อานาปานสติกรรมฐานนี้เป็นของหนัก (ครุกํ ครุภาวนํ – ม.อุ. ๑๔/๑๙๖) การเจริญก็หนัก เป็นภูมิมนสิการแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจจกพุทธ พุทธบุตร และผู้เป็นมหาบุรุษเท่านั้น มิใช่กรรมฐานเล็กน้อย และมิใช่สัตว์เล็กน้อย (ผู้มีปัญญาน้อย) จะซ่องเสพได้ คือว่าย่อมมนสิการไปโดยประการใด ๆ
ถ้าเป็นไปตามนี้จริง อานาปานสติกรรมฐานก็ไม่มีประโยชน์กับใคร? และถ้าพิจารณาจากข้อความต่อไปนี้
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลายเหล่าใด ยังเป็นเสขะคือผู้กำลังศึกษา มีวัตถุประสงค์แห่งใจอันยังไม่บรรลุแล้ว ปรารถนาอยู่ซึ่งโยคักเขมะธรรมอันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า อยู่, อานาปานสติสมาธิ อันภิกษุเหล่านั้นเจริญทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนภิกษุทั้งหลายเหล่าใด เป็นอรหันขีณาสพ มีพรหมจรรย์อันอยู่จบแล้ว มีกิจที่ควรทำอันกระทำแล้ว มีภาระหนักปลงลงแล้ว มีประโยชน์ตนอันตามบรรลุแล้ว มีสัญโญชน์ในภพอันสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้ด้วยปัญญาโดยชอบ. อานาปานสติสมาธิ อันภิกษุเหล่านั้นเจริญทำให้มากแล้วก็ยังเป็นไปเพื่อการอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม คืออยู่เป็นสุขในธรรมอันเป็นปัจจุบันด้วย เพื่อสติสัมปชัญญะอยู่ด้วย. อ้างอิง ไตร. มหาวาร. สํ. ๑๙ / ๔๑๒ / ๑๓๖๔ พุทธ. ๓๕๙.
จะเห็นว่าพระพุทธองค์ประทานอานาปานสติกรรมฐานให้แก่ทุกคนใช่ใหมครับ?
อานาปานสติกรรมฐานนี้เป็นของหนัก การเจริญก็หนัก เป็นภูมิมนสิการแห่งพระพุทธเจ้า ฯลฯเท่านั้น จริงหรือไม่ครับ?
ถ้าเป็นไปตามนี้จริง อานาปานสติกรรมฐานก็ไม่มีประโยชน์กับใคร? และถ้าพิจารณาจากข้อความต่อไปนี้
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลายเหล่าใด ยังเป็นเสขะคือผู้กำลังศึกษา มีวัตถุประสงค์แห่งใจอันยังไม่บรรลุแล้ว ปรารถนาอยู่ซึ่งโยคักเขมะธรรมอันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า อยู่, อานาปานสติสมาธิ อันภิกษุเหล่านั้นเจริญทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนภิกษุทั้งหลายเหล่าใด เป็นอรหันขีณาสพ มีพรหมจรรย์อันอยู่จบแล้ว มีกิจที่ควรทำอันกระทำแล้ว มีภาระหนักปลงลงแล้ว มีประโยชน์ตนอันตามบรรลุแล้ว มีสัญโญชน์ในภพอันสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้ด้วยปัญญาโดยชอบ. อานาปานสติสมาธิ อันภิกษุเหล่านั้นเจริญทำให้มากแล้วก็ยังเป็นไปเพื่อการอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม คืออยู่เป็นสุขในธรรมอันเป็นปัจจุบันด้วย เพื่อสติสัมปชัญญะอยู่ด้วย. อ้างอิง ไตร. มหาวาร. สํ. ๑๙ / ๔๑๒ / ๑๓๖๔ พุทธ. ๓๕๙.
จะเห็นว่าพระพุทธองค์ประทานอานาปานสติกรรมฐานให้แก่ทุกคนใช่ใหมครับ?