สาวน้อยพลังจิต ตอน 18 โศกนาฎกรรมทำเรื่อง

กระทู้สนทนา
สาวน้อยพลังจิต
ตอน 18 โศกนาฎกรรมทำเรื่อง
    “ฉันว่าถึงเวลาแล้วนะที่เธอจะต้องเปิดเผยความจริงซะที”
    วินบอกกับแม่อร เมื่อเห็นว่าแม่อรนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว นับตั้งแต่วันที่ร้อยตำรวจโทปราบ ศิริเดชปรากฏตัวที่บ้าน
    “ของพวกนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่จริงๆด้วยนะ สิ่งที่เธอคิดว่าจะทำได้มันก็ไม่สำเร็จสมคำทำนายจริงๆ ใครจะเชื่อ จู่ๆ...”
    “หยุดได้แล้วพี่วิน ไม่ต้องพูด ให้ตายฉันก็ไม่ยอมเปิดเผยความจริงแน่”
    แม่อรตวาดแว๊ด วินถึงกับเงียบไปแล้วก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
    สักพักมีเสียงกดกริ่งเรียกจากหน้าบ้าน วินพับหนังสือพิมพ์แล้วเดินลงไปเปิดประตูให้ใครบางคนแล้วขึ้นมาหาแม่อร
    “ต้นเหตุมาถึงนี่แล้วแม่อร”
    วินพูดอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วถอนหายใจ
    “ใคร ต้นเหตุอะไร”

    “ก็พ่อหมวดตัวดีของเธอไงล่ะ”
    “ทำไมพ่อไม่ไล่เขาไป”
    “ฉันไม่ทำหรอก เพราะสิ่งที่เธอทำน่ะมันไม่ถูก”
    วินพูดแล้วก็เดินจากไป แม่อรต้องจำใจเดินลงไปชั้นล่าง เผชิญหน้ากับปัญหาที่เธอพยายามหลบเลี่ยงมานานถึง 16 ปี
    หมวดปราบยกมือไหว้แม่อร ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่นั่งนิ่งหลบตากันอยู่ นานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ จนวินเดินลงมาเห็นทั้งสองยังนังกันอยู่จึงได้อุทานขึ้น
    “เห็นเงียบๆคิดว่ากลับไปแล้ว นี่ยังนั่งกันอยู่เลยเหรอ”
    เสียงวินทำลายบรรยากาศน้ำแข็งในห้องนั้น หมวดหนุ่มรวบรวมความกล้าแล้วหันไปที่แม่อรแล้วเอ่ยขึ้น
    “คือ ผมรักทรายครับ จู่ๆทรายก็ทำท่าเหมือนเกลียดผมขึ้นมาเฉยๆ ผมเชื่อว่าแม่อรคงพอจะบอกผมได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทรายไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าผม เวลาเพียงชั่วข้ามวันเธอเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนั้น ต้องมีอะไรที่ไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน”

    “คุณรักทราย คุณเจอกันไม่กี่วันมาบอกว่ารัก นี่ฉันขอร้องละนะ เด็กเขายังเรียนมัธยมอยู่แท้ๆ คุณมาพูดเรื่องร้งเรื่องรัก ไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอ คุณเองก็อายุไม่น้อยรับราชการเป็นถึงนายตำรวจ จะมามีความรักอะไรกับเด็กมัธยม”
    “ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่ครับ คนเราคบกัน มีความรู้สึกดีๆให้แก่กันแปลกมากเลยหรือครับ ถ้าเป็นห่วงหรือระวังสิ่งที่จะเกินเลย ผมก็โตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียขึ้นกับทุกฝ่าย แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะกีดกันไม่ให้คนได้พบกัน ทรายเองก็คงเป็นทุกข์ ชีวิตเขาพบกับความทุกข์มาตลอด ผมสงสาร ผมเห็นใจ ผมชื่นชมในจิตใจที่เข้มแข็งของทราย เราเข้าใจกัน…”
    “พอ พอ คุณตำรวจ คุณพูดมากพอแล้ว ยังไงๆทรายก็ยังเป็นเด็ก ฉันยังมีสิทธิที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เขาคบกับใคร และให้ใครคบกับเขา ฉันเป็นแม่เขา ฉันรู้ดีว่าเขามีความสุขมากน้อยแค่ไหน ฉันดูแลจิตใจและอารมณ์ของเขามาตั้งแต่เกิด ฉันทำหน้าที่นั้นได้ดีอยู่แล้ว คุณไม่ต้องมาเป็นห่วงเป็นใยว่าเขาจะมีความสุขหรือไม่มีหรอก”

