สาวน้อยพลังจิต วิญญาณในห้องใหญ่ ตอนที่ 20

กระทู้สนทนา
สาวน้อยพลังจิต  วิญญาณในห้องใหญ่
ตอนที่  20
    รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูรุ่นใหม่คันหรูค่อยๆวิ่งผ่านประตูรั้วเข้าไป ทรายมองผ่านกระจกรถออกไป เบื้องหน้าปรากฏคฤหาสน์สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ แม้จะดูภูมิฐาน แต่สีสันและสภาพนั้นบอกให้รู้ว่าคฤหาสน์หลังนี้มีอายุอานามไม่น้อยแล้ว และคงขาดการดูแลเอาใจใส่จึงดูทรุดโทรมในหลายจุด สวนที่ไร้ดอกไม้และต้นไม้ส่วนใหญ่ยืนต้นตาย สีขาวที่ดูหม่นและหลายจุดมีร่องรอยของคราบดำเคลือบเกาะอยู่ทั่วไป
    เมื่อรถจอดเทียบประตูบ้าน หมวดปราบพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ทรายเปิดประตูรถเดินตามลงมา หญิงวัยกลางคนท่าทางเป็นแม่บ้านคนเก่าคนแก่เดินอย่างสงบมาหยุดยืนที่หมวดปราบกับทราย เธอยิ้มให้ทรายก่อนหันไปทางหมวดปราบแล้วเอ่ยขึ้น
    “คุณปราบจะให้น้าแจ๋วพาคุณหนูคนนี้ไปที่ห้องเลยมั้ยเจ้าคะ”

    หมวดปราบพยักหน้าแล้วยิ้มให้เช่นกัน ก่อนจะหันมาที่ทรายแล้วเอ่ยขึ้นบ้าง
    “อันนี้น้าแจ๋ว แม่บ้านเก่าแก่ของบ้านนี้ ผมบอกกับน้าแจ๋วตั้งแต่เมื่อวานให้จัดห้องให้คุณห้องนึง”
    ทรายยิ้มให้หวดปราบ แล้วหันไปยกมือไหว้น้าแจ๋ว
    “โอ๊ะ ไม่ต้องไหว้น้าหรอกค่ะ คุณเป็นแขกของหมวดปราบ เป็นหน้าที่น้าต้องคอยดูแลต้อนรับขับสู้”
    พูดเสร็จแล้วเธอก็จูงมือทรายเดินนำไปที่ห้องพัก ตลอดทางที่เดินไปตามระเบียงสีขาว แม้ทรายจะไม่คุ้นกับบ้านหลังนี้เลย แต่เธอก็เกิดความรู้สึกแปลกๆในใจ รู้สึกโล่งใจแปลกๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้
    กระทั่งมาถึงเชิงบันไดใหญ่ ทรายถึงกับหยุดกึก เธอรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมา เงยหน้ามองตามบันไดขึ้นไป เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เศร้าแสนเศร้า อะไรบางอย่างที่แค้นเคืองและน้อยใจ อะไรบางอย่างที่พยายามขับไล่เธอ
    “ทางขึ้นห้องคุณนายใหญ่ค่ะ ปิดตายมานานหลายปี”
    “คุณนายใหญ่.....”
ทรายทำเสียงเหมือนเป็นคำถามกับคำบอกเล่าของน้าแจ๋ว น้าแจ๋วทำคอย่นแล้วเดินนำไปก่อนจะเอ่ยลอยๆอย่างไม่แยแสว่า
“คิดว่าคุณปราบเคยเล่าให้ฟังบ้างแล้ว น้าขอโทษนะคะ”

