ผ่าตัดมดลูก + ปีกมดลูกของผู้หญิงวัย 46 ปี

กระทู้สนทนา
อยากพิมพ์เก็บไว้เป็นประสบการณ์เล่าสู่กันอ่าน ช่วงมีนาคม 2567 เราผ่าก้อนเนื้องอกที่อกขวาไปละ 1 ก้อน ก็ไม่คิดว่าจะเป็นผู้โชคดี ผ่าชิ้นส่วนล่างอีกในปีเดียวกัน

เริ่มเรื่องเลยละกัน  เผื่อใครเป็นแบบเรา แนะนำรีบหาหมอนะคะ อย่าชะล่าใจแบบเรา
1.  25 พ.ย. 67
: ประมาณ 1 ทุ่ม ปวดท้อง มีเลือดออกไม่มาก แต่ปวดท้องมากปวดประมาณ 30 นาที (ก่อนหน้าเราลงไปว่ายน้ำมาค่ะ) สามีสั่งให้รีบโทรนัดหมอ (จริงๆพอหายเจ็บก็ว่าจะไม่นัดหมอละ)
จากนั้นวันพุธก็โทรนัดหมอที่ SiPh ได้คิววันจันทร์ ที่ 2 ธค.67 บ่าย 2 โมง เลือกอาจารย์หมอคนนี้ เพราะมีเพื่อนสาวบอกตรวจละเอียดมาก (ประสบการณ์ตรงจากเพื่อนสาว เพราะหมอท่านนี้สามารถเจอเนื้องอกเพื่อนได้ถึง 9 เม็ด อีก 3 รพ. เจอ 4 เม็ด และ 2 เม็ด)

2. 02 ธ.ค. 67
: ไปตรวจคุยกับหมอ หมอซักประวัติ ซึ่งเราเคยตรวจครั้งสุดท้ายน่าจะปี 61 ก่อนโควิดเลยมั้ง (ตรวจหลังแท้งลูก) แล้วก็ละเลยไม่ได้ไปตรวจ แจ้งหมอปกติเมนส์จะมาหนักประมาณ 5 วันและจากนั้นจะกระปริบกระปอยต่ออีก 2-3 วัน ยกเว้น 2 เดือนที่ผ่านมา คือกันยา และ ตุลา เมนส์จะมากระปริบกระปอย 3-4 วันแรก และมาหนักหน่วงประมาณ 4 วัน และกระปริบกระปอยต่ออีกประมาณ 3 วัน ทั้งนี้จะปวดท้องเยอะผิดปกติช่วง 3-4 วันแรก 
: หมอขอขอตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และ US เบื้องต้นจากการตรวจหมอพบว่า
- มีก้อนเนื้องอก 4 ก้อน (เดิมตอนท้องมี 1 ก้อน ประมาณ 1.43 Cm) แต่ตอนนี้ทุกก้อนแค่ประมาณ 1 Cm หมอไม่กังวล หมอบอกเดี๋ยวตอนหมดประจำเดือนมันจะฝ่อไปเอง
- ติ่งเนื้อ ซึ่งคาดว่าเป็นตัวการทำให้ปวดท้อง และเลือดออกแบบนี้ ทั้งนี้ต้องมีการตัดออกไปเพื่อตรวจให้มั่นใจด้วยว่าไม่ใช่ติ่งเนื้อร้าย หมอต้องส่งให้หมออีกท่านเป็นผู้จัดการเจ้าติ่งเนื้อนี้
- ผล HPV ประมาณ 1-2 วีค จะส่งทาง Email แต่ถ้าพบเสี่ยงหมอจะโทรมาคุยด้วยเอง
: ออกจากห้องตรวจนั่งรอสั่กแปป  พยาบาลสอบถามว่าสะดวกนัดวันไหนบ้าง เราเลยแจ้งวัดที่สะดวกและขอเป็นหมอผู้หญิง ได้หมอตรงตามที่ต้องการ พยาบาลก็ทำนัดหมายเข้ามาพบหมออีกครั้งวันเสาร์ ที่ 07 ธค. 67
: วันศุกร์โรงบาลโทรมาเฟิม ก่อนหน้านี้เพื่อนสาวคนเดิมบอกว่าถ้าต้องผ่า จะมีหมอ ผช. ผ่าตัดส่องกล้องเก่งมากอยู่ 1 ท่าน ปวีจึงขอเปลี่ยนหมอตามที่เพื่อนบอกทาง ซึ่งหมอไม่มีคิวเลยวันเสาร์ คิวเต็ม เหอๆ สรุป ไม่เป็นรัย หมอคนนี้ก็ได้ #อะไรที่มั่นใจเลือกแล้วย่อมดีเสมอ

