ทราย สาวพลังจิต ตอน 29 “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
เมื่อพ่อวินเล่าทุกอย่างให้ทรายฟัง ทรายสาวน้อยฟังแล้วนิ่งอึ้งไป เพราะลำพังตัวเธอเองยังเอาตัวไม่รอด จนใจจนปัญญาจะแก้ปัญหาหรือคิดอ่านทำอะไร พอได้รู้ว่าแม่อรเฝ้าตามหาเธอตลอดเวลา ทำให้จิตใจของเธอพองโตและรู้สึกละอายใจระคนกันไป ที่พองโตเพราะทำให้เธอรู้สึกว่า ชีวิตของเธอยังมีความหมายกับแม่อร และละอายเพราะเธอทิ้งแม่อรมา เหมือนเธอเป็นเด็กอกตัญญูที่ปล่อยให้ผู้มีพระคุณต้องเผชิญปัญหาอยู่คนเดียว
“เอายังงี้ ให้พ่อวินไปที่บริษัทของครอบครัวเรา อาจให้เป็นคนดูแลรถของบริษัท หรือให้เป็นพนักงานขับรถของผู้บริหารบางคนแล้วกัน”
กีรติพูดทำลายบรรยากาศอึดอัด พ่อวินเงยหน้ามองกีรติตาเป็นประกายด้วยความขอบคุณ ส่วนทรายทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“คุณกีรติ มันเยอะเกินไปแล้ว คุณช่วยเหลือทรายมากขนาดนี้ ทรายไม่รู้จะเอาอะไรมาตอบแทน มันทำให้ทรายไม่สบายใจมากๆ”
“อย่าพูดอะไรเลย ปัญหาของทรายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมที่จะช่วย ยังไงเราต้องหาพนักงานมาทำหน้าที่พวกนี้อยู่แล้ว ดีซะอีก เอาคนรู้จักกัน จะได้วางใจได้ ค่าจ้างเงินเดือนก็เหมือนจ่ายให้พนักงานคนอื่นๆ อย่าคิดว่าเป็นการช่วยเหลือกัน พ่อวินต้องทำงานเพื่อแลกเงินเดือน ทรายไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”
ทรายพยักหน้า น้ำตานองแล้วหันไปที่พ่อวิน
“ทรายขอพ่อวินกลับไปอยู่กับแม่อรนะคะ ฝากกราบแม่อรแทนด้วย บอกว่าทรายสบายดี แต่ไม่สะดวกกลับไปอยู่ที่บ้าน ตราบใดที่ทรายยังไม่รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นลูกใคร”
พ่อวินพยักหน้า ยอมทำตามคำขอของทรายแต่โดยดี
................................................................................................................................................................................
ทราย กีรติและจินนี่กลับมาถึงบ้าน หมวดปราบนั่งรออยู่ก่อนแล้ว การเห็นหมวดปราบทำให้ทรายมีท่าทีอึดอัด กีรติก็เริ่มมีท่าทีไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“ผมมาเรื่องงาน”
หมวดปราบพูดเมื่อทราบเดินมาถึง แต่เธอไม่ยอมมองหน้าเขาเลย คิดว่าเดินมาทักทายด้วยมารยาท
“วันที่คุณไปปราจีนบุรีกัน ตำรวจพบศพชายสองคนเสียชีวิตด้วยอาวุธสงครามอยู่บริเวณนั้น”
กีรติที่ยืนอยู่ด้วย ได้ฟังถึงกับตกใจ เขาขอตัวเดินจากไปทันที แม้รู้เรื่องทั้งหมดดี แต่ครอบครัวถือว่ากีรติเป็นเหยื่อ และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินใจของพันตรีพิชัยเอง กีรติจึงไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ทรายนิ่งอึ้งไป เธอต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่ ถ้าพูดออกไปพันตรีพิชัยต้องตกที่นั่งลำบากแน่ แต่ถ้าไม่พูด มันเหมือนความคิดด้านดีกับด้านเลวกำลังต่อสู้กันอยู่ในจิตใจเธอ เธอทำท่าอ้ำอึ้งอยู่นาน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงดี แล้วในที่สุดทรายตัดสินใจได้ เธอจึงโพล่งออกไป
“ทรายไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น พวกเราเพียงแต่ไปดูที่กันเท่านั้น มีคนเสนอขายที่ดินแถวๆ นั้นให้ครอบครัวคุณกีรติ และกลุ่มของพันตรีพิชัยเพียงแต่ไปช่วยอำนวยความสะดวก”
หมวดปราบพยักหน้า เขาไม่รีรอโอกาสที่ได้อยู่กันสองต่อสองกับทรายอีก มองหน้าและยื่นมือมาแตะที่แขนของทราย ทรายรีบหดแขนกลับทันที
“เรื่องระหว่างเรา ทรายจะปล่อยให้มันจบอย่างนี้เหรอ ผมไม่อายที่จะบอกว่า ผมยังรักและรอคอยทรายเสมอ ไม่ว่าทราจะคิดหรือตัดสินใจยังไง ผมเคารพการตัดสินใจของทราย แต่หัวใจที่มีความรักต่อทราย จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ได้ยินอย่างนั้นทรายทำสีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที แต่ในใจของเธอรู้สึกยิ้มอย่างประหลาด จนเธอรู้สึกสับสนในตัวเอง ทรายจึงขอตัวจากไป ปล่อยให้หมวดปราบยืนมองเธอเดินออกจากห้องนั้นไปด้วยความเงียบเหงากดดันอยู่ในใจ
...................................................................................................................................................................................
