ผมเป็น โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder : OCD ตั้งแต่ตอนเด็กผมไม่รู้เลยว่ามันมีโรคแบบนี้ด้วย
ผมเป็นโดยไม่ปรึกษาใคร และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จนจมปลักอยุ่กับมัน นานพอสมควร
ผมจะเล่าเรื่อง บุคลิกและความคิดของผมหากใครเป็นอยู่ ก็อยากให้ได้แชร์ความคิดว่าเราไม่ได้เป็นอยู่ฝ่ายเดียว ผมยอมรับว่าทรมานจริงๆ
ใครจะตลกก็ขําได้ แต่มันคือเรื่องจริง
ตั้งแต่สมัย ป 4 5 6 ผมก็มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับบุคลิก ผมชอบมองคนบ้า ชอบดูคนแปลกๆ จนติดหรือปล่าวไม่รู้
ผมเริ่มมีอาการจิงๆ ช่วง ป.6 เพราะชอบมองคนบ้าที่ชอบ
นํ้าลาย
พอเริ่มเข้า มัธยมม.1 ผมก็ชอบ
นํ้าลาย เพราะเวลาเดินไปใหนรู้สึกว่ามันไม่อาด เมื่อเห็นมันรู้สึกว่าจะต้อง
นํ้าลาย
ขนาดยืนเข้าแถวก็ยัง
น็าลายใสปอกคอเสื่อ จนเพื่อนล้อทําตาม ผมก็รู้สึกอายแต่ห้ามไม่ได้ พอเวลาผ่านไปนานอาการเหล่านี้ก็หายไป
พอเข้าช่วงมอปลาย อาการเริ่มเด่นชัดมากขึ้น ผมเป็นโรคขี้กลัว จะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา จนมันรามไปถึงความคิดที่มันสัปดล
ผมชอบคิดไม่ดีต่อ ศาลเจ้า พวกสิ่งสักสิดทุกประการ แม้กระทั้งต้นไซ 100ปี ต้นตะเคืยน พระพูทธรูปควรอิม
อาการก็คือจะคิด ด่าว่า หรือแช่ง ต่างนาๆเมือเดินผ่าน สิ่งเหล่านี้ หรือสาปแช่งตัวเองให้เอาชีวิตเราไป หรือบางทีสาปแช่ง เราให้ตายมั้งอะไรมั้ง
จนผมต้องไปขอโทษกราบไหว้อยู่นาน 7-10รอบกว่าจะออกมาได้ เพราะขอโทษไปแล้วยังจะด่าอีกเลยต้องวนไปมา ผมไม่ได้มีอคติในใจแต่ใจมันคิดไปเองผมกลัวบาปมาก
ผมเลยหาวิธีการแก้ไขผมไม่ มีคนปรึกษาเลยอาการถึงที่สุด ขณะที่ผมเดินออกไปจากบ้าน ในใจผมเหมือนเดินผ่านหุบเขาเส้นทางช่างยากลําบากหนักกว่าจะผ่านจุดนั้นจุดนี้ไปได้ ขณะจะไปโรงเรียน ก็จะผ่านพวกศาลเจ้า ผ่านศาลต่างๆ เดินผ่านแล้วจะต้องด่า และจะต้องคิดขอโทษ หลายๆครั้งมากกว่า10นอบ กว่าจะผ่านจุดนี้ไป ก็ล่อไป10 นาที ถึงจะรู้สึกสบายใจ พอผ่านจุดนี้ไปเจออีกจุด ทรมานยิ่งหนัก
จนบางทีผมต้องทําอะไรบางอย่าง ผมเลยพัตนาขึ้นโดยการชื่อเพลง mp3ตอนนั้นพึงออกมาใหม่ เปิดเพลงดังๆในขณะที่เดินผ่าน และวิงด้วย
เพื่อไม่ให้มันคิด ผลปรากดว่าได้ผลแฮะ แต่มันยังหลุดไปบ้าง เวลาเดินผ่านผมจะต้องมองศาล ผมรู้สึกว่าถ้ามองแล้วขอโทษจะรู้สึกสบายใจ
