สมัยนี้คนอายุน้อยเป็นมะเร็งเยอะแยะ แต่ระบบรักษาในประเทศเรายังมองว่าต้องมีอายุในเกณที่เสี่ยงถึงเข้าข่ายเสี่ยง กรรมพันธุ์ ทั้งที่สมัยนี้ อาหาร และ อากาศมลพิษทำให้ก่อมะเร็งได้
เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ผมมีอาการถ่ายผิดปกติท้องผูกสลับท้องเสีย2อาทิตย์ถ่ายบ่อยปวดท้องเรื้อรัง จึงไปใช้สิทธิปกสที่รพ.รัฐแห่งนึง หมอคอนเซ้าท์บอกอาการท้องเสียนะ อายุเรายังน้อยไม่เสี่ยง เอาเกลือแร่ไปทาน แล้วกลับบ้านได้ ผ่านไป5วันอาการไม่ดีขึ้นอาการมันคล้ายมะเร็งลำไส้ จึงซื้อfit test มาตรวจเองผลเป็นบวก (ผลคือมีเลือดปนในอุจ) จึงไปรพอีกครั้ง คราวนี้ได้ส่งมาแผนกเฉพาะทาง(ศัลยกรรมและระบบทางเดินอาหาร) เพราะผลfit test เป็นหมอชาย(หมอจบใหม่) หลังจากเล่าอาการ หมอก็บอกเราคิดมาก วิตกกังวลไปเอง อายุเรายังน้อย (เหมือนเดิม)
สั่งให้ไปเอ็กซ์เรย์และกลับมาหาหมอ หมอนำอุปกรณ์สอดเข้ารูดทวารถ่างดู หมอบอกว่า เจอริดสีดวงที่3นาฬิกา ส่วนในฟิล์มมีแต่อุจเต็มไปหมด แต่หมอขอปรึกษาอาจารย์หมอก่อน ห้องข้างๆเนี่ย สักพักหมอกลับมาแจ้งว่าส่งเคสให้อาจารย์หมอแล้ว รอเลยต้องรอตรวจกับอาจารย์หมอต่อ เป็นจังหวะติดพักเที่ยงพอดีเลยไปเข้าห้องน้ำ (ตอนหมอสอดอุปกรณ์เรารู้สึกว่ามีของเหลวไหลด้วย) เลือด
ไหลจ้า เช็ดทำความสะอาดเสร็จออกมารอคิวต่อ จนเกือบคนสุดท้าย ได้พบอาจารย์หมอเป็นผญ เล่าอาการให้ฟัง หมอให้นอนตะแคงอีกครั้ง นำอุปกรณ์สอดรูดทวาร เราแจ้งหมอว่าก่อนหน้านี้หมอผชส่องแล้วมีเลือดด้วยเหมือนหมอผชจะไม่เห็นเพราะไม่มีการเช็ดเลือดโดยพยาบาลเลย เราต้องไปเช็ดเองในห้องน้ำ อาจารย์หมอบอกว่า ไม่พบเลือด(เราน่าจะเช็ดหมดแล้ว) และไม่พบริดสีดวงด้วย เราก็แบบเอ้าแล้วฉันควรเชื่อหมอไหนดี อาจารย์หมอไม่มั่นใจความแม่นยำ fit test ที่เราซื้อมา เลยให้กระปุกมาอุจจาระที่บ้านเอง 3วัน ต่อมาเรานำอุจจาระไปส่งรพและรอฟังผลกับหมอชายอีกคน เนื่องจากส่วนมากหมอรพนี้จะลงตรวจอาทิตย์ละวัน หมอก็ถามอาการและแจ้งผลเป็นบวก ซึ่งเราทราบก่อนแล้วจากแอพหมอกทม เราก็เล่าว่า3วันก่อน หมอชายเจอริดสีดวงส่งเคสให้อาจารย์หมอไม่เจอริดสีดวง หมอบอกว่าหมอคนที่เจอริดสีดวงเป็นหมอทั่วไปเหมือนผมไม่ใช่เฉพาะทาง เดี๋ยวผมส่งเคสให้อาจารย์หมอผชห้องข้างๆ (เหมือนเดิมเลย) จนเจออาจารย์หมอ หมอคาดว่าน่าจะเป็นแผลเล็กในลำไส้ เลยตกลงนัดส่องกล้องกับหมอแบบไม่ลังเล หมอนัดปลายเดือนกุมภา เราโอเค หมอให้ไปค่าเลือดcbcกับเอ็กซ์เรย์ช่วงท้องมาให้หมอก่อนกลับ รอวันไปส่องกล้อง