ในคฤหาสน์ทรงทันสมัยหลังงาม ผนังที่กรุด้วยกระจก มีม่านหนาผืนโตปิดบังแสงไฟจากภายนอก ทำให้ในห้องที่ปูพรมหนาสีน้ำเงินที่แสนเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศอย่างดีเดินเครื่องอย่างเงียบกริบ บนเตียงทรงหลุยส์มีที่นอนกำมะหยี่สีเบอร์กันดี้ ทราย สาวน้อยนอนหลับอย่างอุ่นสบายในผ้าห่มลายกุหลาบผืนโต
“กรี๊ดดดดดด” ทรายตื่นขึ้นพร้อมกรีดเสียงดังอีกครั้ง ไม่ต่างจากคราวก่อน
กีรติกับจินนี่วิ่งเข้ามาเปิดไฟแล้วมองดูทรายด้วยสายตาอ่อนโยนระคนกังวล
“ฉันฝันอีกแล้ว”
“ฝันอะไรเหรอทราย”
กีรติถาม แววตาสีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วง
“น้าเกิด มายืนอยู่ที่ปลายเตียง เนื้อตัวมอมแมม มีแผลโดนกระสุนหลายนัด แกมองหน้าทรายแล้วพูดซ้ำๆ ว่า สัญญาแล้วไง สัญญาแล้วไง สัญญาแล้วไง.....”
ทั้งกีรติและจินนี่ได้แต่อึ้ง จนปัญญาจะปลอบประโลมและแก้ปัญหา
รุ่งขึ้นเช้าไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร มีข้อความส่งมาทางไลน์จากแพรวว่า
“ตอนนี้ฉันอยู่เมืองไทยนะ อยากเจอ”
ทรายเห็นข้อความแล้วดีใจมาก พอเตรียมตัวออกจากบ้าน กีรติขอเป็นฝ่ายขับรถมาส่ง
เมื่อทั่งคู่พบกัน ทรายเอ่ยถามทันที
“แจ๊คไม่มาด้วยเหรอ”
แพรวทำสีหน้าตื่นๆ แล้วตอบไปด้วยท่าทีพยายามกลบเกลื่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แพรวกลับมาซัมเมอร์ที่เมืองไทยนาน 3 เดือน ระหว่างเรียนอยู่ที่นิวซีแลนด์ การติดต่อกันระหว่างเธอกับแจ๊คค่อยๆ น้อยลง จนทั้งคู่รู้สึกเคยชินที่จะนานๆ ทักกันที แจ๊คเองไม่ค่อยมีเวลาเพราะต้องใช้เวลาหลังเลิกเรียนเพื่อทำงานหาเงิน ส่วนแพรวที่ติดต่อแจ็คน้อยลงนั้น ไม่มีใครบังอาจล่วงรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
“แจ๊คคงไม่ว่างมั้ง คงทำงานอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวน่ะ ว่าแต่คุณแว่นนี่ใครอะ”
ทรายแนะนำให้แพรวรู้จักกีรติ เธอเล่าเหตุการณ์ช่วงที่ผ่านมาให้แพรวฟัง เพื่อให้แพรวต่อติดกับสถานการณ์ต่างๆ แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอไม่ได้สังเกต นั่นคือ แพรวแอบมองกีรติไม่วางตา รวมถึงการขอแลกไลน์กับกีรติอย่างไม่เคอะเขิน
..................................................................................................................................................................................
