สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะชวนเพื่อนๆมาลองชิม
"ผัดกะเพราเนื้อกับหน่อไม้ไผ่บงหวาน" ซึ่งเราเองก็เพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรก แต่ติดใจกลิ่นและรสชาติมากจริงๆค่ะ
ต้นตอของเมนูนี้เกิดมาจากว่าแถวๆบ้านเราจะมีตลาดนัดที่มีของแปลกๆมาขาย พี่ที่ออฟฟิศเราซึ่งเป็นคนสกลนครเลยชอบฝากให้เราดูหน่อไม้เล็กๆไปฝากบ่อยๆ ซึ่งคราวนี้เราก็เลยได้เจอเจ้าหน่อไม้ไผ่บงหวานนี้แหละค่ะ (ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้จักหรอกค่ะว่ามันเรียกว่าอะไร เห็นเป็นหน่อไม้ต้นลายๆแปลกๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน แม่ค้าบอกว่าเป็นหน่อไม้หวานกินสดได้เลย ก็งงค่ะว่าจริงเหรอ? แต่ก็ซื้อมาค่ะ กิโลละ 20 บาท ซื้อมา 2 กิโล)
กลับมาถึงบ้านแม่ก็เลยบอกให้ต้มไว้ก่อน กลัวทิ้งไว้แล้วมันจะแข็ง เราก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเอาไปทำอะไร ก็เลยต้มไปทั้งเปลือกเลยค่ะ ต้มกับน้ำเปล่าๆไม่ใส่เกลือ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่อะไรเลยจริงๆค่ะ
ต้มแล้วออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
สีจะซีดๆกว่าตอนที่ซื้อมาหน่อยค่ะ ตอนต้มได้กลิ่นหอมๆ แม่บอกว่ากลิ่นเหมือนข้าวโพดต้มเลย เราก็เลยเอ๊ะใจเลยลองหาข้อมูลในอินเตอร์เนตดูค่ะ ก็เลยได้ความตามนี้เลย ►►
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้“ไผ่บงหวาน” ลักษณะพันธุ์คือ เป็นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นโตเต็มที่สูงประมาณ 7-12 เมตรเนื้อไม้ตันไม่มีรูใหญ่ หน่อเมื่อเก็บจากต้นที่โตเต็มที่จะมีขนาด 2-3 หน่อต่อกิโลกรัม ไผ่บงหวานที่ปลูกมีลักษณะเด่นอยู่ที่หน่อไผ่มีรสชาติไม่ขมมีลักษณะหวานกรอบ ไม่มีเส้นใย เนื้อของหน่อละเอียดมีกลิ่นหอมเมื่อปรุงสุก กลิ่นคล้ายๆข้าวโพดหวาน หน่อ สามารถกัดชิมดิบๆแล้วไม่ขมติดลิ้นเหมือนไผ่พันธุ์อื่นๆ ทำให้นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูโดยหั่นสดๆแล้วทำอาหารได้เลยไม่ต้องต้มน้ำทิ้งก่อน อาทิ ลวกหรือย่างจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันหอย หน่อบงหวานผัดกุ้ง ชุบแป้งทอด ร่วมกับผักสลัด ทำแกงเขียวหวาน ต้มจืดกระดูกหมู หรือจะแกงเหมือนหน่อไผ่พันธุ์อื่นๆ แต่มีเทคนิคอยู่ที่ ต้องเตรียมตั้งเครื่องปรุงให้น้ำเดือดไปก่อน แล้วค่อยใส่หน่อไผ่บงหวานทีหลัง ทิ้งให้น้ำเดือดต่อไม่เกิน 5 -7 นาที ก็นำไปรับประทานได้เลยไม่ต้องต้มน้ำทิ้ง หรือต้มนานๆเหมือนหน่อไผ่พันธุ์อื่นๆ จากข้อมูลที่ลูกค้านำไปรับประทาน ปรากฏว่าคนที่เป็นโรคปวดข้อทานหน่อไผ่อื่นๆที่ขมไม่ได้ พอรับประทานหน่อไผ่บงหวานแล้วไม่ปวดข้อ ซึ่งนับว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ไผ่บงหวานขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและขุดแยกเหง้า โดยทั่วไปแล้วไผ่บงหวานชอบดินร่วนปนทราย แต่ถ้าหากไม่ใช่ดินร่วนปนทราย ก็สามารถปลูกได้โดยการปรับปรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ
ลักษณะเด่นของไผ่บงหวาน
หน่อที่เกิดจากต้นที่โตเต็มที่แล้วมีน้ำหนัก 500 กรัมขึ้นไป หน่อมีลักษณะอวบอ้วน เปลือกของหน่อมีลายเขียวสลับเขียวอ่อนและชมพู ออกหน่อดกและออกได้เรื่อยๆตลอดทั้งปีถ้ามีระบบการจัดการน้ำที่ดี ลำต้นโตเต็มที่สูงประมาณ 7-12 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นประมาณ 2-3 นิ้วมีรสชาติที่ดี หวานนิดๆ หอม กรอบ คล้ายๆยอดมะพร้าว หรือจะเรียกว่าหน่อยอดมะพร้าวก็ได้ เพราะรสชาติไม่เหมือนหน่อไม้เลย จากการตรวจทางห้องปฏิบัติกลางประเทศไทยผลการตรวจไม่พบสารไซยาไนด์ และจากการที่ผู้เขียนทดลองต้มหน่อดูพบว่าน้ำที่ต้มเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสีเหลือง มีหน่อไม้ออกวางขายในท้องตลาดน้อย ทำให้ได้ราคาที่สูงกว่าหน่อไม้อื่นๆ โดยที่เกษตรกรที่ปลูกสามารถตั้งราคาเองได้
ขอบคุณข้อมูลจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thidagarden.com/1479970/%E0%B9%84%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99
เราก็เลยลองชิมดูค่ะ อื้อหืออ ติดใจเลยค่ะ กลิ่นหอมเหมือนข้าวโพดต้ม รสชาตหวานนิดๆ เนื้อแน่น ไม่มีรสขื่น ไม่มีเสี้ยน จิ้มน้ำพริกกะปิอร่อยล้ำไปเลยค่ะ เสียอย่างเดียวเปลือกหนาไปหน่อยค่ะ แกะออกมาเหลือน้อยมากเลย
จากที่เห็นในรูปข้างบน แกะออกมาเหลือเท่านี้ค่ะ
จิ๊ดจิ๋วมากเลย
สรุป เราก็ต้มไปให้พี่เขา 1 กิโลค่ะ ที่เหลือเก็บไว้กินเอง
(จิ้มน้ำพริกไปเกือบหมด เหลือแค่ 4 หน่อตามในรูปนี้แหละค่ะ เลยเอามาผัดกะเพราเป็นมื้อเย็นซะเลย)
ว่าแล้วก็ไปเด็ดกะเพรากันเลยค่ะ ช่วงนี้ฝนตกชุก งามมากกกก
เลือกเก็บแบบที่เริ่มออกดอกก่อนเลยค่ะ ตัดให้แตกใหม่จะได้ไม่โทรม
ได้กะเพรามาแล้วก็มาเตรียมตัวลงมือทำกันค่ะ
วัตถุดิบและเครื่องปรุง
"ผัดกะเพราเนื้อกับหน่อไม้ไผ่บงหวาน"
1) เนื้อวัวสันนอก
2) หน้อไม้ไผ่บงหวาน
3) กะเพรา
4) พริกขี้หนูแดง
5) กระเทียม
6) พริกไทดำ
7) ซอสหอยนางรม
8) ซอสถั่วเหลือง
9) น้ำตาลทราย
10) น้ำมันพืช
ก่อนอื่นก็ตำพริกผัดกะเพรากันก่อนค่ะ ตำแบบไม่ต้องละเอียดมากก็ได้นะคะ
เสร็จแล้วก็พักไว้ก่อนแล้วตั้งกะทะใช้ไฟกลาง เทน้ำมันพืชลงไป รอให้กะทะร้อน จากนั้นก็ใส่เครื่องพริกกะเพราลงไปค่ะ
ผัดให้พอมีกลิ่นหอมแล้วใส่เนื้อวัวลงไปค่ะ
เติมซอสถั่วเหลืองลงไปเล็กน้อย เพื่อปรุงรสให้เนื้อวัวและให้มีกลิ่นหอม จากนั้นก็ใส่หน่อไม้ที่เราหั่นไว้ลงไป
เติมน้ำสะอาดลงไป 1/2 ถ้วยตวง
ปล่อยให้เดือดซักพักก็ เติมเครื่องปรุงรสทั้งหมดลงไป
ถ้าอยากให้มีสีสันน่าทาน ก็เติมซีอิ้วหวานลงไปซักเล็กน้อยค่ะ
คนให้เข้ากัน
ปล่อยให้เดือดซักพัก ลองชิมรสดูค่ะ ถ้ายังขาดอะไรก็เติมลงไป (ไม่ควรใส่หวานมากไปนะคะมันจะทำให้เสียรสชาติของผัดกะเพราไปเลยค่ะ) ถ้าได้รสชาติที่ถูกใจแล้วก็ใส่ใบกะเพราเลยค่ะ
ผัดเร็วๆให้เข้ากันแล้วปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
เท่านี้เราก็จะได้
"ผัดกะเพราเนื้อกับหน่อไม้ไผ่บงหวาน" แล้วล่ะค่ะ ตักใส่จาน ซูมดูใกล้ๆ
น่าทานมั๊ยคะ?
