สาวน้อยพลังจิต เส้นทางสู่ความจริง ตอน 22 (นะจ๊ะ พิมพ์ผิด)
ในห้องเรียนชั้น ม. 6 เด็กเกรดต่ำ เสมียนเดินมายืนที่หน้าห้องเรียน ครูประจำชั้นเดินออกไปคุยสักพักก็เดินกลับเข้ามา
“แจ็ค อาจารย์ฝ่ายปกครองเชิญแน่ะ”
แจ็คทำหน้าเลิกลั่ก แล้วมองไปที่ครูประจำชั้น ทำสีหน้าประมาณว่า “ผมไม่ได้ทำอารายผิดนาคร้าบบ”
“เอ้า นั่งเอ๋ออยู่ได้ ไปสิ อย่าให้อาจารย์เขารอนาน”
แจ็ควิ่งออกไปอย่างเร็ว
เมื่อวิ่งไปถึงห้องอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ถึงกับผงะ
“นี่นั่งตรงนี้ซิ”
อาจารย์ฝ่ายปกครองชี้นิ้วเรียกให้แจ็คนั่งลงข้างๆผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
แจ็คยกมือไหว้วินกับแม่อรที่นั่งหน้าบูดอยู่ตรงหน้า
ครูฝ่ายปกครองขยับแว่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า
“แจ็ค ทำไมวันนี้ทรายไม่มาโรงเรียนแกรู้มั้ย”
“ไม่รู้ครับ”
“ทำไมถึงไม่รู้ ก็เป็นเพื่อนสนิทกันนักไม่ใช่เหรอ”
“ก็ทำไมจารย์ไม่ถามพ่อแม่เขาดูละครับ ผมไม่ใช่ญาติพี่น้องจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”
อาจารย์ฝ่ายปกครองถึงกับทำตาลุก วินถึงกับเหลือกตา
“พวกคุณถึงเลี้ยงดูทรายตั้งแต่เล็กๆ แต่ก็ทำร้ายจิตใจด้วยการกีดกันและปิดกั้นความจริงมากตลอด พวกคุณไม่ละอายใจกันเลยหรือไง”
แจ็คโพล่งเสียงดัง ครูฝ่ายปกครองถึงกับลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ อย่าโกรธแกเลย คำพูดของแกช่วยเตือนสติดิฉันให้สำนึกผิดค่ะ”
แม่อรน้ำตาร่วงพราว หันไปทางแจ็ค ครูฝ่ายปกครองค่อยๆนั่งลงกับเก้าอี้ช้าๆ แต่แววตามองแจ็คอย่างเตรียมพร้อมจะขยุ้มตลอดเวลา
“แจ็ค ทรายอยู่ไหน บอกฉันมาเถอะ ฉันอยากจะรับทรายกลับบ้าน ที่ผ่านมาเป็นความผิดของฉันเอง”
แจ็คยังคงเงียบ
“แจ็ค ฉันรู้ว่าอีกคนที่ควรจะไปถามคือตาหมวดนั่น แต่ถ้าจะไปถามเขาถึงโรงพัก เรื่องอะไรอีกหลายอย่างคงจะเกิดขึ้นตามมา แจ็คอย่างให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้เลย....
นี่คุณครูต้องโทรมาบอกฉันที่บ้าน ว่ามีผู้หญิงมาฟ้องทรายถึงที่โรงเรียน ว่าทรายหน้าไม่อายหนีไปนอนกับผู้ชายถึงที่บ้าน หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่จะทนเรื่อง............”
“คุณไม่ใช่พ่อแม่ของทราย”
แจ็คโพล่งเสียงดัง แม่อรถึงกับหยุดกึก ครูฝ่ายปกครองเริ่มทำสีหน้ามึนงง
“คุณจะอยากเจอทรายทำไม ถ้าคุณอยากจะปิดบังเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของทราย คุณจะตามทรายเอาไปทรมานไว้ที่บ้านต่อไปเรื่อยๆไม่รู้จบหรือไง”
“แหม อ้ายนี่ แล้วมันธุระโกงการอะไรของแก ใครจะเป็นแม่เป็นพ่อ ใครจะจริงไม่จริงก็ไม่ใช่เรื่องของแก วันนี้ฉันมีฐานะเป็นแม่ของมัน แค่มาถามว่ามันอยู่ที่ไหน แกไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ฉันก็ไม่ได้หวังพึ่งพิงอะไรกับคนไร้ค่าอย่างแก พูดดีๆไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูดดีๆกันแล้วโว้ย ฉันไม่ต้องคุยกับแกก็ได้ ฉันจะตามไปฉีกอกอ้ายตำรวจนั่นถึงที่โรงพักก็ได้”
แม่อรทิ้งคราบสงบเสงี่ยมเปลี่ยนเป็นเสือร้าย ตะโกนลั่นห้อง เสียงล้นออกไปถึงห้องพักครู พวกครูที่นั่งพักกันอยู่ถึงกับแตกตื่นชะโงกหน้าดูกันอย่างตระหนก
วินเห็นท่าไม่ดีลุกขึ้นดึงแม่อรเดินออกไป ทั้งคู่เดินจากห้องนั้นไปไม่ล่ำลาสักนิด ครูฝ่ายปกครองนั่งนิ่งคอหดอยู่ที่เก้าอี้ตัวเองไม่ไหวติง
“มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แจ็ค เธอบอกให้ครูฟังเดี๋ยวนี้นะ”
เมื่อตั้งสติได้ ครูฝ่ายปกครองกระซิบถามอ้ายแจ็คด้วยเสียงแผ่วเบา
“คือพ่อแม่ทรายที่เราเข้าใจกันน่ะ จริงๆแล้วไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆของทรายมันหรอกจารย์ ทรายมันแอบรู้มาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยเปิดเผย พอพ่อแม่ปลอมๆรู้ว่าทรายมันรู้ความจริงขึ้นมา ก็ไล่ทรายออกจากบ้าน ทรายก็เลยไปอยู่บ้านตำรวจคนที่ให้ความช่วยเหลือกับทรายตลอดมา...