  ทรายถูกพามาพักที่ห้องรับรองข้างเรือนใหญ่ เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวแล้วทรายก็มานั่งที่ริมหน้าต่าง มองไปทางเรือนใหญ่ เธอไม่รู้จะบอกใครดีว่ารู้สึกขนลุกเกรียวตลอดเวลาหลังจากเดินผ่านบันไดใหญ่นั้น แม้แต่ห้องที่เธอมาพักนี้เองก็รู้สึกสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่คุ้นเคยมากๆ แต่เธอบอกกับตัวเองไม่ถูกจริงๆว่าวามคุ้นเคยนี้คืออะไร รู้แต่ว่ามันฉาบทาไปด้วยความเสียดาย ความเคียดแค้น ชิงชัง
เธอสับสนไปหมดจนไม่อยากจะอยู่บ้านนี้อีกต่อไป ทำยังไงได้ ตอนนี้เธอเป็นคนไม่มีแม้ที่จะซุกหัวนอน ลำพังคนที่ไม่รู้ว่าชาติตระกูลมาจากไหน พ่อแม่คือใครก็ทุกข์ทรมานมากพอแล้ว นี่ยังต้องไร้ที่อยู่ที่นอน ต้องมาพึ่งพิงผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน
คืนนั้นเธอหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนตีห้ากว่าๆ
“ฟ้ายังมืดอยู่เลย”

ทรายบอกกับตัวเอง แต่ที่ตื่นเพราะเธอฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นมาพบเธอพร้อมดวงหน้าที่สงบแต่แฝงความเศร้าไว้อย่างบริบูรณ์ หญิงนั้นมองเธอด้วยตาอันเศร้าสร้อย แต่ยังคงยิ้มให้ทรายอย่างเป็นมิตร ตาฝ่ายมองตากันสักพักหญิงนั้นก็เลือนหายไป
ทรายไม่ได้ตกใจกับฝันนั้นมากนัก อาจเพราะชาชินกับเรื่องร้ายๆ หรือไม่ก็รู้สึกสบายใจที่หญิงในฝันนั้นมาดี เธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าคิดว่านั่นคือความฝัน
เช้านั้นเป็นวันหยุด ทรายไม่ต้องไปเรียนหนังสือ หมวดปราบจึงชวนเธอไปพักผ่อนริมทะเล ที่เดียวกับที่แพรวกับแจ็คเคยไปด้วย เธอรู้สึกผ่อนคลายและระวังตัวน้อยลงมาก
กระทั่งเวลากลับ ทั้งคู่ขึ้นรถเพื่อที่จะกลับบ้าน เวลานั้นโพล้เพล้เต็มทน บรรยากาศก็เป็นใจ เมื่อทั้งคู่นั่งลงบนที่นั่งในรถ หมวดปราบถือโอกาสกุมมือทราย แล้วโน้มตัวลงใกล้แก้มของทรายมากเข้าทุกทีๆ
ทรายก้มหน้านิ่ง กระทั่งแก้มของทั้งคู่แปะกัน ริมฝีปากของหมวดปราบเริ่มเอียงมาทางริมฝีปากของทราย เธอเองก็เผยอริมฝีมากขึ้นอย่างลืมตัว แล้วริมฝีปากของทั้งคู่ก็เริ่มสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา

ฉับพลันนั้นทรายถึงกับสะดุ้งโหยง กระเถิบตัวออกอย่างเร็ว รีบปลดล็อกประตูออกมายืนข้างประตูอย่างมึนงง
หมวดปราบทิ้งตัวลงมาถึงกับหน้าลงไปกองกับเบาะที่ทรายนั่ง เขาเอนตัวกลับมา ดวงตาจ้องมองทรายอย่างสับสน สีหน้าของเขามึนงงอย่างบอกไม่ถูก
พอทรายรู้สึกตัวมากขึ้น ถึงได้ก้าวกลับเข้ามาในรถ
“ขอโทษนะคะ มันเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ ทรายไม่ได้แกล้งหรือเล่นตัว แต่ทรายรู้สึกแปลกๆ แปลกมาก แปลกอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆค่ะ”
หมวดปราบพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองทราย หมวดออกรถขับออกไปทันที ทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่ในรถจนถึงบ้าน
“หมวดคะ....”
ทรายหันมาที่หมวดด้วยแววตาขอโทษ

