ตอน 16 วันนี้เป็นวันของเราแล้วมั้ง

กระทู้สนทนา
ตอน 16 วันนี้เป็นวันของเราแล้วมั้ง
    วันรุ่งขึ้น ทรายตื่นขึ้นมาเหมือนคนไร้จุดหมายในชีวิต สีหน้าของเธอเมินเฉย แววตาเลื่อนลอย ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ เธอจึงแบกตัวเองไปเดินสำรวจความกลัดกลุ้มของตัวเองที่ห้างใกล้ๆบ้าน
ทรายรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งที่ต้องลากไปลากมาอย่างไร้ความหมาย เธอรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม เธอจะพบกับปัญหาและความเศร้าไปตลอดชีวิตเลยหรือ ความเศร้าครั้งสุดท้ายที่เพื่อนรักต้องจากไปไกลอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะมีโอกาสพบกันอีกเมื่อไหร่
เธอคิดว่าจะมีความสุขและอบอุ่นใจจากหมวดหนุ่มที่หยิบยื่นให้ แต่กลับพังทลายลงเพราะจิตใจที่เรรวนของหมวดหนุ่ม หรือเขาคิดกับเธอเพียงแค่ทางผ่าน หรือเธอเป็นเพียงงานอดิเรกของเขาในยามว่าง หรือการคบหาและแสดงท่าทีของเขาเป็นเพียงของเล่นฉาบฉวยที่เอาไว้ซ้อมรอเวลาพบกับคู่รักตัวจริงอย่างแคนดี้

    ทรายเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้ความหมาย ในห้างใหญ่โต ผู้คนเดินกันขวักไขว่ เสียงดังจ็อกแจ็ก แต่เธอรู้สึกเหมือนมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครแยแส จะอยู่ที่นี่ หรือหายตัวไปเฉยๆ ก็คงไม่มีใครสนใจใยดี หรือล่วงรู้ว่าเธอจะอยู่หรือเธอจะไป
    “ทราย”
    ทรายเงยหน้าขึ้นหันไปตามเสียง ยามนี้เธอไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ หมวดปราบยืนอยู่เบื้องหน้า ทรายก้มหน้าแล้วหันกลับเดินไปอีกทิศทางหนึ่ง หมวดปราบวิ่งตามเรียกเธอไม่ขาด
    “ทราย ทราย ทราย”
    เห็นว่าไม่เป็นผลหมวดปราบดึงแขนเธอไว้ ทรายได้แต่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
    “ปล่อยทรายเถิดค่ะ คุณมีแฟนอยู่แล้ว จะมาตามทรายอีกทำไม คุณจะมาทำให้ทรายช้ำใจอีกทำไม ปล่อยทรายไปเถิด”
    “ทำไมล่ะทราย เกิดอะไรขึ้น เมื่อวานคุณเดินจากไปเฉยๆ บอกลากันสักคำก็ไม่มี หรือคุณหึงที่แคนดี้เข้ามา แต่ผมก็ได้บอกคุณไปแล้ว เราทั้งคู่ไม่มีอะไรกันจริงๆ”

    ทรายได้แต่นิ่ง เธอค่อยๆใช้อีกมือหนึ่งเหนี่ยวนิ้วของหมวดปราบที่จับแขนของเธอออกทีละนิ้วจนหมด เสร็จแล้วก็เดินจากไปอย่างไม่ใยดี
    หมวดปราบวิ่งไปดักหน้าแล้วลงคุกเข่า หวังว่ามุขนี้จะใช้ได้ผลอีกครั้ง ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในห้างต่างหยุดมองกันด้วยความสนใจ บางคนก็หัวเราะ บางคนยิ้มให้ บางคนก็ทำทีเย้ยหยัน
    “ทราย ได้โปรดเถอะ อย่าทำอย่างนี้เลย ถ้าคุณไม่ต้องการผมอีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยก็บอกให้ผมรู้เหตุผลบ้าง จู่ๆก็ไม่ยอมพบหน้าไม่ยอมพูดคุย  อย่างนี้ทำร้ายจิตใจกันเกินไป ผมทำอะไรผิดมากเลยหรือ คุณถึงได้ทำกับผมถึงเพียงนี้”
    ทรายยืนร้องไห้เอามือปาดน้ำตา เธอทำท่าจะพูดแต่เมื่อคิดได้ว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร จึงหันหลังเดินไปอีกทาง ทิ้งหมวดปราบให้นั่งคุกเข่ามองเธอเดินจนหายลับไปกับฝูงชน