แต่มันไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยนะครับอาจารย์ เมื่อวานมันยังบ่นว่าไม่รู้จะย้ายไปอยู่ที่ไหนดีที่คนจะไม่มองมันในทางเสียหาย...
แล้ววันนี้ที่มันไม่มาผมก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน เพราะเย็นวานมันทำหน้าเซ็งๆก่อนกลับบ้าน เพราะโดนอาจารย์นั่นแหละ ด่าว่ามันเข้าใจผิดมัน แล้วก็ไม่เปิดโอกาสให้มันได้พูดความจริงบ้างเลย....”
ถึงตรงนี้ครูฝ่ายปกครองทำหน้าสำนึกผิดยังไงไม่รู้
“ครูว่าเธอรีบติดต่อผู้หมวดดีกว่า เดี๋ยวเรื่องจะบานปลายใหญ่โต”
“ผมไม่รู้ว่าจะติดต่อหมวดยังไง รู้แต่ว่าแกอยู่โรงพักสน.ที่โรงเรียนเราตั้งอยู่นี่แหละครับ”
“เหรอ เอางี้ เดี๋ยวเราลองโทรไปที่โรงพัก ดูซิว่า ผู้หมวดแกอยู่ที่โรงพักนะเปล่าตอนนี้”
ครูฝ่ายปกครองทำตัววุ่นๆ สักพักก็ยกหูโทรศัพท์ไปที่โรงพัก หันมามองหน้าแจ็คก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลง
“หมวดไม่อยู่โรงพัก ยังงี้ตัวใครตัวมันละ ครูไม่รู้จะช่วยอะไรได้อีก เธอหาวิธีติดต่อหมวดและก็ทราย บอกให้เขารู้ว่าตอนนี้เรื่องมันเลยเถิดไปถึงไหนแล้ว ยังไงคุณอรกับคุณวินก็มีฐานะเป็นผู้ปกครองของทรายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คนอื่นคงจะยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกนะ”
.........................................................................................................................................................................
ที่โรงพัก เสียงทะเลาะกันล้งเล้งดังลั่นโรงพัก
“ผมบอกแล้วว่าหมวดไม่อยู่ ไปประชุมในกรมตอนบ่าย ปานนี้คงยังประชุมไม่เสร็จ พวกป้าเอาไว้ค่อยมากันใหม่แล้วกัน ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องจะจับเข้าไปสงบสติอารมณ์ในกรงสักพักนึงเนี่ยะ เอามั้ย”
“อ๋อ ได้สิ ฉันได้จะขอแจ้งความมั่ง ว่าตำรวจโรงพักนี้พรากผู้เยาว์ เอาลูกสาววัย 16 ของฉันไปซ่อน กักขังหน่วงเหนี่ยว จะเอาให้ออกจากราชการไปเลย”
แม่อรทำหน้าถทึงกับจ่าสมหมาย จ่าสมหมายที่ทำหน้าดุทีแรกถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ขอตัวเดินเลี่ยงออกไปนอกห้องเพื่อโทรรายงานเรื่องราวให้หมวดปราบรู้ สักครู่ก็เดินกลับเข้ามา
“เอางี้เอางี้ เด๋วผมพาคุณทั้งสองไปที่บ้านหมวดปราบเลย ไปช่วยกันค้นเลยว่าทรายอยู่บ้านหมวดจริงนะเปล่า และอีกอย่างหมวดติดประชุมอยู่ พอประชุมเสร็จจะได้รีบตามไปที่บ้าน เราอย่ามาทะเลาะกันที่โรงพักเลยนะ....”
“ถ้าพูดรู้เรื่องยังงี้แต่แรก ก็ไม่ต้องทะเลาะกันดังโล้งเล้งยังงี้หรอก”
จ่าสมหมายพาสองสามีภรรยาขึ้นรถขับออกไป ทั้งสามเงียบกันไปตลอดทาง กระทั่งรถวิ่งมาถึงซอยๆหนึ่ง แม่อรที่เริ่มผ่อนคลายจากเรื่องเครียดเมื่อครู่ ถึงกับเอื้อมมือไปกุมมือวินจนแน่น เล่นเอาวินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ
รถมาจอดที่หน้าบ้านรั้วขาว จ่าสมหมายพยักหน้าให้ทั้งสองคนเป็นสัญญาณ แล้วเปิดประตูก้าวเดินลงจากรถไป วินเขยิบตัวจะออกจากรถ มือข้างที่แม่อรกุมไว้ก็ดึงอรให้ก้าวตามลงมาด้วย แต่อรไม่ขยับตัวเลยคราวนี้
“เป็นอะไรไปล่ะอร ลงมาสิ เนี่ย คงถึงบ้านนายหมวดคนนั้นแล้ว บ้านหลังใหญ่ซะด้วยนะแก....
