ยืมล็อคอินน้องสาวมาพิมพ์ตั้งกระทู้ค่ะ
// ปัจจุบัน ได้รับเงินคืนแล้วค่ะ โดยการปรับยอดบัญชี ตรวจสอบทางATM
ไม่ลบข้อความนะคะ แต่จะมีการแก้ไขกระทู้ เพื่ออัพเดทความคืบหน้าเพิ่มเติมค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า
วันที่ 12 ธค 59 ดิฉันได้ไปกดเงินที่ตู้ATMแบงค์เหลือง (เป็นตู้หน้าสาขา) เพื่อที่จะไปจ่ายค่าบัตรเครดิตของแบงค์เหลือง จำนวน 10,000 บาท โดยใช้บัตร atm ของแบงค์เขียว ปรากฏว่า เงินไม่ออกมา แต่ยอดเงินในบัญชีถูกตัดไปเรียบร้อย ดิฉันก็มองซ้ายมองขวาเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ด้านบนและมีอยู่ที่ตู้ จึงเดินเข้าไปในแบงค์เหลืองเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ หวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาหรืออาจจะเช็คภาพในกล้องได้ที่สาขา ผลคือเจ้าหน้าที่ก็ช่วยโทรติดต่อไปที่แบงค์เขียวให้ ให้ดิฉันเล่าเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่แบงค์เขียวแจ้งว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบ 7 วัน เนื่องจากต่างแบงค์กัน ต้องรอข้อมูลทางแบงค์เหลืองส่งไปให้ เจ้าหน้าที่แบงค์เหลืองที่ต่อสายให้ดิฉันแจ้งว่า 2-3 วัน แบงค์เหลืองก็ส่งข้อมูลให้แล้วแต่ทางแบงค์เขียวก็ยังยืนยันว่าต้อง 7 วัน ดิฉันก็เลยต้องเดินออกไปกดเงินโดยใช้บัตร atm แบงค์อื่นมาใหม่เพื่อมาจ่ายค่าบัตรเครดิตในวันนั้น แล้วก็รอไปค่ะ
ผ่านไป 7 วัน เงียบค่ะ ไม่มีใครติดต่ออะไรมาเลย ดิฉันก็เลยโทรไปแบงค์เขียวเพื่อสอบถามว่าเรื่องถึงไหนแล้ว ได้คำตอบมาว่าแบงค์เหลืองยังไม่ส่งข้อมูลมาให้ ให้ดิฉันรอก่อนจะรีบตามให้ ผ่านไปสักสองวัน แบงค์เขียวโทรมาค่ะ แจ้งว่าแบงค์เหลืองให้ข้อมูลมาว่า "เงินออกตามปกติ" ดิฉันก็อึ้งไปสิคะ เงินไม่ออกแต่แจ้งว่าเงินออกปกติ ดิฉันก็ยืนยันกับแบงค์เขียวไปว่าเงินไม่ออก แบงค์เขียวถามดิฉันว่า "สรุปลูกค้าไม่ยอมรับผลการตรวจสอบใช่ไหม" เอิ่ม...เงินหนึ่งหมื่นบาทของดิฉัน ที่ดิฉันควรจะได้ใช้ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน เป็นคุณคุณยอมไหมคะ เจ้าหน้าที่แบงค์เขียวก็เลยบอกว่าจะส่งเรื่องขอตรวจสอบไปที่แบงค์เหลืองอีกครั้ง
ผ่านไปอีกสองวัน แบงค์เขียวโทรมาใหม่ค่ะ บอกว่าแบงค์เหลืองยืนยันเหมือนเดิม ว่า เงินออกตามปกติ ซึ่งคราวนี้แบงค์เขียวถือว่าหมดหน้าที่แบงค์เขียวแล้ว ให้ดิฉันติดต่อกับแบงค์เหลืองเอาเอง
ดิฉันโทรจึงต้องไปที่แบงค์เหลืองสาขาที่เกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์บังเอิญเป็นคนเดียวกับที่รับเรื่องตอนที่ดิฉันกดเงินแล้วเงินไม่ออกตอนแรก ซึ่งเขาก็จำดิฉันได้ เขาก็ยังงงว่าสองสัปดาห์แล้วยังไม่ได้เงินคืนอีกหรือ เขาแนะนำว่าให้ไปโรงพัก เอาไปบันทึกประจำวันมาไว้ก่อน