…………………………………………………………………………….
    ทรายเดินหายลับไปนานแล้ว หมวดปราบยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น สมองของเขายามนี้มันตื้อไปหมด คิดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อไปกับปัญหาที่เกิดขึ้น
    ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน คุณแม่ทั้งหลายที่เดินจูงลูกจูงหลานมาถึงกับตกอกตกใจคว้าลูกเต้าที่จูงมืออยู่ขึ้นมากระเตงสีข้าง เพราะคิดว่ามีเหตุร้าย หรือไม่ก็มีคนบ้ามานั่งคุกเข่าอยู่แถวนี้
    รปภ. 2-3 คนต้องมายืนคุมเชิงและเรียกวิทยุให้หัวหน้ารปภ.เข้ามาเจรจา
    “ขอโทษครับพี่ มานั่งคุกเข่าตรงทางเดินนานๆอย่างนี้ คงไม่สะดวกมังครับ พี่เป็นอะไรไปหรือเปล่า”
    หมวดปราบเหมือนตื่นจากภวังค์ รู้สึกสมเพชตัวเองเหมือนกันที่ทำไมถึงเป็นเอามาก เขาเลยยันตัวเองลุกขึ้นมา ยิ้มให้หัวหน้ารปภ.อย่างเขินๆ
    มีเสียงวิทยุเรียกเข้ามาที่หัวหน้ารปภ. เขาพูดคุยทางวิทยุสักพักก็หันมาทำหน้าขึงขังกับหมวดปราบ
    “ผมขอเชิญตัวไปที่ห้องผู้จัดการหน่อยครับ”
    “เฮ่ย ผมคงไม่ได้ทำอะไรผิดมากละมั้ง แค่นั่งคุกเข่าเท่านี้ คงไม่เป็นเรื่องอะไรมากน่ะ”
    “ขอเชิญตัวไปที่ห้องผู้จัดการครับ ไปเถอะครับ ผู้จัดการสั่งมา”
    สีหน้าแววตาของหัวหน้ารปภ.อ่อนโยนและเรียกร้องความเห็นใจ หมวดปราบจึงยอมเดินตามไปแต่โดยดี เขาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆของห้างใหญ่ไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องกระจกที่มีมู่ลี่บังไว้จนมิด

