สาวน้อยพลังจิต ตอน 14 พลังจิตของสาวน้อย

กระทู้สนทนา
สาวน้อยพลังจิต
ตอน 14 พลังจิตของสาวน้อย
    “ทำใจให้สงบ ทำใจให้สบาย ผมเป็นกำลังใจให้ รวบรวมสมาธิเข้า...”
    ทรายรู้สึกเหมือนได้รับพลังอย่างประหลาดเมื่อได้สบตากับหมวดปราบ เธอพยักหน้าให้เขาแล้วหลับตาพริ้ม
    ครู่เดียวเธอลืมตาขึ้น แล้วเดินตรงมาที่ชายสูงวัยในชุดซาฟารี เธอยื่นมือไปขอมือจากเขา
    “คุณต้องการพิสูจน์ใช่มั้ย”

    คนสูงวัยทำท่ามึนงง แต่ก็ยอมยื่นมือมาให้ทรายจับแต่โดยดี ทรายจับมือเขาแล้วหลับตาครู่หนึ่ง ทุกคนในห้องมองหน้ากันไปมา พักเดียวทรายก็ลืมตาขึ้น ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า
    “คุณชื่อพันตรีพิชัย เคยรับราชการสังกัดศูนย์ข่าวกรองทางทหาร ลาออกจากราชการมาทำธุรกิจติดตามคุ้มครองบุคคลสำคัญ และเป็นนักสืบเอกชน เพราะทำราชการลับอย่างนึงผิดพลาดด้วยคุณธรรมบางอย่างในใจ จึงรับผิดชอบด้วยการลาออก ภรรยาหลวงชื่ออุมา ภรรยาน้อยชื่อเกษ...”
    พันตรีพิชัยชักมือออกทันที สีหน้าของเขาตกใจมาก ชาวซาฟารีอีกสามคนถึงกับสะดุ้งแล้วเอามือป้องปากขบขันกันใหญ่
    “ใครจะลองอีกมั้ย...”

    ทรายหันไปหาชาวซาฟารีที่เหลือ ทุกคนส่ายหน้าหดมือกันหมด เธอหันกลับมาที่แจ็ค ดึงกระดาษในมือไปถือแล้วเริ่มบรรยายสิ่งที่เธอรู้สึก
    “โจรสามคนมาจับตัวแพรวไปเมื่อคืน คนนึงในนั้นเป็นรปภ.แบงก์ที่เธอไปเปิดบัญชีเงินฝากเมื่อวานนี้ มันจับตัวเธอไปเมื่อคืน มันบังคับให้เธอเขียนจดหมายลวง เข้าใจว่าจะทำให้แจ็คกลับบ้านไปไม่ตามหาเธออีก เธอถูกจับไปซ่อนอยู่ที่บ้านหลังนึงไม่รู้ว่าที่ไหน แต่ระยะทางจากรีสอร์ทไปที่นั้นต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง…
    ฉันรู้เท่านี้ กระดาษมันเล่าเรื่องให้ฟังเท่านี้”
    “กระดาษเล่าเรื่อง คุณอย่ากุเรื่องโกหกขึ้นมาเลย”
    พันตรีพิชัยพูดอย่างไม่เชื่อแล้วหันไปที่หมวดปราบ
    “ถ้าคุณตำรวจไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น จงส่งปืนมาให้ผม”
    “แล้วที่เขารู้ว่านายมีเมียน้อยชื่อเกษล่ะ ลองนึกดูซิว่าคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะรู้ได้ยังไงถ้าไม่ได้มีพลังจิตน่ะ”
    แจ็คโพล่งขึ้น พันตรีพิชัยถึงกับหยุดกึก

    ทรายทำหน้าเหมือนนึกอะไรออกแล้วบรรยายภาพที่เกิดขึ้นในใจต่อ
    “คนที่ถือจดหมายมาหย่อนที่ประตูคือหนึ่งในโจรที่เป็นรปภ.ของแบงก์ คุณลองเช็คกับลูกน้องคุณดูสิ”
    พันตรีพิชัยใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาโทรศัพท์ไปสั่งการใครสักคนข้างนอก แล้วหันมาพูดกับทรายพร้อมยื่นมือให้เธอจับ
    “เมื่อวานผมไปสักรูปอะไร ที่ตรงไหน”
    ทรายยื่นมือไปสัมผัส เธอนิ่งสักครู่แล้วเงยหน้าขึ้นพูดยิ้มๆกับพันตรีพิชัยว่า
    “คุณเล่นไม้นี้ไม่สำเร็จหรอก เมื่อวานคุณไม่ได้ไปสักอะไรทั้งนั้น แต่คุณมีรอยสักเก่าตั้งแต่ตอนเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่ที่แก้มก้นด้านขวาเป็นรูปหัวใจ เขียนว่ารักนิคนเดียว เวลาคนถามคุณจะบอกว่าแฟนเก่าชื่อนิภา แต่จริงๆแล้วนิภาไม่มีตัวตนหรอก ชื่อนิหมายถึงนิกร แฟนคนแรกของคุณ...”    