คุณคิดภาพ ผมมองกลับไปหน้ากลับไปหลังเพราะ บางทีขอโทษแล้วยังไม่หายต้องขอโทษใหม่ โคตทรมาน
ยิ่งเวลาเข้าวัด จุดธูปสวดมน แุถมไม่ได้สวด ด่าพร้อมสวด และต้องมานั้งขอโทษ กว่าจะออกจากวัดได้ /ปาไป1ชัวโมงกว่า ดูเหมือนจะเป็นคนดีเข้าใจพระธรรม แต่จิงๆไม่ใช้
โรคนี้ทําให้ผมเปลี่ยนบุคลิกไปเลย ผมต้องเปลียนเส้นทาง กลับบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยง ศาลแม้แต่วัด ผมใช้เส้นทางที่ไกลขึ้นเพื่อหลบพวกนี้ตอนนั้นผมเป็นคนเพียนๆไปเลย สมองผมทํางานหนักมาก บางทีข้างวินมอไซ แล้วหลับตาเมื่อเจอสิ่งเหล่านั้น เออได้ผลวะ
พอหลังๆผมก็ขอพ่อแม่ ออกรถมอไซ ช่วงที่ผมขับผ่านจุดที่มันเกิดอาการ ผมนี้บิดเต็มแรงเอาเต็มที่ ผลออกมาว่า เออวะแม้งได่ใจจริงๆ
สู้กับตัวเองมาตลอด ไม่รู้ว่าทํากรรมอะไรมา
ผมทําแบบนี้อยู่หลายปี จนผมรู้สึกว่า อยากย้ายประเทศ ไปอยู่ที่อื่น ผมรู้สึกว่าบาปมาก ผมเลยไปค้นคว้า ว่า ด่าในใจบาปใหม เขาจะได้ยินใหม
ผมเจอมาว่า ถ้าไม่ได้จุดธูปบอกกล่าวเขาก็ไม่ได้ยิน
ต่อมาผมหาทางแก้ไขด้วยตนเองมาตลอด บางทีผมพยามฝึกให้ตนเองหยุดคิด หยุดจํา เมื่อเจอสิ่งเหล่านีให้ เอาความคิดอื่นเข้ามาแทรก
จนผม บางที มึนไปเลยสมองนี้ความจําสั้นเลยก็ว่าได้ ช่วงนี้ทรมานสุดๆ
ตอนหลังผมไม่นับถือศาลสนาพุธและไปนับถือคลิส เพื่อแก้ไขอาการเหล่านี้ อาการเริ่มเบาลง ผมโมโหกับความคิดตัวเองมากจนเอาไม้ตีหัวตัวเอง
หัวโนไปหลายวัน ผมเลยค้นหว้า เกี่ยวกับพุทธศาสนา คิส มุสลิม ซาตาน เกี่ยวกับมนุษโลก จักวาล ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ ความเชื่อ วิทยาศาสตร์ และไสศาสตร์ อาการที่ผมเป็นนั้นหาย แต่กว่าจะรู้ตัวผมสมองชามาก ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยกลัวอะไรเลยหลังจากนั้น บางทีผมคิดว่านรกสวรรค์ไมม่ีจริง
อาการพวกนี้ก็เพาๆลงมากถือว่าดีเลย พอเริ่มเบาๆลงอันนี้ ไปโดนอีกอันผมดูหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และดันไปเจอสิ่งลีลับ ที่เรียกว่า ผี ผมเลยเชื่อหนักกว่าเดิม คาวนีมาเต็ม ผมดูหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ว่าด้วย เวลา ขณะที่ผมจะเดินออกจากบ้านมีความกังวลเรื่อง ความคาย กลัวว่าออกไปข้างนอกจะเกิดอุปติเหตุได้ เพือเป็นเรา และเชื่อวา่ หากได้เดินเข้าๆออกหน้าประตู จะรู้สึกว่า บิดเบือนเวลา อณาคตได้ เดินๆเข้าอๆออก กว่า1ชัวโมง
