ดิฉันได้เปิดบัญชีพร้อมกับบัตรเดบิตไว้ที่แบงค์เขียวมาหลายปี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมได้รูดบัตรเดบิตเพื่อชำระค่าตั๋วโดยสารของ bangkok air และก็ได้มีการตัดยอดรายการที่รูดเป็นที่เรียบร้อย แต่พอมาเช็คstatement อีกทีก็พบว่าธนาคารได้ตัดยอดซ้ำอีกในวันที่ 25 ตุลาคม
ดิฉันจึงได้ติดต่อผ่านทางเจ้าหน้าที่ call center ซึ่งยุ่งยากมากกว่าจะแจ้งปัญหาได้ และธนาคารก็ได้รับเรื่องไว้แต่ก็ไม่ได้แจ้งกลับการติดต่อแต่อย่างไรดิฉันต้องติดตามเรื่องใหม่และกว่าจะตามเรื่องติดก็มีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่โทรมาซึ่งดิฉันต้องเล่าใหม่ทั้งหมด (ก่อนหน้านี้แจ้งเจ้าหน้าที่แล้วว่าขอให้เจ้าหน้าที่ตามเรื่องให้โดยเร็วเพราะดิฉันอยุ่ต่างประเทศต้องเสียเงินค่าโทรกลับและค่าเปิดโรมมิ่งเพื่อรอรับสายและที่สำคัญต้องการทำธุรกรรมการเงินผ่าน Kbanking) "เจ้าหน้าที่ก็ยังเพิกเฉยเช่นเดิม"
จนเมื่อดิฉันได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งจึงโทรไปแจ้งปัญหาใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องไว้เช่นเดิมและโทรกลับมาอีกวันว่ากำลังตามเรื่องให้ ดิฉันเลยบอกว่าจะอยู่เมืองไทยถึงวันศุกร์ 22 พฤศจิกายนนี้ เจ้าหน้าที่ก็รับปากว่าจะโทรกลับหรือส่งเมล์มาแจ้งผลให้ทันภายในวันที่ 22 แต่เรื่องก็เงียบเช่นเดิมไมได้รับการติดต่อใดๆ และอีกครั้งในวันที่ 25 พฤศจิกายน คุณเจ้าหน้าที่ของแบงค์เขียวก็ได้ส่งเมล์มาว่า
"" ตามที่คุณ แจ้งตรวจสอบรายการเรียกเก้บซ้ำ จาก bangkok airway ธนาคารส่งเรื่องแจ้งไปยัง ร้านค้าแล้ว รอผลตอบกลับค่ะ ""
ดิฉันจึงขอฝากคำถามให้เจ้าหน้าที่แบงค์เขียวไว้ดังนี้นะคะ
1. ธนาคารไม่มีระบบตรวจสอบการเรียกซ้ำที่ดีกว่านี้หรือคะ
2. ถ้าทุกร้านมีการเก็บเรียกซ้ำ ธนาคารก็สามารถตัดยอดเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าได้โดยง่ายๆ แบบนี้หรือคะ?
3. ความปลอดภัยในการเก็บเงินไว้ที่"ธนาคารกสิกรไทย" ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นได้มากขนาดไหน
4. คำว่า "รอผลการตอบกลับ" หมายความว่าต้องรออีกนานแค่ไหน ต้องให้ลูกค้าโทรซ้ำอีกกี่รอบ ??
หนึ่งเดือนเต็มๆ ที่ดิฉันตามเรื่องนี้ ทั้งที่อยู่ต่างประเทศ ถึงแม้เป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่ค่าโทรจากต่างประเทศกลับมาเมืองไทยแพงกว่ายอดที่ดิฉันให้คุณตามอีกค่ะ บอกตรงๆนะคะ ถ้าหากจะให้ใช้บริการของทางธนาคารโดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต Kbanking ดิฉันคงไม่กล้าไปอีกนานค่ะ โทรถาม call center ก็มีการโอนสายไปมา สุดท้ายเรื่องก็เงียบเช่นเดิม เฮ้อ.....
