>> ตอนที่ 1 - เฮเทอร์ (1/2)
http://ppantip.com/topic/35130752 , (2/2)
http://ppantip.com/topic/35135027
>> ตอนที่ 2 - เต็มใจ (1/2)
http://ppantip.com/topic/35143236 , (2/2)
http://ppantip.com/topic/35151778
>> ตอนที่ 3 - ลับตา (1/2)
http://ppantip.com/topic/35158889 , (2/2)
http://ppantip.com/topic/35162836
>> ตอนที่ 4 - วังหลวง (1/2)
http://ppantip.com/topic/35170650 , (2/2)
http://ppantip.com/topic/35178307
>> ตอนที่ 5 - นาเมส (1/2)
http://ppantip.com/topic/35187118
เฮเทอร์เดินนำนาเมสลัดเลาะแนวต้นไม้เพื่อหลบความร้อนของแสงแดด มือที่ยังกุมกันไว้อยู่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเบาหวิว ราวกับเท้าไม่ติดพื้นแม้ยามก้าวเดินผ่านทางขรุขระ
เมื่อมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งเธอและเนคเบมักจะมานั่งพักเวลาออกมาเก็บผักหรือผลไม้นอกบ้าน เฮเทอร์ก็หยุดเดิน มองหน้านาเมสเป็นเชิงบอกกล่าวให้พักกันตรงนี้ เขาพยักหน้ารับก่อนปล่อยมือเพื่อปลดผ้าคลุมหน้า มือที่ร้อนชื้นจากการเกาะกุมพลันเย็นวาบ เฮเทอร์เผลอจับมือตนเองยามนั่งลงข้างชายหนุ่ม
“เจ้าคงมีความสุขนะ ดูท่าคนที่นี่ดีกับเจ้ามาก”
นาเมสเอ่ยขึ้นและมองกลับไปยังบ้านของเนคเบ
“เจ้าค่ะ ท่านยายของเนคเบเอ็นดูข้ามาก และข้าเองก็เข้ากับเนคเบได้ดีมากด้วย นางดูแลข้าราวกับเป็นน้องสาวคนหนึ่ง”
“ใช่” นาเมสหันกลับมายิ้มให้เธอ “เพราะเจ้าเป็นคนน่ารักเช่นนี้ ทุกคนจึง ‘รัก’ เจ้า”
น้ำคำที่เขาย้ำเมื่อครู่ ทำให้เฮเทอร์ต้องก้มหน้าซ่อนยิ้มยามรับคำ “เจ้าค่ะ”
“เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าข้าคำนึงถึงเจ้าเสมอ” ชายหนุ่มฉวยมือของเธอไปกุมไว้อีกครั้ง “ข้านำความคิดถึงของข้าผ่านสิ่งที่ส่งมาให้เจ้า ได้รับบ้างหรือไม่”
“ข้าได้รับของของท่านแล้ว” หญิงสาวก้มหน้าตอบ นึกตำหนิตนเองว่าเธอคงเก็บอาการดีใจที่ได้เจอเขาไม่อยู่ เขาจึงกล้ามาเกี้ยวพาเธอถึงเพียงนี้
“ไม่เอาน่า เฮเทอร์” เขากล่าวเจือหัวเราะ “ข้ามิได้ถามว่าเจ้าได้รับของแล้วหรือไม่ ข้าถามว่า เจ้าได้รับความคิดถึงของข้าหรือไม่ ต่างหาก”
เฮเทอร์ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ความรู้สึกปลื้มปิติเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นสับสน ดูจากสิ่งของที่ฝากมาให้อย่างเหลือเฟือ เขาคงเป็นคนมั่งมีมากคนหนึ่ง แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่า ยิ่งเขาอุปถัมถ์เธอมากเท่าใด เธอยิ่งรู้สึกด้อยค่าเท่านั้น
