** ปล.อ่านประโยคนี้ก่อนอ่านนะครับ **
บทความนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกท่าน ทางที่ดีการพบจิตย์แพทย์ให้คุณหมอวินิจฉัยและรักษาซึ่งมันจะได้ผลเร็วและมีประสิทธิภาพถูกจุดมากกว่าครับ ตัวผู้เขียนอยากให้บทความนี้อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ทุกคนได้พบความสงบและเอาชนะโรคภัยต่างๆเหล่านี้ไปได้
ตัวกระผมตอนนี้มีอายุครับ 27 ปีบริบูรณ์มาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งผมเริ่มเป็นย้ำคิดย้ำทำและโรคขี้กลัวจริงๆน่าจะช่วงประมาณอายุ 17 ปีหรือเมื่อ 10 ปีก่อนตอนมัธยม 5 ซึ่งจะเป็นหนักๆก็ประมาณอายุ 18 เป็นต้นมาจนถึงอายุ 22-23 ซึ่งระหว่างที่เป็นหนักๆไม่เคยมีความสุขเลยเพราะผมมัวแต่อยู่ในความคิดในหัวแก้อะไรต่อมิอะไรในหัวไปเรื่อยโดย
จะปวดหัวตรงสมองส่วนหลังมาก ซึ่งในขณะที่ผมกำลังพิมพ์บทความนี้อยู่ได้มองกลับไปพบว่าตอนนั้นพบว่าเราใช้สัมผัสทั้ง 5 หู ตา จมูก ปาก ในโหมดอัติโนมัติโดยสติหรือการระลึกรู้
"ปัจจุบันขณะ"นั้นมีน้อยมากเหมือนกับสมาธิสั้นด้วยอะครับ แต่ก็เรียนได้จนจบปริญญาและทำงานได้นะครับแต่จะเครียดตลอดเวลา ไม่ค่อยมีความสุข โกรธง่าย คิดมากย้ำคิดย้ำทำ แต่ก็ไม่ได้ไปหาจิตแพย์จริงๆจังเลย หลักๆคืออายก็หาอ่านจาก Google เป็นหลัก
เปรียบเทียบเหมือนผมมองสิ่งหนึ่งแต่ผมมองไม่เห็นสิ่งนั้นจริงๆไม่รับรู้ รู้สึกถึงสิ่งนั้นเพราะมัวแต่ไปอยู่ในความคิดของตัวเอง ไปปรุงแต่งสิ่งที่เข้ามากระทบโดยไปแบกมันไว้ด้วยการคิดวนไปวนมาอยู่ในหัว
บางทีก็แก้มันอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมงคิดแก้ไปแก้มาเรื่องนี้จบไปเรื่องใหม่มา โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่าขณะนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่จริงๆซึ่งมันทรมานมากทำให้เราไม่สามารถหยุดคิดสิ่งต่างๆที่มันวนลูปไปเรื่อยๆโดยความย้ำคิดของผมส่วนมากจะมาจากการ
"กลัวโชคร้าย" "ความกลัวซะเป็นส่วนใหญ่" โดยท่านอื่นอาจจะคิดสิ่งอื่นๆแตกต่างกันไปบางทีเป็นมากจนไม่อาจให้มันอยู่ในหัวต้องรีบ
ทำอะไรไวๆ และทำซ้ำๆเพราะกลัวสิ่งที่คิดจะเป็นจริงหรือตัวเองจะโชคร้าย ทำให้หาทางไม่คิดมากด้วยการดิ่มแอลกอฮอล์ง่ายๆคือไปเมาบ่อย -*- เพราะเวลาเมาหลับมันจะไม่ค่อยคิดไม่ค่อยฝันซึ่งนั้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุโดยตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ตัว
มีวันนึงซึ่งก็จะไม่ได้แล้วจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผมคือ
1.
