ก่อนทุกคนจะอ่านขอบอกก่อนว่าทั้งหมดเป็นการบอกความคิดกับความรู้สึกของผมเท่านั้นนะครับหรือที่สมัยนี้เรียกว่ามโนนั่นแหละครับ แต่มันคือความรู้สึกของผมจริงๆ เขาเรื่องครับ
อย่างที่เรารู้ๆกันดีครับว่าเวลาที่เราป่วย เราก็ต้องไปโรงพยาบาล แล้วคนที่เราอยากจะพบก็คือแพทย์ หรือคุณหมอนั่นแหละครับ
สิ่งส่วนใหญ่คนจะรู้สึกกลัวเมื่อต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งผมเองก็เช่นกันครับกลัวมาก และไม่ค่อยได้ไปโรงพยาบาลบ่อยนัก นอกจากอาการจะไม่หนักจริงๆ
แต่คราวนี้ความซวยมาเยื่อนผมด้วยโรคที่ใครเขาก็ไม่อยากจะเป็นกันอย่างริดสีดวงทวารหนัก
คือตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าผมจะเป็นแต่ปกติเป็น
คนที่ท้องเสียบ่อยอยู่แล้วแถมท้องผูกก็ด้วย กินอะไรนิดอะไรหน่อยก็ท้องเสียตลอด แถมช่วงหลังๆผมเรียนอยู่ในช่วงอุดมศึกษา ก็ต้องไปอยู่หอ และด้วยความที่เราขี้เกียจเราก็ไม่ค่อยได้ทานน้ำสักเท่าไหร่ จะทานผักก็ไม่ค่อยจะมีขาย บวกกับพฤติกรรมของผมที่เข้าห้องน้ำนานเวลาจะถ่ายและชอบอ่านนู้นนี่ระหว่างทำภารกิจจึงทำให้เกิดโรคนี้ครับ อันนี้หมอบอกมานะครับ งั้นขอย้อนไปก่อนจะเกิดการเจอกับหมอคนนี้ คือผมท้องผูกครับก่อนหน้าวันที่จะไปหาหมอ 3 วันแล้วพอเราถ่ายเรียบร้อยซึ่งปกติจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่คราวนี้มีก้อนเนื้อคล้ายจะเป็นริดสีดวงที่ใกล้กับรูทวารของผม ผมเริ่มใจไม่ดีละครับเลยว่าจะไปหาหมอเพื่อให้มันจบๆไป ระหว่างนั้นผมก็หาข้อมูลว่ามันจะใช่อย่าที่คิดไว้หรือเปล่า(ริดสีดวง) เลยค้นไปเรื่อยก็มีความเสี่ยงว่าจะเป็นครับ ตอนนั้นเพื่อนของผมซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น เพื่อนคนนี้เรียนเก่งมากครับแล้วสอบหมอได้ที่มหาลัยเดียวกับที่ผมเรียนอยู่ ผมเลยถามมันว่าเอาไงดี เพื่อนผมบอกให้ลองหาซื้อยาเหน็บมาใช้ หรือหายามากิน แต่ด้วยความที่ผมมีอคติกับการใช้ยาเองแถมตัวเองมีโรคประจำตัวที่แพ้ยาบางประเภทจึงไม่กล้าที่จะซื้อมาใช้เองครับ ผมเลยตัดสินใจว่าจะไปหาหมอที่รพ.ใกล้กับมหาลัย วันแรกที่ไปก็เอ๋อครับ เพราะเป็นคนไม่ค่อยได้เข้าโรงพยาบาลอย่างที่บอก ไม่รู้นู้นนี่แถมไปช่วงบ่ายด้วย ลืมบอกไปครับมหาลัยผมมีสิทธิพิเศษสำหรับนศ.มหาลัยที่จะรักษาฟรี หากอยู่ในเงื่อนไขแต่ก่อนจะได้รับสิทธิจะต้องทำเรื่องนู้นนี่ก่อน ซึ่งผมไปวันนั้นไปช่วงบ่ายอย่างที่บอกเลยถามพยาบาลที่ประชาสัมพันธ์ว่าต้องทำไงบ้าง เขาบอกให้มาพรุ่งนี้ เราก็เออไม่เป็นไรเพราะความไม่รู้ พรุ่งนี้มาใหม่ พอวันรุ่งขึ้นมาอีกรอบ ก็ทำเรื่องตามระเบียบของโรงพยาบาลรัฐครับ กดบัตรคิว วัดความดัน ส่งข้อมูล ทำบัตรทอง เยอะแยะไปหมดเลยครับ แต่พอเรียบร้อยก็โดนส่งตัวไปแผนกศัลยกรรมทั่วไป น่าจะเพราะโรคที่ผมบอกว่าเป็นตามด้านบน พอไปถึงแผนกก็ส่งคิว พยาบาลบอกว่า รอหน่อยเพราะได้คิวเสริม ในที่นี้ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากแต่เขาบอกรอเราก็รอครับ นั่งรอไปสักพักใหญ่ๆเลย เอ่อลืมบอกครับ สิทธิที่ผมจะได้ทำอยู่ในช่วง 7 โมง ถึง 11 โมง ซึ่งทำให้ผมต้องตื่นเช้า แล้วก็ทำใจไว้แล้วว่าคนต้องเยอะเพราะเป็นโรงพยาบาลรัฐด้วย เลยทำใจว่าวันนี้คือวันหาหมอครับ ไม่เครียดอะไร รอได้ครับ กลับมาที่การนั่งรอครับสักพักพยาบาลก็เรียกชื่อให้ไปนั่งรอหน้าห้องตรวจครับ ด้วยความที่ผมเป็นผช.