3. 07 ธ.ค. 67
: หมอสวย  และพูดเร็วมาก หมอขอตรวจภายในซ้ำ เราแจ้งหมอว่าเมนส์กำลังมา หมอบอกไม่เป็นไร เพราะยังงัยติ่งเนื้อก็ต้องเอาออก และหมอบอกว่า หมอคนก่อนตรวจละเอียดมาก เก็บเนื้องอกที่แอบมาได้เจ๋งมาก 555 หมอชมหมอ น่ารักดี แล้วเราก็ขึ้นขาหยั่งอีกแระ - -
: หมอ แจ้งผลการตรวจว่า ติ่งเนื้อต้องเอาออก แต่ติ่งเนื้อดังกล่าวเป็นปลายเหตุจากการที่มีเหยื่อบุมดลูกเกิดผิดที่ คือไปเกิดที่กล้ามเนื้อมดลูก ส่วนเนื้องอก 4 เม็ด หมอบอกเรื่องเล็ก 555++++
#แต่ประเด็นสำคัญคือ
ระหว่างคุณแต่งตัว มีรายงานผลตรวจ HPV เข้ามาแล้ว พบว่าเจอ HPV Type 52 ซึ่งเป็นสายพันธ์เสี่ยงสูง เพราะงั้นหมอต้องขอตรวจ Cell เพิ่ม หากพบว่า Cell ปกติเราก็จะแค่ตรวจติดตาม แต่ถ้า Cell ผิดปกติ ขั้นต่อไปเราจะทำการ ส่องกล้องตัดเนื้อเหยื่อ  ช็อกไปแปป
: หมอคุยด้วยว่าถ้าไม่ต้องการมีลูกแล้ว หมอเห็นว่าควรตัดมดลูกและปีกมดลูก เลือดคุณออกเยอะทุกครั้ง อยู่ภาวะซีด เม็ดเลือดเยอะแต่ไม่สมบูรณ์ แต่ทั้งนี้หมอจะเหลือรังไข่ไว้ผลิตฮอร์โมน เพราะรังไข่คุณสวย 5555 ยกเว้นผล Cell ออกมาไม่โอเค เราค่อยมาว่ากันอีกครั้ง .. ใช่ตอนนี้ใจเราอยู่ตาตุ่มเลย  
หมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องผ่าที่นี้ก็ได้ เอาที่สะดวก แต่แนะนำให้เอาออก มันจะเป็นผลดีมากกว่ากับตัวเรา
: เราเลยแจ้งหมอถ้าต้องผ่าตัด ขอผ่าภายใน 31 ธันวาคมนี้ เพราะประกันกลุ่มจะสิ้นอายุ 1 ใบ หมอเลยให้จองคิวเป็น ศุกร์ 27 ธันวาคม 67 ไว้ก่อน กรณีไม่สามารถผ่าได้ ค่อยมาว่ากัน
: เจ้าหน้าที่นำเอกสารแจ้งการประเมินราคาเบื้องต้นมาให้จะอยู่ที่ 260,000-310,000 สำหรับการผ่ามดลูก+ปีกแบบส่องกล้อง (26-28/12/67) เราขอให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเช็คสิทธิ์กับประกันก่อน ว่าสามารถเบิกได้เท่าไหร่ ต้องเสียส่วนต่างเท่าไหร่ จะไหวมั๊ย
: เราต้องรอผล Cell วันที่ 14-12-67 นี้หมอจะเป็นผู้โทรแจ้ง
: ระหว่างทางกลับบ้านเรานั่งคุยกับสามีถ้าผลออกมา #Cellปกติ ก็จะขอผ่าที่ Siph เลย แต่หากว่า #Cellผิดปกติ จะขอแค่ตรวจเนื้อเหยื่อผ่านกล้อง และจะย้ายไปโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค เพื่อใช้สิทธิ์ประกันสังคม + ประกันกลุ่ม เพราะน่าจะต้องมีความต่อเนื่องในการรักษา ค่าใช้จ่ายส่วนต่างจะได้ไม่ต้องเพิ่มมาก

