คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
@ หากเป็นเรื่องทุจริตเชิงนโยบายควรเป็นเรื่องพิสูจน์ว่าตั้งนโยบายมาเพื่อการทุจริต
แต่หากเป็นการบริหารนโยบายเพื่อประชาชนตามที่ได้หาเสียงไว้ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง
การขาดทุนในการบริหารนโยบาย ส่วนที่ต้องชักเนื้อ คือส่วนที่เข้ากระเป๋าชาวนา มิได้เข้ากระเป๋าตนเอง
รัฐบาลก่อนหน้าก็บริหารด้วยวิธีชักเนื้อตนเองเช่นกัน โดยเพิ่มเข้าไปในการประกันราคาข้าวเพื่อชาวนา แต่ ....
ส่วนชักเนื้อมิได้เข้ากระเป๋าชาวนา กลับไปเข้ากระเป๋าพ่อค้าคนกลางแทน .. อันไหนได้ประโยชน์กว่า
หัวหน้ารัฐบาลมิได้ทุจริต ต้องตั้งข้อกล่าวหาว่าปล่อยปละให้มีการทุจริต จึงเรียกร้องค่าเสียหายคืน ใช่มั๊ย ?
ไล่เรียงวิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนมาเลยว่า จุดไหนที่ปล่อยปละ จุดไหนที่ผู้ปฏิบัติมีเจตนาทุจริตในส่วนของตน
การมีคำสั่งกำชับกำชา นั่นคือการไม่ปล่อยปละ .. แต่ถ้ายังมีช่องโหว่ ผู้รับสนองคำสั่งไปปฏิบัติต้องรับผิดชอบ
มันต้องลงลึกในรายละเอียดวิธีปฏิบัติ ขั้นตอนไหน อย่างไรบ้าง
@ หากคุณบอกว่าไม่รู้ละ ต้องชดใช้มา ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าอีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์จะเรียกจากใคร
มันจะไม่ดูตลกไปหน่อยหรือ .. และที่สำคัญคดีเดียวกันนี้ ยังไม่ได้มีการพิจารณาตัดสินทางศาลยุติธรรมเลย
จะไม่ก้าวล่วงไปอีกส่วนหนึ่งหรือ
@ นี่ถ้าเล่นงานได้ถึงขนาดย้อนถอยไป เอาเรื่องประชาชนผู้เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ โดย
อ้างว่าเป็นผู้ต้องรับผิดชอบที่เลือกพรรคนี้แล้วทำให้ประเทศขาดทุนได้ คงทำกันไปแล้วละมั๊ง
@ เป็นยุคเลวร้าย เสื่อมถอย ไร้หลักการ ไร้มาตรฐาน ของประเทศชาติหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่หากเป็นการบริหารนโยบายเพื่อประชาชนตามที่ได้หาเสียงไว้ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง
การขาดทุนในการบริหารนโยบาย ส่วนที่ต้องชักเนื้อ คือส่วนที่เข้ากระเป๋าชาวนา มิได้เข้ากระเป๋าตนเอง
รัฐบาลก่อนหน้าก็บริหารด้วยวิธีชักเนื้อตนเองเช่นกัน โดยเพิ่มเข้าไปในการประกันราคาข้าวเพื่อชาวนา แต่ ....
ส่วนชักเนื้อมิได้เข้ากระเป๋าชาวนา กลับไปเข้ากระเป๋าพ่อค้าคนกลางแทน .. อันไหนได้ประโยชน์กว่า
หัวหน้ารัฐบาลมิได้ทุจริต ต้องตั้งข้อกล่าวหาว่าปล่อยปละให้มีการทุจริต จึงเรียกร้องค่าเสียหายคืน ใช่มั๊ย ?
ไล่เรียงวิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนมาเลยว่า จุดไหนที่ปล่อยปละ จุดไหนที่ผู้ปฏิบัติมีเจตนาทุจริตในส่วนของตน
การมีคำสั่งกำชับกำชา นั่นคือการไม่ปล่อยปละ .. แต่ถ้ายังมีช่องโหว่ ผู้รับสนองคำสั่งไปปฏิบัติต้องรับผิดชอบ
มันต้องลงลึกในรายละเอียดวิธีปฏิบัติ ขั้นตอนไหน อย่างไรบ้าง
@ หากคุณบอกว่าไม่รู้ละ ต้องชดใช้มา ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าอีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์จะเรียกจากใคร
มันจะไม่ดูตลกไปหน่อยหรือ .. และที่สำคัญคดีเดียวกันนี้ ยังไม่ได้มีการพิจารณาตัดสินทางศาลยุติธรรมเลย
จะไม่ก้าวล่วงไปอีกส่วนหนึ่งหรือ
@ นี่ถ้าเล่นงานได้ถึงขนาดย้อนถอยไป เอาเรื่องประชาชนผู้เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ โดย
อ้างว่าเป็นผู้ต้องรับผิดชอบที่เลือกพรรคนี้แล้วทำให้ประเทศขาดทุนได้ คงทำกันไปแล้วละมั๊ง
@ เป็นยุคเลวร้าย เสื่อมถอย ไร้หลักการ ไร้มาตรฐาน ของประเทศชาติหรือเปล่าก็ไม่รู้
สุดยอดความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
...คุณวิษณุครับ หากเอาผิดยิ่งลักษณ์ กรณีจำนำข้าว เพราะปล่อยปละละเลย เลินเล่อ ทำให้รัฐเสียหายละก็ ต้องไม่ลืมคนๆนี้ด้วย??
