คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อาจจะไม่มีคำแนะนำที่ดีมากนักนะคะ แต่อยากส่งกำลังใจให้ค่ะ
เราเข้าใจและเห็นใจค่ะ เพราะร่างกายแต่ละคน มัน sensitive กับเรื่องบางเรื่องต่างกัน
บางอย่างเหมาะกับบางคน ไม่ได้เหมาะกับทุกคน
หลายครั้งจึงต้องใช้ "การลองทำดู" ซึ่งบางทีมันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ที่จะหาว่า อะไรมันลงตัวกับตัวเราเอง
ในเคสเรา เราผอมค่ะ อยากสุขภาพแข็งแรงขึ้น เพิ่มน้ำหนักขึ้นบ้างก็โอเค
เรื่องรูปร่างไม่ต้องเป๊ะมากนัก ขอแค่สุขภาพแข็งแรงก็พอ
ไม่ว่าจะอยากผอมลงหรืออยากอ้วนขึ้น เราพบว่า เรื่องโภชนาการและการออกกำลังกาย มันต้องหา "ความลงตัว ความพอดี" กับตัวเอง
ซึ่งมันไม่ง่ายเหมือนกันค่ะ 555 เราเองก็พยายามปรับเปลี่ยนหาจุดพอดีอยู่เรื่อยๆ
แต่อย่าท้อค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. ทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด เราเคยลองค่ะ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับมัน
ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ว่าจะมีผลมากน้อยแค่ไหนหรือเชื่อถือได้มากแค่ไหนค่ะ
2. มื้อเช้า ค่อนข้างมีข้อมูลหนักแน่นหลายทางว่า ควรทานมื้อเช้าค่ะ ไม่ควรงดเด็ดขาด ส่วนจะทานอะไร ก็ลองหาอาหารที่เหมาะกับตัวเองนะคะ
เราเองไม่คุ้นกับมื้อเช้าเช่นกัน เพราะบางทีรีบตื่นไปทำงาน หรืออดนอน ก็จะออกแนวง่วงๆ มากกว่าจะหิว
แต่ก็ต้องฝืนทำค่ะ เป็นมื้อสำคัญเลยค่ะ (นอกจากอาหารแล้ว การนอนก็สำคัญ เวลานอนดึก อดนอน มันมักจะไม่ค่อยตื่น ไม่อยากกินมื้อเช้า)
3. ผักและผลไม้ ที่ถูกกรอกหูว่าดีต่อสุขภาพ ไม่ได้ดีเสมอไป เราเคยตะบี้ตะบันกิน ก็ไม่ได้ค่ะ 555
จากการทดลองด้วยตัวเองและครอบครัว ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไปค่ะ
ผลไม้บางอย่างน้ำตาลเยอะไปอย่างที่ทราบ ผักสดมากไป บางทีก็ย่อยยากสำหรับบางคน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นผักต้มบ้าง หรืออื่นๆ
ถึงบอกแหละค่ะว่า ในความจริง มันต้องลองดูค่ะ ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง
มันยากเหมือนกันเนอะ
ส่วนดีท๊อกซ์ด้วยน้ำผลไม้ เราไม่เคยค่ะ
4. ออกกำลังกายและการผักผ่อน นอนหลับ เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าโภชนาการ
สำหรับเรา เราว่า การออกกำลังกาย ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เมื่อเทียบกับเรื่องโภชนาการ ซึ่งให้ผลแตกต่างกันในแต่ละบุคคลมากกว่า
(เป็นคหสต. นะคะ หมายความว่า เรารู้สึกว่า เรื่องการกินเนี่ย น่าปวดหัว มีอะไรจุกจิก ยุบยิบ กว่าเรื่องออกกำลังกายอีกค่ะ)