4. 14 ธ.ค. 67
: วันนี้หมอโทรมาแจ้งผลแล้วช่วง 14:30 หมอพบ cell ผิดปกติ ได้ผลเป็น ASCUS หมอบอกไม่ใช่ เซลล์ก่อนเป็นมะเร็ง แต่เพราะจะนัดตัดมดลูก หมอจำเป็นต้องส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อตรวจเพื่อให้มั่นใจ   โดยต้องเจาะกับหมออีกท่าน  (บนความทุกข์ เราดีใจ เราได้หมอเฉพาะทางส่องกล้องอีกคนมาเป็นผู้ตัดชิ้นเนื้อตรวจ ^^) 

5. 15 ธ.ค. 67
: วันนี้ไปหาหมอตามนัด ไปถึง 4 โมงกว่า หมอนัด 6 โมงเย็น ขึ้นไปแผนกนรีเวช ได้เข้าห้องตรวจ 16.30น. หมอคนใหม่ แจ้งผลตรวจ cell รวมถึงวิธีการส่องกล้องเก็บชิ้นเนื้อ Colposcopy เสร็จประมาณ 17.15 
: แล้วเราผู้อ่านมาคือไม่เจ็บ เราอยากบอกว่าใส่เครื่องมือไปเจ็บ ป้ายน้ำยาแสบ แต่ตอนตัดชิ้นเนื้อไม่รู้สึก #สงสัยจะชา .. การตัดชิ้นเนื้อหมอจะนับ 1 2 และพอ 3 หมอจะให้แกล้งจามพร้อมการนับ 3 ..ทำอยู่ 2 รอบ จากนั้นหมอก้อทำความสะอาดและจัดการห้ามเลือด
: หมอบอกว่าเจอติ่งเนื้อตรงปากมดลูก  หมอบอกว่าไม่ต้องกังวล หมอไม่คิดว่าเป็นมะเร็ง แต่เราต้องส่งตรวจถึงจะมั่นใจได้ 
: เราใช้สิทธิ์ประกันกลุ่มกรุงเทพ ก่อนสามีจะย้ายงาน รอบนี้ 10,110 บาท เคลมได้หมด (จริงๆจะใช้สิทธิ์ประกันกลุ่มบริษัทที่ทำงานเรา แต่มันปิดรับแฟกซ์เคลม 16.00 น. - -) แล้วของกรุงเทพเร็วมาก ประมาณ 15 นาทีเองมั้งการเงินโทรตาม การเงินยังบอก จัดการเคลมเร็วมากๆ

6. 19 ธ.ค. 67
: 12.19น. วันนีมีสายเข้าจาก SIPH แต่เป็นเบอร์มือถือ แจ้งว่าหมอจะคุยเรื่องผลชิ้นเนื้อ หมอแจ้งข่าวชิ้นเนื้อปกติ ไม่เป็นมะเร็ง หรือรอยต่อโรคมะเร็ง   บอกขอบคุณหมอและบอกว่าดีใจมาก หมอตอบกลับ หมอก็ดีใจ 5555++++
: 15.19น. มีสายเข้าจาก SIPH อีกครั้ง แต่เป็นเจ้าหน้าที่แจ้งสิทธิประกันของกรุงเทพสามารถใช้ได้ ทั้งนี้จะนับค่าเคลมตั้งแต่ตอนส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อสำหรับเคสการรักษานี้ #สรุปเราสามารถใช้ประกันกลุ่มได้ทั้ง 2 ตัว แต่ประกันจะไม่แจ้งว่าเคลมได้เท่าไหร่ แจ้งแค่ว่าตามสิทธิ์ที่เรามี
^^ ดีใจ จริงๆวันไปฟังผล Cell หมอก็แจ้งแล้วว่าไม่น่าเป็นมะเร็ง แต่ให้ยืนยันบอกว่าไม่เป็น 100% หมอยืนยันไม่ได้ 

***สำหรับการส่องกล้องตรวจชิ้นเนื้อ พอเป็น Type 52 และ พบ cell ผิดปกติ ASCUS (แม้ไม่ใช่มะเร็ง หรือรอยก่อโรคมะเร็ง) และเนื่องจากเราต้องตัดมดลูก หมอแจ้งว่จพเป็นต้องส่องกล้องเก็บชิ้นเนื้อตรวจ เพราะหมออยากได้ผลที่ชัดเจน เพื่อจะได้รักษา หรือทำตามขั้นตอนตามผลที่ได้จากการตรวจ

: ตอนเย็นเราคุยกับสามีว่าหรือจะย้ายไป รพ. เกษมราษฎร์บางแค ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมร่วมได้ แต่อาจต้องผ่าปีหน้า เพราะภายในปีนี้ไม่น่าทันละ
แต่สามีบอกเลือกที่นี้แหละ ส่วนต่างจ่ายเอาไม่เป็นรัย ไม่ต้องไปตรวจใหม่อีก รู้ว่าเบิกได้ 2 ประกันแต่กลัวไม่คลุมค่าใช้จ่าย #สามีบอกว่าตอนซื้อของเล่นไม่เห็นเธอจะคิดเยอะแบบนี้ แล้วนางก็ขำ - -