เปิดๆปิด ถอยหน้าถอยหลัง จนผมนี้เมาไปเลย พออกจากบ่านได้ เจอศาล เออบรรไล ยิ่งเจออะไรแปลกๆ ด่ายับ บางทีแก้ไม่ไหว ไปเรียนก่อนตอนเย็นเดียวมาแก้ใหม่ 5555+ ความคิดแม้งกวนตีนสุดๆ สุดจะบรรยาย ถ้าใครเคยเป็น
คาวนี้อาการผมเริ่มหนักขึ้น ผมตั้งตนเองเป็น ผู้วิเศษผมคิดว่าผมเป็นคนแปลกอยุ่คนเดียว อาจมีครู คิดแล้วแม้งตลกชะมัด555+
ผมไม่นับถืออะไรทั้งนั้น เพราะต้องมานั้งขอโทษ ผมเป็นพระเจ้านะผมหยุดไม่มองไม่ยุ้งกับสิ่งสักสิดไม่เอาอะไรทั้งนั้น
ผมหลอกตัวเอง แบบสุดๆ แต่ผลที่ออกมาค้างข้างไม่เปลียนแปลงเท่าไร
ผมเลยมานั้งคิดว่าสมัยก่อนเราไม่เป็นนิหว่า ผมก็ลองวิเคราะห์ว่า ทําไมศาลเจ้าที่บ้านเวลาเดินผ่านไปผ่านมาไม่เห็นด่าเลยถึงมีก็น้อย
ผมเลย ไปยืนตรงศาลแม้แต่วัดบ่อยๆ นานๆ ยืนเป็น4-5ชัวโมงให้มันตายไปข้างหนึ่ง
และผมก็ พัตนาหาอย่างอื่นทํา มุ้งความสนใจไปทางอืน อาการก็เริ่มเบาลง
จากนั้นพอโตมาหน่อย ผมก็มีอาการเพิ่มขึ้นอีก เรื่องการส่องกระจก พอเห็นหน้าตาตัวเอง ก็จะต้องส่องอยู่ทั้งวัน มากกว่า100ครั้ง เพราะไม่หมั้นใจที่จะต้องออกไปข้างนอก บางทีหนาตาเปลี่ยนไป ก็จะต้องส่องไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ และรุ้สึกสบายใจ ตอนนั้น เหนื่อยมาก
ผมเป็นคนยํ่าคิดยั้งทําหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะ การพูด การคิด การเดินทางไป ต.จ.ว การเดิน การกระพิบตา การออกกําลังกาย การเล่นเกม หลายอย่างมากจนบางทีรู้สึกตัวเองเป็นหุ้น เชิด โดนของหรือปล่าว เลยไปกินน็ามน คนอื่นเขากิน แค่ พมๆใสหัว ผมนี้ตักราดเลยไม่ไหวจิงๆ 55+
จากนั้นผมคิดว่าไม่ไหวละ มันสุดจริงๆ ผมกะจะไปหาหมอปรึกษา แต่กลัวครอบครัวรู่วาเราเป็นบ้า กลัวจะโดนจับเข้าศรีทันยา
เลยไปศึกษษาเกี่ยวกับสมอง จิตวิทยา ความคิดของมนุษ สัตว์แม้กระทั้งพระเจ้า ศึกษาตัวเอง แม้แต่กลุปเลือดนิสัยคน ว่ามันยังไงหว่า
เราเป็นอะไรหว่า พอโตมาขึนผมศึกษามุ้งไปทางอื่น จนตั้งใจอย่างอื่นเพราะยิ้งผม ศึกษาและอ่าน เข้าใจถึง เกิดแก่เจ็บตาย
ผมรู้สึกว่า ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่นี้ มีมากกว่านี้ 1000เท่า คนอื่นเขารวยเขาเก่งรวยมีความสุขสนุกกับอย่างอื่น เรามานั้งคิดอะไรตรงนี้ ผมรู้สึกอยากทําอย่างอื่นที่มันสนุกกว่านี้ ผมเลยไปทําโน้นทํานี้ คิดนั้นคิดนี้ ทําสิ่งที่ผมอยากทํา