ดิฉันสอบถามเขาไปว่าทางแบงค์เหลืองตรวจสอบจากอะไรบ้างทำไมถึงรายงานไปว่าเงินออกปกติ ซึ่งกิฉันก็บอกเขาไปว่า
1. ยอดตัวเลขเงินจากตู้ atm กับจำนวนเงินมันต้องไม่ตรงกัน เงินมันต้องเกินมา แล้วสองสัปดาห์ผ่านไปยังเช็คไม่ได้หรือ ปกติเติมเงินบ่อยแค่ไหน
2. ไม่ได้เช็คภาพในกล้องวงจรปิดหรือ เพราะมันชัดเจนที่สุดว่าเงินมันไม่ไหลออกมา
เจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ตอบไม่ได้ และแนะนำให้โทรไป call center เพื่อให้ต่อไปแผนก atm ผู้ทำการเช็คโดยตรงจะได้ให้คำตอบได้ ดิฉันก็ขอบคุณเขาไป และได้โทรติดต่อไป call center ของแบงค์เหลือง
เจ้าหน้าที่ call center แบงค์เหลือง ชื่อย่อ ช.น.ค่ะ จำได้ไม่ลืมเลย ดิฉันให้เขาช่วยต่อไปที่แผนก atm เขาแจ้งว่าไม่มีเบอร์ต่อ ดิฉันเลยขอเบอร์ตรงเดี๋ยวดิฉันติดต่อเองก็ได้ เขาก็แจ้งว่าไม่ทราบเบอร์ แล้วก็สอบถามดิฉันว่าจะติดต่อแผนก atm เพื่ออะไร ดิฉันก็เล่าไปว่ากดเงินแล้วไม่ออก แต่ทางแบงค์แจ้งไปว่าเงินออกปกติ เลยอยากจะทราบว่าข้อมูลตรงนี้ได้มาจากการตรวจสอบอะไรบ้าง
เขาก็ตอบดิฉันว่าน่าจะทราบได้ตั้งแต่ตอนเติมเงินแล้วพบว่าเงินเกิน แต่ก็ไม่ทราบว่าตู้นั้นเติมเงินบ่อยแค่ไหน ดิฉันก็แจ้งชื่อสาขาไป ซึ่งเป็นสาขากลางเมือง เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ผู้คนพลุกพล่านมากค่ะ เขาบอกว่า
ลูกค้าอย่าคิดไปเอง (โดนด่าครั้งที่หนึ่ง)
ธนาคารมีรอบการเติมของเขาอยู่ลูกค้าจะคิดไปเองไม่ได้ ดิฉันก็เลยถามต่อไปว่า
ถ้ายังไม่ได้เติมเงินแล้วให้คำตอบมาได้อย่างไรว่าเงินออกปกติ เขาตอบมาว่า
ธนาคารก็ตอบตามความจริง อะไรที่เป็นความจริงมันก็ต้องเป็นความจริงในยังค่ำ (ครั้งที่สอง อันนี้ดิฉันรู้สึกเลยว่าถูกด่าว่ามาโกงธนาคาร)
ดิฉันก็ได้ถามต่อไปว่าแล้วกล้องวงจรปิดได้เช็คมั้ย เขาตอบว่าไม่ทราบเหมือนกัน เขาเป็นแค่ call centerให้คำตอบได้เท่านี้ ดิฉันก็เลยบอกไปว่าจริงๆ ก็ไม่ได้จะคุยกับ call center ตั้งแต่แรกแล้ว แต่จะขอเบอร์แผนก atm คุณก็ไม่ให้ เขาตอบมาว่า
ถ้าลูกค้ายังยืนยันว่าไม่ได้รับเงินไปจริงก็ไปฟ้องเอาได้ (ครั้งที่สาม เหมือนถูกท้าทาย และดิฉันคิดว่าดิฉันเป็นผู้เสียหาย และอดทนรอมาสองสัปดาห์แล้ว ทำไมทางธนาคารไม่บริการอะไรเลย ดิฉันต้องวิ่งเต้นเอง) แล้วเขาก็ตัดสายดิฉันไปเลย
ดิฉันต่อเข้า call center ใหม่ แต่เป็นเจ้าหน้าที่ท่านอื่นรับ คนนี้พูดจาดี แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรเพิ่มเติมได้ ดิฉันเลยต้องโทรกลับไปที่สาขา เจอเจ้าหน้าที่สาขาท่านเดิม เขาบอกว่างั้นให้เข้ามาที่สาขาเลยเดี๋ยวจะโทรจากสาขาหาแผนก atm ให้ ดิฉันจึงนัดกับเขาว่าวันรุ่งขึ้นจะเข้าไปเพราะตอนนั้นก็เป็นเวลาที่สาขาใกล้ปิดแล้ว คืนนั้นดิฉันก็ไปที่ ส.น. เพื่อขอไปลงบันทึกประจำวัน