7. 26 ธ.ค. 67
: วันนี้ถึงกำหนด admit แล้วนะ จากสงสัยว่าทำไมไม่เจาะเลือด วัดคลื่นหัวใจ xray ปอด เหมือนตอนผ่าก้อนเนื้ออกที่เกษมราษฎร์ก่อนผ่า 1 วีค
ที่ Siph ทำตอนเรามาแจ้ง admit เค้าจะให้เราไป => xrayปอด => พาขึ้นห้องพัก => เจาะเลือดสำหรับตรวจและส่งเลือดเพื่อสำรองเลือด (คาเข็มไว้เลย) => ตรวจวัดคลื่นหัวใจ 
..เข้าห้องพักกรวดน้ำ แผ่เมตตาเรียบร้อย พรุ่งนี้คิวผ่า 6 โมงเช้า เจ้าหน้าที่จะมารับก่อน 1Hr นั้นคือตี 5 สรุปเราต้องตื่นอาบน้ำแต่ตัว ตี 4  
และประมาณ 2 ทุ่มวันนี้ก็มีข้าวต้มกุ้งสับมาเสริฟ
  
8. 27 ธ.ค. 67
: แทบจะไม่หลับ เที่ยงคืนพยาบาลเข้ามาเก็บขวดน้ำ นาฬิกาปลุกดัง ตี 4 ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนชุด #ใส่ผิดด้วย พยาบาลสั่งเปลี่ยน 5555 ก็บอกสามีแล้วใส่แบบผูกหลัง เพราะเคยผ่าก้อนเนื้อมา สามีก็เถียงอีก สัญลักษณ์โรงพยาบาลอยู่ข้างหน้า มันต้องอยู่หน้าซิ 555 เจอพยาบาลไปเป็นงัยละ
- 04.45 เจ้าหน้าที่เข็นเตียงมาพาไปห้องเตรียมผ่า
- 05.00 พยาบาลให้น้ำเกลือ
- 05.30 พยาบาลให้ยาฆ่าเชื้อทางน้ำเกลือ
ระหว่างนั้นก็ถามชื่อ ซักข้อมูลประวัติซ้ำ แพทย์วิสัญญี เข้ามาคุยด้วยบอกไม่ต้องกังวล นอนหลับแปปเดียว  
- 06.02 (นาฬิกาดิจิตอลทางเข้าห้องผ่า) เข็นรถไปห้องผ่าตัด แล้วมีเจ้าหน้าที่4-5 คนรุมรอบเตียง แจ้งว่าขอทำทุกอย่างพร้อมๆกันนะคะ เก็บมือ ติดที่วัดหัวใจ ครอบหน้ากากหายใจ วิสัญญีก้อฉีดยาเข้าทางจ้อต่อสายน้ำเกลือ ... (ตอนผ่าหน้าอก ที่เกษมราษฎร์โดนฉีดหลังมือเจ็ยบมากๆ)
: เจ้าหน้าที่ในห้องทำงานกันไม่พูดเล่นไม่หัวเราะเล่นกันเลย ต่างกับอีกที่เหลือเกิน ห้องผ่าดูสะอาดมาก ดูเป็นห้องผ่าจริงๆ 
: รู้สึกตัวพร้อมกับการปวดท้องมาก เรียกพยาบาลด้วยเสียงที่แทบจะไม่มี น้องพยาบาลเอามอร์ฟีนฉีดให้ 1 เข็ม แต่ไม่หายเจ็บ พยาบาลแจ้งว่าได้แค่เข็มเดียว เพราะฉีดไปแล้วคนไข้ความดันตก ถ้าฉีดเพิ่มเกรงจะหายใจไม่ออก   ฝึกความอดทนกันไป
: ย้ายกลัยมาตึก อ๋อเค้าใส่สายสวนฉี่ด้วย พยาบาลมาเอาออกไปเมื่อตอน6โมงเย็น พยาบาลบอก ต้องฉี่เองให้ได้ภายใน 3-6 hr นะ ให้ตวงฉี่ด้วย... นรกมากเลยตอนฉี่ครั้งแรก หลังฉี่ผ่านไป 4-5 ครั้งก็เริ่มดีขึ้น  #ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีซินะ
: เราเริ่มเดินฉี่เองตั้งแต่กลางคืนละ เดินไหวเดินแบบคู้ๆ 555 ส่วนคนเฝ้าไข้หลับค่ะ  พยาบาลเข้ามาแทบทุกชั่วโมงเพราะความดันเราต่ำเตี้ยไปหน่อย