ผมรู้สึกว่าตัวเอง รู้เรื่องชีวิตมาก ผมรู้สึกว่ากําลังหายจนถึงปัจจุบัน ผมพยามปรับตัว ถือว่าอยู่ในระดับดีมาก
ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว จนผมมานั้งอ่านคนที่เป็นแบบผม ผมนี้ขําน็าตาเล็ดเลย มันเป็นกริยาที่ไร้สาระมากๆ
ถามว่าหายแล้วหรือยัง ผมยังไม่หาย ถ้าเทียบกับ 100เปอเช็น ผมหายแค่ 95เปอเช็น อีก5เปอเช็นนี้มันเหมือนความเคยชินยังอยู่ เพราะผมเป็นมานาน 7กว่าปี เลยต้องแก้ไขนานพอสมควร
อาการเหล่านี้โรค ย็าคิดยั้งทํา ผลข้างเคียงที่ได้มา
1.ผมสมองทํางานไม่เต็ม100 เพราะใช้งานหนัก ไปช่วงที่เป็นโรค ตอนนี้ผมกําลังซ่อมแชม
2.ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีความสุขกับความเป็นอยู่ ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา
3.ผมรู้สึกว่าสมองผมยังอยู่ใน ถ้วยพลาสติกหครอบหัว เวลาไปใหนก็รู้สึกว่า วิญญานเหมือนไม่ได้อยู่ในตัว รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว ไร้ค่า ทั้งๆที่ทําบางสิ่งอยู่
ใครหายจากนี้ โรค OCD นี้แล้วเป็นอย่างไรมั้ง
ถ้าใครเป็นอยู่แล้วอยากปรึกษา หรือมีใครให้คําแนะนํากับผมเพิ่มเติม
โรค OCD ย้ำคิดย้ำทำ เปลียนชีวิตตอนนี้รู้สึกแปลกๆกับชีวิต ใครเป็นแล้วหายแล้วช่วยมาตอบกันที
ผมเป็นโดยไม่ปรึกษาใคร และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จนจมปลักอยุ่กับมัน นานพอสมควร
ผมจะเล่าเรื่อง บุคลิกและความคิดของผมหากใครเป็นอยู่ ก็อยากให้ได้แชร์ความคิดว่าเราไม่ได้เป็นอยู่ฝ่ายเดียว ผมยอมรับว่าทรมานจริงๆ
ใครจะตลกก็ขําได้ แต่มันคือเรื่องจริง
ตั้งแต่สมัย ป 4 5 6 ผมก็มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับบุคลิก ผมชอบมองคนบ้า ชอบดูคนแปลกๆ จนติดหรือปล่าวไม่รู้
ผมเริ่มมีอาการจิงๆ ช่วง ป.6 เพราะชอบมองคนบ้าที่ชอบนํ้าลาย
พอเริ่มเข้า มัธยมม.1 ผมก็ชอบนํ้าลาย เพราะเวลาเดินไปใหนรู้สึกว่ามันไม่อาด เมื่อเห็นมันรู้สึกว่าจะต้อง นํ้าลาย
ขนาดยืนเข้าแถวก็ยัง น็าลายใสปอกคอเสื่อ จนเพื่อนล้อทําตาม ผมก็รู้สึกอายแต่ห้ามไม่ได้ พอเวลาผ่านไปนานอาการเหล่านี้ก็หายไป
พอเข้าช่วงมอปลาย อาการเริ่มเด่นชัดมากขึ้น ผมเป็นโรคขี้กลัว จะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา จนมันรามไปถึงความคิดที่มันสัปดล