แล้วมาตรวจโรคนี้ก็ไม่สบายใจมากๆเลยครับกับการต้องมาตรวจโรคนี้ เพราะมีโอกาสที่จะต้องเปิดก้นให้คุณหมอดูแต่ก็ทำใจดีสู้เสือ ฮาๆ ผมก็เลยทักเฟสไปถามเพื่อนนศ.หมอของผมครับระหว่างที่กำลังรออยู่หน้าห้อง ก็คุยตามประสาเพื่อนสนิทแต่เจ้าเพื่อนคนนั้นมันบอกผมครับว่า เดียวจะต้องเจอท่านี้แน่ๆ โดยส่งเป็นชื่อท่าว่า " Per rectal " ผมก็สงสัยว่าท่าอะไรเลยลองไปหาข้อมูลในgoogle แล้วหาภาพ พอผมดูเท่านั้นแหละครับ ซีดเลยครับ ใครอยากดูก็ลองไปไปหาดูครับ ด้วยความที่เป็นผู้ชายพอเห็นภาพแบบนั้น ผมนี่จิตตกหนักเลยครับ ใจอยู่ไม่สุขแล้ว ก็นั่งรอต่อไป ลืมบอกครับก่อนหน้าผมมีคนหนึ่งเขา เขาห้องไปแล้วก็ปิดประตูแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันครับ เพราะคงน่าจะโดนเคสเดียวกับผม ตอนนั้นผมก็ทักเพื่อนคนนี้ครับว่าจะเจอจริงหรอท่านี้ แต่มันก็บอกว่าโดนล้วงแน่ๆ เพราะเพื่อนผมมันบอกว่าเป็นท่ามาตราฐาน ซีดหนักไปอีกครับผม อยู่ไม่สุขแล้วพยายามเปิดเพลงฟัง ก็ไม่ช่วยอะไร แถมตอนนั้นปวดปัสสาวะอีกแต่ผมก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวจะถึงคิวผมแล้วไม่อยู่เลย เลยพยายามมองในแง่ดี อย่างน้อยก็ขอคุณหมอผู้หญิงเถอะ ถ้าเป็นผู้ชายคงไม่ไหวแน่ๆ ลืมบอกอีกแล้วครับเก้าอี้ที่นั่งรอตรวจจะอยู่หน้าห้องตรวจและหน้าห้องจะมีชื่อของคุณหมอที่เป็นคนตรวจแต่หน้าห้องที่ผมกำลังจะเข้าไม่มีชื่อใครเลยครับ จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผมหวั่นใจครับว่าอาจจะต้องเจอคุณหมอผู้ชายแน่ๆ แต่สักพักคนก่อนหน้าผมออกมา ผมก็โดนเชิญเข้า ปรากฎว่าภาพที่ผมเห็นคือ ผมได้คุณหมอเป็นผู้หญิงครับแุถมคุณหมอน่ารักมากๆ ขนาดใส่ผ้าปิดปาก ด้วยน้ำเสียงและถ่อยคำที่ใช้ คุณหมอก็สักประวัติผมก็บอกไปตามอาการข้างบน ตอนนี้ผมเริ่มใจชื้นมากขึ้นครับคงไม่โดนแน่ๆ เพราะคุณหมอไม่มีทีท่าจะขอตรวจ แต่พอสักประวัติเสร็จเท่านั้นแหละครับ คุณหมอก็เอยคำที่ผมไม่อยากได้ยิน "เดียวขอตรวจหน่อยนะคะ" ตอนนั้นที่ใจไปอยู่ที่ตาตุ่มละครับ ภาพจากที่ค้นหาในกูเกิลก็ลอยมา เอาวะไงก็ได้มาถึงแล้วไงก็ต้องตรวจ คุณหมอก็ให้ทำตามที่ตรวจคือนอนตะแคงแล้วเปิดก้น ตรวจไปสักพักก็ให้เบ่งเพราะต้องเอาอะไรไม่รู้มาใส่เพื่อจะดูภายใน ตอนนั้นคุณหมอที่ก็บอกให้เบ่ง ผมก็เบ่งเต็มที่ครับแต่มันได้แค่นั้นจริงๆ คุณหมอบอกไม่ต้องเกร็งเดียวจะเจ็บ ผมก็พยายามให้ความร่วมมือเต็มที่ ระหว่างตรวจมีพยาบาลค่อยช่วยคุณหมออยู่ สักพักพอตรวจเสร็จคุณหมอที่หายไปครับปล่อยผม นอนเอ๋อตะแขงอยู่บนเตียงในใจผมตอนนั้น หัวนี่คิดอะไรไม่ออกละครับโดนท่านั้นไป รู้สึกหน่วงๆจุกๆอย่างเดียว สักพักพยาบาลคนเดิมก็ถามคุณหมอครับให้ผมจะให้คนไข้แต่งตัวเลยไหม คุณหมอบอกโอเค ผมได้ยินก็รีบเอากางเกงขึ้นแล้วลงจากเตียงตรวจทันที แต่ตอนนั้นรู้สึกจุกและหน่วงมากครับจนผมต้องบอกคุณหมอ คุณหมอก็ถามครับจุกด้วยหรอค่ะ ผมก็ได้แต่ยิ้มๆเพราะมันจุกจริงๆ สักพักพอตั้งสติได้ก็เริ่มถามว่าผมเป็นอะไรกันแน่ ด้วยความที่ตอนแรกคุณหมอใส่หน้ากากยังเห็นหน้าไม่ชัด แต่ผมก็เดาไปแล้วแหละครับว่าต้องน่ารักมากแน่ๆ พอเปิดหน้าเท่านั้นแหละครับ ผมนี่ใจสั่นเลย ต้องบอกก่อนว่าปกติผมไม่ใช่คนที่จะรู้สึกปลิ้มที่ชอบใครง่ายๆ แต่ด้วยอารมณ์ตอนนั้นจะด้วยที่ผมโดนท่านั้นไปรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่คือรู้สึกยังกับโดนใครมาสะกดไปพักใหญ่เลยครับ คุณหมอก็บอกอาการว่าตอนนี้ผมเป็นอะไร สรุปผลตามคิดครับเป็นรีดสีดวง แล้วก็บอกผมตามที่ผมได้เล่าไปข้างบน ตอนนั้นในหัวผมก็อยากจะถามข้อมูลบวกกับอย่างคุยกับคุณหมอด้วย ก็ถามไปนั่นแหละครับ แต่จำอะไรไม่ได้เลยมาจำได้อีกทีก็ตอนกลับหอมานั่งคิดคำพูดของคุณหมอที่บอกได้แค่บอกส่วนด้วย คุณหมอก็อธิบายตัวยาต่างๆวิธีการใช้ วิธีการป้องกันจากโรคนี้ ว่าควรปรับพฤติกรรมการเข้าห้องน้ำและการกิน พอทุกอย่างโอเคหมดคุณหมอก็บอกว่าเสร็จแล้ว ในใจตอนนั้นผมนี่อยากจะอยู่ต่อมากๆ แต่ก็ต้องไปเลย แต่ด้วยความอยากรู้จักเลยพยายามแอบมองชื่อของคุณหมอท่านนี้ แล้วจำไว้เผื่อว่าจะหาเฟสบุ๊คของคุณหมอได้ แต่ตอนนั้นก็ไม่กล้าจ้องมากมั้วแต่มองตาคุณหมออยู่ ลืมไปบอกระหว่างที่ถามกับเลือกที่จะจ่ายยาคุณหมอจะต้องพิมพ์ข้อมูลลงคอมนั้นแหละครับช่วงเวลานั้นที่ผมแอบดูชื่อของคุณหมอ ต่อครับพอทุกอย่างเรียบร้อยก็เสร็จคุณหมอบอกว่าเรียบร้อยแล้ว ผมก็โอเคครับ ตอนนั้นในใจก็อยากจะถามคุณหมอว่าคุณหมอมีแฟนรึยังแต่ด้วยเราเป็นคนไข้ สิ่งผมคิดว่าไม่เหมาะมากๆ เลยได้แต่ยิ้มแล้วเดินออกครับ แต่ตอนออกไอ้เจ้าประตูเจ้ากรรมดันออกไม่ได้ เพราะมันล๊อคอยู่ผมก็พยายามบิด แต่ก็ไม่ได้เลย หันไปบอกคุณหมอว่ามันล๊อคหรอครับ คุณหมอบอกก็รีบมาเปิดล๊อคให้เพราะบอกว่าหมอล๊อคเอง คงเป็นระเบียบของการตรวจอยู่แล้วด้วยที่จะล๊อคห้อง คราวนี้ผมก็ลองเปิดอีกก็ยังไม่ได้ครับ ด้วยที่ประตูเก่าหรือผมโง่ก็ไม่รู้เพราะบิดจนตัวบิดโยกแล้วก็ยังเปิดไม่ได้ คราวนี้คุณหมอก็เลยมาปลดล๊อคให้อีกรอบ สรุปรอบนี้เปิดได้แล้วครับ แต่สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่ประตูเลยครับแต่เป็นคุณหมอที่เดินมาเปิดให้ ^^ ผมก็ออกมาจากห้อง ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูกเลยครับ ด้วยท่าทางการพูด และน่าตาที่น่ารักของคุณหมอทำเอาผมลืมไปเลยว่าผมปวดฉี่มากๆอย่างที่บอกก่อนจะเข้าตรวจ ตอนนั้นในหัวผมมีแต่ชื่อคุณหมอครับ กะว่าจะต้องหาเฟสคุณหมอให้ได้ ผมก็เลยบอกเพื่อนผมคนเดิมให้หาให้หน่อย แต่เพื่อนผมบอกว่าจำชื่อผิดรึเปล่า ตอนนั้นผมก็แป้วละครับ ไม่ได้กังวลเพราะเป็นโรคนี้เลย แต่กังวลจะหาเฟสของคุณหมอไม่ได้ แต่ด้วยความโชคดีครับ ระหว่างนั่งรอเอกสารหลังตรวจผมก็ได้ชื่อของคุณหมอจริงๆมาจากใบสั่งยาครับ ผมเลยบอกเพื่อนใหม่เพื่อนตอบมาครับว่าคุณหมอมีอายุมากกว่าผมถึง 4 ปีแถมจบจากเตรียมอุดม แต่เพื่อนผมไม่สามารถหาเฟสได้คงเพราะน่าจะหาจาก google เท่านั้น ตอนนั้นด้วยความสงสัยและอยากเห็นรู้ว่าคุณหมอเป็นคนแบบไหนหน้าตาแบบไหน ตอนนั้นผมก็ไม่กล้าจ้องมากกลัวคุณหมอจะรู้ได้แต่นั่งดูจอ กับแอบมองบ้างและในห้องตรวจที่ผมบอกคือคุณหมอเปิดหน้ากากแปปเดียวนะครับ ผมเลยนำชื่อของคุณหมอไปค้นหาในแพทยสภาพอได้ชื่อมาก็นำชื่อภาษาอังกฤษของคุณหมอมาหาในเฟสครับ สุดท้ายก็เจอจนได้ขึ้นมาชื่อแรกเลยครับ เพราะเดียวนี้เฟสบุ๊คมักจะให้เราใช้ชื่อจริง