บอกตรงๆว่าเสียความรู้สึกมากๆ กับธนาคารกสิกรไทย ค่ะ หวังว่าเรื่องดิฉันคงไม่หายไปกับกาลเวลานะคะ จึงขอฝากเพื่อนๆ หมั่นเช็ค statement ตัวเองให้ดี เพราะเงินที่อยู่ในบัญชีเราอาจจะกลายเป็นของคนอื่นโดยไม่รู้ตัวนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ทำไมแบงค์เขียว ไม่มีการรักษาความปลอดภัยของเงินในบัญชีลูกค้าที่ปลอดภัยกว่านี้??
ดิฉันจึงได้ติดต่อผ่านทางเจ้าหน้าที่ call center ซึ่งยุ่งยากมากกว่าจะแจ้งปัญหาได้ และธนาคารก็ได้รับเรื่องไว้แต่ก็ไม่ได้แจ้งกลับการติดต่อแต่อย่างไรดิฉันต้องติดตามเรื่องใหม่และกว่าจะตามเรื่องติดก็มีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่โทรมาซึ่งดิฉันต้องเล่าใหม่ทั้งหมด (ก่อนหน้านี้แจ้งเจ้าหน้าที่แล้วว่าขอให้เจ้าหน้าที่ตามเรื่องให้โดยเร็วเพราะดิฉันอยุ่ต่างประเทศต้องเสียเงินค่าโทรกลับและค่าเปิดโรมมิ่งเพื่อรอรับสายและที่สำคัญต้องการทำธุรกรรมการเงินผ่าน Kbanking) "เจ้าหน้าที่ก็ยังเพิกเฉยเช่นเดิม"
จนเมื่อดิฉันได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งจึงโทรไปแจ้งปัญหาใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องไว้เช่นเดิมและโทรกลับมาอีกวันว่ากำลังตามเรื่องให้ ดิฉันเลยบอกว่าจะอยู่เมืองไทยถึงวันศุกร์ 22 พฤศจิกายนนี้ เจ้าหน้าที่ก็รับปากว่าจะโทรกลับหรือส่งเมล์มาแจ้งผลให้ทันภายในวันที่ 22 แต่เรื่องก็เงียบเช่นเดิมไมได้รับการติดต่อใดๆ และอีกครั้งในวันที่ 25 พฤศจิกายน คุณเจ้าหน้าที่ของแบงค์เขียวก็ได้ส่งเมล์มาว่า
"" ตามที่คุณ แจ้งตรวจสอบรายการเรียกเก้บซ้ำ จาก bangkok airway ธนาคารส่งเรื่องแจ้งไปยัง ร้านค้าแล้ว รอผลตอบกลับค่ะ ""
ดิฉันจึงขอฝากคำถามให้เจ้าหน้าที่แบงค์เขียวไว้ดังนี้นะคะ
1. ธนาคารไม่มีระบบตรวจสอบการเรียกซ้ำที่ดีกว่านี้หรือคะ
2. ถ้าทุกร้านมีการเก็บเรียกซ้ำ ธนาคารก็สามารถตัดยอดเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าได้โดยง่ายๆ แบบนี้หรือคะ?
3. ความปลอดภัยในการเก็บเงินไว้ที่"ธนาคารกสิกรไทย" ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นได้มากขนาดไหน
4. คำว่า "รอผลการตอบกลับ" หมายความว่าต้องรออีกนานแค่ไหน ต้องให้ลูกค้าโทรซ้ำอีกกี่รอบ ??
หนึ่งเดือนเต็มๆ ที่ดิฉันตามเรื่องนี้ ทั้งที่อยู่ต่างประเทศ ถึงแม้เป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่ค่าโทรจากต่างประเทศกลับมาเมืองไทยแพงกว่ายอดที่ดิฉันให้คุณตามอีกค่ะ บอกตรงๆนะคะ ถ้าหากจะให้ใช้บริการของทางธนาคารโดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต Kbanking ดิฉันคงไม่กล้าไปอีกนานค่ะ โทรถาม call center ก็มีการโอนสายไปมา สุดท้ายเรื่องก็เงียบเช่นเดิม เฮ้อ.....
บอกตรงๆว่าเสียความรู้สึกมากๆ กับธนาคารกสิกรไทย ค่ะ หวังว่าเรื่องดิฉันคงไม่หายไปกับกาลเวลานะคะ จึงขอฝากเพื่อนๆ หมั่นเช็ค statement ตัวเองให้ดี เพราะเงินที่อยู่ในบัญชีเราอาจจะกลายเป็นของคนอื่นโดยไม่รู้ตัวนะคะ
ขอบคุณค่ะ