ผมชอบคิดไม่ดีต่อ ศาลเจ้า พวกสิ่งสักสิดทุกประการ แม้กระทั้งต้นไซ 100ปี ต้นตะเคืยน พระพูทธรูปควรอิม
อาการก็คือจะคิด ด่าว่า หรือแช่ง ต่างนาๆเมือเดินผ่าน สิ่งเหล่านี้ หรือสาปแช่งตัวเองให้เอาชีวิตเราไป หรือบางทีสาปแช่ง เราให้ตายมั้งอะไรมั้ง
จนผมต้องไปขอโทษกราบไหว้อยู่นาน 7-10รอบกว่าจะออกมาได้ เพราะขอโทษไปแล้วยังจะด่าอีกเลยต้องวนไปมา ผมไม่ได้มีอคติในใจแต่ใจมันคิดไปเองผมกลัวบาปมาก
ผมเลยหาวิธีการแก้ไขผมไม่ มีคนปรึกษาเลยอาการถึงที่สุด ขณะที่ผมเดินออกไปจากบ้าน ในใจผมเหมือนเดินผ่านหุบเขาเส้นทางช่างยากลําบากหนักกว่าจะผ่านจุดนั้นจุดนี้ไปได้ ขณะจะไปโรงเรียน ก็จะผ่านพวกศาลเจ้า ผ่านศาลต่างๆ เดินผ่านแล้วจะต้องด่า และจะต้องคิดขอโทษ หลายๆครั้งมากกว่า10นอบ กว่าจะผ่านจุดนี้ไป ก็ล่อไป10 นาที ถึงจะรู้สึกสบายใจ พอผ่านจุดนี้ไปเจออีกจุด ทรมานยิ่งหนัก
จนบางทีผมต้องทําอะไรบางอย่าง ผมเลยพัตนาขึ้นโดยการชื่อเพลง mp3ตอนนั้นพึงออกมาใหม่ เปิดเพลงดังๆในขณะที่เดินผ่าน และวิงด้วย
เพื่อไม่ให้มันคิด ผลปรากดว่าได้ผลแฮะ แต่มันยังหลุดไปบ้าง เวลาเดินผ่านผมจะต้องมองศาล ผมรู้สึกว่าถ้ามองแล้วขอโทษจะรู้สึกสบายใจ
คุณคิดภาพ ผมมองกลับไปหน้ากลับไปหลังเพราะ บางทีขอโทษแล้วยังไม่หายต้องขอโทษใหม่ โคตทรมาน
ยิ่งเวลาเข้าวัด จุดธูปสวดมน แุถมไม่ได้สวด ด่าพร้อมสวด และต้องมานั้งขอโทษ กว่าจะออกจากวัดได้ /ปาไป1ชัวโมงกว่า ดูเหมือนจะเป็นคนดีเข้าใจพระธรรม แต่จิงๆไม่ใช้
โรคนี้ทําให้ผมเปลี่ยนบุคลิกไปเลย ผมต้องเปลียนเส้นทาง กลับบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยง ศาลแม้แต่วัด ผมใช้เส้นทางที่ไกลขึ้นเพื่อหลบพวกนี้ตอนนั้นผมเป็นคนเพียนๆไปเลย สมองผมทํางานหนักมาก บางทีข้างวินมอไซ แล้วหลับตาเมื่อเจอสิ่งเหล่านั้น เออได้ผลวะ
พอหลังๆผมก็ขอพ่อแม่ ออกรถมอไซ ช่วงที่ผมขับผ่านจุดที่มันเกิดอาการ ผมนี้บิดเต็มแรงเอาเต็มที่ ผลออกมาว่า เออวะแม้งได่ใจจริงๆ
สู้กับตัวเองมาตลอด ไม่รู้ว่าทํากรรมอะไรมา
ผมทําแบบนี้อยู่หลายปี จนผมรู้สึกว่า อยากย้ายประเทศ ไปอยู่ที่อื่น ผมรู้สึกว่าบาปมาก ผมเลยไปค้นคว้า ว่า ด่าในใจบาปใหม เขาจะได้ยินใหม
ผมเจอมาว่า ถ้าไม่ได้จุดธูปบอกกล่าวเขาก็ไม่ได้ยิน
ต่อมาผมหาทางแก้ไขด้วยตนเองมาตลอด บางทีผมพยามฝึกให้ตนเองหยุดคิด หยุดจํา เมื่อเจอสิ่งเหล่านีให้ เอาความคิดอื่นเข้ามาแทรก