หากนายกรัฐมนตรี ผู้คุมนโยบายเกิด "มีความผิด"ขึ้นมาด้วยข้อกล่าวหา “ทำให้รัฐเสียหาย”แล้ว ไฉนเล่า ?? คุณวิษณุที่รักของผม จึงหยิบยื่นความผิดเยี่ยงนี้ ให้กับฝั่งของพรรคเพื่อไทยแต่ข้างเดียวเท่านั้น พรรคอื่นๆ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นที่รักของคุณวิษณุ ไยถึงปล่อยลอยนวลไปเสียเล่า..ผมไม่เข้วเจ็ย??
2537 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ได้นำที่ดิน สปก.4-01ไปแจกบรรดาเศรษฐีตระกูลใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 11 ตระกูล ที่สำคัญมีตระกูลเทพบุตร ซึ่งเป็นสามีของคนในพรรคประชาธิปัตย์เกือบร้อยไร่ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ต่อมาศาลฏีกาได้พิพากษา ขับไล่นายทศพรและ บริวารออกจากที่ดิน สปก.4-01 ..รัฐเสียหายมั๊ยครับ
นายชวน หลีกภัย ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น ควรต้องเข้าข่ายความผิดด้วย แม้ยังไม่มี พรบ.ว่าด้วยความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 แต่ก็ต้องมีความผิดเพราะปล่อยปละละเลย หรือประมาทเลินเล่อทำให้รัฐเสียหาย ก็เข้าข่ายมาตรา 157 อยู่ดี..ทำไมไม่เอาผิดนายชวนครับ ??
2541 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีในพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขายทรัพย์สินที่ยึดมาได้จาก 56 สถาบันการเงิน มูลค่า 851,000 ล้านบาท ให้บริษัทต่างชาติที่เขาลือว่าใกล้ชิดกับคนในประชาธิปัตย์ ในราคาเพียงแค่ 190,000 ล้านบาทเท่านั้น..รัฐเสียหายมั๊ยครับ ??
นายชวน หลีกภัย ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ฐานประมาทเลินเล่อ ทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาล มากกว่าจำนำข้าวของยิ่งหลายเท่าตัว และศาลก็ตัดสินจำคุกนายอมเรศ ศิลาอ่อนไปแล้ว เมื่อเร็วๆนี้..ทำไมไม่เอาผิดนายชวนครับ ??
2541 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ได้บอกยกเลิกสัญญารถไฟฟ้าโฮปเวลล์ฯ ต่อมา ได้ถูกโฮปเวลล์ฟ้องเรียกค่าเสียหายข้อหายกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดให้รัฐจ่ายเงินให้โฮปเวลล์ จำนวน 11,888.75 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5%..รัฐเสียหายมั๊ยครับ ??
นายชวน หลีกภัย ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ฐานประมาทเลินเล่อ ยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรมทำให้รัฐเสียหายมหาศาล พร้อมทั้งเสียโอกาสและเวลา.. ..ทำไมไม่เอาผิดนายชวนครับ ??
2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ใช้ พ.ร.บ. เงินกู้ 800,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนประชานิยมในนาม “โครงการไทยเข้มแข็ง” ปรากฏว่า มีการทุจริตโกงกินกันอย่างมากมาย จนต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริต มี น.พ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน และมี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นรองประธาน ผลสอบชี้ออกมาว่า มีข้อมูลในการทุจริตกันอย่างกว้างขวาง ทำกันเป็นขบวนการ ไล่ดะลงมาตั้งแต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, เลขานุการ รมต. , ปลัดกระทรวง และข้าราชการประจำ ทั้งที่ยังปฏิบัติหน้าที่และเกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยมีการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ไปดำเนินการ..ทราบใช่มั๊ยครับ ??
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ฐานปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาล เสียหายมากเสียยิ่งกว่าจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์..ทำไมไม่เอาผิดนายอภิสิทธิ์ครับ ??
4 กรณี ที่ยกตัวอย่างมานี้ ถ้าถือว่านายกรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลนโยบาย ต้องมีความผิดไปด้วยแล้ว นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ต้องมีความผิดไปด้วย ฉะนั้น ต้องทำการยึดทรัพย์คืนให้รัฐ เหมือนที่กำลังกระทำอยู่ทำกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้น จะถือว่าคุณวิษณุมีความผิดเข้าข่ายมาตรา 157..ใช่มั๊ยครับ ??
ถ้าจะทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เหมือนที่ใครบางคนในวันนี้พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง คุณต้องทำให้เสมอภาค เท่าเทียมกันทุกฝ่ายครับ ถึงจะยอมรับได้ ไม่ใช่อีกคนทำเพราะไม่ชอบ แต่อีกคนเว้นเพราะพวกเดียวกัน แบบนี้เขาไม่เรียก “กฎหมาย”หรอกครับ แต่จะเรียกอะไร..คุณคงรู้ดี !!!