** เรื่องฮาคือ สามีเล่าให้ฟังว่า ระหว่างรอมีโทีศัพท์มาเราตกใจมากเลย คิดว่าต้องวิ่งไปที่ห้องผ่าละรีบใส่รองเท้า สรุปหมอบอกการผ่าเรียบร้อยดีค่ะ รอผู้ป่วยพักฟื้นก่อนนะคะ 5555+++ เอ็นดูนาง นางบอกเราตกใจมากตอนบอกว่านี่หมอ...นะคะ

9.  28 ธ.ค. 67
: วันนี้เดินได้แล้ว (มีฉีดยาแก้ปวดตอนเช้าเข้าผ่านทางรูเข็มน้ำเกลือ  ดีดเลยพอหายปวดแผล 555) เพื่อนสาวมาหาและวิดีโอคอลคุยกับพี่สาวเราว่า  เมื่อวานสภาพเราไม่จืด วันนี้เราฟื้นตัวเร็วมาก 
: หมอขึ้นมาตรวจประมาณบ่าย 2 นิดๆ และแจ้งว่าสามารถนอนต่อได้อีก 1 คืนดูอาการ หรือจะกลับบ้านเลยก็ได้ เดินได้แล้วแต่อย่าเดินเยอะเดี๋ยวแผลจะปริ ห้ามยกของหนัก ห้ามขับรถ ห้ามนั่งนาน ยืนนาน เดินนาน ให้สังเกตุอาการตัวเองดีดี อาจมีเลือดออกเล็กน้อย 3-4 วันแรกหลังผ่า
: เมื่อหมออนุญาตให้ออก จะมีพยาบาลเดินมาแจ้งยาที่ต้องใช้ ระหว่างรอเรื่องการเงิน เจ้าหน้าที่จะสรุปยอดค่าใช้เสร็จโทรมาคือ อีก 15 นาที 4 โมงเย็น
ใช่แล้วจากตอนแรกเราตั้งใจใช้ประกันกลุ่มบริษัทสามีก่อน เลยต้องเปลี่ยนแผนเป็น Fax Claim ประกันกลุ่มบริษัทเราก่อน
:  เราเคลมประกันกลุ่มบริษัทเราก่อน ยอดเกินส่งเคลมกรุงเทพค่ะ ทั้งนี้ยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด 198,455 บาท เคลมได้หมดค่ะ
   -  ประเมินค่ารักษา 260,000-310,000 รักษาจริง 198,455 บาท
=> หมอใช้เวลาผ่าเร็วมาก โทรมาหาสามีบอกว่าการผ่าตัดเรียบร้อยตอน 08:02น. แป๋วเข้าห้องผ่า 06:02น. กว่าวิสัญญีแพทย์จะวางยาซึ่ง~5นาทีไม่เกินรุมกันอย่างเจ๋ง  รอฟื้นที่ห้องพักฟื้นแหละนาน 1.30hr

10.  29 ธ.ค. 67
: วันนี้ตื่น 08:40 ตื่นเพราะเจ็บแผล  ทำไมเจ็บหว่า หรือเมื่อวานเป็นเพราะพยาบาลฉีดยาแก้ปวดเข้าเส้นเลยไม่เจ็บ  เราไม่เดินขึ้นลงบันไดเลย 2 วัน โดยให้สามีเป็นเสริฟข้าวเสริฟน้ำ

...............................................................................
: เราท้องอืดมาก กินยาระบายน้ำที่โรงพยาบาลให้มา 3 วันติดไม่ออก วันที่ 4 ถ่ายออก 
: สำหรับความป่องของพุงเรานั้น ถึงกะใส่กางเกงไม่ได้ กลมดิ๊กเลย แต่ประมาณ 10 วันพุงเริ่มยุบละค่ะ ส่วนน้ำหนักวันผ่า 50 Kg. เด๊ะ วันนี้ที่พิมพ์กระทู้ 46.60 Kg . เมื่อเช้า สงสัยน้ำหนักมดลูกกับปีกมดลูกหายไป 5555
****อย่าลืมนะคะ ใครมีอาการอะไรแปลกๆ แนะนำรีบพบแพทย์ค่ะ ไม่ต้องรอกันเน้อ ******
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่