ทำไมตรวจคัดกรองมะเร็งต้องมีอายุ35+
เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ผมมีอาการถ่ายผิดปกติท้องผูกสลับท้องเสีย2อาทิตย์ถ่ายบ่อยปวดท้องเรื้อรัง จึงไปใช้สิทธิปกสที่รพ.รัฐแห่งนึง หมอคอนเซ้าท์บอกอาการท้องเสียนะ อายุเรายังน้อยไม่เสี่ยง เอาเกลือแร่ไปทาน แล้วกลับบ้านได้ ผ่านไป5วันอาการไม่ดีขึ้นอาการมันคล้ายมะเร็งลำไส้ จึงซื้อfit test มาตรวจเองผลเป็นบวก (ผลคือมีเลือดปนในอุจ) จึงไปรพอีกครั้ง คราวนี้ได้ส่งมาแผนกเฉพาะทาง(ศัลยกรรมและระบบทางเดินอาหาร) เพราะผลfit test เป็นหมอชาย(หมอจบใหม่) หลังจากเล่าอาการ หมอก็บอกเราคิดมาก วิตกกังวลไปเอง อายุเรายังน้อย (เหมือนเดิม)
สั่งให้ไปเอ็กซ์เรย์และกลับมาหาหมอ หมอนำอุปกรณ์สอดเข้ารูดทวารถ่างดู หมอบอกว่า เจอริดสีดวงที่3นาฬิกา ส่วนในฟิล์มมีแต่อุจเต็มไปหมด แต่หมอขอปรึกษาอาจารย์หมอก่อน ห้องข้างๆเนี่ย สักพักหมอกลับมาแจ้งว่าส่งเคสให้อาจารย์หมอแล้ว รอเลยต้องรอตรวจกับอาจารย์หมอต่อ เป็นจังหวะติดพักเที่ยงพอดีเลยไปเข้าห้องน้ำ (ตอนหมอสอดอุปกรณ์เรารู้สึกว่ามีของเหลวไหลด้วย) เลือด
ไหลจ้า เช็ดทำความสะอาดเสร็จออกมารอคิวต่อ จนเกือบคนสุดท้าย ได้พบอาจารย์หมอเป็นผญ เล่าอาการให้ฟัง หมอให้นอนตะแคงอีกครั้ง นำอุปกรณ์สอดรูดทวาร เราแจ้งหมอว่าก่อนหน้านี้หมอผชส่องแล้วมีเลือดด้วยเหมือนหมอผชจะไม่เห็นเพราะไม่มีการเช็ดเลือดโดยพยาบาลเลย เราต้องไปเช็ดเองในห้องน้ำ อาจารย์หมอบอกว่า ไม่พบเลือด(เราน่าจะเช็ดหมดแล้ว) และไม่พบริดสีดวงด้วย เราก็แบบเอ้าแล้วฉันควรเชื่อหมอไหนดี อาจารย์หมอไม่มั่นใจความแม่นยำ fit test ที่เราซื้อมา เลยให้กระปุกมาอุจจาระที่บ้านเอง 3วัน ต่อมาเรานำอุจจาระไปส่งรพและรอฟังผลกับหมอชายอีกคน เนื่องจากส่วนมากหมอรพนี้จะลงตรวจอาทิตย์ละวัน หมอก็ถามอาการและแจ้งผลเป็นบวก ซึ่งเราทราบก่อนแล้วจากแอพหมอกทม เราก็เล่าว่า3วันก่อน หมอชายเจอริดสีดวงส่งเคสให้อาจารย์หมอไม่เจอริดสีดวง หมอบอกว่าหมอคนที่เจอริดสีดวงเป็นหมอทั่วไปเหมือนผมไม่ใช่เฉพาะทาง เดี๋ยวผมส่งเคสให้อาจารย์หมอผชห้องข้างๆ (เหมือนเดิมเลย) จนเจออาจารย์หมอ หมอคาดว่าน่าจะเป็นแผลเล็กในลำไส้ เลยตกลงนัดส่องกล้องกับหมอแบบไม่ลังเล หมอนัดปลายเดือนกุมภา เราโอเค หมอให้ไปค่าเลือดcbcกับเอ็กซ์เรย์ช่วงท้องมาให้หมอก่อนกลับ รอวันไปส่องกล้อง