อ้าว...เป็นอะไรไปล่ะ นั่งนิ่งเลย”
“พี่ พี่เข้าไปคนเดียวเถอะ ฉันขอรออยู่ในรถ ถ้าเจอนังทรายก็คุยกับมันดีๆนะ บอกว่าอรสำนึกผิดแล้ว จะมาขอรับตัวกลับบ้าน”
“แล้วถ้าทรายมันถามเรื่องพ่อแม่มันล่ะ”
“พี่ก็บอกไปสิ ว่าแม่มันน่ะท้องกับเจ้านาย เจ้านายเขาไม่รับว่าเป็นพ่อ แม่มันพอคลอดลูกแล้วก็หนีไป หาตัวไม่เจอ”
“แล้วอ้ายเรื่องแค่นี้แกจะปิดอยู่ทำไมเล่า ก็บอกๆมันไปแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง”
วินเดินตามจ่าสมหมายเข้าบ้านไป
“อ้าว แล้วเมียไม่ลงมาล่ะ”
“ไม่มาน่ะดีแล้ว เดี๋ยวได้ล้งเล้งกันบ้านแตกอีกน่ะ”
จ่ายักไหล่เป็นเชิงเห็นด้วย
เมื่อทั้งคู่เดินไปถึงหน้าตัวบ้าน น้าแจ๋วก็เดินออกมานำทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน
“คุณปราบโทรเข้ามาบอกน้าแจ๋วแล้วค่ะ ว่าจ่าจะพา....เอ่อ...คุณพ่อ กับคุณแม่....
แล้วคุณแม่อยู่ไหนละคะ”
น้าแจ๋วเอ่ยถามเมื่อเห็นคนเข้ามาไม่ครบอย่างที่ได้รับคำบอกเล่าจากหมวดปราบ
“เธอไม่เข้ามา ขอรออยู่ในรถ....
ว่าแต่ ทรายอยู่ไหนล่ะ”
“คุณทรายเธอ...ไม่อยู่แล้วค่ะ เธอออกไปแต่เช้าตรู่ เก็บของไปหมดเลย”
“ผมไม่เชื่อ”
“ก็รู้ว่าคุณไม่เชื่อนี่ไง ถึงได้พามาถึงนี่เลย ถ้าคุณอยากจะค้นตรงไหนตำรวจจะพาไปดูถึงที่”
น้าแจ๋วพาจ่าสมหมายกับวินเดินสำรวจจนทั่วบ้าน ทั้งสามเดินกลับมาที่ห้องโถงใหญ่
หมวดปราบเข้ามาที่บ้านพอดี
“ผมเห็นใครไม่รู้นั่งอยู่ในรถจ่าแน่ะ”
“ก็ยัย....เอ่อ เมียคุณคนนี้ไงครับหมวด แกไม่ยอมลงมาขอรออยู่ในรถ”
จ่าสมหมายเอ่ยกับหมวดปราบแล้วหันไปที่วิน
“ทรายอยู่ไหนคุณหมวด อย่าทำให้เรื่องมันบานปลายมากกว่านี้เลย”
หมวดปราบไม่ตอบ เขาเดินนำไปที่เก้าอี้รับแขก และพยักเพยิดให้คนอื่นๆเดินตามมา
“พ่อวินครับ ฟังผมนะครับ คือผมรับว่าทรายมาอยู่ที่บ้านนี้จริง แต่เราไม่เคยมีอะไรกันเกินเลย น้าแจ๋วก็อยู่ที่บ้านนี้ตลอด คอยดูแลทราย เผอิญเมื่อเย็นวานนี้ เพื่อนผู้หญิงที่ผมเคยคบเธอมาที่นี่แล้วบอกผมว่า เธอไปฟ้องอาจารย์ที่โรงเรียนว่าทรายหนีตามผู้ชายมาที่นี่ ทรายมาได้ยินพอดี เกิดความไม่พอใจ รุ่งเช้าเธอก็รีบออกไปเลยโดยไม่บอกให้ใครรู้ ผมก็ร้อนใจไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน ถ้าไม่ติดว่าช่วงเช้าจะต้องไปประชุมกับผู้ใหญ่ผมก็จะรีบตามหาเธอครับ”
“เธอออกจากบ้านนี้ไปแล้ว แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ เพราะคุณแท้ๆ ที่ทำให้ทรายมันยิ่งเตลิดไปกันใหญ่”
“อย่าตำหนิกันเลยดีกว่าครับ พวกเราในนี้ก็มีความผิดกันทุกคน”
หมวดทนไม่ได้ที่ถูกวินตำหนิ ก็เลยโยนคำตำหนิกลับไปบ้าง เล่นเอาวินอึ้งไปเหมือนกัน
“ไม่รู้ว่าแจ็คจะรู้นะเปล่า ว่าทรายอยู่ไหน”
“โอ้ย อย่าไปหวังพึ่งมันเลย ผมกับอรไปถามมันแล้วที่โรงเรียนเมื่อเช้านี้ มันไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น”
“พอดีแจ็คก็ตามไปที่โรงพัก คนที่โรงพักก็เลยให้เบอร์โทรมือถือผมกับแจ็ค แจ็คจึงโทรหาผมระหว่างทางที่ผมกำลังเดินทางกลับมา ผมเลยบอกทางมาที่บ้านนี้ให้กับแจ็ค คิดว่าอีกพักนึงคงมาถึงครับ”