วันรุ่งขึ้น ดิฉันมาที่แบงค์เหลือง สาขาที่เกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่รับเรื่องดิฉันไว้ออกไปทานข้าว จึงมีเจ้าหน้าที่อีกท่านมารับเรื่อง ดิฉันแจ้งไปว่าเข้ามาสาขาเพื่อจะให้สาขาโทรติดต่อกับแผนก atm ให้ ตามที่นัดไว้ เขาหายไปแป้บนึงไม่แน่ใจว่าไปโทรหาแผนก atm หรือเข้าไปคุยกับ ผจก แล้วมาบอกดิฉันว่าจะรับเรื่องไว้ให้ สรุปไม่ให้คุยค่ะ ดิฉันจึงแจ้งว่าจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมกับให้ใบบันทึกประจำวันแก่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นไว้ เขาแจ้งว่าจะรีบจัดการให้ แต่คงต้องเป็นหลังปีใหม่ถึงจะได้เรื่อง (วันนั้นเป็นวันที่ 29 ธ.ค. เวลาประมาณ 10.30-11.00 น. ค่ะ) ดิฉันก็ได้แต่ทำใจ ทนรอต่อไปค่ะ
หลังปีใหม่ วันที่ 4 ม.ค. 60 จนท ที่รับเรื่องไว้โทรบอกดิฉันว่าหากต้องการภาพจากกล้องวงจรปิด สำนักงานใหญ่ต้องการหนังสือตราครุฑจาก ส.น. ดิฉันบอกเขาไปว่าจริงๆ แล้วดิฉันไม่ได้จะขอภาพออกมา แต่ต้องการให้ผู้ตรวจสอบช่วยตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดด้วย เพราะมันชัดเจนที่สุด เขาบอกว่ายังไงก็ต้องใช้หนังสือที่มีตราครุฑนั้น
ประมาณ 4-5 วันหลังจากนั้นดิฉันก็ไปที่ ส.น. เพื่อไปขอหนังสือตราครุฑ (เพราะเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด และก็ติดงาน) และเอาไปให้ที่แบงค์เหลืองสาขาเกิดเหตุ จนท ก็บอกว่าจะรีบดำเนินเรื่องให้ และภาพที่ขอมาจะถูกส่งไปที่ ส.น. ทาง ส.น. จะโทรมาแจ้งดิฉันเอง
ดิฉันก็บ่นไปว่าทำไมเรื่องมันเยอะแบบนี้ นี่จะเป็นเดือนแล้วเงินก็ยังไม่ได้คืน แถม จนท บัตรเครดิตแบงค์เหลืองก็โทรมาตามว่าจะถึง deal ของเดือนใหม่แล้ว ส่วนนั้นก็ต้องหามาจ่ายกันไปไม่งั้นก็โดนค่าปรับกับดอกเบี้ย ส่วนเงินเราดอกเบี้ยก็ไม่ได้ เสียเวลา เสียค่าเดินทางไปแบงค์ ไป ส.น. เสียเวลางาน เพิ่มความเครียด แถมโดน จนท call center ด่าอีก ไม่ได้อะไรชดเชย ดิฉันเลยตัดสินใจว่าจะฟ้องแพ่งเพื่อเรียกสินไหมชดเชย ก็เลยรอค่ะ เพื่อจะนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐานฟ้อง ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่ได้ต้องการนำภาพออกมาจากธนาคารนะคะ เพียงแค่ต้องการให้ธนาคารเช็คภาพ และคืนเงินมาให้
วันที่ 13 ม.ค. 60 จนท แบงค์เหลืองโทรมาค่ะ แจ้งว่าแบงค์เขียวจะปรับยอดให้วันจันทรที่ 16 ม.ค สามารถนำสมุดไปปรับยอดได้เลยนะคะ จบ...