จนผม บางที มึนไปเลยสมองนี้ความจําสั้นเลยก็ว่าได้ ช่วงนี้ทรมานสุดๆ
ตอนหลังผมไม่นับถือศาลสนาพุธและไปนับถือคลิส เพื่อแก้ไขอาการเหล่านี้ อาการเริ่มเบาลง ผมโมโหกับความคิดตัวเองมากจนเอาไม้ตีหัวตัวเอง
หัวโนไปหลายวัน ผมเลยค้นหว้า เกี่ยวกับพุทธศาสนา คิส มุสลิม ซาตาน เกี่ยวกับมนุษโลก จักวาล ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ ความเชื่อ วิทยาศาสตร์ และไสศาสตร์ อาการที่ผมเป็นนั้นหาย แต่กว่าจะรู้ตัวผมสมองชามาก ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยกลัวอะไรเลยหลังจากนั้น บางทีผมคิดว่านรกสวรรค์ไมม่ีจริง
อาการพวกนี้ก็เพาๆลงมากถือว่าดีเลย พอเริ่มเบาๆลงอันนี้ ไปโดนอีกอันผมดูหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และดันไปเจอสิ่งลีลับ ที่เรียกว่า ผี ผมเลยเชื่อหนักกว่าเดิม คาวนีมาเต็ม ผมดูหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ว่าด้วย เวลา ขณะที่ผมจะเดินออกจากบ้านมีความกังวลเรื่อง ความคาย กลัวว่าออกไปข้างนอกจะเกิดอุปติเหตุได้ เพือเป็นเรา และเชื่อวา่ หากได้เดินเข้าๆออกหน้าประตู จะรู้สึกว่า บิดเบือนเวลา อณาคตได้ เดินๆเข้าอๆออก กว่า1ชัวโมง
เปิดๆปิด ถอยหน้าถอยหลัง จนผมนี้เมาไปเลย พออกจากบ่านได้ เจอศาล เออบรรไล ยิ่งเจออะไรแปลกๆ ด่ายับ บางทีแก้ไม่ไหว ไปเรียนก่อนตอนเย็นเดียวมาแก้ใหม่ 5555+ ความคิดแม้งกวนตีนสุดๆ สุดจะบรรยาย ถ้าใครเคยเป็น
คาวนี้อาการผมเริ่มหนักขึ้น ผมตั้งตนเองเป็น ผู้วิเศษผมคิดว่าผมเป็นคนแปลกอยุ่คนเดียว อาจมีครู คิดแล้วแม้งตลกชะมัด555+
ผมไม่นับถืออะไรทั้งนั้น เพราะต้องมานั้งขอโทษ ผมเป็นพระเจ้านะผมหยุดไม่มองไม่ยุ้งกับสิ่งสักสิดไม่เอาอะไรทั้งนั้น
ผมหลอกตัวเอง แบบสุดๆ แต่ผลที่ออกมาค้างข้างไม่เปลียนแปลงเท่าไร
ผมเลยมานั้งคิดว่าสมัยก่อนเราไม่เป็นนิหว่า ผมก็ลองวิเคราะห์ว่า ทําไมศาลเจ้าที่บ้านเวลาเดินผ่านไปผ่านมาไม่เห็นด่าเลยถึงมีก็น้อย
ผมเลย ไปยืนตรงศาลแม้แต่วัดบ่อยๆ นานๆ ยืนเป็น4-5ชัวโมงให้มันตายไปข้างหนึ่ง
และผมก็ พัตนาหาอย่างอื่นทํา มุ้งความสนใจไปทางอืน อาการก็เริ่มเบาลง
จากนั้นพอโตมาหน่อย ผมก็มีอาการเพิ่มขึ้นอีก เรื่องการส่องกระจก พอเห็นหน้าตาตัวเอง ก็จะต้องส่องอยู่ทั้งวัน มากกว่า100ครั้ง เพราะไม่หมั้นใจที่จะต้องออกไปข้างนอก บางทีหนาตาเปลี่ยนไป ก็จะต้องส่องไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ และรุ้สึกสบายใจ ตอนนั้น เหนื่อยมาก