    หัวหน้ารปภ.พยักเพยิดให้หมวดปราบเข้าไป หมวดปราบหันมายักคิ้วเป็นเชิงคำถาม แต่ตำรวจหนุ่มหรือจะประหวั่นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เขาผลักประตูเข้าไปอย่างไม่รีรอ
    “ว่าไง อ้ายปราบเพื่อนรัก”
    หมวดปราบถึงกับผงะ แต่ถึงกับยิ้มขึ้นมาได้ เขาเดินไปตบไหล่คนที่ทักเขา
    “นายสุทธิเกียรติ โอ้ สุทธิเกียรติเพื่อนรักของเราจริงๆด้วย ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเจอแกที่นี่”
    “อ้ายนี่สำคัญนัก เราชวนมันแวะมากินข้าวกันบ้าง ไม่เคยมา นี่มานั่งคุกเข่าให้สาวอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ทุเรศว่ะ”
    หมวดปราบถึงกับอึ้ง แต่ก่อนที่จะพูดอะไร คนที่ชื่อสุทธิเกียรติก็แถลงให้ฟัง
    “พอดีวันนี้มาตรวจที่ห้างนี้ เดินเลยมาถึงห้องรปภ. พวกรปภ.ก็ซุบซิบกันว่ามองผ่านทีวีวงจรปิด เห็นผู้ชายมาเดินตื๊อสาวอยู่นานสองนาน แถมยังนั่งคุกเข่าอยู่หลายนาทีแล้ว”
    หมวดปราบถึงกับเขิน ทำหน้าไม่ถูก รู้สึกอายเพื่อนขึ้นมาจริงๆ
    “อ้ายเราก็ดูอยู่ตั้งนาน คิดว่าใคร ที่แท้เป็นอ้ายปราบนี่เอง นี่ จะบอกให้ แกไม่ปิ๋วหรอกว่ะ ฉันให้คนคอยตามเธอผ่านทีวีวงจรปิด น้องเขาเดินไปน้ำตาร่วงไป แสดงว่าแกนั่นแหละ ต้องเป็นฝ่ายทำให้เขาเสียใจอะไรสักอย่าง….”
    หมวดปราบจะอ้าปากพูด แต่นายสุทธิเกียรติโบกมือห้าม
    “ไม่ต้องเสียเวลาพูดตอนนี้ ฉันนึกถึงอะไรมันๆขึ้นมา อยากให้แกแสดงว่ะ เพื่อพิสูจน์รักแท้ กล้ามั้ย”
    หมวดปรับพยักหน้าตามวิสัยคนใจถึง นายสุทธิเกียรติพูดต่อ
    “เมื่อกี้น้องเขาเพิ่งออกจากห้องน้ำ ตอนนี้ไปนั่งอยู่ตรงม้านั่งข้างทีวีที่ตั้งเป็นแผง 25 เครื่องกลางห้าง ถ้าแกมีอะไรจะพูดกับน้องเขา แกพูดผ่านกล้องตัวนี้ด้วยเลย เด๋วให้คนตัดภาพไปลงที่ทีวีทันที”
    “เฮ่ย มันจะเอิกเกริกไปหน่อยมั้ง”
    “ไม่ต้องเกรงใจนะโว้ย นี่ห้างของพ่อข้าเอง นึกถึงวันที่เราไปทำอะไรเพื้ยนๆกันที่อเมริกา ข้าว่าแกกล้าทำอยู่แล้ว และก็สนุกดีด้วย มีไฮไลท์อะไรมันๆในห้าง ในฐานะนักการตลาดอย่างข้า แบบนี้แหละเอ็ง ช่วยส่งเสริมการขายดีออก”
    แล้วคุณจะเดาว่าหมวดปราบเอาด้วยหรือเปล่า อิ อิ

.................................................................................................................................................................................
    ทรายนั่งถอนหายใจอยู่ที่ม้านั่งไม้ที่ชั้นสองตรงโถงใหญ่ของห้าง จิตใจเลื่อนลอย เธอรู้สึกเหมือนหมดแรงบันดาลใจที่จะทำแม้แต่เดินออกไปจากที่นี่
    “ทราย ได้โปรดเถอะ ถ้าจะให้ผมเดา เราคงเข้าใจผิดกัน...............”
    ทรายได้ยินเสียงหมวดปราบ เธอหันมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็น นึกสงสัยอยู่ว่าหูแว่วไปเองหรือเปล่า
    “ผมยอมรับว่าเคยคบอยู่กับแคนดี้ แต่เธอเลิกกับผมไปพักนึงแล้ว เพราะเธอไปมีแฟนใหม่ เธอหายตัวไปเฉยๆตั้งสองเดือน คุณคิดดูสิ ผมโทรไปเธอก็ปิดสาย ผมไปที่บ้านเธอก็ไม่ยอมคุยด้วย แถมพูดให้ผมช้ำใจ เธอบอกว่าคบกับคนอื่นที่ดีกว่าผม.............”
    ตอนนี้ทรายเกือบหมุนตัวเป็นวงกลม แต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากไหน แน่นอนใครจะเชื่อว่าเสียงของหมวดปราบดังออกมาจากทีวี 25 เครื่องที่ตั้งอยู่ตรงโถงใหญ่ของห้าง และถ้าชะโงกหน้าลงไปดูก็จะเห็นหน้าหมวดปราบขนาดใหญ่เท่าตู้หนังสือ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงนั้น
    “กระทั่งผมลืมเธอได้และเริ่มมาคบกับคุณ จู่ๆเธอก็เดินกลับเข้ามา การกลับมาของเธอเป็นการมาแทรกกลางระหว่างเรา ตอนนี้เธอเป็นบุคคลที่ 3 แคนดี้ต่างหากที่เป็นส่วนเกิน....”
    คนที่เดินกันขวักไขว่าต่างหยุดยืนมองไปที่ทีวีอย่างสนใจ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น นี่อาจจะเป็นการโปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ก็ได้ บางคนก็เดาว่าเดี๋ยวตอนจบจะมีการโฆษณาอะไรสักอย่างทิ้งท้าย แต่อย่างน้อยก็เป็นวิธีการโฆษณาที่ประหลาดไม่ค่อยได้มีใครเห็น ผู้คนจึงหยุดยืนดูกันยกใหญ่ด้วยความสนใจ