"การเริ่มวางเฉยกับสิ่งที่คิด" ถ้ายกตัวอย่างเมื่อก่อนพอมีอะไรมากระทบต่อมความกลัวเช่น ข่าว โชคร้าย ก็จะคิดว่าเราจะเป็นแบบนั้นแล้วก็แก้ในหัวในความคิดตัวเองแบบวนอยู่อย่างนั้น อยู่ความเสียใจ ผิดหวัง โกรธในอดีต อยู่กับการคาดหวัง ใฝ่ฝันในอนาคตตลอด วันนึงเริ่มเหนื่อยปล่อยมันไปแบบเป็นก็เป็นวะ เริ่มทำบ่อยๆจนเป็นความเคยชิน จากความเคยชินเริ่มอัตโนมัติแบบ อ๊ะ!! มาละๆ ในหัว
2.
"การที่ผมได้เริ่มอ่านบทความต่างๆเกี่ยวกับการ "ดำรงสติและการอยู่กับปัจจุบัน" โดยก่อนหน้านั้นก็หาวิธีรักษาตัวเองตลอด โดยที่ผมไม่ได้ไปหาคุณหมอเพราะผมคิดว่าเราไม่ได้เป็นหนักโดยยังใช้ชีวิตและเรียนได้ตามปกติแต่จะ 1.คิดมาก 2.ไม่ค่อยมีความสุข 3.กินเยอะ 4.เครียดตลอดเวลา ตอนแรกที่อ่านก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ทำแปปก็กลับไปวนลูปในสมองอีกแระ เท่าที่จำได้ก็เช่น
การหายใจที่ถูกต้อง เข้า(ท้องป่อง) ออก (ท้องยุป) ทำไปทำมาอึดอัดสติหลุด 55+
การรู้สึกตัวทั้งร่างกาย การเอาชนะความกลัว และสุดท้ายมาเน้นกับ
"การอยู่กับปัจจุบันขณะ" โดยซึ่งผมอ่านจากการเสิร์ชหาใน Google ทั้งหมดรวมทั้งอ่านกระทู้ของท่านต่างๆในพันทิพ
จากการที่ลองมาทุกวิธีวิธีที่ในตามความคิดของผมช่วยผมได้ให้ผมเห็นปัจจุบันและอยู่กับมันจริงๆได้นั้นก็คือ
เวลาผมทำอะไร ผมมองอะไร ผมฟังอะไร ผมได้กลิ่นอะไร ผมกินอะไร ผมจะรับรู้มันนิดๆว่าผมกำลังทำอะไร งงมะผมเรียกตามคนอื่นเขาว่า (Recall)
******5 ดาว***** เทคนิคผมจะอยู่ทีตาโดยถ้ามองสิ่งหนึ่งแต่ไม่เห็นสิ่งนั้นในหัวผมจะบอกตัวเองว่า "ไม่เห็นปัจจุบันเลย" และ
ผมจะพยายามโฟกัสความรู้สึกผมไปตาและภาพที่เห็นโดยจะรู้สึกที่สมองส่วนหน้าเหนือตาตรงหน้าผากด้านบนหน่อยๆ ให้ใช้ความรู้สึกของส่วนเหนือหน้าผาก(สมองส่วนหน้า) โฟกัสที่ไปท้องเหนือสะดือโดยเอานิ้วทาบประมาณ 2 นิ้ว(เอานิ้วกลางกับนิ้วชี้พาด) เสร็จแล้วเวลาหายใจเข้าให้ท้องป่อง หายใจออกให้ท้องยุบหายใจช้าๆ เข้าลึกออกลึกโดนให้โฟกัสไปที่ท้องจุดนั้นดูลมหายใจ แรกก็ต้องบังคับท้องให้ป่องกับแฝ่บก่อนอะครับ เวลารู้สึกเครียด วิตกกังวลใดๆก็สามารถทำได้นะครับ มันจะช่วยให้ออกจากภาวะคิดวนลูป สมมุติ หายใจเข้า นับ 1 ถึง 5 ท้องป่อง กลั้นหายใจ หายใจออก 1-5 กลั้นหายใจ (หายใจลึกแบบโยคะ) เราต้องพยายามโฟกัสไปที่ท้องเราก่อนนะครับให้เป็นที่วางของจิตเรา