สรุปคุณหมอโปรไฟล์เป็นส่วนตัวมากดูได้เฉพาะชื่อกับรูปภาพบางภาพเท่านั้น แต่ถึงตอนนั้นผมพอใจแล้วครับ ที่หาเจอ ตอนที่ผมหานี้คือระหว่างที่นั่งรอจ่ายเงินกับรอรับยานะครับ เพราะมันใช้เวลาเยอะอยู่พอสมควรจึงหาเจอ ตอนแรกผมก็ไม่กล้าทักไปครับไม่กล้าแอดเพราะในเฟสไม่มีข้อมูลมากนัก สุดท้ายพอได้ยาก็มานั่งนึกคำพูดหมอครับว่าให้กินตัวไหนบาง แต่ด้วยตอนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจฟังมากนักจึงจำไม่ค่อยได้ว่าต้องทานตัวไหนยังไง เพราะคำอธิบายของคุณหมอกับตัวอธิบายข้างกล่องไม่เหมือนกันเท่าที่ผมจำได้ลางๆ เพราะเหมือนยาบางตัวต้องทานอีกอย่างในช่วงสัปดาห์แรก แถมผมได้ยาเหน็บมาด้วยซึ่งผมก็ไม่ค่อยอยากจะใช้เท่าไหร่ แต่ในกล่องที่ให้มานั้นเยอะมากครับ เลยตัดสินใจทักไปถามครับ ขอบอกว่าหลายคนอ่านมาถึงตอนนี้อาจจะบอกว่าผมเป็นโรคจิต แต่ความรู้สึกของผมที่อยากจะบอกคือ ความปลื้มครับ ตอนแรกคุณหมอไม่อ่านอาจด้วยเพราะไม่ใช่เพื่อนในเฟสบวกกับคุณหมอน่าจะงานยุ่งมาก แต่แล้วคุณหมอก็ตอบครับ ผมดีใจมากครับ ทั้งอยากได้ความรู้จากการรักษาที่ในห้องตรวจผมแทบจะจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งก็อยากคุย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าหมอกับคนไข้ครับ และจากการตอบของคุณหมอและการถามของผมก็เป็นการสนทนาแบบคนไข้กับคุณหมอเท่านั้น แต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จะบอกว่าผมเป็นผู้ชายปอดก็ได้ครับ แต่ผมดูแล้วมันไม่ควรจริงๆ เพราะสิ่งที่คุณหมอทำหรือพูดก็เป็นหน้าที่ของคุณหมออยู่แล้ว ผมจึงคิดว่าดีแล้วครับที่เป็นแบบนี้ ถึงผมจะไปบอกชอบคุณหมอ คุณหมอก็คงต้องบอกแบบที่ผมคิดไว้แน่ๆ ด้วยอายุที่ต่างกัน เวลาที่ไม่ตรงกัน หน้าตาผมก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ แถมฐานะแค่เป็นเพียงชนชั้นกลางเท่านั้น ยังเรียนไม่จบอีก ทั้งหมดนี้แหละครับที่ทำให้ผมต้องตัดใจไม่ถามคำถามแบบที่อยากจะถาม พอผมมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้ญาติหรือเพื่อนฟัง ก็จะบอกว่าหมอก็ต้องคู่กับหมอแหละ เพราะเวลาเขาตรงกัน แค่มีเวลาพักยังไม่ค่อยจะมีเลย ผมก็ได้แต่ทำใจครับแต่มันก็ทำให้ผมคิดนะครับว่าผมต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน หาเงินสร้างตัวเพื่อที่จะมีความกล้าพอไปจีบคุณหมอได้ ผมไม่รู้นะครับว่าที่ผมพูดมานั้นจะเชื่อกันหรือป่าวหรือว่าคิดยังไง แต่สิ่งที่ผมต้องการจะเล่าคือความรู้สึกที่ได้รู้สึกปลื้มใครสักคนที่เพียงแค่พบหน้าไม่กี่นาทีในห้องตรวจนั้นครับ คุณหมอท่านนี้ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเลย ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้รึเปล่า แต่ต้องขอบคุณทุกๆอย่างในวันนั้นที่ทำให้เข้าห้องตรวจนั้นแล้วเจอกับคุณหมอจริงๆครับ
หากคุณหมอท่านนั้นได้มาอ่าน อย่าโกรธหรือรู้สึกไม่ดีกับผมนะครับ ผมแค่ปลื้มคุณหมอจริงๆ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นเลยครับ คำถามทุกคำถามที่ถามคุณหมอผมอยากได้คำตอบจริงๆ และที่แอดไปเพราะอยากรู้จักคุณหมอเท่านั่นแหละครับ
ยังไงก็ฝากถึงคุณหมอทุกๆคนนะครับ สู้ๆนะครับ เพราะมีเพียงแค่คุณหมอเท่านั้นที่จะทำให้คนไข้ที่มีความทุกข์แบบพวกผมมีความสุขได้ ขอบคุณมากๆครับ