“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ทรายกลับไปที่ห้องเถอะ เดี๋ยวผมจะเอารถไปเก็บ”
ทรายก้าวเดินออกจากรถช้าๆ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เธอฝืนตัวเองไม่ได้จริงๆ ที่รู้สึกประหลาดขึ้นมา ความประหลาดที่ทำให้รู้สึกว่าจะใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่มันก็ช่างขวางและฝืนความรู้สึกของเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน
หมวดปราบเองก็รู้สึกไม่ดี ไม่ดีที่พยายามรวบรัดทราย การที่หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านตัวเองก็อาจทำให้คนอื่นมองไม่ดี และยิ่งมีเหตุการณ์อย่างนี้ ถ้าปล่อยให้ถลำลึกลงไปจะกลายเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ควรอย่างยิ่ง หมวดปราบจึงตั้งกติกาในใจว่าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนี้อีก คงต้องรอคอย และให้ความปรารถนาดีของเขาเป็นความรักบริสุทธิ์ที่ไม่เคลือบแฝง ให้เกิดความรู้สึกว่าเขาพอเธอมาที่บ้านเพราะมีอย่างอื่นเคลือบแฝง
..............................................................................................................................................................................

    เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อรับประทานอาหารเช้ากันแล้ว หมวดปราบชวนทรายเดินขึ้นไปตามบันได้ใหญ่
    “นี่ห้องคุณแม่ผม”
    เขาเปิดประตูห้องนอนใหญ่กลางตึกบนชั้นสองแล้วเดินนำเข้าไป
    ทรายหยุดยืนอยู่หน้าห้องพักหนึ่ง เพราะเธอรู้สึกขนลุกเกลียว แต่เมื่อหมวดปราบหันกลับมา เธอถึงได้ก้าวตามเข้าไป
    “คุณแม่เสียมา 16 ปีหลังจากเป็นอัมพาตอยู่เกือบสิบปี ผมถือว่าการตายของท่านเป็นการปลดปล่อยให้ท่านสบายเสียที เพราะผมเห็นคุณแม่พิการต้องนอนอยู่แต่บนเตียงตั้งแต่เล็กๆ”
    “ท่านเป็นอัมพาตเพราะอะไรคะ”
    “ไม่มีอะไรมาก หกล้มตกบันได คนเล่าว่าท่านเป็นคนใจร้อนและทำงานเร็ว คงเพราะใจร้อนเลยไม่ระวัง”
    หมวดพูดไปเรื่อยขณะที่เดินนำทรายเข้ามาในห้องที่มีม่านผืนใหญ่บังตาอยู่
    หมวดปราบชักม่านให้ค่อยๆเปิดออก ปรากฎเตียงสำหรับคนไข้อยู่กลางห้องนอน พื้นพรมสีสวย ข้าวของเครื่องใช้ที่บอกว่าขาดการปัดกวาดเช็ดถูมานานพอสมควร แล้วมาหยุดที่ภาพเขียนสีน้ำมันบานใหญ่บนหัวเตียง