    “ผมทราบดีครับ เพราะทรายก็เล่าถึงความอบอุ่นที่เขาได้รับจากแม่อรเป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นแม่เลี้ยงของเธอ...”
    “พูดอะไรน่ะ”
    แม่อรทะลึ่งตัวขึ้นตะเบ็งสุดเสียง ดวงตาของเธอแข็งปั๋งถทึง เธอเค้นเสียงถามหมวดหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย
    “คุณพูดว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงทราย...”
    หมวดหนุ่มตกใจมากเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าคำพูดง่ายๆคำนี้จะทำให้แม่อรที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่แล้ว มีอาการเกร็งไปหมดทั้งตัว ปากของเธอเริ่มสั่น หายใจหอบถี่ เดี๋ยวเดียวตาของเธอก็เหลือกขึ้นมีทีท่าเหมือนจะเป็นลม
    “แม่อรครับ แม่อร....”
    หมวดปราบตรงเข้ารับร่างกายที่ปล่อยตัวเองทิ้งลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง วินที่อยู่ใกล้ๆร้องเสียงหลงรีบวิ่งเข้ามารับตัวอรไว้
    “คุณตำรวจไปซะเถิด ผมขอร้องอย่ามาอีกได้มั้ย เรื่องยัยอรเดี๋ยวผมจัดการเอง คุณช่วยไปจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้”

............................................................................................................................................................................    วินช่วยพยาบาลจนแม่อรกลับคืนสติขึ้นมา คราวนี้แม่อรร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ
    “เขาพูดว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงทราย เขารู้ได้ยังไง เขารู้ได้ยังไง เขารู้ได้ยังไง...”
    วินน้ำตาคลอเบ้า ผู้ชายคนนี้ก็สะเทือนใจจนน้ำตาใกล้จะรินไหล เขาเป็นห่วงและสงสารภรรยาอย่างที่สุด เขาสวมกอดภรรยาด้วยมือที่สั่นเทา
    “อร... อร... อร... ทำใจให้สบายนะ ทำใจให้สบาย เธอเพ้อเหมือนคนเสียสติเลยรู้มั้ย เธอพูดคำว่าเขารู้ได้ยังไงเป็นร้อยๆครั้งแล้วอร...”
    “แม่หวัดดีค่ะ พ่อวินหวัดดีค่ะ”
    แม่อรสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นทรายเดินเข้ามายกมือไหว้ถึงในห้องนอน เธอเพิ่งกลับมาจากการเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนมาทั้งวัน
    “แม่อรเป็นอะไรไปอ่ะ”
    ทรายตกใจ ที่เห็นสีหน้าแม่อรเหมือนเพิ่งฟื้นจากป่วยหนัก พ่อวินโบกมือห้ามทราย
    “ออกไปก่อนทราย อย่าเพิ่งเข้ามา”
    ทรายเชื่อฟังแต่โดยดี เธอช่วยปิดประตูห้องนอนให้แม่อรกับวินอยู่ด้วยกันสองคน
    “จะปิดได้นานอีกแค่ไหน อรเอ๊ย”
    วินถอนหายใจ มองหน้าอรแล้วเอ่ยอย่างอ่อนแรง