คุณหมอทั้งหลายเคยรู้สึกดีกับคนไข้บ้างรึเปล่าครับ
อย่างที่เรารู้ๆกันดีครับว่าเวลาที่เราป่วย เราก็ต้องไปโรงพยาบาล แล้วคนที่เราอยากจะพบก็คือแพทย์ หรือคุณหมอนั่นแหละครับ
สิ่งส่วนใหญ่คนจะรู้สึกกลัวเมื่อต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งผมเองก็เช่นกันครับกลัวมาก และไม่ค่อยได้ไปโรงพยาบาลบ่อยนัก นอกจากอาการจะไม่หนักจริงๆ
แต่คราวนี้ความซวยมาเยื่อนผมด้วยโรคที่ใครเขาก็ไม่อยากจะเป็นกันอย่างริดสีดวงทวารหนัก คือตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าผมจะเป็นแต่ปกติเป็น
คนที่ท้องเสียบ่อยอยู่แล้วแถมท้องผูกก็ด้วย กินอะไรนิดอะไรหน่อยก็ท้องเสียตลอด แถมช่วงหลังๆผมเรียนอยู่ในช่วงอุดมศึกษา ก็ต้องไปอยู่หอ และด้วยความที่เราขี้เกียจเราก็ไม่ค่อยได้ทานน้ำสักเท่าไหร่ จะทานผักก็ไม่ค่อยจะมีขาย บวกกับพฤติกรรมของผมที่เข้าห้องน้ำนานเวลาจะถ่ายและชอบอ่านนู้นนี่ระหว่างทำภารกิจจึงทำให้เกิดโรคนี้ครับ อันนี้หมอบอกมานะครับ งั้นขอย้อนไปก่อนจะเกิดการเจอกับหมอคนนี้ คือผมท้องผูกครับก่อนหน้าวันที่จะไปหาหมอ 3 วันแล้วพอเราถ่ายเรียบร้อยซึ่งปกติจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่คราวนี้มีก้อนเนื้อคล้ายจะเป็นริดสีดวงที่ใกล้กับรูทวารของผม ผมเริ่มใจไม่ดีละครับเลยว่าจะไปหาหมอเพื่อให้มันจบๆไป ระหว่างนั้นผมก็หาข้อมูลว่ามันจะใช่อย่าที่คิดไว้หรือเปล่า(ริดสีดวง) เลยค้นไปเรื่อยก็มีความเสี่ยงว่าจะเป็นครับ ตอนนั้นเพื่อนของผมซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น เพื่อนคนนี้เรียนเก่งมากครับแล้วสอบหมอได้ที่มหาลัยเดียวกับที่ผมเรียนอยู่ ผมเลยถามมันว่าเอาไงดี เพื่อนผมบอกให้ลองหาซื้อยาเหน็บมาใช้ หรือหายามากิน แต่ด้วยความที่ผมมีอคติกับการใช้ยาเองแถมตัวเองมีโรคประจำตัวที่แพ้ยาบางประเภทจึงไม่กล้าที่จะซื้อมาใช้เองครับ ผมเลยตัดสินใจว่าจะไปหาหมอที่รพ.ใกล้กับมหาลัย วันแรกที่ไปก็เอ๋อครับ เพราะเป็นคนไม่ค่อยได้เข้าโรงพยาบาลอย่างที่บอก ไม่รู้นู้นนี่แถมไปช่วงบ่ายด้วย ลืมบอกไปครับมหาลัยผมมีสิทธิพิเศษสำหรับนศ.มหาลัยที่จะรักษาฟรี หากอยู่ในเงื่อนไขแต่ก่อนจะได้รับสิทธิจะต้องทำเรื่องนู้นนี่ก่อน ซึ่งผมไปวันนั้นไปช่วงบ่ายอย่างที่บอกเลยถามพยาบาลที่ประชาสัมพันธ์ว่าต้องทำไงบ้าง เขาบอกให้มาพรุ่งนี้ เราก็เออไม่เป็นไรเพราะความไม่รู้ พรุ่งนี้มาใหม่ พอวันรุ่งขึ้นมาอีกรอบ ก็ทำเรื่องตามระเบียบของโรงพยาบาลรัฐครับ กดบัตรคิว วัดความดัน ส่งข้อมูล ทำบัตรทอง เยอะแยะไปหมดเลยครับ แต่พอเรียบร้อยก็โดนส่งตัวไปแผนกศัลยกรรมทั่วไป น่าจะเพราะโรคที่ผมบอกว่าเป็นตามด้านบน พอไปถึงแผนกก็ส่งคิว พยาบาลบอกว่า รอหน่อยเพราะได้คิวเสริม ในที่นี้ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากแต่เขาบอกรอเราก็รอครับ นั่งรอไปสักพักใหญ่ๆเลย เอ่อลืมบอกครับ สิทธิที่ผมจะได้ทำอยู่ในช่วง 7 โมง ถึง 11 โมง ซึ่งทำให้ผมต้องตื่นเช้า แล้วก็ทำใจไว้แล้วว่าคนต้องเยอะเพราะเป็นโรงพยาบาลรัฐด้วย เลยทำใจว่าวันนี้คือวันหาหมอครับ ไม่เครียดอะไร รอได้ครับ กลับมาที่การนั่งรอครับสักพักพยาบาลก็เรียกชื่อให้ไปนั่งรอหน้าห้องตรวจครับ ด้วยความที่ผมเป็นผช.