คืนวันนั้นหลังจากกลับมาจากการพบกับแพรว ทรายเข้านอนและฝันร้ายเหมือนๆ เดิมอีก เสียงกรีดร้องของทำเริ่มทำให้พ่อของกีรติไม่สบายใจ เช้าวันนั้นเธอต้องไปโรงเรียนแต่เป็นเพราะกลางคืนได้นอนน้อย ทำให้เธอตื่นสาย และเมื่อเดินลงบันไดมา เห็นหลังพ่อของกีรติเดินนำไปแว๊บหนึ่ง ทรายคิดว่าจะลงไปสวัสดีผู้ใหญ่ เพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน จึงเดินตามไปโดยที่พ่อของกีรติไม่รู้
พ่อของกีรติเปิดประตูบ้านออกไปทางสวนที่มีมุมพักผ่อน ตรงนั้นกีรตินั่งอยู่ก่อนแล้ว เสียงพูดของพ่อกีรติ ทำให้เธอหยุดกึก รีบแอบเพื่อไม่ให้คนทั้งคู่รู้ว่าเธออยุ่ตรงนั้น เพื่อเธอจะได้ฟังการสนทนานั้นได้
“เรื่องของเด็กทราย พ่อว่ามันเริ่มเยอะแล้วนะ อะไรจะมาร้องกรี๊ดๆ ทุกคืนแบบนี้ ต้องดูแลกันไปอีกขนาดไหน เรื่องจ่ายเงินค่าคดี รวมถึงเรื่องเอาพ่อเลี้ยงมาทำงาน แม่เขารู้สึกอึดอัดแต่ไม่อยากจะพูดให้กีรติไม่สบายใจ”
กีรติได้แต่นิ่งอึ้ง เอาแต่ก้มหน้า เขาไม่พูดอะไร ทรายได้ฟังอย่างนี้เธอจึงเดินก้าวถอยหลังอย่างเงียบกริบ กลับขึ้นชั้นบนเก็บเสื้อผ้า และแอบหนีออกจากบ้านหลังนั้นทันที
...................................................................................................................................................................................
“ทรายหายจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เย็นแล้วก็ยังไม่กลับ เธอบล็อกการติดต่อของผมหมดเลย ทำยังไงดีครับ”
ข้อความถูกส่งเข้ามาในไลน์ เมื่อได้รับแล้วเธอตอบกลับทันที
“เหรอคะ ช่วงนี้ยุ่งๆ เพิ่งกลับบ้าน ทำธุระหลายอย่าง ไม่ได้ติดต่อทรายเหมือนกัน มารับแพรวสิ จะพาไปลองตามหาทรายให้”
แพรวส่งข้อความกลับกีรติทันที แม้ในใจเธอจะเป็นห่วงทรายเมื่อรู้ว่าเธอหนีออกจากบ้านกีรติมา แต่อีกใจรู้สึกมีความยินดีแปลกๆ
แพรวส่งข้อความไปถึงหมวดปราบทันที
“ทรายออกจากบ้านคุณกีรติได้ 2 วันแล้ว หมวดปราบตามหาสิคะว่าเธออยู่ไหน ถ้ารู้แล้วบอกแพรวด้วยนะ”
กีรติขับรถมารับแพรวที่บ้าน แพรวขอให้กีรติแวะพาเธอไปซื้อขนมที่ร้านโปรดก่อน ด้วยข้ออ้างว่า
“แวะไปบ้านทราย เอาขนมติดมือไปให้ผู้หลักผู้ใหญ่น่ะค่ะ”
เธอใช้เวลาที่ร้านขนมนานมาก ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษกีรติไม่ปริปากบ่นเลย เขานั่งรออย่างสงบขณะที่แพรวเดินไปตรงนั้นที ตรงนี้ที ชี้ให้พนักงานหยิบขนมต่างๆ มากมาย
และแล้ว ข้อความส่งกลับจากหมวดปราบก็มาถึง
“คุณไม่บอกกันเลยว่าอยู่เมืองไทยแล้วนะ ส่วนเรื่องทราย คิดว่าเธอกลับไปที่บ้านแม่อร ผมกำลังเดินทางไป”
“โอเคค่ะ เรียบร้อยละ เราไปที่บ้านทรายกันดีกว่า”
แพรวหิ้วถุงขนมมาที่กีรติแล้วชักชวนให้เขาออกเดินทางไปกับเธอหลังจากได้ข้อความจากหมวดปราบ
..................................................................................................................................................................................