ดิฉันก็งงว่าทำไมแบงค์เขียวถึงปรับยอดให้ ได้ภาพมาแล้วหรือ จนท แบงค์เหลืองบอกไม่ทราบ พอดีแบงค์เขียวโทรมาแจ้งแค่นี้ ดิฉันเลยบอกไปว่าดิฉันจะขอภาพด้วย เพราะดิฉันทำตามกระบวนการที่ทางแบงค์ให้ทำทุกอย่างแล้ว เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์ไปแล้ว ดังนั้นดิฉันก็ต้องได้ภาพตามที่หนังสือตราครุฑจาก ส.น. แจ้งไป เพราะดิฉันจะเอาไปฟ้องแพ่ง จนท แบงค์เหลืองบอกว่าจะรีบตามให้ ภายในวันจันทร์ที่ 16 มค. 60 จะโทรแจ้ง จนตอนนี้ วันอังคารที่ 17 มค. 60 เวลา 15.45 น. แล้วค่ะ ไม่มีการติดต่อกลับมาเลย ดิฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ รบกวนผู้รู้ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
editครั้งแรก / แก้ไขการ tag
editครั้งที่สอง /
ปัจจุบันได้รับยอดเงินคืนแล้วนะคะ ตรวจสอบยอดทางATMประมาณสองทุ่ม ของวันที่ 17 มกราคม
แต่ยังไม่ได้ปรับสมุดบัญชี จึงยังไม่สามารถระบุได้ ว่าคืนเข้ามาเมื่อไหร่
กดATMแต่ไม่ได้เงิน ความรับผิดชอบอยู่ที่ใคร?
ยืมล็อคอินน้องสาวมาพิมพ์ตั้งกระทู้ค่ะ
// ปัจจุบัน ได้รับเงินคืนแล้วค่ะ โดยการปรับยอดบัญชี ตรวจสอบทางATM
ไม่ลบข้อความนะคะ แต่จะมีการแก้ไขกระทู้ เพื่ออัพเดทความคืบหน้าเพิ่มเติมค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า
วันที่ 12 ธค 59 ดิฉันได้ไปกดเงินที่ตู้ATMแบงค์เหลือง (เป็นตู้หน้าสาขา) เพื่อที่จะไปจ่ายค่าบัตรเครดิตของแบงค์เหลือง จำนวน 10,000 บาท โดยใช้บัตร atm ของแบงค์เขียว ปรากฏว่า เงินไม่ออกมา แต่ยอดเงินในบัญชีถูกตัดไปเรียบร้อย ดิฉันก็มองซ้ายมองขวาเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ด้านบนและมีอยู่ที่ตู้ จึงเดินเข้าไปในแบงค์เหลืองเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ หวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาหรืออาจจะเช็คภาพในกล้องได้ที่สาขา ผลคือเจ้าหน้าที่ก็ช่วยโทรติดต่อไปที่แบงค์เขียวให้ ให้ดิฉันเล่าเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่แบงค์เขียวแจ้งว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบ 7 วัน เนื่องจากต่างแบงค์กัน ต้องรอข้อมูลทางแบงค์เหลืองส่งไปให้ เจ้าหน้าที่แบงค์เหลืองที่ต่อสายให้ดิฉันแจ้งว่า 2-3 วัน แบงค์เหลืองก็ส่งข้อมูลให้แล้วแต่ทางแบงค์เขียวก็ยังยืนยันว่าต้อง 7 วัน ดิฉันก็เลยต้องเดินออกไปกดเงินโดยใช้บัตร atm แบงค์อื่นมาใหม่เพื่อมาจ่ายค่าบัตรเครดิตในวันนั้น แล้วก็รอไปค่ะ