    “พี่อย่าพูดเลย เพราะพี่ไม่ชอบนังทรายมันเป็นทุนเดิม เมื่อไหร่ที่ทรายรู้ความจริง มันก็จะไปจากฉัน พี่อยากให้นางทรายมันไปมากนักใช่มั้ย อยากให้ฉันตรอมใจตายใช่มั้ย…”
    “อร ฉันรู้ว่าทรายเป็นแก้วตาดวงใจของเธอ ชีวิตฉันทั้งชีวิตก็เหลือแต่เธอคนเดียว ฉันไม่ทำลายสิ่งที่เธอรักได้ลงคอหรอก”
    “หมวดเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง แล้วทรายรู้หรือเปล่า ทรายต้องรู้และเอาไปบอกกับหมวดปราบแน่ และทำไมทรายถึงรู้ พี่วิน พี่ไปบอกนังทรายมันรึ”
    “โอ้ย เปล่า ฉันจะทำยังงั้นทำไม ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายจิตใจเธอหรอก”
    ประตูห้องถูกเปิดผัวะ ทรายยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตรงนั้น แม่อรกับวินถึงกับกลั้นหายใจ วินรู้ว่าทรายได้ยินหมดแล้ว จึงเอ่ยถามสิ่งที่เขาสงสัย
    “ทราย แกรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่...”
    “เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ตอนที่พ่อวินจะให้แม่อรเอาเงินก้อนสุดท้ายมาลงทุน แม่อรไม่ให้ พ่อวินจึงพูดว่า ทรายเป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง ทำไมถึงต้องเป็นห่วงมันมากกว่าผัวตัวเอง...”
    แม่อรถึงกับลูกตากลับขึ้นข้างบนอีกครั้ง วินนั่งนิ่งเหมือนคนขาดลมหายใจไปชัวขณะ
    “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”
    “ทำไมแม่อรถึงปิดหนูมาตลอด...”

“อร ยกโทษให้ฉันเถิดนะ ทราย ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้คิดกับแกแย่ๆถึงขนาดนั้น ฉันก็รักแกเหมือนลูกเหมือนหลาน...”
    ทรายไม่ได้ยืนฟังคำพูดของวินจนจบ เธอวิ่งออกจากบ้านอย่างไร้เป้าหมาย คิดแต่ว่าออกไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ให้ไกลที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอผู้ชายที่เกลียดชังเธอและผู้หญิงที่ปิดบังเรื่องของเธอมาตลอดชีวิต
    เอี๊ยดดดด ปึง
    “โอ๊ยตายแล้ว คนโดนรถชน ไปช่วยกันดูหน่อยเร้ว”
    “ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ เธอวิ่งตัดหน้ามาเฉยๆ ต่อให้เป็นเทวดาก็เบรกไม่ทัน”
    “ผมเป็นตำรวจ ผมจะพาเธอไปโรงพยาบาลเอง...”
    ทรายวิ่งออกไปบนถนนอย่างไร้สติ โชคดีรถที่วิ่งมาไม่เร็วนัก เธอจึงไม่ได้บาดเจ็บสาหัส หมวดปราบที่แอบซุ่มติดตามเธออยู่ตลอดเวลา จึงเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน เข้าอุ้มเธอใส่รถแล้วตรงไปโรงพยาบาลทันที

...............................................................................................................................................................................
    “ทรายอยู่ที่ไหน...”
    ทรายลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นหมวดปราบนั่งยิ้มอย่างดีใจอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกอ่อนล้าหมดแรง ยิ้มให้เขาแล้วพูดเบา
    “คุณถูกรถชนที่ปากซอยบ้าน ผมมาพบเข้าพอดี”
    “จริงๆแล้วคุณติดตามทรายอยู่ตลอดเวลา”
    “ก็ใจมันเรียกร้อง...
    เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงวิ่งออกมาจากบ้านอย่างนั้น”
    ทรายได้ฟังแล้วก็หัวเราะเบาๆ
    “ถ้าบอกว่าสาเหตุมาจากคุณล่ะ”
    “วันนี้ผมไปที่บ้านคุณ เพราะอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเรา...
    คุณถูกนายวินไล่ออกจากบ้านใช่มั้ย”
    “เปล่า พ่อวินอาจจะปากไม่ดีอยู่บ้าง แต่แกไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก...
    ทรายได้ยินท่านพูดกันว่า คุณรู้ว่าแม่อรไม่ใช่แม่แท้ๆของทราย ซึ่งทรายก็เคยทราบแล้ว แต่ลืมบอกคุณไปว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้อีก คิดว่ามันจะจบลงที่คุณ....