หมวดปราบมาถึงแล้วเห็นทรายนั่งอยู่กับแม่อรและพ่อวินจึงเดินเข้ามาทักทายทุกคน
“บ้านนี้ไม่ได้มีใครเชิญคุณหมวดนะ”
แม่อรพูดขึ้นเป็นคนแรก พ่อวินได้แต่นั่งหันหน้าไปทางอื่น
ทรายหันมองหมวดปราบด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างเสียมิได้
“หมวดมีธุระอะไรหรือคะ ทรายคิดว่าเราหมดเรื่องที่จะต้องคุยกันแล้วนะ”
“ผมอดเป็นห่วงทรายไม่ได้ ทรายกลับมาอยู่บ้านผมสบายใจแล้ว ได้เจอกันเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว”
“สบายใจก็ดี แล้วหมวดมีธุระอะไรอีก”
แม่อรพูดอีก คราวนี้พ่อวินส่ายหน้า ทรายพูดขัดแม่อรขึ้นมาทันที เพราะไม่อยากให้แม่อรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอมากนัก
“แม่อรไม่เป็นไรค่ะ ให้หมวดคุยกับทรายจนพอใจ เดี๋ยวเขาคงไปเอง”
ได้ยินอย่างนี้พ่อวินถึงกับลุกขึ้นดึงมือแม่อรแล้วเดินนำขึ้นบันไดไป แม่อรกระทืบเท้า ยอมให้ถูกดึงขึ้นไปชั้นบนอย่างเสียมิได้
ก่อนที่ใครจะเอ่ยอะไรอีก ทรายมองออกไปหน้าบ้านเห็นรถกีรติจอดพอดี ทั้งแพรวทั้งกีรติลงมาจากรถ ทรายถึงกับแปลกใจเล็กน้อย แต่อารมณ์น้อยใจของเด็กสาว บวกกับไม่อยากให้กีรติมายุ่งยากในเรื่องเธออีก ทรายจึงลุกเดินมาที่หมวดปราบ ใช้มือทั้งสองโอบกอดเขาทันที
“ทรายคิดถึงหมวดมาก ขอบคุณที่คอยดูแลกันตลอดนะคะ”
หมวดปราบถึงกับตกใจที่ทรายมาไม้นี้ เหลือบไปเห็นกีรติเดินมากับแพรวพอดี เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เป็นอย่างนี้เลยต้องเล่นไปตามบทบาท ปล่อยเลยตามเลย หมวดปราบใช้สองมือโอบเอวทรายอย่างสนิทสนมเช่นกัน เขาพูดกับทรายเสียงดังๆ ตั้งใจให้ได้ยินไปถึงหูคนอื่นๆ
“ไม่มีใครที่ผมจะรักมากไปกว่าทรายอีกแล้ว ยอดดวงใจของผม เราสองคนจะไม่พรากจากกันอีก สัญญานะ สัญญาสิ”
หมวดปราบพูดจบก็ดึงตัวทรายให้แนบชิดเข้ามาอีก ทรายไม่กล้าขัดขืนเพราะกลัวจะไม่เนียน แถมโดนทวงถามคำสัญญาซ้ำๆ ทำให้เธอต้องยอมตอบตกลงไป
“ค่ะ ทรายสัญญา....”
กีรติยืนนิ่งมองทั้งคู่พลอดรักกันอย่างดูดดื่ม ทรายหันไปที่เขาแล้วพยักหน้าให้เหมือนทักทายคนรู้จักห่างๆ กีรติพูดเบาๆ ให้ทรายมองที่ปากเพื่อให้เข้าใจว่าเขาพูดอะไร พูดจบแล้วกีรติก็หันหลังเดินกลับขึ้นรถไป แพรวทำตาตื่น แต่ก็พยักเพยิดกับทราย เป็นสัญญาณว่าเอาไว้เจอกันใหม่ เดี๋ยวฉันขอตามไปช่วยกีรติเลียแผลใจเอง พอรถของกีรติคล้อยหลังไปแล้ว ทรายเดินถอยออกมาจากหมวดปราบทันที
“หมวดมีเรื่องอะไรอีกมั้ยคะ เมื่อกี้ขอโทษ คุณอย่าอินกับมันเลย เป็นแค่การแสดง ทรายไม่อยากให้คุณกีรติมาชอบพอหรือหลงรักทราย รวมถึงทุกๆ คนอย่าคิดมากเรื่องทรายเลย ทรายเป็นแค่เด็กไร้ค่าคนนึงที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ไม่มีเวลามาคิดเรื่องความรักหรอกค่ะ”
หมวดปราบถึงกับอึ้งไป แต่ด้วยความที่ยังอยากอยู่กับทราย เขาจึงเดินมานั่งลงกับเก้าอี้รับแขกโดยไม่ต้องมีใครเชิญ แล้วหันมาทางทราย
“จะเอาเป็นงานเป็นการก็ได้ ผมอยากรู้เรื่องวันนั้น”
เมื่อได้ยินคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น ทรายถึงกับอึ้งไป เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ในใจรู้ว่าสิ่งที่พันตรีพิชัยทำนั้นไม่ถูก และสงสัยว่าจะจริงหรือ ที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว การรื้อฟื้นขึ้นมาจะมีประโยชน์อะไร แม้ว่าเธอจะฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกคืน แม้แต่ 2 วันที่ผ่านมา ที่เธอกลับมาบ้านแม่อร ภาพของนายเพิงกับน้าเกิดยังตามมาหลอกหลอนทุกคืน เธอสับ
ทราย สาวพลังจิต ตอน 29 “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
เมื่อพ่อวินเล่าทุกอย่างให้ทรายฟัง ทรายสาวน้อยฟังแล้วนิ่งอึ้งไป เพราะลำพังตัวเธอเองยังเอาตัวไม่รอด จนใจจนปัญญาจะแก้ปัญหาหรือคิดอ่านทำอะไร พอได้รู้ว่าแม่อรเฝ้าตามหาเธอตลอดเวลา ทำให้จิตใจของเธอพองโตและรู้สึกละอายใจระคนกันไป ที่พองโตเพราะทำให้เธอรู้สึกว่า ชีวิตของเธอยังมีความหมายกับแม่อร และละอายเพราะเธอทิ้งแม่อรมา เหมือนเธอเป็นเด็กอกตัญญูที่ปล่อยให้ผู้มีพระคุณต้องเผชิญปัญหาอยู่คนเดียว