    “นานๆน้าแจ๋วจะเข้ามาทำความสะอาดสักที เลยดูโทรมหน่อย ผมเองก็ไม่ได้พักห้องนี้เพราะรู้สึกมันใหญ่ไป.............
    ทราย............ทราย..................”
    หมวดปราบหยุดพูด หันไปที่ทรายและเขย่าแขนเธอเบาๆ ตอนนี้ทรายหน้าซีดแล้วทำท่าจะล้มลง เขาพยุงเธอไปที่เก้าอี้
    “ภาพผู้หญิงคนนี้............”
เธอชี้ไปที่ภาพ ที่มีผู้ชายหน้าตาดียืนอยู่ข้างหญิงสาวสวยสะโอดสะอง
    “ภาพคุณพ่อกับคุณแม่ผมเอง ตอนยังหนุ่มยังสาวอยู่น่ะ”
    “คือ ทรายฝันเห็นผู้หญิงคนนี้เมื่อคืนค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นคุณแม่ของหมวด”
    ตอนนี้เปลี่ยนจากสีหน้าสงสัย เป็นสีหน้าตกใจ หมวดถึงกับเบิกตากว้าง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
    “คุณแม่ของคุณมาบอกทรายว่า มามองดูทรายแล้วยิ้มให้ค่ะ ทรายก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเป็นแค่ความฝัน แต่เธอคนนั้นหน้าตาอย่างนี้เลย”
    หมวดเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกเหมือนเรื่องที่ได้ฟังเหลือเชื่อมาก แต่เมื่อใคร่ครวญดูประวัติความเป็นมาที่สุดแสนจะพิสดารของทราย เขาก็แสดงความเชื่อกับเรื่องที่ได้ฟังทันที
    “แสดงว่าวิญญาณคุณแม่ยังอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมรู้สึกดีใจที่ได้ยินอย่างนี้ และสบายใจที่คุณแม่ยิ้มให้คุณ แปลว่าอนุญาตให้คุณอยู่ที่นี่”
“เล่าเรื่องคุณแม่ให้ฟังหน่อยสิคะ”
“ผมเองก็รู้มาคร่าวๆนะ เพราะยังเด็กมาก หลังจากคุณแม่เป็นอัมพาต คุณพ่อก็ส่งผมไปโรงเรียนกินนอนที่ต่างจังหวัด เดือนนึงจะได้กลับมาบ้านสักที ด้วยความเป็นเด็กก็ยังไม่เข้าใจว่าที่คุณแม่เป็นอยู่นี่คืออะไร เห็นว่าคุณแม่เอาแต่นอน เลยไม่รู้สึกว่าการอยู่ที่บ้านมันจะสนุกตรงไหน คือไม่ใช่รังเกียจคุณแม่หรือไม่ได้รับความรักความอบอุ่น เพียงแต่ถึงเวลาได้กลับมาบ้านก็ดีใจ แต่พอต้องกลับไปเรียนก็ไม่รู้สึกเสียใจมากนัก ยิ่งไปเรียนอยู่ไกลๆบางทีก็ลืมที่บ้านไปเหมือนกัน
อีกห้าถึงหกปีต่อมาตอนนั้นเริ่มรู้เรื่องมากขึ้นแล้ว รู้สึกสงสารคุณแม่ แต่จู่ๆวันนึงที่โรงเรียนบอกกับผมว่าให้หยุดเรียนได้ คุณพ่อจะมารับ แต่ปรากฏว่าคุณพ่อไม่ได้มา วันรุ่งขึ้นถึงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น............”

ถึงตรงนี้ หมวดปราบที่สีหน้าราบเรียบ ยิ้มไปพูดไปเริ่มยิ้มไม่ออก เขาก้มหน้าลง แต่พยายามรักษาระดับน้ำเสียงให้เหมือนปกติ
“คือคุณแม่กินยาตาย คุณพ่อจะขับรถมารับไปทำศพคุณแม่ แต่รถคว่ำตายระหว่างทาง ผมเลยเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่นั้น”
ทรายยื่นมือไปกุมมือหมวดปราบเบาๆ เธอเป็นฝ่ายให้กำลังใจเขาบ้าง
“ที่คุณแม่กินยาตายเพราะป่วยเป็นอัมพาตหลายปีแล้ว คงทรมานมากน่ะ ผมเห็นด้วยนะ ตอนเด็กๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย พอโตแล้วถึงได้ให้เหตุผลกับตัวเองถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้น้าแจ๋วเล่าให้ฟัง ผมเห็นน้าแจ๋วอยู่ดูแลบ้านนี้ตั้งแต่จำความได้ น้าแจ๋วบอกว่ามารับใช้คุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่ผมยังไม่เกิด”
ทั้งคู่ถอนหายใจพร้อมกัน เพราะเรื่องที่ทรายได้ยินก็เศร้าไม่แพ้ชีวิตเธอเลยจริงๆ ส่วนหมวดปราบรู้สึกหดหู่ที่ต้องมารื้อฟื้นความหลัง
“ทรายขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องมารื้อฟื้นความหลัง”
หมวดเงยหน้าขึ้นมองทราย
“อันนี้คุณอ่านจิตใจผมออกหรือใช้จิตวิทยา”
“คนทะเล้นนี่ เปลี่ยนอารมณ์ไวนักนะ ทรายไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อยากให้คุณคลายความเศร้าให้เร็วที่สุด”
หมวดปราบดึงทรายให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปบานใหญ่
“คุณแม่ครับ ทำให้เธออยู่ที่นี่นานๆนะครับ ถ้าอยู่ตลอดไปได้ยิ่งดี”
ทรายหันไปทางหมวดปราบแล้วตีไหล่เขาเบาๆ
.................................................................................................................................................................................

    เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดภาคเรียน ความกระตือรือร้นในการเดินทางไปโรงเรียนของทรายถูกพาไปกับแพรวเสียแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสพบเจอกันอีกเมื่อไหร่ เธอเดินเข้าโรงเรียนอย่างเนือยๆ
ที่หน้าห้องเรียนแต่ละห้องมีรายชื่อของนักเรียนที่จะถูกกำหนดว่าจะให้เรียนในห้องไหนติดอยู่ นักเรียนส่วนใหญ่กำลังวุ่นอยู่กับการหาชื่อและห้องเรียนของตัวเองกันจ้าละหวั่น ทรายมาหยุดนั่งที่ม้าหินข้างสนามฟุตบอล มองขึ้นไปบนชั้น 3 ของอาคารเรียนที่ชั้นม. 6 ชั้นเรียนใหม่ของเธอตั้งอยู่อย่างไม่ยี่หระ
“เฮ่ย..........ทราย”
ทรายหันไปตามเสียง อ้ายคนที่ตะโกนโพล่งออกมาทำให้เธอยิ้มออกได้บ้าง
“เกิดไรขึ้นวะ เราโทรไปที่บ้านพ่อแม่นายก็ไม่ยอมให้คุยด้วย ตามไปที่บ้านแม่นายด่าใหญ่เลย บอกว่านายหนีตามผู้ชายไปแล้ว”
ทรายถึงกับสะดุ้งกับคำพูดของแจ็ค ถอนหายใจดังพรืด
“เรื่องมันยาวว่ะ ไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง”
แจ็คพยักหน้า ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ทรายดู
“ว้าว...ทันสมัยซะด้วยนะ เบอร์ไรวะ เผื่อมีไรจะได้โทรหามั่ง”
“แล้วทรายไม่มีมั่งเหรอ นี่ขึ้นม. 6 แล้วนะ ไม่มีมือถือนี่ถือว่าเชยโคตร”
“โธ่...เอ็ง จะหาที่ซุกหัวนอนยังจะไม่มีเลย จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อมือถือ พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ สงสัยฉันต้องหางานทำแล้วว่ะ พอมีงานแนะนำมั้ยวะ”

“อ้าวพูดจริงน้า อยากได้จัดให้เลยเพื่อน พอดีเพื่อนลุงฉันที่ขายบะหมี่เกี๊ยวอยู่อีกที่นึง มาบอกเซ้งร้านให้ลุง เพราะพ่อไม่สบายจะกลับไปดูแลพ่อที่ต่างจังหวัด ทำเลตรงนั้นดี ลูกค้าเก่าก็เยอะ ลุงยังบ่นกลุ้มใจอยู่ว่าอยากได้ร้านนั้นไว้ แต่ไม่รู้จะหาใครไปทำดี ฉันขอลุงไปทำแต่ลุงบอกว่าฉันใจร้อน เอาใจคนไม่เก่ง แล้วก็ไม่ละเอียดเรื่องเงินถึงมีลูกมือก็คงดูแลลูกน้องไม่ได้ ถ้าได้แกมาช่วยนะ ฉันขอเป็นฝ่ายทำบะหมี่อย่างเดียว ที่เหลือให้แกจัดการหมดเลย............
“และอีกอย่าง ฉันว่าฉันขอลุงได้นะ จะเอา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่