ผมเป็นคนยํ่าคิดยั้งทําหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะ การพูด การคิด การเดินทางไป ต.จ.ว การเดิน การกระพิบตา การออกกําลังกาย การเล่นเกม หลายอย่างมากจนบางทีรู้สึกตัวเองเป็นหุ้น เชิด โดนของหรือปล่าว เลยไปกินน็ามน คนอื่นเขากิน แค่ พมๆใสหัว ผมนี้ตักราดเลยไม่ไหวจิงๆ 55+
จากนั้นผมคิดว่าไม่ไหวละ มันสุดจริงๆ ผมกะจะไปหาหมอปรึกษา แต่กลัวครอบครัวรู่วาเราเป็นบ้า กลัวจะโดนจับเข้าศรีทันยา
เลยไปศึกษษาเกี่ยวกับสมอง จิตวิทยา ความคิดของมนุษ สัตว์แม้กระทั้งพระเจ้า ศึกษาตัวเอง แม้แต่กลุปเลือดนิสัยคน ว่ามันยังไงหว่า
เราเป็นอะไรหว่า พอโตมาขึนผมศึกษามุ้งไปทางอื่น จนตั้งใจอย่างอื่นเพราะยิ้งผม ศึกษาและอ่าน เข้าใจถึง เกิดแก่เจ็บตาย
ผมรู้สึกว่า ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่นี้ มีมากกว่านี้ 1000เท่า คนอื่นเขารวยเขาเก่งรวยมีความสุขสนุกกับอย่างอื่น เรามานั้งคิดอะไรตรงนี้ ผมรู้สึกอยากทําอย่างอื่นที่มันสนุกกว่านี้ ผมเลยไปทําโน้นทํานี้ คิดนั้นคิดนี้ ทําสิ่งที่ผมอยากทํา
ผมรู้สึกว่าตัวเอง รู้เรื่องชีวิตมาก ผมรู้สึกว่ากําลังหายจนถึงปัจจุบัน ผมพยามปรับตัว ถือว่าอยู่ในระดับดีมาก
ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว จนผมมานั้งอ่านคนที่เป็นแบบผม ผมนี้ขําน็าตาเล็ดเลย มันเป็นกริยาที่ไร้สาระมากๆ
ถามว่าหายแล้วหรือยัง ผมยังไม่หาย ถ้าเทียบกับ 100เปอเช็น ผมหายแค่ 95เปอเช็น อีก5เปอเช็นนี้มันเหมือนความเคยชินยังอยู่ เพราะผมเป็นมานาน 7กว่าปี เลยต้องแก้ไขนานพอสมควร
อาการเหล่านี้โรค ย็าคิดยั้งทํา ผลข้างเคียงที่ได้มา
1.ผมสมองทํางานไม่เต็ม100 เพราะใช้งานหนัก ไปช่วงที่เป็นโรค ตอนนี้ผมกําลังซ่อมแชม
2.ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีความสุขกับความเป็นอยู่ ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา
3.ผมรู้สึกว่าสมองผมยังอยู่ใน ถ้วยพลาสติกหครอบหัว เวลาไปใหนก็รู้สึกว่า วิญญานเหมือนไม่ได้อยู่ในตัว รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว ไร้ค่า ทั้งๆที่ทําบางสิ่งอยู่
ใครหายจากนี้ โรค OCD นี้แล้วเป็นอย่างไรมั้ง
ถ้าใครเป็นอยู่แล้วอยากปรึกษา หรือมีใครให้คําแนะนํากับผมเพิ่มเติม