    “หยุดเดี๋ยวนี้”
    พันตรีพิชัยตะเบ็งเสียงดังลั่น ทำหน้าเลิกลั่ก พอดีกับเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามา เลยกลบเกลื่อนด้วยการเดินออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง ชาวซาฟารีอีกสามคนดูท่าทางเหมือนลูกน้องกลั้นหัวเราะแล้วมองหน้ากันอย่างขบขัน ครู่เดียวพันตรีพิชัยก็เดินเข้ามา
    “คุณพูดถูก รปภ.ที่เราเข้าใจว่าเป็นคนของรีสอร์ทกลับไม่ใช่ รีสอร์ทนี้ไม่ได้จ้างรปภ.ไว้ด้วยซ้ำ ผมจะลองเชื่อคุณสักหนหนึ่ง นี่เจ็ดโมงเช้าแล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริงอย่างที่คุณบอก อ้ายรปภ.คนนั้นจะต้องกลับมาเข้าเวรแน่เพื่อไม่ให้มีพิรุธ”

...............................................................................................................................................................................
    ทั้งหมดตรงไปดักซุ่มที่หน้าแบงก์ เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา พันตรีพิชัยรับสายแล้วหันมาพูดว่า
“สายของเรายอมรับว่าอ้ายรปภ.นี้คือคนเดียวกับที่เอาจดหมายไปหย่อนที่ประตูรีสอร์ท”
หมวดปราบหยิบโทรศัพท์จะติดต่อตำรวจท้องที่แจ้งเรื่องราวและขอกำลังช่วยเหลือ
     พันตรีพิชัยเห็นจึงสั่งลูกน้องเสียงดังหวังให้หมวดปราบได้ยิน ให้ไปอุ้มรปภ.คนนั้นขึ้นรถมาเลย
    “คุณจะทำอะไรน่ะ ผมเป็นตำรวจ ไม่เกรงใจผมบ้างเลยหรือ”
    “ผมเป็นพวกไม่ชอบขั้นตอน คุณรู้มั้ยว่าผมลาออกจากราชการเพราะอะไร ก็เพราะอ้ายขั้นตอนนี่แหละ ผมไม่ทำตามขั้นตอนเลยช่วยชีวิตคนไว้ได้หลายสิบคน แต่ผมถูกผู้ใหญ่ตำหนิอย่างแรง ถึงได้ลาออกมา และผมโคตรภูมิใจเลยที่ได้ทำยังงั้น...
    รึคุณจะรอให้ตำรวจท้องที่มาเชิญอ้ายรปภ.นั่นไปสอบปากคำที่โรงพัก เผลอๆต้องปล่อยตัวมันไปซะด้วยซ้ำ เพราะคุณไม่มีข้อหาอะไรจะแจ้งจับมัน จะบอกกับตำรวจท้องที่หรือ ว่าเผอิญมีคนนั่งทางในได้แล้วรู้ว่ามันจับสาววัยรุ่นคนนึงไปเพื่อรีดเอาเงินห้าล้าน…”
    หมวดปราบได้แต่พยักหน้าแล้วตามขึ้นรถตู้ของพันตรีพิชัยไปทันที