    ทรายหันมองตามสายตาของผู้คน เธอถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นหน้าหมวดปราบหน้าเบ้อเริ่มอยู่ที่จอทีวี
    “วันนั้นเธอตามมาถึงร้านอาหารได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ผมเรียกเธอไปคุยเพือจะบอกว่า นับแต่นี้ไม่มีแคนดี้อยู่ในใจผมอีกแล้ว มีแต่คุณเท่านั้น....”
    หมวดปราบยักไหล่ แล้วยักคิ้วก่อนที่จะทิ้งประโยคเด็ดว่า
    “คุณคิดดูสิ บางคนนะ ก็ใช้มุขเดิมๆแบบในละครน่ะ แกล้งทำเป็นเป็นลม ทีแรกผมก็คิดว่าเธอเป็นลมจริงๆนะ ก็ต้องเข้าไปประคองตามประสาสุภาพบุรุษ แหะ แหะ....”
    ถึงตรงนี้ทำท่าเหมือนเขินยังไงไม่รู้
    “เรื่องจบลงแค่นั้นจริงๆ ทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ..........”
    หมวดปราบชี้มาที่จอทีวี
    “คุณหันหลังไปจะเห็นทีวีวงจรปิดอยู่ที่เพดาน ตอบผมหน่อยเถอะว่าเชื่อ เพื่อผมจะได้มีโอกาสอธิบายความจริงให้คุณฟัง”
    ทรายยืนตัวแข็ง ใจเธออยากจะหันไปเหมือนกัน แต่ผู้คนต่างมองหากันใหญ่ว่าใครคือทรายคนนั้น และมองหาจอทีวีกันอย่างสนุกสนาน สาวบางคนเดินไปที่ทีวีวงจรปิดแล้วเล่นกับกล้องอย่างสนุก
    “ทรายเชื่อคุณค่ะ รีบมารับทรายได้แล้วพ่อรูปหล่อ”
    เสียงฮา ดังไปทั่ว อารมณ์นี้ทรายทำหน้าไม่ถูก รีบเดินลัดเลาะผู้คน ใจนึกแต่ว่าต้องรีบออกจากห้างนี้ให้เร็วที่สุด