อธิบายง่ายๆถ้าผมเห็นอะไรผมจะรู้สึกให้เห็นภาพในหัวอีกทีแบบแปปเดียวเสี้ยววินาที มันอธิบายยากอะแต่คุณๆลองดูมันรู้สึกตรงสมองส่วนหน้าแถวๆหน้าผากขึ้นไปได้จริงๆว่าเราจะเห็นปัจจุบันจริงๆ แต่ แต่ แต่ ไม่ต้องไปเพ่งหรือรู้สึกผิดหวังว่าทำไมทำไม่ได้ เน้นพยายามระลึก (Recall) บ่อยๆว่าทำอะไรอยู่ แต่อย่าไป
"เพ่ง" จนไม่เห็นปัจจุบัน ทีนี้ทำบ่อยๆไปมันจะเป็นความเคยชิน และจากความเคยชินมันจะกลายเป็นนิสัย
และสิ่งสำคัญที่ผมทำไปพร้อมกันนั้นก็คือ
"การรับรู้อารมณ์ที่มากระทบและยอมรับมันแต่ไม่ไปจับหรือปรุงแต่งมันต่อ" เช่น เออกลัววะตอนนี่และไปโฟกัสที่ตาต่อ ถ้าความกลัวมันยังอยู่ก็เฉยๆไว้ ถ้าไม่ไหวไปปรุงแต่งและไปวนลูปในหัว ให้ลองสังเกตุดูมันจะรู้สึกปวดๆสมองส่วนหลังเหนือคอขึ้นมา ก็บอกตัวเอง "มองไม่เห็นปัจจุบันเลย" และสู้กับมันเลยครับโดยสู้ด้วยการ ตั้งใจทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนี่แหละ เช่นเดินก็รู้สึกเดิน กินก็รู้สึกกิน โดยแรกๆมันจะยากครับเราจะกลับไปวนลูปย้ำคิดในหัวบ่อยมาก เผลอๆก็กลับไปอีกแระ วิธีแก้มีอย่างเดียวคือ
ความอดทนหรือความเพียรนั้นเองไงหละครับ ทำบ่อยๆซักวันมันจะกลายเป็น "อัตโนมัติเอง" ครับและสุดท้ายสิ่งที่ผมได้รับไม่ใช่ความสุขที่ผมเคยคิดและไม่ใช่ความทุกข์ที่อยู่กับผมตลอดแต่มันคือความ
"สงบ" ครับและเรารู้สึกถึง
ความสำคัญของ "เวลา" ครับ
สุดท้ายนี้เขียนมาซะยาวขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ป่วย จะเริ่มป่วยหรือป่วยนานแล้วไม่เฉพาะโรคย้ำคิดย้ำทำนะครับรวมถึงสุขภาพจิตความเครียดอื่นๆหรือทุกข์ใจด้วยนะครับ
ทางทีดีพบจิตแพทย์เป็นให้การรักษาหลัก บทความที่ผมเขียนขอให้ช่วยเหลือทุกท่านในการเป็นส่วนเสริม
-/\- กราบขออภัยถ้าเขียนวกไปวนมาหรือสะกดคำหรือใช้ตัวอักษรผิดมา ณ ทีนี้ครับ
สุดท้ายอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้มากคือ
"การรู้ทันอารมณ์ใน โมหะ โทสะ และ โลภะ" อารมณ์เหล่านี้เมื่อมันมาปะทะให้เรารู้ทันไม่ไปปรุงแต่งมันต่อจะทำให้เราไม่ไปแบกมันไว้ เช่น เวลาโมโหให้รู้ว่ามาโมโห แล้วปล่อยผ่านไม่ต้องโมโหตามอารมณ์โดยสามารถใช้ได้กับทุกอารมณ์ เพียรทำไปเรื่อยๆเราจะมีพรมวิหาร 4 ในใจและการรักษาศีล 5 ก็จะทำให้เรามองเห็นความจริงปัจจุบันและมองโลกบวกขึ้นไปด้วยเช่นกันครับ
รีวิว: โรคย้ำคิดย้ำทำ สามารถบรรเทาและรักษาตัวผมได้ด้วยการ "อยู่กับปัจจุบัน"
บทความนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกท่าน ทางที่ดีการพบจิตย์แพทย์ให้คุณหมอวินิจฉัยและรักษาซึ่งมันจะได้ผลเร็วและมีประสิทธิภาพถูกจุดมากกว่าครับ ตัวผู้เขียนอยากให้บทความนี้อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ทุกคนได้พบความสงบและเอาชนะโรคภัยต่างๆเหล่านี้ไปได้
ตัวกระผมตอนนี้มีอายุครับ 27 ปีบริบูรณ์มาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งผมเริ่มเป็นย้ำคิดย้ำทำและโรคขี้กลัวจริงๆน่าจะช่วงประมาณอายุ 17 ปีหรือเมื่อ 10 ปีก่อนตอนมัธยม 5 ซึ่งจะเป็นหนักๆก็ประมาณอายุ 18 เป็นต้นมาจนถึงอายุ 22-23 ซึ่งระหว่างที่เป็นหนักๆไม่เคยมีความสุขเลยเพราะผมมัวแต่อยู่ในความคิดในหัวแก้อะไรต่อมิอะไรในหัวไปเรื่อยโดย จะปวดหัวตรงสมองส่วนหลังมาก ซึ่งในขณะที่ผมกำลังพิมพ์บทความนี้อยู่ได้มองกลับไปพบว่าตอนนั้นพบว่าเราใช้สัมผัสทั้ง 5 หู ตา จมูก ปาก ในโหมดอัติโนมัติโดยสติหรือการระลึกรู้"ปัจจุบันขณะ"นั้นมีน้อยมากเหมือนกับสมาธิสั้นด้วยอะครับ แต่ก็เรียนได้จนจบปริญญาและทำงานได้นะครับแต่จะเครียดตลอดเวลา ไม่ค่อยมีความสุข โกรธง่าย คิดมากย้ำคิดย้ำทำ แต่ก็ไม่ได้ไปหาจิตแพย์จริงๆจังเลย หลักๆคืออายก็หาอ่านจาก Google เป็นหลัก
เปรียบเทียบเหมือนผมมองสิ่งหนึ่งแต่ผมมองไม่เห็นสิ่งนั้นจริงๆไม่รับรู้ รู้สึกถึงสิ่งนั้นเพราะมัวแต่ไปอยู่ในความคิดของตัวเอง ไปปรุงแต่งสิ่งที่เข้ามากระทบโดยไปแบกมันไว้ด้วยการคิดวนไปวนมาอยู่ในหัว บางทีก็แก้มันอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมงคิดแก้ไปแก้มาเรื่องนี้จบไปเรื่องใหม่มา โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่าขณะนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่จริงๆซึ่งมันทรมานมากทำให้เราไม่สามารถหยุดคิดสิ่งต่างๆที่มันวนลูปไปเรื่อยๆโดยความย้ำคิดของผมส่วนมากจะมาจากการ "กลัวโชคร้าย" "ความกลัวซะเป็นส่วนใหญ่" โดยท่านอื่นอาจจะคิดสิ่งอื่นๆแตกต่างกันไปบางทีเป็นมากจนไม่อาจให้มันอยู่ในหัวต้องรีบทำอะไรไวๆ และทำซ้ำๆเพราะกลัวสิ่งที่คิดจะเป็นจริงหรือตัวเองจะโชคร้าย ทำให้หาทางไม่คิดมากด้วยการดิ่มแอลกอฮอล์ง่ายๆคือไปเมาบ่อย -*- เพราะเวลาเมาหลับมันจะไม่ค่อยคิดไม่ค่อยฝันซึ่งนั้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุโดยตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ตัว