พูดไม่ทันขาดคำ เสียงประตูดังอ๊อดแอ๊ดพอดี น้าแจ๋ววิ่งออกไปรับคนที่กำลังเดินเข้ามา
แจ็คเห็นวินก็ทำหน้าบึ้งๆมองเฉไฉไปทางอื่น หมวดปราบเห็นแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า
“เราอย่าเพิ่งแสดงอาการหมางเมินกันตอนนี้เลย มาช่วยกันระดมสมองก่อนดีกว่า ว่าจะไปตามทรายที่ไหนดี”
“ผมไม่รู้เลยจริงๆ รู้แต่ว่าทรายมันบ่นว่าอยากจะหารายได้ ผมก็ชวนไปขายก๋วยเตี๋ยว ทีแรกมันก็เอาด้วย แต่พอตกเย็น ที่มีเรื่องแฟนเก่าหมวดไปอาละวาดที่โรงเรียน ทรายมันก็เลยบ่นว่าอยากจะหาที่อยู่ใหม่ ผมก็บอกมันไปว่าจะหาที่อยู่สภาพแวดล้อมดีๆ ที่ๆเด็กนักเรียนผู้หญิงตัวคนเดียวที่จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยน่ะ สงสัยต้องใช้เงินเยอะ ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออก เอาไว้จะช่วยคิดวันหลัง แต่พอรุ่งเช้ามันก็ไม่ได้มาเรียนหนังสือซะแล้ว”
“มันต้องไปเป็น
แน่เลย”
วินโพล่งเสียงดัง หมวดหันไปทางวินทำหน้าตำหนิอย่างสุดฤทธิ์ แต่แจ็คไม่ปล่อยให้มีอะไรค้างคาในใจอยู่แล้ว
“พูดหมาๆ พูดอะไรหมาๆ ร่างกายก็ไม่ใช่พ่อ จิตใจก็ไม่ใช่พ่อ คิดอะไรอย่างนี้ได้ยังไงน่ะ”
วินได้ฟังก็โมโหลุกเดินไปที่แจ็ค หมวดปราบลุกขึ้นขวาง
“พูดมากไปแล้วอ้ายแจ็ค เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเถอะ”
“อย่าโกรธแจ็คมันเลยครับ ถ้าผมเป็นเด็กเท่าแจ็คผมอาจจะถึงขั้นลงไม้ลงมือไปแล้วก็ได้ กับคำพูดของคุณ”
เสียงโทรศัพท์มือถือของวินดังขึ้น
“ไม่อยู่ มันไม่อยู่ อ้ายแจ็คเหรอ มันก็เข้ามายืนยันว่าไม่เห็นทราย.....โอเค โอเค”
วินเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
“วันนี้ผมกลับก่อน มีอะไรแล้วค่อยว่ากันใหม่”
พอวินกลับไปแล้วหมวดปราบจึงเอ่ยขึ้น
“แจ็คมีไอเดียอะไรใหม่ๆบ้างมั้ย”
“ตอนนี้ไม่มี ทรายมันก็ไม่ใช่คนมีเพื่อนมาก นอกจากผมกับแพรวแล้ว ก็นึกไม่ออกว่าทรายมันจะไปหาใครอีก”
“เอางี้ ผมจะลองเช็คดูที่พ่อแม่ของแพรวนะ แต่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ วันนี้แจ็คกลับบ้านก่อนดีกว่า เพราะนี่ก็มืดค่ำแล้ว มีไอเดียอะไรโทรบอกกันเลยนะ ไม่ต้องลงมือเอง เพราะผมคงทำอะไรได้คล่องตัวกว่า แจ็คเองก็เพิ่งเริ่มเรียนไม่กี่วันด้วย”
แจ็คลากลับไปแล้ว หมวดปราบร้อนใจ ที่คิดว่าจะติดต่อพ่อแม่ของแพรวพรุ่งนี้ก็ทำไม่ได้ เขาใช้ความเป็นตำรวจ ได้เบอร์โทรที่บ้านของแพรวอย่างรวดเร็ว
“...............................................ครับ ขอบคุณนะครับ ถ้าทรายติดต่อมาหรือมีอะไรผิดสังเกตโทรหาผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะครับ”
หมวดปราบจบการสนทนากับที่บ้านของแพรว สีหน้าครุ่นคิดของเขายังคงดำเนินต่อไป ตราบใดที่ยังคว้าเงาของทรายไม่ได้ ว่าเธอไปไหน อยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไร ปลอดภัยอยู่หรือเปล่า
................................................................................................................................................................................