วันนี้เราทานคู่กับไข่ต้ม จริงๆตั้งใจจะต้มไข่ยางมะตูมค่ะ เดินไปเดินมาเพลินไปหน่อย ไข่สุกเลยซะงั้น
ซูมดูใกล้ๆกันอีกซักรอบ มาค่ะ มาทานด้วยกัน
วันนี้ขอจบกระทู้แค่นี้แล้วกันนะคะ แล้วเจอกันกระทู้หน้าค่ะ
ชา
FB:
www.facebook.com/xavitubbies
FBPAGE:
www.facebook.com/eatoutandhomemade - เพจเล็กๆสำหรับการรีวิวร้านอาหาร และ เก็บสูตรอาหาร ของเรากับเพื่อนค่ะ เข้าไปกดไลค์กันได้นะคะ
ลิ้งค์กระทู้ก่อนหน้าอยู่ช่องความคิดเห็นถัดไปค่ะ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
▼▼▼▼▼▼
✿..:* ชวนชิม"ผัดกะเพราเนื้อกับหน่อไม้ไผ่บงหวาน"(หน่อไม้กลิ่นหอมรสหวานปลอดสารไซยาไนด์) ผัดสดได้ไม่ต้องต้มไม่ต้องดอง *:..✿
ต้นตอของเมนูนี้เกิดมาจากว่าแถวๆบ้านเราจะมีตลาดนัดที่มีของแปลกๆมาขาย พี่ที่ออฟฟิศเราซึ่งเป็นคนสกลนครเลยชอบฝากให้เราดูหน่อไม้เล็กๆไปฝากบ่อยๆ ซึ่งคราวนี้เราก็เลยได้เจอเจ้าหน่อไม้ไผ่บงหวานนี้แหละค่ะ (ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้จักหรอกค่ะว่ามันเรียกว่าอะไร เห็นเป็นหน่อไม้ต้นลายๆแปลกๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน แม่ค้าบอกว่าเป็นหน่อไม้หวานกินสดได้เลย ก็งงค่ะว่าจริงเหรอ? แต่ก็ซื้อมาค่ะ กิโลละ 20 บาท ซื้อมา 2 กิโล)
กลับมาถึงบ้านแม่ก็เลยบอกให้ต้มไว้ก่อน กลัวทิ้งไว้แล้วมันจะแข็ง เราก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเอาไปทำอะไร ก็เลยต้มไปทั้งเปลือกเลยค่ะ ต้มกับน้ำเปล่าๆไม่ใส่เกลือ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่อะไรเลยจริงๆค่ะ
ต้มแล้วออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
สีจะซีดๆกว่าตอนที่ซื้อมาหน่อยค่ะ ตอนต้มได้กลิ่นหอมๆ แม่บอกว่ากลิ่นเหมือนข้าวโพดต้มเลย เราก็เลยเอ๊ะใจเลยลองหาข้อมูลในอินเตอร์เนตดูค่ะ ก็เลยได้ความตามนี้เลย ►► [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณข้อมูลจาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราก็เลยลองชิมดูค่ะ อื้อหืออ ติดใจเลยค่ะ กลิ่นหอมเหมือนข้าวโพดต้ม รสชาตหวานนิดๆ เนื้อแน่น ไม่มีรสขื่น ไม่มีเสี้ยน จิ้มน้ำพริกกะปิอร่อยล้ำไปเลยค่ะ เสียอย่างเดียวเปลือกหนาไปหน่อยค่ะ แกะออกมาเหลือน้อยมากเลย