    ก็ความลับไม่มีในโลก ทรายรู้จากปากพ่อวิน แล้วก็ไปบอกแพรว แต่จุดมุ่งหมายไม่ใช่เพื่อให้แพรวได้รู้ เพียงแต่อยากให้แพรวรักพ่อรักแม่มากขึ้น เพราะทรายอยากจะมีพ่อกับแม่แท้ๆให้รัก แต่ทรายไม่มี...
    แล้วแพรวก็ไปเล่าให้แจ็คฟัง เพราะอยากบอกให้แจ็คว่าทรายเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง และแจ็คก็บอกกับคุณ เพื่อคุณจะได้รู้จักทรายมากขึ้น...
    ทรายจึงไม่อยากจะโทษใคร คุณสบายใจได้ว่าทรายจะไม่โกรธคุณเรื่องนี้ ไหนๆเรื่องก็มาถึงนี่แล้ว ทรายอยากจะบอกหลังจากที่อัดอั้นมานาน ที่ทรายไม่ยอมพบคุณเพราะเย็นวันนั้นที่แม่อรมีอาการเครียดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ปีขลุ่ย หลังจากคุณกลับไปแล้ว แม่อรกำชับทรายไม่ให้ติดต่อกับคุณอีก ทรายก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง”
    “ทำไมแม่อรถึงทำอย่างนั้นล่ะ”
    “ทรายไม่ทราบเหตุผล และไม่เคยถาม ภายนอกดูเหมือนแม่อรอ่อนแอ แต่ทั้งทรายและพ่อวินรู้ดี ว่าถ้าแม่อรยื่นคำขาดแล้วละก็ เป็นตายก็ไม่ยอมให้ผิดไปจากที่แม่อรกำหนด”
    “ผมอยากรู้ ว่าถึงคุณยอมทำตามแม่อรอย่างไม่ปริปากคัดค้านหรือปฏิเสธ แต่ใจคุณล่ะ ใจคุณคิดยังไงกับผม"
    ทรายนิ่งไป น้ำหล่อเลี้ยงดวงตาของเธอเพิ่มมากขึ้นจนคล้ายจะเอ่อล้น หมวดปราบกุมมือเธอไว้อย่างอ่อนโยนเพื่อให้กำลังใจเธอ ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร แม่อรกับพ่อวินก็เดินเข้ามาพอดี
    “ทราย ทรายเป็นอะไรไปนะเปล่า”
    “แม่อร พ่อวิน”

    “พอดีวินมอเตอร์ไซค์มันเข้ามาบอก ว่าทรายโดนรถชน แล้วบอกว่าผู้ชายคนที่มาป้วนเปี้ยนที่บ้านบ่อยๆพักหลังนี้เป็นคนอุ้มทรายมาโรงพยาบาล แม่กับพ่อวินเลยคิดว่าเป็นผู้หมวด เอ่อ...ปราบ แน่นอน เลยรีบตามมา”
    “ทรายไม่เป็นไรแล้วค่ะ ช้ำที่น่องนิดหน่อย”
    “ผมอยากทราบว่าทำไมถึงห้ามทรายติดต่อกับผม”
    หมวดปราบยามนี้จิตใจร้อนรนเหมือนมีเตาสุมอยู่ เขาโพล่งขึ้นอย่างไม่ดูหน้าอินทร์หน้าพรหม
    “ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องรู้ และฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ ฉันเพียงแต่สั่งลูกสาวฉัน และคุณไม่มีสิทธิมายุ่งกับครอบครัวของฉัน”
    แม่อรเครียดใช้เสียงเขียวตอบคำถามผู้หมวดทันที
    “ทำไมคุณถึงต้องปิดทรายด้วย เรื่องที่คุณไม่ใช่แม่แท้ๆของเธอ”
    หมวดยังไม่ยอมแพ้ ตอนนี้แม่อรตะหวาดแว๊ดอย่างไม่สนใจแล้วว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลหรือเปล่า
    “เงียบได้แล้ว ฉันไม่อยากฟังคุณพูดอีก คุณตำรวจ ขอบคุณที่พาลูกสาวฉันมาโรงพยาบาล คุณไปได้แล้ว”
    หมวดทำท่าจะเดินออกไป เขาจะดึงมือที่กุมมือทรายออก แต่ทรายกลับรั้งมือเขาไว้ หมวดปราบชะงักหันมาที่ทราย ทั้งแม่อรและวินเห็นมือทั้งสองจับกันไว้และทรายเป็นคนดึงหมวดปราบไม่ให้ไป