“เอายังงี้ ให้พ่อวินไปที่บริษัทของครอบครัวเรา อาจให้เป็นคนดูแลรถของบริษัท หรือให้เป็นพนักงานขับรถของผู้บริหารบางคนแล้วกัน”
กีรติพูดทำลายบรรยากาศอึดอัด พ่อวินเงยหน้ามองกีรติตาเป็นประกายด้วยความขอบคุณ ส่วนทรายทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“คุณกีรติ มันเยอะเกินไปแล้ว คุณช่วยเหลือทรายมากขนาดนี้ ทรายไม่รู้จะเอาอะไรมาตอบแทน มันทำให้ทรายไม่สบายใจมากๆ”
“อย่าพูดอะไรเลย ปัญหาของทรายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมที่จะช่วย ยังไงเราต้องหาพนักงานมาทำหน้าที่พวกนี้อยู่แล้ว ดีซะอีก เอาคนรู้จักกัน จะได้วางใจได้ ค่าจ้างเงินเดือนก็เหมือนจ่ายให้พนักงานคนอื่นๆ อย่าคิดว่าเป็นการช่วยเหลือกัน พ่อวินต้องทำงานเพื่อแลกเงินเดือน ทรายไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”
ทรายพยักหน้า น้ำตานองแล้วหันไปที่พ่อวิน
“ทรายขอพ่อวินกลับไปอยู่กับแม่อรนะคะ ฝากกราบแม่อรแทนด้วย บอกว่าทรายสบายดี แต่ไม่สะดวกกลับไปอยู่ที่บ้าน ตราบใดที่ทรายยังไม่รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นลูกใคร”
พ่อวินพยักหน้า ยอมทำตามคำขอของทรายแต่โดยดี
................................................................................................................................................................................
ทราย กีรติและจินนี่กลับมาถึงบ้าน หมวดปราบนั่งรออยู่ก่อนแล้ว การเห็นหมวดปราบทำให้ทรายมีท่าทีอึดอัด กีรติก็เริ่มมีท่าทีไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“ผมมาเรื่องงาน”
หมวดปราบพูดเมื่อทราบเดินมาถึง แต่เธอไม่ยอมมองหน้าเขาเลย คิดว่าเดินมาทักทายด้วยมารยาท
“วันที่คุณไปปราจีนบุรีกัน ตำรวจพบศพชายสองคนเสียชีวิตด้วยอาวุธสงครามอยู่บริเวณนั้น”
กีรติที่ยืนอยู่ด้วย ได้ฟังถึงกับตกใจ เขาขอตัวเดินจากไปทันที แม้รู้เรื่องทั้งหมดดี แต่ครอบครัวถือว่ากีรติเป็นเหยื่อ และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินใจของพันตรีพิชัยเอง กีรติจึงไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ทรายนิ่งอึ้งไป เธอต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่ ถ้าพูดออกไปพันตรีพิชัยต้องตกที่นั่งลำบากแน่ แต่ถ้าไม่พูด มันเหมือนความคิดด้านดีกับด้านเลวกำลังต่อสู้กันอยู่ในจิตใจเธอ เธอทำท่าอ้ำอึ้งอยู่นาน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงดี แล้วในที่สุดทรายตัดสินใจได้ เธอจึงโพล่งออกไป
“ทรายไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น พวกเราเพียงแต่ไปดูที่กันเท่านั้น มีคนเสนอขายที่ดินแถวๆ นั้นให้ครอบครัวคุณกีรติ และกลุ่มของพันตรีพิชัยเพียงแต่ไปช่วยอำนวยความสะดวก”
หมวดปราบพยักหน้า เขาไม่รีรอโอกาสที่ได้อยู่กันสองต่อสองกับทรายอีก มองหน้าและยื่นมือมาแตะที่แขนของทราย ทรายรีบหดแขนกลับทันที
“เรื่องระหว่างเรา ทรายจะปล่อยให้มันจบอย่างนี้เหรอ ผมไม่อายที่จะบอกว่า ผมยังรักและรอคอยทรายเสมอ ไม่ว่าทราจะคิดหรือตัดสินใจยังไง ผมเคารพการตัดสินใจของทราย แต่หัวใจที่มีความรักต่อทราย จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ได้ยินอย่างนั้นทรายทำสีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที แต่ในใจของเธอรู้สึกยิ้มอย่างประหลาด จนเธอรู้สึกสับสนในตัวเอง ทรายจึงขอตัวจากไป ปล่อยให้หมวดปราบยืนมองเธอเดินออกจากห้องนั้นไปด้วยความเงียบเหงากดดันอยู่ในใจ
...................................................................................................................................................................................