บนรถแท็กซี่คันนั้น วินกับแม่อรนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลังคนขับ รถกำลังวิ่งห่างจากบ้า
สาวน้อยพลังจิต เส้นทางสู่ความจริง ตอนที่ 21
ในห้องเรียนชั้น ม. 6 เด็กเกรดต่ำ เสมียนเดินมายืนที่หน้าห้องเรียน ครูประจำชั้นเดินออกไปคุยสักพักก็เดินกลับเข้ามา
“แจ็ค อาจารย์ฝ่ายปกครองเชิญแน่ะ”
แจ็คทำหน้าเลิกลั่ก แล้วมองไปที่ครูประจำชั้น ทำสีหน้าประมาณว่า “ผมไม่ได้ทำอารายผิดนาคร้าบบ”
“เอ้า นั่งเอ๋ออยู่ได้ ไปสิ อย่าให้อาจารย์เขารอนาน”
แจ็ควิ่งออกไปอย่างเร็ว
เมื่อวิ่งไปถึงห้องอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ถึงกับผงะ
“นี่นั่งตรงนี้ซิ”
อาจารย์ฝ่ายปกครองชี้นิ้วเรียกให้แจ็คนั่งลงข้างๆผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
แจ็คยกมือไหว้วินกับแม่อรที่นั่งหน้าบูดอยู่ตรงหน้า
ครูฝ่ายปกครองขยับแว่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า
“แจ็ค ทำไมวันนี้ทรายไม่มาโรงเรียนแกรู้มั้ย”
“ไม่รู้ครับ”
“ทำไมถึงไม่รู้ ก็เป็นเพื่อนสนิทกันนักไม่ใช่เหรอ”
“ก็ทำไมจารย์ไม่ถามพ่อแม่เขาดูละครับ ผมไม่ใช่ญาติพี่น้องจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”
อาจารย์ฝ่ายปกครองถึงกับทำตาลุก วินถึงกับเหลือกตา
“พวกคุณถึงเลี้ยงดูทรายตั้งแต่เล็กๆ แต่ก็ทำร้ายจิตใจด้วยการกีดกันและปิดกั้นความจริงมากตลอด พวกคุณไม่ละอายใจกันเลยหรือไง”
แจ็คโพล่งเสียงดัง ครูฝ่ายปกครองถึงกับลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ อย่าโกรธแกเลย คำพูดของแกช่วยเตือนสติดิฉันให้สำนึกผิดค่ะ”
แม่อรน้ำตาร่วงพราว หันไปทางแจ็ค ครูฝ่ายปกครองค่อยๆนั่งลงกับเก้าอี้ช้าๆ แต่แววตามองแจ็คอย่างเตรียมพร้อมจะขยุ้มตลอดเวลา
“แจ็ค ทรายอยู่ไหน บอกฉันมาเถอะ ฉันอยากจะรับทรายกลับบ้าน ที่ผ่านมาเป็นความผิดของฉันเอง”
แจ็คยังคงเงียบ
“แจ็ค ฉันรู้ว่าอีกคนที่ควรจะไปถามคือตาหมวดนั่น แต่ถ้าจะไปถามเขาถึงโรงพัก เรื่องอะไรอีกหลายอย่างคงจะเกิดขึ้นตามมา แจ็คอย่างให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้เลย....
นี่คุณครูต้องโทรมาบอกฉันที่บ้าน ว่ามีผู้หญิงมาฟ้องทรายถึงที่โรงเรียน ว่าทรายหน้าไม่อายหนีไปนอนกับผู้ชายถึงที่บ้าน หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่จะทนเรื่อง............”
“คุณไม่ใช่พ่อแม่ของทราย”
แจ็คโพล่งเสียงดัง แม่อรถึงกับหยุดกึก ครูฝ่ายปกครองเริ่มทำสีหน้ามึนงง
“คุณจะอยากเจอทรายทำไม ถ้าคุณอยากจะปิดบังเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของทราย คุณจะตามทรายเอาไปทรมานไว้ที่บ้านต่อไปเรื่อยๆไม่รู้จบหรือไง”
“แหม อ้ายนี่ แล้วมันธุระโกงการอะไรของแก ใครจะเป็นแม่เป็นพ่อ ใครจะจริงไม่จริงก็ไม่ใช่เรื่องของแก วันนี้ฉันมีฐานะเป็นแม่ของมัน แค่มาถามว่ามันอยู่ที่ไหน แกไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ฉันก็ไม่ได้หวังพึ่งพิงอะไรกับคนไร้ค่าอย่างแก พูดดีๆไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูดดีๆกันแล้วโว้ย ฉันไม่ต้องคุยกับแกก็ได้ ฉันจะตามไปฉีกอกอ้ายตำรวจนั่นถึงที่โรงพักก็ได้”
แม่อรทิ้งคราบสงบเสงี่ยมเปลี่ยนเป็นเสือร้าย ตะโกนลั่นห้อง เสียงล้นออกไปถึงห้องพักครู พวกครูที่นั่งพักกันอยู่ถึงกับแตกตื่นชะโงกหน้าดูกันอย่างตระหนก
วินเห็นท่าไม่ดีลุกขึ้นดึงแม่อรเดินออกไป ทั้งคู่เดินจากห้องนั้นไปไม่ล่ำลาสักนิด ครูฝ่ายปกครองนั่งนิ่งคอหดอยู่ที่เก้าอี้ตัวเองไม่ไหวติง
“มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แจ็ค เธอบอกให้ครูฟังเดี๋ยวนี้นะ”
เมื่อตั้งสติได้ ครูฝ่ายปกครองกระซิบถามอ้ายแจ็คด้วยเสียงแผ่วเบา
“คือพ่อแม่ทรายที่เราเข้าใจกันน่ะ จริงๆแล้วไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆของทรายมันหรอกจารย์ ทรายมันแอบรู้มาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยเปิดเผย พอพ่อแม่ปลอมๆรู้ว่าทรายมันรู้ความจริงขึ้นมา ก็ไล่ทรายออกจากบ้าน ทรายก็เลยไปอยู่บ้านตำรวจคนที่ให้ความช่วยเหลือกับทรายตลอดมา...
แต่มันไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยนะครับอาจารย์ เมื่อวานมันยังบ่นว่าไม่รู้จะย้ายไปอยู่ที่ไหนดีที่คนจะไม่มองมันในทางเสียหาย...
แล้ววันนี้ที่มันไม่มาผมก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน เพราะเย็นวานมันทำหน้าเซ็งๆก่อนกลับบ้าน เพราะโดนอาจารย์นั่นแหละ ด่าว่ามันเข้าใจผิดมัน แล้วก็ไม่เปิดโอกาสให้มันได้พูดความจริงบ้างเลย....”
ถึงตรงนี้ครูฝ่ายปกครองทำหน้าสำนึกผิดยังไงไม่รู้
“ครูว่าเธอรีบติดต่อผู้หมวดดีกว่า เดี๋ยวเรื่องจะบานปลายใหญ่โต”
“ผมไม่รู้ว่าจะติดต่อหมวดยังไง รู้แต่ว่าแกอยู่โรงพักสน.ที่โรงเรียนเราตั้งอยู่นี่แหละครับ”
“เหรอ เอางี้ เดี๋ยวเราลองโทรไปที่โรงพัก ดูซิว่า ผู้หมวดแกอยู่ที่โรงพักนะเปล่าตอนนี้”
ครูฝ่ายปกครองทำตัววุ่นๆ สักพักก็ยกหูโทรศัพท์ไปที่โรงพัก หันมามองหน้าแจ็คก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลง
“หมวดไม่อยู่โรงพัก ยังงี้ตัวใครตัวมันละ ครูไม่รู้จะช่วยอะไรได้อีก เธอหาวิธีติดต่อหมวดและก็ทราย บอกให้เขารู้ว่าตอนนี้เรื่องมันเลยเถิดไปถึงไหนแล้ว ยังไงคุณอรกับคุณวินก็มีฐานะเป็นผู้ปกครองของทรายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คนอื่นคงจะยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกนะ”
.........................................................................................................................................................................
ที่โรงพัก เสียงทะเลาะกันล้งเล้งดังลั่นโรงพัก
“ผมบอกแล้วว่าหมวดไม่อยู่ ไปประชุมในกรมตอนบ่าย ปานนี้คงยังประชุมไม่เสร็จ พวกป้าเอาไว้ค่อยมากันใหม่แล้วกัน ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องจะจับเข้าไปสงบสติอารมณ์ในกรงสักพักนึงเนี่ยะ เอามั้ย”
“อ๋อ ได้สิ ฉันได้จะขอแจ้งความมั่ง ว่าตำรวจโรงพักนี้พรากผู้เยาว์ เอาลูกสาววัย 16 ของฉันไปซ่อน กักขังหน่วงเหนี่ยว จะเอาให้ออกจากราชการไปเลย”
แม่อรทำหน้าถทึงกับจ่าสมหมาย จ่าสมหมายที่ทำหน้าดุทีแรกถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ขอตัวเดินเลี่ยงออกไปนอกห้องเพื่อโทรรายงานเรื่องราวให้หมวดปราบรู้ สักครู่ก็เดินกลับเข้ามา
“เอางี้เอางี้ เด๋วผมพาคุณทั้งสองไปที่บ้านหมวดปราบเลย ไปช่วยกันค้นเลยว่าทรายอยู่บ้านหมวดจริงนะเปล่า และอีกอย่างหมวดติดประชุมอยู่ พอประชุมเสร็จจะได้รีบตามไปที่บ้าน เราอย่ามาทะเลาะกันที่โรงพักเลยนะ....”
“ถ้าพูดรู้เรื่องยังงี้แต่แรก ก็ไม่ต้องทะเลาะกันดังโล้งเล้งยังงี้หรอก”
จ่าสมหมายพาสองสามีภรรยาขึ้นรถขับออกไป ทั้งสามเงียบกันไปตลอดทาง กระทั่งรถวิ่งมาถึงซอยๆหนึ่ง แม่อรที่เริ่มผ่อนคลายจากเรื่องเครียดเมื่อครู่ ถึงกับเอื้อมมือไปกุมมือวินจนแน่น เล่นเอาวินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ
รถมาจอดที่หน้าบ้านรั้วขาว จ่าสมหมายพยักหน้าให้ทั้งสองคนเป็นสัญญาณ แล้วเปิดประตูก้าวเดินลงจากรถไป วินเขยิบตัวจะออกจากรถ มือข้างที่แม่อรกุมไว้ก็ดึงอรให้ก้าวตามลงมาด้วย แต่อรไม่ขยับตัวเลยคราวนี้
“เป็นอะไรไปล่ะอร ลงมาสิ เนี่ย คงถึงบ้านนายหมวดคนนั้นแล้ว บ้านหลังใหญ่ซะด้วยนะแก....