    รถตู้สีดำเลขทะเบียนสวยวิ่งด้วยความเร็วมาจอดหน้าธนาคาร ประตูเปิดแง้มเล็กน้อย คนในรถกวักมือเรียกรปภ.นายนั้น ไม่มีใครคิดว่าคนในรถจะเป็นคนร้ายนอกจากคิดว่าคงเป็นคนมีสีหรือเจ้านายใหญ่สักคน รปภ.วิ่งเหยาะๆไปที่รถ ทันใดนั้นชายฉกรรจ์สามคนก็พุ่งตัวออกมาล็อกรปภ.แล้วผลักขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ประตูถูกผลักปิด รถเคลื่อนออกไปทันที รวมระยะเวลาตั้งแต่การกวักมือเรียกจนถึงเวลาที่ออกรถไปใช้เวลา 10 วินาทีพอดี
    หมวดปราบถึงกับอึ้งแล้วกล่าวชมอย่างตื่นเต้น
    “พวกคุณนี่มืออาชีพจริงๆ”
    “ถ้าคุณรู้ว่าเราฝึกอะไรกันมาบ้างจะยิ่งทึ่ง…”
    พันตรีพิชัยพูดกับหมวดปราบแล้วหันไปที่รปภ.หนุ่ม ตอนนี้สีหน้าของมันทั้งงงทั้งซีด ท่าทางเลิกลั่ก มันถูกล็อคทั้งบนทั้งล่างทั้งซ้ายทั้งขวา ปืนของมันถูกคว้าเอาไปก่อนที่มันจะรู้ตัวเสียอีก
    “อ้ายน้อง แกชื่ออะไรวะ”

    พันตรีพิชัยถาม
    “ผมชื่อดวงครับ พี่จะทำอะไรผมครับ จู่ๆก็จับผมขึ้นมา ผมไปทำอะไรผิดครับ หรือว่าพี่จะปล้นแบงก์”
    “เฮ่ย กูไม่ทำชั่วอย่างนั้นหรอกว่ะ แต่นี่สิ เฮี่ยยิ้ม  เมื่อวานไปทำอะไรมา สารภาพเดี๋ยวนี้”
    อ้ายดวงถึงกับหน้าเสีย แต่ยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง
    “พี่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย พี่เข้าใจผิดแล้ว...โอ้ย โอ้ย”
    อ้ายดวงพูดไม่ทันจบ ปืนไฟฟ้าก็จี้เข้าที่พุง เล่นเอามันตัวงอ สีหน้าเจ็บปวดแสนสาหัส
    “อ้ายเฮี่ย ตัวม้วนเป็นกุ้งเลย จะเอาอีกหรือจะพูดภาษาดอกไม้กับกู”
    “พี่ ผมไม่รู้เรือ......”
    ยังไม่ทันที่จะพูดคำว่าเรื่องได้ครบ ปืนไฟฟ้าก็ทิ่มเข้าพุงอ้ายดวงอีก ทีนี้มันโดนจี้ค้างไว้นานเลยทีเดียว
    “อ๊ากกกก ยอมแล้วครับ อ๊ากกกก”

    “อ้ายเฮี่ย กระจอกอย่างริจะจับเสือมือเปล่า เป็นรปภ.แบงก์ดีๆไม่ชอบ คิดจะปล้นลูกค้าตัวเอง จับเผานั่งยางเลยดีมั้ย”
    “โอ๊ย ผมกลัวแล้วครับพี่ พี่จะให้ผมทำอะไรผมยอมทั้งนั้น”
    อ้ายดวงร้องเสียงหลง น้ำเสียงท่าทางของมันรนรานและกลัวตายอย่างน่าหวาดเสียว
    “พากูไปหาน้องเขาอย่าให้ช้า ถ้าไปถึงแล้วมีมดมีตัวเฮี่ยอะไรมันขบมันกัดน้องเขาละก้อ ที่ตายก็อยู่ตรงนั้นแหละ”
    หมวดปราบถึงกับนั่งเกร็ง แม้จะรู้สึกขัดแย้งกับพฤติกรรมที่เห็น แต่เขารู้สึกทึ่งและนับถือพันตรีพิชัยขึ้นอย่างจับจิต
    รถเคลื่อนออกไปอย่างเร็ว แต่ทันใดนั้นต้องเบรกตัวโก่ง ทั้งแม่แวว ทั้งทราย ทั้งแจ็คออกมายืนขวางหน้ารถ
    “คุณนายทำอะไรน่ะ ช้าไปอันตรายจะเกิดขึ้นกับลูกสาวคุณนายรู้มั้ย”
    “ฉันเป็นแม่เขา อีกอย่างฉันเป็นคนว่าจ้างคุณมา จะไม่ให้ฉันไปได้ยังไง”
    “คุณนาย อาจมีอันตรายเกิดขึ้นข้างหน้าก็ได้...เอ้า...ตกลง ขึ้นมาขึ้นมา”