ในคฤหาสน์ทรงทันสมัยหลังงาม ผนังที่กรุด้วยกระจก มีม่านหนาผืนโตปิดบังแสงไฟจากภายนอก ทำให้ในห้องที่ปูพรมหนาสีน้ำเงินที่แสนเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศอย่างดีเดินเครื่องอย่างเงียบกริบ บนเตียงทรงหลุยส์มีที่นอนกำมะหยี่สีเบอร์กันดี้ ทราย สาวน้อยนอนหลับอย่างอุ่นสบายในผ้าห่มลายกุหลาบผืนโต
“กรี๊ดดดดดด” ทรายตื่นขึ้นพร้อมกรีดเสียงดังอีกครั้ง ไม่ต่างจากคราวก่อน
กีรติกับจินนี่วิ่งเข้ามาเปิดไฟแล้วมองดูทรายด้วยสายตาอ่อนโยนระคนกังวล
“ฉันฝันอีกแล้ว”
“ฝันอะไรเหรอทราย”
กีรติถาม แววตาสีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วง
“น้าเกิด มายืนอยู่ที่ปลายเตียง เนื้อตัวมอมแมม มีแผลโดนกระสุนหลายนัด แกมองหน้าทรายแล้วพูดซ้ำๆ ว่า สัญญาแล้วไง สัญญาแล้วไง สัญญาแล้วไง.....”
ทั้งกีรติและจินนี่ได้แต่อึ้ง จนปัญญาจะปลอบประโลมและแก้ปัญหา
รุ่งขึ้นเช้าไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร มีข้อความส่งมาทางไลน์จากแพรวว่า
“ตอนนี้ฉันอยู่เมืองไทยนะ อยากเจอ”
ทรายเห็นข้อความแล้วดีใจมาก พอเตรียมตัวออกจากบ้าน กีรติขอเป็นฝ่ายขับรถมาส่ง
เมื่อทั่งคู่พบกัน ทรายเอ่ยถามทันที
“แจ๊คไม่มาด้วยเหรอ”
แพรวทำสีหน้าตื่นๆ แล้วตอบไปด้วยท่าทีพยายามกลบเกลื่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แพรวกลับมาซัมเมอร์ที่เมืองไทยนาน 3 เดือน ระหว่างเรียนอยู่ที่นิวซีแลนด์ การติดต่อกันระหว่างเธอกับแจ๊คค่อยๆ น้อยลง จนทั้งคู่รู้สึกเคยชินที่จะนานๆ ทักกันที แจ๊คเองไม่ค่อยมีเวลาเพราะต้องใช้เวลาหลังเลิกเรียนเพื่อทำงานหาเงิน ส่วนแพรวที่ติดต่อแจ็คน้อยลงนั้น ไม่มีใครบังอาจล่วงรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
“แจ๊คคงไม่ว่างมั้ง คงทำงานอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวน่ะ ว่าแต่คุณแว่นนี่ใครอะ”
ทรายแนะนำให้แพรวรู้จักกีรติ เธอเล่าเหตุการณ์ช่วงที่ผ่านมาให้แพรวฟัง เพื่อให้แพรวต่อติดกับสถานการณ์ต่างๆ แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอไม่ได้สังเกต นั่นคือ แพรวแอบมองกีรติไม่วางตา รวมถึงการขอแลกไลน์กับกีรติอย่างไม่เคอะเขิน
..................................................................................................................................................................................
