เมื่อจะเสนอกระทำสำคัญกับคำถาม ก็ด้วยกันนี้ จึงจะขอพูดให้รู้ก่อนพอเป็นทางว่าตนเองได้เอาต้นคิดมาจากที่ไหน ดังนี้
ณ ไพรสณฑ์ คนถามฤๅษี
มีบ้างหรือ ผู้สำเร็จ
ชั่วเดชนิบาต วงศ์ชั่วคราว
หรือทั่วเช้า-ค่ำ ธรรมสมบูรณ์มี ชั่วกาล
ในเขตแดนที่ชื่อ สุทธาวาสภูมินั้นๆ เห็นจะมีแต่ความเจริญ แต่ก็ควรนับว่าในเขตนั้นเองไม่มีพระอรหันต์ และพระอริยะประเภทอื่น มีแต่พระอนาคามิผู้จะบรรลุผล ไม่รู้เขตเทพพรหมบริสุทธิ์สิ้นเวรกามแดนนี้ จะเป็นอยู่อย่างไรและจะมีว่างเว้นจากการอุบัติไปจากโลกนี้ จะมีเคยว่างเว้นแล้วบ้างไหม ในสมัยใดสมัยหนึ่ง ข้อเมื่อที่เราจะถาม และเมื่อจะมีใครถามหาพระอรหันต์ ก็ได้คิดถึงข้อนี้ดังนี้ ว่าดินแดนแคว้นเขตหนึ่งด้วยภวอุปัติภพทั้งสิ้นทางใจจะไป มีที่จะวิเศษมากอยู่ และที่นั้นๆเอง เป็นที่ซึ่งต้องถือว่าไมมีพระอรหันต์ แต่ก็คงเป็นที่วิเศษตลอดกาลที่หนึ่ง เพราะเป็นที่ๆมีแต่ผู้สิ้นกรรมราคะ
พระโพธิสัตว์ไม่เกิดในที่ดังนี้ด้วยกัน ซึ่งก็คือแดนสุทธาวาส คิดว่าเป็นชั่วกาลหรือตลอดกาลด้วย เพราะแดนนั้นเป็นที่สำเร็จแห่งสาวกผู้เป็นอนาคามิ อย่างนี้จะอธิบายว่า เป็นเขตที่มีแต่ วิรัติขาดจากราคะกามเป็นอารมณ์ เป็นเสตุฆาตวิรัติ เพราะปลงลงแล้วด้วยนิพพานธรรม ดังนี้ แต่เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จะได้เข้าแดนอรหันต์เลยไปไม่อยู่ด้วยแม้สุทธาวาสเลยสักหน่อยเดียว จะมีจริงตามนั้นเช่นนั้นไหม ก็จงพิจารณาเอง เพราะเหตุนั้น
ต่อนี้จะได้พิจารณากล่าวถึงปุถุชนต่อไป ว่าจะไม่กระทำบาปในแดนเขตของตนเองนั้นจะทำเพียงไหน เรียกชื่อว่าอะไร?