อ้าว...เป็นอะไรไปล่ะ นั่งนิ่งเลย”
“พี่ พี่เข้าไปคนเดียวเถอะ ฉันขอรออยู่ในรถ ถ้าเจอนังทรายก็คุยกับมันดีๆนะ บอกว่าอรสำนึกผิดแล้ว จะมาขอรับตัวกลับบ้าน”
“แล้วถ้าทรายมันถามเรื่องพ่อแม่มันล่ะ”
“พี่ก็บอกไปสิ ว่าแม่มันน่ะท้องกับเจ้านาย เจ้านายเขาไม่รับว่าเป็นพ่อ แม่มันพอคลอดลูกแล้วก็หนีไป หาตัวไม่เจอ”
“แล้วอ้ายเรื่องแค่นี้แกจะปิดอยู่ทำไมเล่า ก็บอกๆมันไปแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง”
วินเดินตามจ่าสมหมายเข้าบ้านไป
“อ้าว แล้วเมียไม่ลงมาล่ะ”
“ไม่มาน่ะดีแล้ว เดี๋ยวได้ล้งเล้งกันบ้านแตกอีกน่ะ”
จ่ายักไหล่เป็นเชิงเห็นด้วย
เมื่อทั้งคู่เดินไปถึงหน้าตัวบ้าน น้าแจ๋วก็เดินออกมานำทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน
“คุณปราบโทรเข้ามาบอกน้าแจ๋วแล้วค่ะ ว่าจ่าจะพา....เอ่อ...คุณพ่อ กับคุณแม่....
แล้วคุณแม่อยู่ไหนละคะ”
น้าแจ๋วเอ่ยถามเมื่อเห็นคนเข้ามาไม่ครบอย่างที่ได้รับคำบอกเล่าจากหมวดปราบ
“เธอไม่เข้ามา ขอรออยู่ในรถ....
ว่าแต่ ทรายอยู่ไหนล่ะ”
“คุณทรายเธอ...ไม่อยู่แล้วค่ะ เธอออกไปแต่เช้าตรู่ เก็บของไปหมดเลย”
“ผมไม่เชื่อ”
“ก็รู้ว่าคุณไม่เชื่อนี่ไง ถึงได้พามาถึงนี่เลย ถ้าคุณอยากจะค้นตรงไหนตำรวจจะพาไปดูถึงที่”
น้าแจ๋วพาจ่าสมหมายกับวินเดินสำรวจจนทั่วบ้าน ทั้งสามเดินกลับมาที่ห้องโถงใหญ่
หมวดปราบเข้ามาที่บ้านพอดี
“ผมเห็นใครไม่รู้นั่งอยู่ในรถจ่าแน่ะ”
“ก็ยัย....เอ่อ เมียคุณคนนี้ไงครับหมวด แกไม่ยอมลงมาขอรออยู่ในรถ”
จ่าสมหมายเอ่ยกับหมวดปราบแล้วหันไปที่วิน
“ทรายอยู่ไหนคุณหมวด อย่าทำให้เรื่องมันบานปลายมากกว่านี้เลย”
หมวดปราบไม่ตอบ เขาเดินนำไปที่เก้าอี้รับแขก และพยักเพยิดให้คนอื่นๆเดินตามมา
“พ่อวินครับ ฟังผมนะครับ คือผมรับว่าทรายมาอยู่ที่บ้านนี้จริง แต่เราไม่เคยมีอะไรกันเกินเลย น้าแจ๋วก็อยู่ที่บ้านนี้ตลอด คอยดูแลทราย เผอิญเมื่อเย็นวานนี้ เพื่อนผู้หญิงที่ผมเคยคบเธอมาที่นี่แล้วบอกผมว่า เธอไปฟ้องอาจารย์ที่โรงเรียนว่าทรายหนีตามผู้ชายมาที่นี่ ทรายมาได้ยินพอดี เกิดความไม่พอใจ รุ่งเช้าเธอก็รีบออกไปเลยโดยไม่บอกให้ใครรู้ ผมก็ร้อนใจไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน ถ้าไม่ติดว่าช่วงเช้าจะต้องไปประชุมกับผู้ใหญ่ผมก็จะรีบตามหาเธอครับ”
“เธอออกจากบ้านนี้ไปแล้ว แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ เพราะคุณแท้ๆ ที่ทำให้ทรายมันยิ่งเตลิดไปกันใหญ่”
“อย่าตำหนิกันเลยดีกว่าครับ พวกเราในนี้ก็มีความผิดกันทุกคน”
หมวดทนไม่ได้ที่ถูกวินตำหนิ ก็เลยโยนคำตำหนิกลับไปบ้าง เล่นเอาวินอึ้งไปเหมือนกัน
“ไม่รู้ว่าแจ็คจะรู้นะเปล่า ว่าทรายอยู่ไหน”
“โอ้ย อย่าไปหวังพึ่งมันเลย ผมกับอรไปถามมันแล้วที่โรงเรียนเมื่อเช้านี้ มันไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น”
“พอดีแจ็คก็ตามไปที่โรงพัก คนที่โรงพักก็เลยให้เบอร์โทรมือถือผมกับแจ็ค แจ็คจึงโทรหาผมระหว่างทางที่ผมกำลังเดินทางกลับมา ผมเลยบอกทางมาที่บ้านนี้ให้กับแจ็ค คิดว่าอีกพักนึงคงมาถึงครับ”
พูดไม่ทันขาดคำ เสียงประตูดังอ๊อดแอ๊ดพอดี น้าแจ๋ววิ่งออกไปรับคนที่กำลังเดินเข้ามา