แต่ไม่ใช่ว่า การออกกำลังกาย จะไม่ต้องศึกษาข้อมูลอะไร
ก็เหมือนเดิมค่ะ คุณต้องหาแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง คือก็ต้องลองทำดูค่ะ
บางคนไม่เหมาะกับการวิ่ง บางคนเหมาะกับการขี่จักรยาน หรืออื่นๆ
ตอนเราเริ่มออกกำลังกาย เราก็หาว่า มีอะไรให้เลือกทำได้บ้าง ต้องทำอะไรบ้าง
แล้วก็ต้องทำหนักแค่ไหน มากน้อย แค่ไหน ซึ่งต้องลองทำลองปรับดู (ถ้าไม่มีเทรนเนอร์ส่วนตัวนะคะ)
เราให้ข้อมูลสั้นๆ ที่คิดว่าจำเป็นละกันค่ะ คือ การออกกำลังกาย มี 3 หมู่ ซึ่งต้องทำทุกหมู่ เหมือนกินอาหารให้ครบทุกหมู่นั่นแหละค่ะ
1. การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ พวกยกเวท หรือออกกำลังที่มีแรงต้านต่างๆ วิดพื้น สควอท ฯลฯ
2. ความยืดหยุ่น พวกยืดเหยียดต่างๆ โยคะ อะไรพวกเนี้ย
3. ความแข็งแรงของหัวใจ พวกแอโรบิก หรือพวก cardio อะไรพวกนี้ค่ะ
ส่วนจะทำอะไร กี่นาที กี่วัน แบ่งสรรกันยังไง จัดตารางยังไง อันนี้ เราก็ลองทำดูให้เหมาะกับตัวเอง
แต่ถ้ามีเทรนเนอร์ เค้าก็จะแนะนำให้ได้นะคะ
เอาคร่าวๆ ประมาณนี้ละกันค่ะ
ส่งกำลังใจให้ค่ะ มันอาจฟังดูยากในการหาจุดลงตัวกับแต่ละคน แต่จริงๆ แล้ว เราก็เผชิญสิ่งนี้อยู่ค่ะ
คือ การหาความพอดีให้กับตัวเอง มีทางเดียวคือ หาข้อมูลพอได้แนวทางคร่าวๆ แล้ว ก็ต้องลองทำดู ลองปรับเปลี่ยนดูค่ะ
สู้ๆ ค่ะ
เราเข้าใจและเห็นใจค่ะ เพราะร่างกายแต่ละคน มัน sensitive กับเรื่องบางเรื่องต่างกัน
บางอย่างเหมาะกับบางคน ไม่ได้เหมาะกับทุกคน
หลายครั้งจึงต้องใช้ "การลองทำดู" ซึ่งบางทีมันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ที่จะหาว่า อะไรมันลงตัวกับตัวเราเอง
ในเคสเรา เราผอมค่ะ อยากสุขภาพแข็งแรงขึ้น เพิ่มน้ำหนักขึ้นบ้างก็โอเค
เรื่องรูปร่างไม่ต้องเป๊ะมากนัก ขอแค่สุขภาพแข็งแรงก็พอ
ไม่ว่าจะอยากผอมลงหรืออยากอ้วนขึ้น เราพบว่า เรื่องโภชนาการและการออกกำลังกาย มันต้องหา "ความลงตัว ความพอดี" กับตัวเอง
ซึ่งมันไม่ง่ายเหมือนกันค่ะ 555 เราเองก็พยายามปรับเปลี่ยนหาจุดพอดีอยู่เรื่อยๆ
แต่อย่าท้อค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. ทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด เราเคยลองค่ะ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับมัน
ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ว่าจะมีผลมากน้อยแค่ไหนหรือเชื่อถือได้มากแค่ไหนค่ะ
2. มื้อเช้า ค่อนข้างมีข้อมูลหนักแน่นหลายทางว่า ควรทานมื้อเช้าค่ะ ไม่ควรงดเด็ดขาด ส่วนจะทานอะไร ก็ลองหาอาหารที่เหมาะกับตัวเองนะคะ
เราเองไม่คุ้นกับมื้อเช้าเช่นกัน เพราะบางทีรีบตื่นไปทำงาน หรืออดนอน ก็จะออกแนวง่วงๆ มากกว่าจะหิว