คืนวันนั้นหลังจากกลับมาจากการพบกับแพรว ทรายเข้านอนและฝันร้ายเหมือนๆ เดิมอีก เสียงกรีดร้องของทำเริ่มทำให้พ่อของกีรติไม่สบายใจ เช้าวันนั้นเธอต้องไปโรงเรียนแต่เป็นเพราะกลางคืนได้นอนน้อย ทำให้เธอตื่นสาย และเมื่อเดินลงบันไดมา เห็นหลังพ่อของกีรติเดินนำไปแว๊บหนึ่ง ทรายคิดว่าจะลงไปสวัสดีผู้ใหญ่ เพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน จึงเดินตามไปโดยที่พ่อของกีรติไม่รู้
พ่อของกีรติเปิดประตูบ้านออกไปทางสวนที่มีมุมพักผ่อน ตรงนั้นกีรตินั่งอยู่ก่อนแล้ว เสียงพูดของพ่อกีรติ ทำให้เธอหยุดกึก รีบแอบเพื่อไม่ให้คนทั้งคู่รู้ว่าเธออยุ่ตรงนั้น เพื่อเธอจะได้ฟังการสนทนานั้นได้
“เรื่องของเด็กทราย พ่อว่ามันเริ่มเยอะแล้วนะ อะไรจะมาร้องกรี๊ดๆ ทุกคืนแบบนี้ ต้องดูแลกันไปอีกขนาดไหน เรื่องจ่ายเงินค่าคดี รวมถึงเรื่องเอาพ่อเลี้ยงมาทำงาน แม่เขารู้สึกอึดอัดแต่ไม่อยากจะพูดให้กีรติไม่สบายใจ”
กีรติได้แต่นิ่งอึ้ง เอาแต่ก้มหน้า เขาไม่พูดอะไร ทรายได้ฟังอย่างนี้เธอจึงเดินก้าวถอยหลังอย่างเงียบกริบ กลับขึ้นชั้นบนเก็บเสื้อผ้า และแอบหนีออกจากบ้านหลังนั้นทันที
...................................................................................................................................................................................
“ทรายหายจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เย็นแล้วก็ยังไม่กลับ เธอบล็อกการติดต่อของผมหมดเลย ทำยังไงดีครับ”
ข้อความถูกส่งเข้ามาในไลน์ เมื่อได้รับแล้วเธอตอบกลับทันที
“เหรอคะ ช่วงนี้ยุ่งๆ เพิ่งกลับบ้าน ทำธุระหลายอย่าง ไม่ได้ติดต่อทรายเหมือนกัน มารับแพรวสิ จะพาไปลองตามหาทรายให้”
แพรวส่งข้อความกลับกีรติทันที แม้ในใจเธอจะเป็นห่วงทรายเมื่อรู้ว่าเธอหนีออกจากบ้านกีรติมา แต่อีกใจรู้สึกมีความยินดีแปลกๆ
แพรวส่งข้อความไปถึงหมวดปราบทันที
“ทรายออกจากบ้านคุณกีรติได้ 2 วันแล้ว หมวดปราบตามหาสิคะว่าเธออยู่ไหน ถ้ารู้แล้วบอกแพรวด้วยนะ”
กีรติขับรถมารับแพรวที่บ้าน แพรวขอให้กีรติแวะพาเธอไปซื้อขนมที่ร้านโปรดก่อน ด้วยข้ออ้างว่า
“แวะไปบ้านทราย เอาขนมติดมือไปให้ผู้หลักผู้ใหญ่น่ะค่ะ”
เธอใช้เวลาที่ร้านขนมนานมาก ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษกีรติไม่ปริปากบ่นเลย เขานั่งรออย่างสงบขณะที่แพรวเดินไปตรงนั้นที ตรงนี้ที ชี้ให้พนักงานหยิบขนมต่างๆ มากมาย
และแล้ว ข้อความส่งกลับจากหมวดปราบก็มาถึง
“คุณไม่บอกกันเลยว่าอยู่เมืองไทยแล้วนะ ส่วนเรื่องทราย คิดว่าเธอกลับไปที่บ้านแม่อร ผมกำลังเดินทางไป”
“โอเคค่ะ เรียบร้อยละ เราไปที่บ้านทรายกันดีกว่า”
แพรวหิ้วถุงขนมมาที่กีรติแล้วชักชวนให้เขาออกเดินทางไปกับเธอหลังจากได้ข้อความจากหมวดปราบ
..................................................................................................................................................................................