    พันตรีพิชัยเห็นแม่แววน้ำตาร่วงจึงกวักมือเรียกให้ขึ้นรถ ทั้งทรายและแจ็คก็จะขึ้นรถตามมาด้วย
    “เราสองคนจะขึ้นมาทำไมน่ะ”
    “ผมทำเพื่อนหายกับมือ จะไม่ให้ผมไปได้ยังไง”
    “ฉันอาจช่วยอะไรคุณได้มากกว่านี้อีกก็ได้ ว่ามั้ยล่ะ”
    “เอา ก็เอา ขึ้นมาให้หมดเลย เบียดๆกันหน่อยก็แล้วกัน”
    พอขึ้นรถได้ ทั้งแจ็คและแม่แววทั้งต่อยทั้งข่วนจิกหยิกถองอ้ายดวงพัลวัล จนหมวดปราบต้องเอาตัวเข้าขวาง
    “พอ พอแล้วครับ เดี๋ยวมันตายกันพอดี เลยไม่รู้ว่าแพรวถูกจับตัวไว้ที่ไหน”
    “พวกแกทำอะไรลูกสาวฉันไปบ้าง”

    แม่แววยังไม่วายฟ้อนเล็บเต็มใบหน้าอ้ายดวง
    “โอ้ย โอ้ย ไม่มี ไม่ได้ทำอะไรเลย น้องเขาสู้น่าดูเลย พวกผมไม่กล้าทำอะไรแรง จับไปถึงบ้านตอนตีสอง กว่าจะทั้งขู่ทั้งปลอบให้เขียนจดหมายเอามาให้ชู้รักได้ก็เกือบรุ่งสางแล้ว”
    พันตรีพิชัยหันมาถาม
    “มีอะไรที่กูควรรู้บ้าง บอกมาให้หมด”
    อ้ายดวงกลืนน้ำลายเอือก รีบรายงานต่อทันที
    “พวกผมมีด้วยกันสามคน ยังไม่ทันทำอะไรน้องเขาจริงๆ พอได้เบอร์เอทีเอ็มกับเขียนจดหมายเสร็จ ผมก็เป็นคนเอามายื่น อีกคนชื่อพี่เหลิมแกทำงานที่สะพานปลา ต้องไปรับปลาตอนตีสี่ สายๆสองโมงเช้าถึงจะกลับไป ส่วนอ้ายปื๊ดเป็นคนเอารถกระบะไปกดเอทีเอ็ม สั่งให้มันตีรถขึ้นไปถึงปราจีนฯ จะได้กลบหลักฐานได้มากที่สุด กว่ามันจะกลับเข้ามาก็สักสองโมงเช้านี่เหมือนกันแหละจ๊ะ ตอนนี้น้องเขาอยู่คนเดียว เราจับมัดมือมัดตีนไพล่หลังอุดปากใส่ไว้ในโลงศพ รับรองไม่มีใครเห็นแน่ ร้องก็ไม่มีใครได้ยิน”
    “โอ๊ย ลูกแม่ โดนจับมัดอีกแล้ว ทีนี้มันเอาใส่โลงศพไว้เลย อื๋อ อื๋อ อื๋อ...”
    แม่แววอุทานทั้งน้ำตา แล้วรัวหมัดเข้าร่างอ้ายดวงไม่ยั้ง
    “อย่างนี้เราต้องรีบไป เพราะระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ กว่าจะไปถึงอาจจะเจอกับพวกมันพอดี”

................................................................................................................................................................................
    ที่โกดังเก็บของร้าง มีโรงเรือนขนาดใหญ่ปลูกอยู่กลางทุ่งโล่ง รถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่
“เบาๆ เบาๆ เดี๋ยวจะช้ำหมด หะ หะ หะ”
    อ้ายเฉลิมร้องกำกับขณะช่วยกันยกแพรวขึ้นมาจากโลงศพ อ้ายปื้ดยิ้มให้แล้วหยิบเงินแสนขึ้นมาโชว์
    “ขอบใจมากนะน้อง ที่มอบโชคให้พวกพี่ๆ”
    “ติดต่อพ่อแม่ฉันสิ ส่งตัวฉันให้พ่อแม่ รับรองพี่ได้เยอะกว่าห้าล้านอีก”
    แพรวพูดทันทีเมื่อเทปที่ปิดปากถูกดึงออก
    “มันพูดอะไรของมัน ไหนเมื่อคืนบอกว่าพ่อแม่จน เงินที่ได้เป็นเงินที่ขโมยเสี่ยมา”
    “ก็ฉันกลัวอ่ะ จริงๆนะ พี่ไม่อยากได้เงินเยอะๆเหรอ...”

