรรลัยเสียจริงแล้ว ควรจะสงสารเอ่ยด้วยนางแก้วกัลยาณี) (น้อมพระเกศีลงทูลถามหวังจะติดตามลูกรักทั้งสองรากราบถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยกพระบาทเยื่องย่างพระกานนางให้เสียวสั่นหวั่นไหวไปทั้งสององค์ ดุจชายธงอันต้องกำลงลมอยู่ลิ่วๆสิ้นพระแรงโรยเธอโหยหิวระหวยทรวง) (พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพักตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน จะทูลสั่งก็ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย แต่พอตรัสว่าพระคุณเจ้าเอ๋ยคำเดียวเท่านั้นก็หายเสียงเอียงพระกายบ่ายศิโรเพฐน์ พระเนตรหลับหับพระโอษฐ์ลงทันที) (วิสญฺญี หุตฺวานางก็ถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้านั้นแล)