แล้วมาตรวจโรคนี้ก็ไม่สบายใจมากๆเลยครับกับการต้องมาตรวจโรคนี้ เพราะมีโอกาสที่จะต้องเปิดก้นให้คุณหมอดูแต่ก็ทำใจดีสู้เสือ ฮาๆ ผมก็เลยทักเฟสไปถามเพื่อนนศ.หมอของผมครับระหว่างที่กำลังรออยู่หน้าห้อง ก็คุยตามประสาเพื่อนสนิทแต่เจ้าเพื่อนคนนั้นมันบอกผมครับว่า เดียวจะต้องเจอท่านี้แน่ๆ โดยส่งเป็นชื่อท่าว่า " Per rectal " ผมก็สงสัยว่าท่าอะไรเลยลองไปหาข้อมูลในgoogle แล้วหาภาพ พอผมดูเท่านั้นแหละครับ ซีดเลยครับ ใครอยากดูก็ลองไปไปหาดูครับ ด้วยความที่เป็นผู้ชายพอเห็นภาพแบบนั้น ผมนี่จิตตกหนักเลยครับ ใจอยู่ไม่สุขแล้ว ก็นั่งรอต่อไป ลืมบอกครับก่อนหน้าผมมีคนหนึ่งเขา เขาห้องไปแล้วก็ปิดประตูแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันครับ เพราะคงน่าจะโดนเคสเดียวกับผม ตอนนั้นผมก็ทักเพื่อนคนนี้ครับว่าจะเจอจริงหรอท่านี้ แต่มันก็บอกว่าโดนล้วงแน่ๆ เพราะเพื่อนผมมันบอกว่าเป็นท่ามาตราฐาน ซีดหนักไปอีกครับผม อยู่ไม่สุขแล้วพยายามเปิดเพลงฟัง ก็ไม่ช่วยอะไร แถมตอนนั้นปวดปัสสาวะอีกแต่ผมก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวจะถึงคิวผมแล้วไม่อยู่เลย เลยพยายามมองในแง่ดี อย่างน้อยก็ขอคุณหมอผู้หญิงเถอะ ถ้าเป็นผู้ชายคงไม่ไหวแน่ๆ ลืมบอกอีกแล้วครับเก้าอี้ที่นั่งรอตรวจจะอยู่หน้าห้องตรวจและหน้าห้องจะมีชื่อของคุณหมอที่เป็นคนตรวจแต่หน้าห้องที่ผมกำลังจะเข้าไม่มีชื่อใครเลยครับ จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผมหวั่นใจครับว่าอาจจะต้องเจอคุณหมอผู้ชายแน่ๆ แต่สักพักคนก่อนหน้าผมออกมา ผมก็โดนเชิญเข้า ปรากฎว่าภาพที่ผมเห็นคือ ผมได้คุณหมอเป็นผู้หญิงครับแุถมคุณหมอน่ารักมากๆ ขนาดใส่ผ้าปิดปาก ด้วยน้ำเสียงและถ่อยคำที่ใช้ คุณหมอก็สักประวัติผมก็บอกไปตามอาการข้างบน ตอนนี้ผมเริ่มใจชื้นมากขึ้นครับคงไม่โดนแน่ๆ เพราะคุณหมอไม่มีทีท่าจะขอตรวจ แต่พอสักประวัติเสร็จเท่านั้นแหละครับ คุณหมอก็เอยคำที่ผมไม่อยากได้ยิน "เดียวขอตรวจหน่อยนะคะ" ตอนนั้นที่ใจไปอยู่ที่ตาตุ่มละครับ ภาพจากที่ค้นหาในกูเกิลก็ลอยมา เอาวะไงก็ได้มาถึงแล้วไงก็ต้องตรวจ คุณหมอก็ให้ทำตามที่ตรวจคือนอนตะแคงแล้วเปิดก้น ตรวจไปสักพักก็ให้เบ่งเพราะต้องเอาอะไรไม่รู้มาใส่เพื่อจะดูภายใน ตอนนั้นคุณหมอที่ก็บอกให้เบ่ง ผมก็เบ่งเต็มที่ครับแต่มันได้แค่นั้นจริงๆ คุณหมอบอกไม่ต้องเกร็งเดียวจะเจ็บ ผมก็พยายามให้ความร่วมมือเต็มที่ ระหว่างตรวจมีพยาบาลค่อยช่วยคุณหมออยู่ สักพักพอตรวจเสร็จคุณหมอที่หายไปครับปล่อยผม นอนเอ๋อตะแขงอยู่บนเตียงในใจผมตอนนั้น หัวนี่คิดอะไรไม่ออกละครับโดนท่านั้นไป รู้สึกหน่วงๆจุกๆอย่างเดียว สักพักพยาบาลคนเดิมก็ถามคุณหมอครับให้ผมจะให้คนไข้แต่งตัวเลยไหม คุณหมอบอกโอเค ผมได้ยินก็รีบเอากางเกงขึ้นแล้วลงจากเตียงตรวจทันที แต่ตอนนั้นรู้สึกจุกและหน่วงมากครับจนผมต้องบอกคุณหมอ คุณหมอก็ถามครับจุกด้วยหรอค่ะ ผมก็ได้แต่ยิ้มๆเพราะมันจุกจริงๆ สักพักพอตั้งสติได้ก็เริ่มถามว่าผมเป็นอะไรกันแน่ ด้วยความที่ตอนแรกคุณหมอใส่หน้ากากยังเห็นหน้าไม่ชัด แต่ผมก็เดาไปแล้วแหละครับว่าต้องน่ารักมากแน่ๆ พอเปิดหน้าเท่านั้นแหละครับ ผมนี่ใจสั่นเลย