แต่ก็ต้องฝืนทำค่ะ เป็นมื้อสำคัญเลยค่ะ (นอกจากอาหารแล้ว การนอนก็สำคัญ เวลานอนดึก อดนอน มันมักจะไม่ค่อยตื่น ไม่อยากกินมื้อเช้า)
3. ผักและผลไม้ ที่ถูกกรอกหูว่าดีต่อสุขภาพ ไม่ได้ดีเสมอไป เราเคยตะบี้ตะบันกิน ก็ไม่ได้ค่ะ 555
จากการทดลองด้วยตัวเองและครอบครัว ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไปค่ะ
ผลไม้บางอย่างน้ำตาลเยอะไปอย่างที่ทราบ ผักสดมากไป บางทีก็ย่อยยากสำหรับบางคน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นผักต้มบ้าง หรืออื่นๆ
ถึงบอกแหละค่ะว่า ในความจริง มันต้องลองดูค่ะ ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง
มันยากเหมือนกันเนอะ
ส่วนดีท๊อกซ์ด้วยน้ำผลไม้ เราไม่เคยค่ะ
4. ออกกำลังกายและการผักผ่อน นอนหลับ เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าโภชนาการ
สำหรับเรา เราว่า การออกกำลังกาย ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เมื่อเทียบกับเรื่องโภชนาการ ซึ่งให้ผลแตกต่างกันในแต่ละบุคคลมากกว่า
(เป็นคหสต. นะคะ หมายความว่า เรารู้สึกว่า เรื่องการกินเนี่ย น่าปวดหัว มีอะไรจุกจิก ยุบยิบ กว่าเรื่องออกกำลังกายอีกค่ะ)
แต่ไม่ใช่ว่า การออกกำลังกาย จะไม่ต้องศึกษาข้อมูลอะไร
ก็เหมือนเดิมค่ะ คุณต้องหาแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง คือก็ต้องลองทำดูค่ะ
บางคนไม่เหมาะกับการวิ่ง บางคนเหมาะกับการขี่จักรยาน หรืออื่นๆ
ตอนเราเริ่มออกกำลังกาย เราก็หาว่า มีอะไรให้เลือกทำได้บ้าง ต้องทำอะไรบ้าง
แล้วก็ต้องทำหนักแค่ไหน มากน้อย แค่ไหน ซึ่งต้องลองทำลองปรับดู (ถ้าไม่มีเทรนเนอร์ส่วนตัวนะคะ)
เราให้ข้อมูลสั้นๆ ที่คิดว่าจำเป็นละกันค่ะ คือ การออกกำลังกาย มี 3 หมู่ ซึ่งต้องทำทุกหมู่ เหมือนกินอาหารให้ครบทุกหมู่นั่นแหละค่ะ
1. การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ พวกยกเวท หรือออกกำลังที่มีแรงต้านต่างๆ วิดพื้น สควอท ฯลฯ
2. ความยืดหยุ่น พวกยืดเหยียดต่างๆ โยคะ อะไรพวกเนี้ย
3. ความแข็งแรงของหัวใจ พวกแอโรบิก หรือพวก cardio อะไรพวกนี้ค่ะ
ส่วนจะทำอะไร กี่นาที กี่วัน แบ่งสรรกันยังไง จัดตารางยังไง อันนี้ เราก็ลองทำดูให้เหมาะกับตัวเอง
แต่ถ้ามีเทรนเนอร์ เค้าก็จะแนะนำให้ได้นะคะ
เอาคร่าวๆ ประมาณนี้ละกันค่ะ
ส่งกำลังใจให้ค่ะ มันอาจฟังดูยากในการหาจุดลงตัวกับแต่ละคน แต่จริงๆ แล้ว เราก็เผชิญสิ่งนี้อยู่ค่ะ
คือ การหาความพอดีให้กับตัวเอง มีทางเดียวคือ หาข้อมูลพอได้แนวทางคร่าวๆ แล้ว ก็ต้องลองทำดู ลองปรับเปลี่ยนดูค่ะ
สู้ๆ ค่ะ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
อยากทราบว่าอาหารชนิดไหนการออกกำลังกายแบบไหนเหมาะกับร่างกายของเราจริงๆ???
นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขอ อภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เริ่มด้วยตัวเรานั้นพยายามลดความอ้วนมาตลอด ทำวิธีที่ผิดๆ โดยการกินยา จนท้ายที่สุดแล้ว กินตัวแรงแค่ไหนน้ำหนักก็ไม่ลง
แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือ โยโย่ นั่นเองค่ะ เราเลยพยายามหาความรู้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลด จาก บทความ หรือ กระทู้ รีวิวการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายที่ส่วนมาก
จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจาก ระบบเผาผลาญของเราได้พังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราทำใจแล้วค่ะที่จะยอมปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การลดความอ้วนแบบผิดๆนี้ให้หมดไปเราจะยอมบวมเพื่อวันข้างหน้า555
เราจึงศึกษาจากบทความและกระทู้ของเพื่อนๆชาวพันทิพบ้างก็เป็นกระทู้รีวิวการออกกำลังการเพื่อลดความอ้วน บ้างก็เป็นการแนะนำการกินให้กินคลีน บ้างก็แนะนำให้ทานตามกรุ๊ปเลือด หรือ แนะนำให้มีการ ดีท๊อกซ์ และสิ่งที่ถูกต้องที่สุดคือห้ามอด ทานครบทุกมื้อ เน้นมื้อเช้าหนักๆ เพลาๆมื้อเย็น ว่าด้วยเรื่องบทความพออ่านเยอะเข้าความสงสัยมันก็เยอะขึ้นจึงอยากมาสอบถามผู้รู้ค่ะ
คำถามแรกคือ ทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดนั้นมันจริงหรือไม่ เนื่องจากเรากรุ๊ปบีค่ะ แล้วกรุ๊ปบี ก็ไม่ควรทานไก่ Whole grain มะเขือเทศ ถั่วเหลือง ซึ่งมันขัดกับการทานอาหารคลีน ที่ส่วนมากๆจะมีแต่เนื้อไก่ ข้าวกล้อง เต้าหู้ ในส่วนของอาหารคลีนนั้น ส่วนมากที่สั่งตามเน็ต ก็จะมี โซเดียมที่เยอะมาก ซึ่ง โซเดียมนั้นก็จะทำให้ร่างกายเราบวมน้ำได้ง่ายและจะโหยทานหนักกว่าเดิมเพราะอะไรที่รสชาติเค็มจะช่วยให้เจริญอาหาร สรุปแล้วอะไรถูกต้องและเหมาะสมกันแน่คะ?
คำถามที่สองคือ ตัวเราเองนั้นเป็นคนไม่เคยทานอาหารเช้า(ทัน)เลยค่ะ5555(ฉันยอมรับผิดทุกคำกล่าวหา) คือร่างกายมันจะชินกับการไม่ได้ทานพอมาทานมันก็พะอืดพะอมแต่ถ้าวันไหนไม่พะอืดพะอมก็จะทางรัวๆเช้าจรดเย็นแบบแปลกหูแปลกตามากๆเลยค่ะ แต่ถ้าทานแบบปกติคือ เที่ยง เย็น ก็จะอิ่มท้องไม่โหยหาอาหารเท่าไหร่ และจาก Research ที่ไปเจอมา ผลลัพธ์ที่ได้เกี่ยวกับทานอาหารนั้นคือจะทานเวลาไหนร่างกายก็จะเผาผลาญออกเหมือนกันในทุกๆมื้อสารอาหารที่ได้รับก็จะเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นมื้อไหนเราจึงอยากรู้ค่ะว่าถ้าเราต้องเลือกระหว่างทานแบบเดิมไม่โหย กับเริ่มฝึกทานมื้อเช้าแล้วซัดรัวทั้งวัน เราควรจะเลือกแบบไหนคะ เพราะอะไรคะ?
คำถามที่สาม การดีท๊อกซ์ด้วยน้ำผลไม้สกัดเย็น ได้ยินมามากค่ะ น้ำผักก็ดี ผลไม้ก็ดี ยิ่งเป็นผลไม้ที่กากใยสูงยิ่งดี แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลด ทั้งๆที่ทำดีท๊อกซ์ครบตามวันเวลาที่ผู้ขายแนะนำ และก็ไปเจอมาอีกเช่นเคยว่า ผลไม้ที่กากใยสูงๆ เช่น สับปะรด ส้มก็ดี มีน้ำตาลจากธรรมชาติเยอะมากซึ่งน้ำตาลก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อ้วน ยิ่งเป็นผลไม้สกัดเย็นก็คือน้ำหลอกดาวเพราะเท่ากับเราบริโภคน้ำตาลล้วนเนื่องจากเพียงเวลาไม่นานหลังคั้นน้ำวิตามินต่างๆก็อันตธารหายไปแล้ว สรุปมันดีหรือไม่ดีหรอคะ?