ผ่านไป 7 วัน เงียบค่ะ ไม่มีใครติดต่ออะไรมาเลย ดิฉันก็เลยโทรไปแบงค์เขียวเพื่อสอบถามว่าเรื่องถึงไหนแล้ว ได้คำตอบมาว่าแบงค์เหลืองยังไม่ส่งข้อมูลมาให้ ให้ดิฉันรอก่อนจะรีบตามให้ ผ่านไปสักสองวัน แบงค์เขียวโทรมาค่ะ แจ้งว่าแบงค์เหลืองให้ข้อมูลมาว่า "เงินออกตามปกติ" ดิฉันก็อึ้งไปสิคะ เงินไม่ออกแต่แจ้งว่าเงินออกปกติ ดิฉันก็ยืนยันกับแบงค์เขียวไปว่าเงินไม่ออก แบงค์เขียวถามดิฉันว่า "สรุปลูกค้าไม่ยอมรับผลการตรวจสอบใช่ไหม" เอิ่ม...เงินหนึ่งหมื่นบาทของดิฉัน ที่ดิฉันควรจะได้ใช้ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน เป็นคุณคุณยอมไหมคะ เจ้าหน้าที่แบงค์เขียวก็เลยบอกว่าจะส่งเรื่องขอตรวจสอบไปที่แบงค์เหลืองอีกครั้ง
ผ่านไปอีกสองวัน แบงค์เขียวโทรมาใหม่ค่ะ บอกว่าแบงค์เหลืองยืนยันเหมือนเดิม ว่า เงินออกตามปกติ ซึ่งคราวนี้แบงค์เขียวถือว่าหมดหน้าที่แบงค์เขียวแล้ว ให้ดิฉันติดต่อกับแบงค์เหลืองเอาเอง
ดิฉันโทรจึงต้องไปที่แบงค์เหลืองสาขาที่เกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์บังเอิญเป็นคนเดียวกับที่รับเรื่องตอนที่ดิฉันกดเงินแล้วเงินไม่ออกตอนแรก ซึ่งเขาก็จำดิฉันได้ เขาก็ยังงงว่าสองสัปดาห์แล้วยังไม่ได้เงินคืนอีกหรือ เขาแนะนำว่าให้ไปโรงพัก เอาไปบันทึกประจำวันมาไว้ก่อน
ดิฉันสอบถามเขาไปว่าทางแบงค์เหลืองตรวจสอบจากอะไรบ้างทำไมถึงรายงานไปว่าเงินออกปกติ ซึ่งกิฉันก็บอกเขาไปว่า
1. ยอดตัวเลขเงินจากตู้ atm กับจำนวนเงินมันต้องไม่ตรงกัน เงินมันต้องเกินมา แล้วสองสัปดาห์ผ่านไปยังเช็คไม่ได้หรือ ปกติเติมเงินบ่อยแค่ไหน
2. ไม่ได้เช็คภาพในกล้องวงจรปิดหรือ เพราะมันชัดเจนที่สุดว่าเงินมันไม่ไหลออกมา
เจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ตอบไม่ได้ และแนะนำให้โทรไป call center เพื่อให้ต่อไปแผนก atm ผู้ทำการเช็คโดยตรงจะได้ให้คำตอบได้ ดิฉันก็ขอบคุณเขาไป และได้โทรติดต่อไป call center ของแบงค์เหลือง
เจ้าหน้าที่ call center แบงค์เหลือง ชื่อย่อ ช.น.ค่ะ จำได้ไม่ลืมเลย ดิฉันให้เขาช่วยต่อไปที่แผนก atm เขาแจ้งว่าไม่มีเบอร์ต่อ ดิฉันเลยขอเบอร์ตรงเดี๋ยวดิฉันติดต่อเองก็ได้ เขาก็แจ้งว่าไม่ทราบเบอร์ แล้วก็สอบถามดิฉันว่าจะติดต่อแผนก atm เพื่ออะไร ดิฉันก็เล่าไปว่ากดเงินแล้วไม่ออก แต่ทางแบงค์แจ้งไปว่าเงินออกปกติ เลยอยากจะทราบว่าข้อมูลตรงนี้ได้มาจากการตรวจสอบอะไรบ้าง