    “ไม่อยากได้หรอกโว้ย มันเสี่ยงโดนจับมากไป ทำยังงี้แหละปลอดภัยที่สุด จะพาแกไปเบิกเงินทั้งห้าล้านพวกข้าก็ยังไม่เอาเลย เราไม่ทำทุกอย่างที่เป็นความเสี่ยง มีเงินใช้วันละแสน มีเนื้อนิ่มๆอย่างน้องให้กอด แค่นี้ก็มากพอแล้วโว้ย พวกข้ามันคนมักน้อย”
    อ้ายเหลิมพูดจบทั้งคู่ก็หัวเราะกันอย่างสะใจ เป็นความสะใจที่ย่ำยีอยู่บนจิตใจที่บอบบางของแพรว
    ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะทำอะไร อ้ายปื๊ดหันไปเห็นรถตู้สีดำวิ่งตัดทุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
    “พี่ มีคนมา...”
    รถตู้วิ่งมาเข้ามาอย่างเร็วแล้วจอดกึก ชายฉกรร์จสี่ห้าคนวิ่งกรูกันลงมาทันที อ้ายเหลิมกับอ้ายปื๊ดตกใจ คว้าปืนยิงออกไปคนละนัด จึงเกิดศึกสาดกระสุนขึ้นทันที

    ระหว่างที่ชุลมุนอยู่นั้น แจ็คกับทรายวิ่งไปหาที่กำบังด้วยกัน โดยมีแม่แววคอยติดตามหาที่หลบกระสุน
    “ทราย แกหาซิว่าแพรวอยู่ไหน”
    ทรายพยักหน้า รวมบรวมสมาธิแล้วหลับตาลง ครู่เดียวเธอก็คลานลัดเลาะหาที่กำบังไปข้างหน้า โดยมีแม่แววคลานตามไปไม่ลดละ
    โจรกระจอกสองคนจะสู้ตำรวจกับอดีตทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดีได้อย่างไร พักเดียวอ้ายปื๊ดก็โดนยิงร้องโอดโอย อ้ายเหลิมเห็นจวนตัวจึงวิ่งไปดึงแพรวให้ยืนขึ้นแล้วเอาปืนจอศีรษะเธอไว้
    “อย่าเข้ามานะโว้ย เปิดทางให้พวกข้าไปขึ้นรถกระบะออกไปซะดีๆ ไม่งั้นนางคนนี้สมองกระจายแน่นอน”
    ทันใดนั้นแจ็คก็กระโดดพรวดเข้าคว้าตัวแพรว ทั้งคู่ล้มลงโดยมีแจ็คปกป้องร่างของเธออยู่ อ้ายเหลิมตกใจยิงใส่ไปหนึ่งนัด ทรายตกใจรีบกระโดดเข้ามาขวางวิถีกระสุนอีกคน แต่มันโดนตอบสนองด้วยกระสุนอีกนับสิบ ลงนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น
    แม่แววถึงกับกรี๊ดลั่น รีบวิ่งเข้าไปที่ร่างของวัยรุ่นทั้งสาม หมวดปราบรีบวิ่งมาที่ทราย

    “ลูกแม่ ลูกแม่ ลูกแม่.....”
    แม่แววแหวกร่างของทรายกับแจ็คออก เธอเห็นลูกสาวนอนมองตาเธออยู่ เธอรีบแก้เทปที่มัดตัวลูกสาวไว้อย่างแน่นหนา เมื่อหลุดออกแล้ว ทั้งคู่ก็กอดกันเหมือนกับโหยหาการกอดมาตลอดชีวิต
    “อ้ายแจ็คถูกยิง”
    เสียงทรายอุทานขึ้น พันตรีพิชัยเข้ามาดูแผล เห็นรอยกระสุนที่ต้นแขน
    “โชคดีจริงอ้ายน้อง กระสุนวิ่งเข้าตรงเนื้ออ่อนแล้วทะลุออกไปอีกข้าง ตอนนี้คงเจ็บมาก แต่รักษาอีกไม่กี่วันก็หาย”
    แพรวรีบกระเถิบมาดูแผลที่แจ็ค ทั้งคู่หัวเราะทั้งน้ำตาแล้วร้องไห้ แม่แววกระเถิบเข้ามาโอบคนทั้งสองไว้ แล้วกระซิบข้างหู
    “แม่ขอโทษนะลูก ขอโทษทั
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่