คำถามที่สี่การออกกำลังกายสม่ำเสมอ บางคนแนะนำให้วิ่ง แต่เราวิ่งไม่ได้เลยค่ะเพราะทุกครั้งที่วิ่งจะ วิ้งค์ๆที่หู เจ็บจี๊ด และเย็นขึ้นหัวเหมือนทานน้ำแข็งอ่ะค่ะ เราเลยเต้น ว่ายน้ำ ปีนเขา แทน แต่ที่เค้าว่าผู้หญิงกล้ามขึ้นช้ากว่าผู้ชายเยอะส่วนมากขึ้นยากมาก แต่เรานี่สิขึ้นง่ายมากๆเลยตอนนี้แขนใหญ่มากๆยิ่งพยายามออกกำลังเพื่อกระชับ แขนกับบวมแล้ว บึก แน่นขึ้น จนน่ากลัวอ่ะค่ะ ขาก็เป็นกล้าม หน้าท้องก็ชัดเลยอ่ะค่ะ ทำอย่างไรให้ลีนออกไปคะ เพราะถ้า งดแป้ง หรือกินคลีน ก็จะต้องย้อนกลับไปคำถามแรกอาหารคลีนโซเดียมเยอะทำให้บวมกับ Thoery ที่ว่าห้ามงดแป้งไม่งั้นร่างกายจะไม่เรียนรู้ที่จะย่อยแป้ง เราเลยไม่รู้ว่าต้องแบบไหนแขนเราถึงจะฟืบบ้างอ่ะค่ะ?
คำถามทั้งหมดนี้ ตัวเราเองก็ทราบดีนะคะว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจถ้าเรามีระเบียบวินัยกว่านี้เราคงไม่เป้นตุ่มน้ำอย่างทุกวันนี้ มันก็คงลดเอง ซึ่งเราก็พยายามอยู่นะคะ แต่เราก็สงสัยและอยากรู้จริงๆค่ะว่า ร่างกายของตัวเราเองนั้นเหมาะกับอาหารชนิดไหน ควรทานหรือไม่ทานอะไร เพราะเราเชื่อว่าร่างกายมนุษย์ไม่เหมือนกัน มันถึงเป้นที่มาว่าทำไมเราทำแบบคนนี้ไม่เห็นผอมเลยนะ เพราะการกินอยู่ ใช้ชีวิตต่างคนก็ต่างการ บางคนทานอันนีแล้วไม่อ้วน ท่อตรงบ้าง แต่บางคนทานไป ท้องอืดบ้าง ท้องเสียบ้าง หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายคนนี้กล้ามขึ้นเร็วมากแต่อีกคนจะเพิ่มน้ำหนักยังยากเลย ไอคนจะลดนี่ก็ยิ่งยาก เลยทำให้เราต้องการจะรู้มากขึ้นไปอีกค่ะว่าร่างกายของตัวเรานั้นรับอะไรได้บ้างแล้วจำนวนเท่าไหนถึงเหมาะถ้าเริ่มแล้วแล้วต้องมีการเพิ่มอาหารเพื่อฟื้นฟูการเผาผลาญจะต้องเพิ่มเป็นวัน สัปดาห์ เดือน ควรเพิ่มครั้งละเท่าไหร่ แล้วควรทานสิ่งไหนเพื่อช่วยฟื้นฟูการเผาผลาญเฉพาะบุคคล หรือเป็นเพราะสะรีระร่างกายเราเป็นแบบนี้เป็นแจ้เนื้อแน่นแบบนี้มันคือธรรมชาติหรือ? รบกวนเพื่อนๆพี่ๆและทุกๆคนช่วยตอบหรือพอจะมีคำแนะนำอะไรได้บ้างไหมคะ เราอยากทราบจริงๆค่ะ เพื่อนำมาเป็นแนวทางการลดน้ำหนักที่ถูกต้องและไม่อันตรายต่อสุขภาพกายและใจ
ต้องขออภัยอีกทีนะคะหากเราพูดจาไม่รู้เรื่อง
ขอบคุณค่ะ