เขาก็ตอบดิฉันว่าน่าจะทราบได้ตั้งแต่ตอนเติมเงินแล้วพบว่าเงินเกิน แต่ก็ไม่ทราบว่าตู้นั้นเติมเงินบ่อยแค่ไหน ดิฉันก็แจ้งชื่อสาขาไป ซึ่งเป็นสาขากลางเมือง เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ผู้คนพลุกพล่านมากค่ะ เขาบอกว่าลูกค้าอย่าคิดไปเอง (โดนด่าครั้งที่หนึ่ง) ธนาคารมีรอบการเติมของเขาอยู่ลูกค้าจะคิดไปเองไม่ได้ ดิฉันก็เลยถามต่อไปว่า ถ้ายังไม่ได้เติมเงินแล้วให้คำตอบมาได้อย่างไรว่าเงินออกปกติ เขาตอบมาว่า ธนาคารก็ตอบตามความจริง อะไรที่เป็นความจริงมันก็ต้องเป็นความจริงในยังค่ำ (ครั้งที่สอง อันนี้ดิฉันรู้สึกเลยว่าถูกด่าว่ามาโกงธนาคาร)
ดิฉันก็ได้ถามต่อไปว่าแล้วกล้องวงจรปิดได้เช็คมั้ย เขาตอบว่าไม่ทราบเหมือนกัน เขาเป็นแค่ call centerให้คำตอบได้เท่านี้ ดิฉันก็เลยบอกไปว่าจริงๆ ก็ไม่ได้จะคุยกับ call center ตั้งแต่แรกแล้ว แต่จะขอเบอร์แผนก atm คุณก็ไม่ให้ เขาตอบมาว่า ถ้าลูกค้ายังยืนยันว่าไม่ได้รับเงินไปจริงก็ไปฟ้องเอาได้ (ครั้งที่สาม เหมือนถูกท้าทาย และดิฉันคิดว่าดิฉันเป็นผู้เสียหาย และอดทนรอมาสองสัปดาห์แล้ว ทำไมทางธนาคารไม่บริการอะไรเลย ดิฉันต้องวิ่งเต้นเอง) แล้วเขาก็ตัดสายดิฉันไปเลย
ดิฉันต่อเข้า call center ใหม่ แต่เป็นเจ้าหน้าที่ท่านอื่นรับ คนนี้พูดจาดี แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรเพิ่มเติมได้ ดิฉันเลยต้องโทรกลับไปที่สาขา เจอเจ้าหน้าที่สาขาท่านเดิม เขาบอกว่างั้นให้เข้ามาที่สาขาเลยเดี๋ยวจะโทรจากสาขาหาแผนก atm ให้ ดิฉันจึงนัดกับเขาว่าวันรุ่งขึ้นจะเข้าไปเพราะตอนนั้นก็เป็นเวลาที่สาขาใกล้ปิดแล้ว คืนนั้นดิฉันก็ไปที่ ส.น. เพื่อขอไปลงบันทึกประจำวัน
วันรุ่งขึ้น ดิฉันมาที่แบงค์เหลือง สาขาที่เกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่รับเรื่องดิฉันไว้ออกไปทานข้าว จึงมีเจ้าหน้าที่อีกท่านมารับเรื่อง ดิฉันแจ้งไปว่าเข้ามาสาขาเพื่อจะให้สาขาโทรติดต่อกับแผนก atm ให้ ตามที่นัดไว้ เขาหายไปแป้บนึงไม่แน่ใจว่าไปโทรหาแผนก atm หรือเข้าไปคุยกับ ผจก แล้วมาบอกดิฉันว่าจะรับเรื่องไว้ให้ สรุปไม่ให้คุยค่ะ ดิฉันจึงแจ้งว่าจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมกับให้ใบบันทึกประจำวันแก่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นไว้ เขาแจ้งว่าจะรีบจัดการให้ แต่คงต้องเป็นหลังปีใหม่ถึงจะได้เรื่อง (วันนั้นเป็นวันที่ 29 ธ.ค. เวลาประมาณ 10.30-11.00 น. ค่ะ) ดิฉันก็ได้แต่ทำใจ ทนรอต่อไปค่ะ