มีวันนึงซึ่งก็จะไม่ได้แล้วจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผมคือ
1. "การเริ่มวางเฉยกับสิ่งที่คิด" ถ้ายกตัวอย่างเมื่อก่อนพอมีอะไรมากระทบต่อมความกลัวเช่น ข่าว โชคร้าย ก็จะคิดว่าเราจะเป็นแบบนั้นแล้วก็แก้ในหัวในความคิดตัวเองแบบวนอยู่อย่างนั้น อยู่ความเสียใจ ผิดหวัง โกรธในอดีต อยู่กับการคาดหวัง ใฝ่ฝันในอนาคตตลอด วันนึงเริ่มเหนื่อยปล่อยมันไปแบบเป็นก็เป็นวะ เริ่มทำบ่อยๆจนเป็นความเคยชิน จากความเคยชินเริ่มอัตโนมัติแบบ อ๊ะ!! มาละๆ ในหัว
2. "การที่ผมได้เริ่มอ่านบทความต่างๆเกี่ยวกับการ "ดำรงสติและการอยู่กับปัจจุบัน" โดยก่อนหน้านั้นก็หาวิธีรักษาตัวเองตลอด โดยที่ผมไม่ได้ไปหาคุณหมอเพราะผมคิดว่าเราไม่ได้เป็นหนักโดยยังใช้ชีวิตและเรียนได้ตามปกติแต่จะ 1.คิดมาก 2.ไม่ค่อยมีความสุข 3.กินเยอะ 4.เครียดตลอดเวลา ตอนแรกที่อ่านก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ทำแปปก็กลับไปวนลูปในสมองอีกแระ เท่าที่จำได้ก็เช่น การหายใจที่ถูกต้อง เข้า(ท้องป่อง) ออก (ท้องยุป) ทำไปทำมาอึดอัดสติหลุด 55+ การรู้สึกตัวทั้งร่างกาย การเอาชนะความกลัว และสุดท้ายมาเน้นกับ "การอยู่กับปัจจุบันขณะ" โดยซึ่งผมอ่านจากการเสิร์ชหาใน Google ทั้งหมดรวมทั้งอ่านกระทู้ของท่านต่างๆในพันทิพ
จากการที่ลองมาทุกวิธีวิธีที่ในตามความคิดของผมช่วยผมได้ให้ผมเห็นปัจจุบันและอยู่กับมันจริงๆได้นั้นก็คือ เวลาผมทำอะไร ผมมองอะไร ผมฟังอะไร ผมได้กลิ่นอะไร ผมกินอะไร ผมจะรับรู้มันนิดๆว่าผมกำลังทำอะไร งงมะผมเรียกตามคนอื่นเขาว่า (Recall)
******5 ดาว***** เทคนิคผมจะอยู่ทีตาโดยถ้ามองสิ่งหนึ่งแต่ไม่เห็นสิ่งนั้นในหัวผมจะบอกตัวเองว่า "ไม่เห็นปัจจุบันเลย" และผมจะพยายามโฟกัสความรู้สึกผมไปตาและภาพที่เห็นโดยจะรู้สึกที่สมองส่วนหน้าเหนือตาตรงหน้าผากด้านบนหน่อยๆ ให้ใช้ความรู้สึกของส่วนเหนือหน้าผาก(สมองส่วนหน้า) โฟกัสที่ไปท้องเหนือสะดือโดยเอานิ้วทาบประมาณ 2 นิ้ว(เอานิ้วกลางกับนิ้วชี้พาด) เสร็จแล้วเวลาหายใจเข้าให้ท้องป่อง หายใจออกให้ท้องยุบหายใจช้าๆ เข้าลึกออกลึกโดนให้โฟกัสไปที่ท้องจุดนั้นดูลมหายใจ แรกก็ต้องบังคับท้องให้ป่องกับแฝ่บก่อนอะครับ เวลารู้สึกเครียด วิตกกังวลใดๆก็สามารถทำได้นะครับ มันจะช่วยให้ออกจากภาวะคิดวนลูป สมมุติ หายใจเข้า นับ 1 ถึง 5 ท้องป่อง กลั้นหายใจ หายใจออก 1-5 กลั้นหายใจ (หายใจลึกแบบโยคะ) เราต้องพยายามโฟกัสไปที่ท้องเราก่อนนะครับให้เป็นที่วางของจิตเรา
อธิบายง่ายๆถ้าผมเห็นอะไรผมจะรู้สึกให้เห็นภาพในหัวอีกทีแบบแปปเดียวเสี้ยววินาที มันอธิบายยากอะแต่คุณๆลองดูมันรู้สึกตรงสมองส่วนหน้าแถวๆหน้าผากขึ้นไปได้จริงๆว่าเราจะเห็นปัจจุบันจริงๆ แต่ แต่ แต่ ไม่ต้องไปเพ่งหรือรู้สึกผิดหวังว่าทำไมทำไม่ได้ เน้นพยายามระลึก (Recall) บ่อยๆว่าทำอะไรอยู่ แต่อย่าไป"เพ่ง" จนไม่เห็นปัจจุบัน ทีนี้ทำบ่อยๆไปมันจะเป็นความเคยชิน และจากความเคยชินมันจะกลายเป็นนิสัย
และสิ่งสำคัญที่ผมทำไปพร้อมกันนั้นก็คือ "การรับรู้อารมณ์ที่มากระทบและยอมรับมันแต่ไม่ไปจับหรือปรุงแต่งมันต่อ" เช่น เออกลัววะตอนนี่และไปโฟกัสที่ตาต่อ ถ้าความกลัวมันยังอยู่ก็เฉยๆไว้ ถ้าไม่ไหวไปปรุงแต่งและไปวนลูปในหัว ให้ลองสังเกตุดูมันจะรู้สึกปวดๆสมองส่วนหลังเหนือคอขึ้นมา ก็บอกตัวเอง "มองไม่เห็นปัจจุบันเลย" และสู้กับมันเลยครับโดยสู้ด้วยการ ตั้งใจทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนี่แหละ เช่นเดินก็รู้สึกเดิน กินก็รู้สึกกิน โดยแรกๆมันจะยากครับเราจะกลับไปวนลูปย้ำคิดในหัวบ่อยมาก เผลอๆก็กลับไปอีกแระ วิธีแก้มีอย่างเดียวคือ ความอดทนหรือความเพียรนั้นเองไงหละครับ ทำบ่อยๆซักวันมันจะกลายเป็น "อัตโนมัติเอง" ครับและสุดท้ายสิ่งที่ผมได้รับไม่ใช่ความสุขที่ผมเคยคิดและไม่ใช่ความทุกข์ที่อยู่กับผมตลอดแต่มันคือความ "สงบ" ครับและเรารู้สึกถึง ความสำคัญของ "เวลา" ครับ
สุดท้ายนี้เขียนมาซะยาวขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ป่วย จะเริ่มป่วยหรือป่วยนานแล้วไม่เฉพาะโรคย้ำคิดย้ำทำนะครับรวมถึงสุขภาพจิตความเครียดอื่นๆหรือทุกข์ใจด้วยนะครับ ทางทีดีพบจิตแพทย์เป็นให้การรักษาหลัก บทความที่ผมเขียนขอให้ช่วยเหลือทุกท่านในการเป็นส่วนเสริม
-/\- กราบขออภัยถ้าเขียนวกไปวนมาหรือสะกดคำหรือใช้ตัวอักษรผิดมา ณ ทีนี้ครับ
สุดท้ายอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้มากคือ "การรู้ทันอารมณ์ใน โมหะ โทสะ และ โลภะ" อารมณ์เหล่านี้เมื่อมันมาปะทะให้เรารู้ทันไม่ไปปรุงแต่งมันต่อจะทำให้เราไม่ไปแบกมันไว้ เช่น เวลาโมโหให้รู้ว่ามาโมโห แล้วปล่อยผ่านไม่ต้องโมโหตามอารมณ์โดยสามารถใช้ได้กับทุกอารมณ์ เพียรทำไปเรื่อยๆเราจะมีพรมวิหาร 4 ในใจและการรักษาศีล 5 ก็จะทำให้เรามองเห็นความจริงปัจจุบันและมองโลกบวกขึ้นไปด้วยเช่นกันครับ