หมวดปราบมาถึงแล้วเห็นทรายนั่งอยู่กับแม่อรและพ่อวินจึงเดินเข้ามาทักทายทุกคน
“บ้านนี้ไม่ได้มีใครเชิญคุณหมวดนะ”
แม่อรพูดขึ้นเป็นคนแรก พ่อวินได้แต่นั่งหันหน้าไปทางอื่น
ทรายหันมองหมวดปราบด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างเสียมิได้
“หมวดมีธุระอะไรหรือคะ ทรายคิดว่าเราหมดเรื่องที่จะต้องคุยกันแล้วนะ”
“ผมอดเป็นห่วงทรายไม่ได้ ทรายกลับมาอยู่บ้านผมสบายใจแล้ว ได้เจอกันเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว”
“สบายใจก็ดี แล้วหมวดมีธุระอะไรอีก”
แม่อรพูดอีก คราวนี้พ่อวินส่ายหน้า ทรายพูดขัดแม่อรขึ้นมาทันที เพราะไม่อยากให้แม่อรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอมากนัก
“แม่อรไม่เป็นไรค่ะ ให้หมวดคุยกับทรายจนพอใจ เดี๋ยวเขาคงไปเอง”
ได้ยินอย่างนี้พ่อวินถึงกับลุกขึ้นดึงมือแม่อรแล้วเดินนำขึ้นบันไดไป แม่อรกระทืบเท้า ยอมให้ถูกดึงขึ้นไปชั้นบนอย่างเสียมิได้
ก่อนที่ใครจะเอ่ยอะไรอีก ทรายมองออกไปหน้าบ้านเห็นรถกีรติจอดพอดี ทั้งแพรวทั้งกีรติลงมาจากรถ ทรายถึงกับแปลกใจเล็กน้อย แต่อารมณ์น้อยใจของเด็กสาว บวกกับไม่อยากให้กีรติมายุ่งยากในเรื่องเธออีก ทรายจึงลุกเดินมาที่หมวดปราบ ใช้มือทั้งสองโอบกอดเขาทันที
“ทรายคิดถึงหมวดมาก ขอบคุณที่คอยดูแลกันตลอดนะคะ”
หมวดปราบถึงกับตกใจที่ทรายมาไม้นี้ เหลือบไปเห็นกีรติเดินมากับแพรวพอดี เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เป็นอย่างนี้เลยต้องเล่นไปตามบทบาท ปล่อยเลยตามเลย หมวดปราบใช้สองมือโอบเอวทรายอย่างสนิทสนมเช่นกัน เขาพูดกับทรายเสียงดังๆ ตั้งใจให้ได้ยินไปถึงหูคนอื่นๆ
“ไม่มีใครที่ผมจะรักมากไปกว่าทรายอีกแล้ว ยอดดวงใจของผม เราสองคนจะไม่พรากจากกันอีก สัญญานะ สัญญาสิ”
หมวดปราบพูดจบก็ดึงตัวทรายให้แนบชิดเข้ามาอีก ทรายไม่กล้าขัดขืนเพราะกลัวจะไม่เนียน แถมโดนทวงถามคำสัญญาซ้ำๆ ทำให้เธอต้องยอมตอบตกลงไป
“ค่ะ ทรายสัญญา....”
กีรติยืนนิ่งมองทั้งคู่พลอดรักกันอย่างดูดดื่ม ทรายหันไปที่เขาแล้วพยักหน้าให้เหมือนทักทายคนรู้จักห่างๆ กีรติพูดเบาๆ ให้ทรายมองที่ปากเพื่อให้เข้าใจว่าเขาพูดอะไร พูดจบแล้วกีรติก็หันหลังเดินกลับขึ้นรถไป แพรวทำตาตื่น แต่ก็พยักเพยิดกับทราย เป็นสัญญาณว่าเอาไว้เจอกันใหม่ เดี๋ยวฉันขอตามไปช่วยกีรติเลียแผลใจเอง พอรถของกีรติคล้อยหลังไปแล้ว ทรายเดินถอยออกมาจากหมวดปราบทันที
“หมวดมีเรื่องอะไรอีกมั้ยคะ เมื่อกี้ขอโทษ คุณอย่าอินกับมันเลย เป็นแค่การแสดง ทรายไม่อยากให้คุณกีรติมาชอบพอหรือหลงรักทราย รวมถึงทุกๆ คนอย่าคิดมากเรื่องทรายเลย ทรายเป็นแค่เด็กไร้ค่าคนนึงที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ไม่มีเวลามาคิดเรื่องความรักหรอกค่ะ”
หมวดปราบถึงกับอึ้งไป แต่ด้วยความที่ยังอยากอยู่กับทราย เขาจึงเดินมานั่งลงกับเก้าอี้รับแขกโดยไม่ต้องมีใครเชิญ แล้วหันมาทางทราย
“จะเอาเป็นงานเป็นการก็ได้ ผมอยากรู้เรื่องวันนั้น”
เมื่อได้ยินคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น ทรายถึงกับอึ้งไป เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ในใจรู้ว่าสิ่งที่พันตรีพิชัยทำนั้นไม่ถูก และสงสัยว่าจะจริงหรือ ที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว การรื้อฟื้นขึ้นมาจะมีประโยชน์อะไร แม้ว่าเธอจะฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกคืน แม้แต่ 2 วันที่ผ่านมา ที่เธอกลับมาบ้านแม่อร ภาพของนายเพิงกับน้าเกิดยังตามมาหลอกหลอนทุกคืน เธอสับ