ต้องบอกก่อนว่าปกติผมไม่ใช่คนที่จะรู้สึกปลิ้มที่ชอบใครง่ายๆ แต่ด้วยอารมณ์ตอนนั้นจะด้วยที่ผมโดนท่านั้นไปรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่คือรู้สึกยังกับโดนใครมาสะกดไปพักใหญ่เลยครับ คุณหมอก็บอกอาการว่าตอนนี้ผมเป็นอะไร สรุปผลตามคิดครับเป็นรีดสีดวง แล้วก็บอกผมตามที่ผมได้เล่าไปข้างบน ตอนนั้นในหัวผมก็อยากจะถามข้อมูลบวกกับอย่างคุยกับคุณหมอด้วย ก็ถามไปนั่นแหละครับ แต่จำอะไรไม่ได้เลยมาจำได้อีกทีก็ตอนกลับหอมานั่งคิดคำพูดของคุณหมอที่บอกได้แค่บอกส่วนด้วย คุณหมอก็อธิบายตัวยาต่างๆวิธีการใช้ วิธีการป้องกันจากโรคนี้ ว่าควรปรับพฤติกรรมการเข้าห้องน้ำและการกิน พอทุกอย่างโอเคหมดคุณหมอก็บอกว่าเสร็จแล้ว ในใจตอนนั้นผมนี่อยากจะอยู่ต่อมากๆ แต่ก็ต้องไปเลย แต่ด้วยความอยากรู้จักเลยพยายามแอบมองชื่อของคุณหมอท่านนี้ แล้วจำไว้เผื่อว่าจะหาเฟสบุ๊คของคุณหมอได้ แต่ตอนนั้นก็ไม่กล้าจ้องมากมั้วแต่มองตาคุณหมออยู่ ลืมไปบอกระหว่างที่ถามกับเลือกที่จะจ่ายยาคุณหมอจะต้องพิมพ์ข้อมูลลงคอมนั้นแหละครับช่วงเวลานั้นที่ผมแอบดูชื่อของคุณหมอ ต่อครับพอทุกอย่างเรียบร้อยก็เสร็จคุณหมอบอกว่าเรียบร้อยแล้ว ผมก็โอเคครับ ตอนนั้นในใจก็อยากจะถามคุณหมอว่าคุณหมอมีแฟนรึยังแต่ด้วยเราเป็นคนไข้ สิ่งผมคิดว่าไม่เหมาะมากๆ เลยได้แต่ยิ้มแล้วเดินออกครับ แต่ตอนออกไอ้เจ้าประตูเจ้ากรรมดันออกไม่ได้ เพราะมันล๊อคอยู่ผมก็พยายามบิด แต่ก็ไม่ได้เลย หันไปบอกคุณหมอว่ามันล๊อคหรอครับ คุณหมอบอกก็รีบมาเปิดล๊อคให้เพราะบอกว่าหมอล๊อคเอง คงเป็นระเบียบของการตรวจอยู่แล้วด้วยที่จะล๊อคห้อง คราวนี้ผมก็ลองเปิดอีกก็ยังไม่ได้ครับ ด้วยที่ประตูเก่าหรือผมโง่ก็ไม่รู้เพราะบิดจนตัวบิดโยกแล้วก็ยังเปิดไม่ได้ คราวนี้คุณหมอก็เลยมาปลดล๊อคให้อีกรอบ สรุปรอบนี้เปิดได้แล้วครับ แต่สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่ประตูเลยครับแต่เป็นคุณหมอที่เดินมาเปิดให้ ^^ ผมก็ออกมาจากห้อง ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูกเลยครับ ด้วยท่าทางการพูด และน่าตาที่น่ารักของคุณหมอทำเอาผมลืมไปเลยว่าผมปวดฉี่มากๆอย่างที่บอกก่อนจะเข้าตรวจ ตอนนั้นในหัวผมมีแต่ชื่อคุณหมอครับ กะว่าจะต้องหาเฟสคุณหมอให้ได้ ผมก็เลยบอกเพื่อนผมคนเดิมให้หาให้หน่อย แต่เพื่อนผมบอกว่าจำชื่อผิดรึเปล่า ตอนนั้นผมก็แป้วละครับ ไม่ได้กังวลเพราะเป็นโรคนี้เลย แต่กังวลจะหาเฟสของคุณหมอไม่ได้ แต่ด้วยความโชคดีครับ ระหว่างนั่งรอเอกสารหลังตรวจผมก็ได้ชื่อของคุณหมอจริงๆมาจากใบสั่งยาครับ ผมเลยบอกเพื่อนใหม่เพื่อนตอบมาครับว่าคุณหมอมีอายุมากกว่าผมถึง 4 ปีแถมจบจากเตรียมอุดม แต่เพื่อนผมไม่สามารถหาเฟสได้คงเพราะน่าจะหาจาก google เท่านั้น ตอนนั้นด้วยความสงสัยและอยากเห็นรู้ว่าคุณหมอเป็นคนแบบไหนหน้าตาแบบไหน ตอนนั้นผมก็ไม่กล้าจ้องมากกลัวคุณหมอจะรู้ได้แต่นั่งดูจอ กับแอบมองบ้างและในห้องตรวจที่ผมบอกคือคุณหมอเปิดหน้ากากแปปเดียวนะครับ ผมเลยนำชื่อของคุณหมอไปค้นหาในแพทยสภาพอได้ชื่อมาก็นำชื่อภาษาอังกฤษของคุณหมอมาหาในเฟสครับ สุดท้ายก็เจอจนได้ขึ้นมาชื่อแรกเลยครับ เพราะเดียวนี้เฟสบุ๊คมักจะให้เราใช้ชื่อจริง สรุปคุณหมอโปรไฟล์เป็นส่วนตัวมากดูได้เฉพาะชื่อกับรูปภาพบางภาพเท่านั้น