................................................................................................................................................................................
    ทรายรีบเดินออกไปทางประตูห้างซึ่งไกลเหลือเกินกว่าจะไปถึง หมวดปราบรีบวิ่งออกไปยืนดักที่หน้าห้างอย่างรู้งาน
    พอเธอเดินออกมาถึงประตูห้างก็คิดแต่ว่าจะขึ้นแท็กซี่ออกไป เธอเรียกแท็กซี่แล้วรีบก้าวขึ้นไปทันที แต่พอลงนั่งก็เห็นหมวดปราบยืนห่างออกไปได้ 10 เมตร
    แล้วก็เป็นดั่งคาดเดา หมวดปราบกระโจนมาขวางรถแล้วรีบวิ่งตามขึ้นไปทันที
    “ลงไปนะ”
    “โธ่ อย่าทำอย่างนี้เลย”
    “ทรายไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ”
    “ผมลงทุนทำขนาดนี้แล้ว เห็นใจผมบ้างเถอะ”
    “คนบ้า คนผีทะเล คุณรู้มั้ยว่าฉันอายคนเขาแทบพลิกแผ่นดิน”
    “แปลว่าคุณเข้าใจผมดีแล้ว”
    ทรายไม่ตอบ เธอหันขวับไปอีกทาง แต่อมยิ้มแก้มตุ่ยจนหมวดปราบเห็นลูกแก้มกลมโตเท่าลูกลิ้นจี่
    “หายโกรธแล้วนะคนดี”
    จากอมยิ้มแก้มตุ่ย เปลี่ยนเป็นกลั้นหัวเราะไม่ไหว ทรายพยายามฝืนหัวเราะแต่ทำไม่ได้ ท้องกระเพื่อมตัวโยนจนต้องปล่อยก๊ากออกมา
    อ้า..ยามนี้ เมฆหมอกผ่านไปอีกหน ค่อยๆคลี่เอาม่านแดดและไออุ่นกลับมาอีกครั้ง โลกยามนี้กลับคืนความสดใสอีกครั้งสำหรับชายหนุ่มและหญิงสาว

...............................................................................................................................................................................
    วันเวลาเดินอย่างรวดเร็ว เผลอแผล็บเดียวก็เดินมาถึงวันหยุดอีกครั้ง วันนี้ทรายสบายใจอย่างบอกไม่ถูก และเธออยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง เธอโทรไปชวนหมวดปราบเพื่อออกไปทำธุระยังสถานที่แห่งหนึ่ง เสร็จแล้วก็เดินลงมานั่งรอทีวีที่ห้องนั่งเล่น    
    แม่อรเดินเข้าๆออกๆครัวตามประสาแม่บ้านทั่วไป เห็นทรายอารมณ์ดีก็อดยิ้มไม่ได้
    “วันนี้อารมณ์ดีอะไรมาจ๊ะ อ้อ แต่งตัวซะสวย จะไปเที่ยวแน่เลย ว่าแต่ไปกะใครเอ่ย”
    ทรายหันมาอมยิ้มให้แต่ไม่ยอมตอบ
    “กับคนที่เคยให้ขับรถมารับตอนมืดๆใช่มั้ย ทำอะไรก็ระวังนะลูกนะ เรายังเป็นเด็กนักเรียนอยู่”
    “ค่ะแม่”
    ยังไม่ทันจะคุยอะไรกันต่อ เสียงรถหมวดปราบก็มาจอดที่หน้าบ้าน
    “หนูไปนะคะแม่ วันนี้คงกลับไม่เย็นนัก”
    ก่อนทรายจะวิ่งลับออกไปทางประตูบ้าน แม่อรตะโกนไล่หลังมา
    “ใจคอจะไม่ให้แม่เห็นหน้าค่าตาเขาบ้างเลยนะ”
    “เด๋ววันไหนว่างๆจะชวนมานั่งกินข้าวเลยค่ะแม่”

..................................................................................................................................................................................
    รถมาจอดที่หน้าสำนักงานของอาจารย์สะกดจิต หมวดปราบทำหน้าแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ทั้งคู่เดินเข้าไปปรากฏตัวอยู่ที่ห้องทำงานของอาจารย์สะกดจิต
    “ดีใจที่ได้เห็นพวกคุณอีกครั้ง วันนี้มีอะไรจะมาเล่าให้ฟังบ้างล่ะ”
    ทรายยิ้มเขินๆ
“คือ ที่อาจารย์เคยพูดถึงหนังสือของด๊อกเต้อร์ ไวส์ที่เขียนเกี่ยวกับชีวิตของผู้ชายกับผู้หญิงคู่นึง ที่ผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อน หนูก็ไปหาที่เป็นภาษาไทยอ่านแล้วนะคะ คืออยากทำแบบอลิซาเบ็ธกับเพโดรอ่ะค่ะ...”
    อาจารย์สะกดจิตถึงกับอมยิ้ม แต่หมวดปราบไ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่