แจ็คเห็นวินก็ทำหน้าบึ้งๆมองเฉไฉไปทางอื่น หมวดปราบเห็นแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า
“เราอย่าเพิ่งแสดงอาการหมางเมินกันตอนนี้เลย มาช่วยกันระดมสมองก่อนดีกว่า ว่าจะไปตามทรายที่ไหนดี”
“ผมไม่รู้เลยจริงๆ รู้แต่ว่าทรายมันบ่นว่าอยากจะหารายได้ ผมก็ชวนไปขายก๋วยเตี๋ยว ทีแรกมันก็เอาด้วย แต่พอตกเย็น ที่มีเรื่องแฟนเก่าหมวดไปอาละวาดที่โรงเรียน ทรายมันก็เลยบ่นว่าอยากจะหาที่อยู่ใหม่ ผมก็บอกมันไปว่าจะหาที่อยู่สภาพแวดล้อมดีๆ ที่ๆเด็กนักเรียนผู้หญิงตัวคนเดียวที่จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยน่ะ สงสัยต้องใช้เงินเยอะ ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออก เอาไว้จะช่วยคิดวันหลัง แต่พอรุ่งเช้ามันก็ไม่ได้มาเรียนหนังสือซะแล้ว”
“มันต้องไปเป็นแน่เลย”
วินโพล่งเสียงดัง หมวดหันไปทางวินทำหน้าตำหนิอย่างสุดฤทธิ์ แต่แจ็คไม่ปล่อยให้มีอะไรค้างคาในใจอยู่แล้ว
“พูดหมาๆ พูดอะไรหมาๆ ร่างกายก็ไม่ใช่พ่อ จิตใจก็ไม่ใช่พ่อ คิดอะไรอย่างนี้ได้ยังไงน่ะ”
วินได้ฟังก็โมโหลุกเดินไปที่แจ็ค หมวดปราบลุกขึ้นขวาง
“พูดมากไปแล้วอ้ายแจ็ค เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเถอะ”
“อย่าโกรธแจ็คมันเลยครับ ถ้าผมเป็นเด็กเท่าแจ็คผมอาจจะถึงขั้นลงไม้ลงมือไปแล้วก็ได้ กับคำพูดของคุณ”
เสียงโทรศัพท์มือถือของวินดังขึ้น
“ไม่อยู่ มันไม่อยู่ อ้ายแจ็คเหรอ มันก็เข้ามายืนยันว่าไม่เห็นทราย.....โอเค โอเค”
วินเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
“วันนี้ผมกลับก่อน มีอะไรแล้วค่อยว่ากันใหม่”
พอวินกลับไปแล้วหมวดปราบจึงเอ่ยขึ้น
“แจ็คมีไอเดียอะไรใหม่ๆบ้างมั้ย”
“ตอนนี้ไม่มี ทรายมันก็ไม่ใช่คนมีเพื่อนมาก นอกจากผมกับแพรวแล้ว ก็นึกไม่ออกว่าทรายมันจะไปหาใครอีก”
“เอางี้ ผมจะลองเช็คดูที่พ่อแม่ของแพรวนะ แต่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ วันนี้แจ็คกลับบ้านก่อนดีกว่า เพราะนี่ก็มืดค่ำแล้ว มีไอเดียอะไรโทรบอกกันเลยนะ ไม่ต้องลงมือเอง เพราะผมคงทำอะไรได้คล่องตัวกว่า แจ็คเองก็เพิ่งเริ่มเรียนไม่กี่วันด้วย”
แจ็คลากลับไปแล้ว หมวดปราบร้อนใจ ที่คิดว่าจะติดต่อพ่อแม่ของแพรวพรุ่งนี้ก็ทำไม่ได้ เขาใช้ความเป็นตำรวจ ได้เบอร์โทรที่บ้านของแพรวอย่างรวดเร็ว
“...............................................ครับ ขอบคุณนะครับ ถ้าทรายติดต่อมาหรือมีอะไรผิดสังเกตโทรหาผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะครับ”
หมวดปราบจบการสนทนากับที่บ้านของแพรว สีหน้าครุ่นคิดของเขายังคงดำเนินต่อไป ตราบใดที่ยังคว้าเงาของทรายไม่ได้ ว่าเธอไปไหน อยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไร ปลอดภัยอยู่หรือเปล่า
................................................................................................................................................................................
บนรถแท็กซี่คันนั้น วินกับแม่อรนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลังคนขับ รถกำลังวิ่งห่างจากบ้า