หลังปีใหม่ วันที่ 4 ม.ค. 60 จนท ที่รับเรื่องไว้โทรบอกดิฉันว่าหากต้องการภาพจากกล้องวงจรปิด สำนักงานใหญ่ต้องการหนังสือตราครุฑจาก ส.น. ดิฉันบอกเขาไปว่าจริงๆ แล้วดิฉันไม่ได้จะขอภาพออกมา แต่ต้องการให้ผู้ตรวจสอบช่วยตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดด้วย เพราะมันชัดเจนที่สุด เขาบอกว่ายังไงก็ต้องใช้หนังสือที่มีตราครุฑนั้น
ประมาณ 4-5 วันหลังจากนั้นดิฉันก็ไปที่ ส.น. เพื่อไปขอหนังสือตราครุฑ (เพราะเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด และก็ติดงาน) และเอาไปให้ที่แบงค์เหลืองสาขาเกิดเหตุ จนท ก็บอกว่าจะรีบดำเนินเรื่องให้ และภาพที่ขอมาจะถูกส่งไปที่ ส.น. ทาง ส.น. จะโทรมาแจ้งดิฉันเอง
ดิฉันก็บ่นไปว่าทำไมเรื่องมันเยอะแบบนี้ นี่จะเป็นเดือนแล้วเงินก็ยังไม่ได้คืน แถม จนท บัตรเครดิตแบงค์เหลืองก็โทรมาตามว่าจะถึง deal ของเดือนใหม่แล้ว ส่วนนั้นก็ต้องหามาจ่ายกันไปไม่งั้นก็โดนค่าปรับกับดอกเบี้ย ส่วนเงินเราดอกเบี้ยก็ไม่ได้ เสียเวลา เสียค่าเดินทางไปแบงค์ ไป ส.น. เสียเวลางาน เพิ่มความเครียด แถมโดน จนท call center ด่าอีก ไม่ได้อะไรชดเชย ดิฉันเลยตัดสินใจว่าจะฟ้องแพ่งเพื่อเรียกสินไหมชดเชย ก็เลยรอค่ะ เพื่อจะนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐานฟ้อง ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่ได้ต้องการนำภาพออกมาจากธนาคารนะคะ เพียงแค่ต้องการให้ธนาคารเช็คภาพ และคืนเงินมาให้
วันที่ 13 ม.ค. 60 จนท แบงค์เหลืองโทรมาค่ะ แจ้งว่าแบงค์เขียวจะปรับยอดให้วันจันทรที่ 16 ม.ค สามารถนำสมุดไปปรับยอดได้เลยนะคะ จบ...
ดิฉันก็งงว่าทำไมแบงค์เขียวถึงปรับยอดให้ ได้ภาพมาแล้วหรือ จนท แบงค์เหลืองบอกไม่ทราบ พอดีแบงค์เขียวโทรมาแจ้งแค่นี้ ดิฉันเลยบอกไปว่าดิฉันจะขอภาพด้วย เพราะดิฉันทำตามกระบวนการที่ทางแบงค์ให้ทำทุกอย่างแล้ว เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์ไปแล้ว ดังนั้นดิฉันก็ต้องได้ภาพตามที่หนังสือตราครุฑจาก ส.น. แจ้งไป เพราะดิฉันจะเอาไปฟ้องแพ่ง จนท แบงค์เหลืองบอกว่าจะรีบตามให้ ภายในวันจันทร์ที่ 16 มค. 60 จะโทรแจ้ง จนตอนนี้ วันอังคารที่ 17 มค. 60 เวลา 15.45 น. แล้วค่ะ ไม่มีการติดต่อกลับมาเลย ดิฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ รบกวนผู้รู้ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
editครั้งแรก / แก้ไขการ tag
editครั้งที่สอง /
ปัจจุบันได้รับยอดเงินคืนแล้วนะคะ ตรวจสอบยอดทางATMประมาณสองทุ่ม ของวันที่ 17 มกราคม
แต่ยังไม่ได้ปรับสมุดบัญชี จึงยังไม่สามารถระบุได้ ว่าคืนเข้ามาเมื่อไหร่