[CR] [Thailand]เซตอาหารมื้อกลางวันกับร้านของเชฟระดับมิชชิลิน @ L'Atelier de Joel Robuchon

ถ้าพูดถึง Joel Robuchon หลายคนควรทราบไว้ว่าเป็นเชฟที่มีร้านอาหารที่มีดาวมิชชิลินรวมกันมากที่สุดในโลก และก็ได้เปิดร้านอาหารทั่วโลก สำหรับ L'Atelier ที่เปิดในประเทศไทยตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ของ Mahanakhon CUBE


เหมือนเดิมนะครับ ขอฝากติดตามแฟนเพจวิจารณ์ร้านอื่นๆ ซึ่งมีทั้งในและต่างประเทศได้ที่ https://www.facebook.com/pages/World-Food-Review/1532831343634563 ถ้าชอบกดไลค์แชร์และคอมเมนต์ได้ครับ

บรรยากาศของร้าน L'Atelier เหมือนกันในหลายๆประเทศคือมีความทันสมัย เน้นไปในโทนสีแดง และครัวเปิดให้คนรับประทานได้เห็น โดยที่นี่จะเน้นรับประทานบนเคาน์เตอร์เยอะ





สำหรับอาหารที่สั่งเป็นเซตอาหารกลางวันที่ประกอบด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย 1 อย่าง อาหารจานหลัก 1 อย่าง และอาหารปิดท้าย 1 อย่าง
เริ่มต้นจากบริการเสริมฟรี คือ ขนมปัง

ที่นี่มีขนมปังเสิร์ฟ 6 อย่าง คือ baby brioch,
bacon เนื้อสัมผัสกรอบๆ รสออกเค็มๆ ไม่มีกลิ่นแบคอนเท่าไร,

cheese ขนมปังแข็งนิดๆ เนื้อเหนียวนิดๆเช่นกัน กลิ่นชีสไม่รุนแรง,

croissant นุ่ม กลิ่นเนยชัด และชั้นเรียงอย่างสวยงาม,

rosemary ขนมปังนุ่ม แต่ไม่ค่อยได้กลิ่นของ rosemary สักเท่าไร

และ squid ink ขนมปังเนื้อนุ่มเช่นกัน

คอร์สต่อมาก็เป็นบริการเสริมฟรีเช่นกัน คือ amuse bouche มีอยู่ 2 อย่าง คือ foie gras เป็นคัสตาร์ดฟัวกราส์ ชั้นกลางเป็นไวน์รีดักชันหรือไวน์ที่ไล่แอลกอฮอล์ออกไป ซึ่งมีรสชาติออกเปรี้ยว กลิ่นหอมของไวน์ชัด และด้านบนเป็นโฟมชีสพาร์เมซาน ค่อนข้างเบา อีกอย่างคือ quinoa เป็นควินัวเป็นก้อนเอาไปทอด ได้ความมันนิดๆ กรอบหน่อยๆ ไม่ได้กรอบมากจนเสียงดัง ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว และเสิร์ฟมาแบบอุ่นๆ

ต่อมาเข้าสู่อาหารเรียกน้ำย่อยเสียที
Le melon ด้านล่างเป็นแผ่นทาร์ตบางๆผสมชีส แต่กลิ่นของชีสไม่ได้ชัดเจน ด้านบนเป็นแตงโมกับแฮมอิเบริโก และครีม ซึ่งเมื่อกินผสมทั้งหมดจะได้รสชาติทั้งเค็ม หวาน และมัน พร้อมกับความกรอบของทาร์ต

Le crevette เป็นราวิโอลี่ ถ้าพูดง่ายๆก็เป็นพาสต้าที่น่าจะทำจากแป้งมัน เพราะให้ความนุ่มเหนียวนิดๆ ข้างในเป็นกุ้งกับหัวผักกาด มีรสออกเปรี้ยวหวาน

ต่อมาเป็นอาหารจานหลัก
Le rouget เป็นเนื้อปลากระบอกแดง หมึก และมันฝรั่ง ซึ่งทั้งหมดนุ่มมาก ส่วนผักก็เปื่อย นุ่ม สำหรับซุปจะออกเปรี้ยวและเค็มพอสมควร และได้กลิ่นของโรสแมรี่

Le Merou เป็นปลาเก๋าอบแล้วมีใบชิโสะทอดเทมปุระโปะด้านบน ตัวเนื้อปลานุ่มมาก และก็หอมชิโสะ

ซึ่งจานนี้มี side dish เป็น squid ink risotto โดยริซอตโตยังกรุบๆอยู่ มีกลิ่นครีมค่อนข้างชัด รสชาติค่อนข้างเค็ม

ต่อมาเข้าสู่หมวดอาหารปิดท้าย ซึ่งมีบริการรถเข็นมาให้ โดยเลือกได้
Baba rum เป็นสปอนจ์เค้ก เนื้อฟู นุ่ม เบา แต่มีรสชาติหลักคือรสของรัมที่แรง กินกับครีมคัสตาร์ดวานิลลาที่ออกหวานหน่อยๆ

Mango tart มะม่วงที่ใช้ทำทาร์ตสุกมาก กลิ่นหอม รสหวานนิดๆ ตัดกับคาราเมลหอมหวาน เนื้อสัมผัสที่นุ่มของมะม่วงสุกก็ตัดกับความกรอบของทาร์ตได้ดี

ปิดท้ายด้วย mignardise ซึ้งเป็นของหวานเล็กๆที่กินคู๋กับชาหรือกาแฟ ซึ่งคอร์สนี้ก็เป็นบริการพิเศษฟรีเช่นกัน
Homemade madeleine yuzu คล้ายๆขนมไข่ แต่มีความแน่นมากกว่ามาก เนื้อนุ่ม กินแล้วติดเพดานปากนิดๆ รสไม่ค่อยหวานแต่มีกลิ่นของยูสุชัดเจน

Petit salted caramel chocolate เป็นช็อคโกแลตไส้คาราเมล รสชาติออกหวาน และมีความเค็มนิดๆ


สรุป
1. อาหารแม้ว่าจะเป็น 3 คอร์ส แต่ก็อาจจุกได้ เพราะบริการพิเศษอีก 3
2. อาหารอาจจะมีบางอย่างติดเค็มไปนิด ตามสไตล์ฝรั่งเศส
3. อาหารตกแต่งสวยงาม ตามสไตล์ฝรั่งเศสเช่นกัน
ชื่อสินค้า:   L'aterlier de Joel Robuchon
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่