1. ผู้ใดแม้มิได้รับสิกขาบทเลย แต่ระลึกถึงชาติโคตร ตระกูล และประเทศ เป็นต้น ของตนแล้วไม่กระทำบาป ชื่อว่าเป็น " สัมปัตตวิรัติ "
2. ผู้ใดสมาทานรับสิกขาบทแก่ตน แล้วไม่กระทำบาป กระทำการงดเว้นก็ดี ชื่อว่าเป็น " สมาทานวิรัติ "
เข้าใจว่าในปุถุชนนั้น ไม่อาจจะล่วงการกระทำบาปได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็น สัมปัตติวิรัติ หรือไม่ว่าจะเป็นสมาทานวิรัติ เว้นแต่จะได้มรรค-ผลในใจเป็นเด็ดขาดที่สุดแล้วเท่านั้น จึงจะชั่วกาลตลอดไป เรียกชื่อว่ามี เสตุฆาต ซึ่งท่านกล่าวแสดงไว้ว่า อาการพิชิตบาปกิเลสนั้นๆเป็นวิรัติเองอัตโนมัติ ไม่ต้องตั้งพร้อมสมาทาน แลไม่ต้องตั้งทางระวังเพื่อเข้าถึงสำนึกสำเหนียกในตัว
ผู้ใดแม้มิได้รับสิกขาบทเลย แต่ระลึกถึงชาติโคตร ตระกูล และประเทศ เป็นต้น ของตนแล้วไม่กระทำบาป
ณ ไพรสณฑ์ คนถามฤๅษี
มีบ้างหรือ ผู้สำเร็จ
ชั่วเดชนิบาต วงศ์ชั่วคราว
หรือทั่วเช้า-ค่ำ ธรรมสมบูรณ์มี ชั่วกาล
ในเขตแดนที่ชื่อ สุทธาวาสภูมินั้นๆ เห็นจะมีแต่ความเจริญ แต่ก็ควรนับว่าในเขตนั้นเองไม่มีพระอรหันต์ และพระอริยะประเภทอื่น มีแต่พระอนาคามิผู้จะบรรลุผล ไม่รู้เขตเทพพรหมบริสุทธิ์สิ้นเวรกามแดนนี้ จะเป็นอยู่อย่างไรและจะมีว่างเว้นจากการอุบัติไปจากโลกนี้ จะมีเคยว่างเว้นแล้วบ้างไหม ในสมัยใดสมัยหนึ่ง ข้อเมื่อที่เราจะถาม และเมื่อจะมีใครถามหาพระอรหันต์ ก็ได้คิดถึงข้อนี้ดังนี้ ว่าดินแดนแคว้นเขตหนึ่งด้วยภวอุปัติภพทั้งสิ้นทางใจจะไป มีที่จะวิเศษมากอยู่ และที่นั้นๆเอง เป็นที่ซึ่งต้องถือว่าไมมีพระอรหันต์ แต่ก็คงเป็นที่วิเศษตลอดกาลที่หนึ่ง เพราะเป็นที่ๆมีแต่ผู้สิ้นกรรมราคะ
พระโพธิสัตว์ไม่เกิดในที่ดังนี้ด้วยกัน ซึ่งก็คือแดนสุทธาวาส คิดว่าเป็นชั่วกาลหรือตลอดกาลด้วย เพราะแดนนั้นเป็นที่สำเร็จแห่งสาวกผู้เป็นอนาคามิ อย่างนี้จะอธิบายว่า เป็นเขตที่มีแต่ วิรัติขาดจากราคะกามเป็นอารมณ์ เป็นเสตุฆาตวิรัติ เพราะปลงลงแล้วด้วยนิพพานธรรม ดังนี้ แต่เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จะได้เข้าแดนอรหันต์เลยไปไม่อยู่ด้วยแม้สุทธาวาสเลยสักหน่อยเดียว จะมีจริงตามนั้นเช่นนั้นไหม ก็จงพิจารณาเอง เพราะเหตุนั้น
ต่อนี้จะได้พิจารณากล่าวถึงปุถุชนต่อไป ว่าจะไม่กระทำบาปในแดนเขตของตนเองนั้นจะทำเพียงไหน เรียกชื่อว่าอะไร?
1. ผู้ใดแม้มิได้รับสิกขาบทเลย แต่ระลึกถึงชาติโคตร ตระกูล และประเทศ เป็นต้น ของตนแล้วไม่กระทำบาป ชื่อว่าเป็น " สัมปัตตวิรัติ "
2. ผู้ใดสมาทานรับสิกขาบทแก่ตน แล้วไม่กระทำบาป กระทำการงดเว้นก็ดี ชื่อว่าเป็น " สมาทานวิรัติ "
เข้าใจว่าในปุถุชนนั้น ไม่อาจจะล่วงการกระทำบาปได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็น สัมปัตติวิรัติ หรือไม่ว่าจะเป็นสมาทานวิรัติ เว้นแต่จะได้มรรค-ผลในใจเป็นเด็ดขาดที่สุดแล้วเท่านั้น จึงจะชั่วกาลตลอดไป เรียกชื่อว่ามี เสตุฆาต ซึ่งท่านกล่าวแสดงไว้ว่า อาการพิชิตบาปกิเลสนั้นๆเป็นวิรัติเองอัตโนมัติ ไม่ต้องตั้งพร้อมสมาทาน แลไม่ต้องตั้งทางระวังเพื่อเข้าถึงสำนึกสำเหนียกในตัว