จากที่เห็นในรูปข้างบน แกะออกมาเหลือเท่านี้ค่ะ
จิ๊ดจิ๋วมากเลย
สรุป เราก็ต้มไปให้พี่เขา 1 กิโลค่ะ ที่เหลือเก็บไว้กินเอง (จิ้มน้ำพริกไปเกือบหมด เหลือแค่ 4 หน่อตามในรูปนี้แหละค่ะ เลยเอามาผัดกะเพราเป็นมื้อเย็นซะเลย)
ว่าแล้วก็ไปเด็ดกะเพรากันเลยค่ะ ช่วงนี้ฝนตกชุก งามมากกกก
เลือกเก็บแบบที่เริ่มออกดอกก่อนเลยค่ะ ตัดให้แตกใหม่จะได้ไม่โทรม
ได้กะเพรามาแล้วก็มาเตรียมตัวลงมือทำกันค่ะ
วัตถุดิบและเครื่องปรุง "ผัดกะเพราเนื้อกับหน่อไม้ไผ่บงหวาน"
1) เนื้อวัวสันนอก
2) หน้อไม้ไผ่บงหวาน
3) กะเพรา
4) พริกขี้หนูแดง
5) กระเทียม
6) พริกไทดำ
7) ซอสหอยนางรม
8) ซอสถั่วเหลือง
9) น้ำตาลทราย
10) น้ำมันพืช
ก่อนอื่นก็ตำพริกผัดกะเพรากันก่อนค่ะ ตำแบบไม่ต้องละเอียดมากก็ได้นะคะ
เสร็จแล้วก็พักไว้ก่อนแล้วตั้งกะทะใช้ไฟกลาง เทน้ำมันพืชลงไป รอให้กะทะร้อน จากนั้นก็ใส่เครื่องพริกกะเพราลงไปค่ะ
ผัดให้พอมีกลิ่นหอมแล้วใส่เนื้อวัวลงไปค่ะ
เติมซอสถั่วเหลืองลงไปเล็กน้อย เพื่อปรุงรสให้เนื้อวัวและให้มีกลิ่นหอม จากนั้นก็ใส่หน่อไม้ที่เราหั่นไว้ลงไป
เติมน้ำสะอาดลงไป 1/2 ถ้วยตวง
ปล่อยให้เดือดซักพักก็ เติมเครื่องปรุงรสทั้งหมดลงไป
ถ้าอยากให้มีสีสันน่าทาน ก็เติมซีอิ้วหวานลงไปซักเล็กน้อยค่ะ
คนให้เข้ากัน
ปล่อยให้เดือดซักพัก ลองชิมรสดูค่ะ ถ้ายังขาดอะไรก็เติมลงไป (ไม่ควรใส่หวานมากไปนะคะมันจะทำให้เสียรสชาติของผัดกะเพราไปเลยค่ะ) ถ้าได้รสชาติที่ถูกใจแล้วก็ใส่ใบกะเพราเลยค่ะ
ผัดเร็วๆให้เข้ากันแล้วปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
เท่านี้เราก็จะได้ "ผัดกะเพราเนื้อกับหน่อไม้ไผ่บงหวาน" แล้วล่ะค่ะ ตักใส่จาน ซูมดูใกล้ๆ
น่าทานมั๊ยคะ?
วันนี้เราทานคู่กับไข่ต้ม จริงๆตั้งใจจะต้มไข่ยางมะตูมค่ะ เดินไปเดินมาเพลินไปหน่อย ไข่สุกเลยซะงั้น
ซูมดูใกล้ๆกันอีกซักรอบ มาค่ะ มาทานด้วยกัน
วันนี้ขอจบกระทู้แค่นี้แล้วกันนะคะ แล้วเจอกันกระทู้หน้าค่ะ
ชา
FB:www.facebook.com/xavitubbies
FBPAGE:www.facebook.com/eatoutandhomemade - เพจเล็กๆสำหรับการรีวิวร้านอาหาร และ เก็บสูตรอาหาร ของเรากับเพื่อนค่ะ เข้าไปกดไลค์กันได้นะคะ
ลิ้งค์กระทู้ก่อนหน้าอยู่ช่องความคิดเห็นถัดไปค่ะ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
▼▼▼▼▼▼