แต่ถึงตอนนั้นผมพอใจแล้วครับ ที่หาเจอ ตอนที่ผมหานี้คือระหว่างที่นั่งรอจ่ายเงินกับรอรับยานะครับ เพราะมันใช้เวลาเยอะอยู่พอสมควรจึงหาเจอ ตอนแรกผมก็ไม่กล้าทักไปครับไม่กล้าแอดเพราะในเฟสไม่มีข้อมูลมากนัก สุดท้ายพอได้ยาก็มานั่งนึกคำพูดหมอครับว่าให้กินตัวไหนบาง แต่ด้วยตอนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจฟังมากนักจึงจำไม่ค่อยได้ว่าต้องทานตัวไหนยังไง เพราะคำอธิบายของคุณหมอกับตัวอธิบายข้างกล่องไม่เหมือนกันเท่าที่ผมจำได้ลางๆ เพราะเหมือนยาบางตัวต้องทานอีกอย่างในช่วงสัปดาห์แรก แถมผมได้ยาเหน็บมาด้วยซึ่งผมก็ไม่ค่อยอยากจะใช้เท่าไหร่ แต่ในกล่องที่ให้มานั้นเยอะมากครับ เลยตัดสินใจทักไปถามครับ ขอบอกว่าหลายคนอ่านมาถึงตอนนี้อาจจะบอกว่าผมเป็นโรคจิต แต่ความรู้สึกของผมที่อยากจะบอกคือ ความปลื้มครับ ตอนแรกคุณหมอไม่อ่านอาจด้วยเพราะไม่ใช่เพื่อนในเฟสบวกกับคุณหมอน่าจะงานยุ่งมาก แต่แล้วคุณหมอก็ตอบครับ ผมดีใจมากครับ ทั้งอยากได้ความรู้จากการรักษาที่ในห้องตรวจผมแทบจะจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งก็อยากคุย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าหมอกับคนไข้ครับ และจากการตอบของคุณหมอและการถามของผมก็เป็นการสนทนาแบบคนไข้กับคุณหมอเท่านั้น แต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จะบอกว่าผมเป็นผู้ชายปอดก็ได้ครับ แต่ผมดูแล้วมันไม่ควรจริงๆ เพราะสิ่งที่คุณหมอทำหรือพูดก็เป็นหน้าที่ของคุณหมออยู่แล้ว ผมจึงคิดว่าดีแล้วครับที่เป็นแบบนี้ ถึงผมจะไปบอกชอบคุณหมอ คุณหมอก็คงต้องบอกแบบที่ผมคิดไว้แน่ๆ ด้วยอายุที่ต่างกัน เวลาที่ไม่ตรงกัน หน้าตาผมก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ แถมฐานะแค่เป็นเพียงชนชั้นกลางเท่านั้น ยังเรียนไม่จบอีก ทั้งหมดนี้แหละครับที่ทำให้ผมต้องตัดใจไม่ถามคำถามแบบที่อยากจะถาม พอผมมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้ญาติหรือเพื่อนฟัง ก็จะบอกว่าหมอก็ต้องคู่กับหมอแหละ เพราะเวลาเขาตรงกัน แค่มีเวลาพักยังไม่ค่อยจะมีเลย ผมก็ได้แต่ทำใจครับแต่มันก็ทำให้ผมคิดนะครับว่าผมต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน หาเงินสร้างตัวเพื่อที่จะมีความกล้าพอไปจีบคุณหมอได้ ผมไม่รู้นะครับว่าที่ผมพูดมานั้นจะเชื่อกันหรือป่าวหรือว่าคิดยังไง แต่สิ่งที่ผมต้องการจะเล่าคือความรู้สึกที่ได้รู้สึกปลื้มใครสักคนที่เพียงแค่พบหน้าไม่กี่นาทีในห้องตรวจนั้นครับ คุณหมอท่านนี้ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเลย ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้รึเปล่า แต่ต้องขอบคุณทุกๆอย่างในวันนั้นที่ทำให้เข้าห้องตรวจนั้นแล้วเจอกับคุณหมอจริงๆครับ
หากคุณหมอท่านนั้นได้มาอ่าน อย่าโกรธหรือรู้สึกไม่ดีกับผมนะครับ ผมแค่ปลื้มคุณหมอจริงๆ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นเลยครับ คำถามทุกคำถามที่ถามคุณหมอผมอยากได้คำตอบจริงๆ และที่แอดไปเพราะอยากรู้จักคุณหมอเท่านั่นแหละครับ
ยังไงก็ฝากถึงคุณหมอทุกๆคนนะครับ สู้ๆนะครับ เพราะมีเพียงแค่คุณหมอเท่านั้นที่จะทำให้คนไข้ที่มีความทุกข์แบบพวกผมมีความสุขได้ ขอบคุณมากๆครับ