    ทรายส่ายหน้าช้าๆน้ำตารินไหล เธอหันมาทางแม่อร
    “แม่อรขา ทรายเองก็อยากรู้”
    “แกไม่ต้องรู้ ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เป็นเด็กทารก มีเรื่องไหนบ้างที่ฉันไม่เคยให้เหตุผล มีอะไรบ้างที่ฉันไม่เคยให้กำลังใจ ฉันขอเรื่องนี้เรื่องเดียว แกอย่ารู้”
    แม่อรเริ่มน้ำตารินไหล เธอพยายามฝืนตัวเองให้ดูเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว จ้องมองตาทรายเหมือนพยายามบังคับกำราบให้เชื่อฟังเธอ
    พ่อวินได้แต่หันหลังไปถอนหายใจเบาๆ ทรายยังคงจับมือหมวดปราบนิ่ง เธอเริ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
    “ทรายเองก็ไม่เคยดื้อกับแม่อร ครั้งนี้ทรายขอดื้อ ทรายอยากรู้เรื่องของพ่อแม่ที่แท้จริงของทราย”
    “แกจะอยากรู้ไปทำไม รู้แล้วจะมีประโยชน์อะไร เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งนักใช่มั้ย เอาสิ ดี เอาเลย ถ้าแกอยากรู้นักฉันจะตัดแม่ตัดลูกกับแก ถ้าแกดื้อนัก แกก็ย้ายไปอยู่กับอ้ายผู้หมวดคนนี้ให้สมใจ....”

    แม่อรพูดตะหวาดด้วยเสียงอันดังและท่าทางเหมือนยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้นทุกที พยาบาลและรปภ.วิ่งกรูกันเข้ามา ตอนนี้เกือบจะควบคุมแม่อรไว้ไม่ได้แล้ว เธอตีอกชกหัวตัวเองเหมือนคนเสียสติ วินพยายามลากเธอออกไปและพูดปลอบแม่อรตลอดเวลา
    “อรพอแล้วอร กลับบ้านเรานะ กลับบ้านเรา”
    ก่อนจากไปวินหันมามองทรายอย่างเหยียดหยามและพูดด้วยเสียงอันดังว่า
    “นังเนรคุณ อย่ากลับไปบ้านฉันอีก ฉันตัดหางปล่อยวัดแก บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันกับแม่อรตักรดหัวแกอยู่ทุกวันถือว่าฉันทำทาน อย่ากลับไปที่บ้านเราอีก ถือว่าเราขาดกันตั้งแต่วันนี้”

    ทรายร้องไห้ทุรนทุรายจะลุกขึ้นตามแม่อรกับวินออกไป แต่ด้วยยังบาดเจ็บอยู่จึงไม่อาจจะลุกขึ้นได้ เธอเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายตีอกชกหัวตัวเองจนเหนื่อย แพทย์ต้องเข้ามาฉีดยานอนหลับให้เธอจึงได้สงบลง
............................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่