เมื่อไรหนอ เธอจะสามารถพึ่งตนเองได้ และเหมาะสมพอจะรับไมตรีจากเขาได้เสียที
แล้วยิ่งความทรงจำที่ขาดหายของเธออีกเล่า
“นาเมส” เฮเทอร์เอ่ยเบาๆเหมือนเป็นเพียงการรำพึง ก่อนค่อยๆดึงมือของตนกลับ “หากท่านมีเจตนาเพียงจะบอกเรื่องนั้น ก็ไม่ต้องส่งมามากมายอย่างนี้”
“ก็ความคิดถึงของข้ามันมากมายนี่นะ เฮเทอร์”
เฮเทอร์ยิ้มรับ พยายามขับไล่ความรู้สึกต่ำต้อยออกไปและมองเพียงเจตนาของเขา
“รู้หรือไม่ สิบกว่าวันที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่ข้าไม่คิดถึงเจ้า” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มโดยไม่ยอมละสายตาไปจากเธอ “เจ้าทำได้อย่างไรกันนะ ทำให้ข้ามองไปทางใดก็เห็นแต่ใบหน้าของเจ้าข้างกองไฟในคืนนั้น”
คราวนี้เฮเทอร์ถึงกับขมวดคิ้ว
“ท่านต่างหากที่ทำให้ข้าแปลกใจ ไม่เจอกันสิบกว่าวัน ท่านเปลี่ยนจากคนเคร่งขรึมน่าเกรงขาม มาเป็นชายที่มีวาจาหวานหยาดเยิ้มเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
ได้ยินเช่นนั้น นาเมสถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ข้าไม่ใช่คนปากหวาน ข้าแค่พูดจากใจ ไม่เชื่อข้าหรือ”
แม้เฮเทอร์จะสั่นศีรษะแทนคำตอบ แต่กลับมีรอยยิ้มบนใบหน้า
“เชื่อเถิด ข้าไม่ใช่ผู้ชายที่มีวาจาล่อลวงเช่นนั้น ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ” ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “เฮเทอร์ ข้าอยากให้เจ้าไปอยู่ด้วย ...ไปอยู่กับข้าเถิด”
ความหนักแน่นในน้ำเสียงนั้น ทำให้เฮเทอร์เกือบตามไม่ทันเมื่อเขาถามอีกครั้ง
“ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นคราวก่อน เจ้าคงตอบข้าได้แล้วกระมัง”
เฮเทอร์ได้แต่นิ่งอึ้ง เขาจึงกล่าวต่อ
“ที่บ้านของข้าไม่มีใคร ทั้งพ่อแม่และภรรยาเก่าของข้าก็สิ้นไปหลายปีแล้ว ข้ามีแต่เรือนที่เต็มไปด้วยคนรับใช้แต่หาความสำราญไม่เจอ หากเจ้ายอมไปอยู่กับข้า ข้าจะยกเจ้าให้เป็นใหญ่ในเรือน จะดูแลเจ้าและปกป้องเจ้า จะทำให้เจ้ามีความสุขทุกวันทุกคืน อย่ากลัวไปเลยนะเฮเทอร์ มาอยู่กับข้าเถิด นะ”
เฮเทอร์ค่อยๆผ่อนลมหายใจ มองแต่มือของตน
“ท่านคิดดีแล้วหรือ สิบกว่าวันที่เราไม่ได้เจอกัน ท่านอาจคิดถึงข้าเพียงเพราะความรู้สึกชั่ววูบ”
“เหตุใดเจ้าจึงพูดดูถูกความรู้สึกของข้า และของตัวเองเช่นนั้น เฮเทอร์”
น้ำเสียงและแววตาของเขาทำให้เธอรู้สึกละอาย
“ได้โปรดเถิด เจ้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับข้ามิใช่หรือ ทำไมต้องลังเล”
“ข้าอาจจะทำให้ท่านผิดหวัง” หญิงสาวกล่าวอย่างคนกำลังครุ่นคิด
“ข้าไม่ได้หวังสิ่งใด นอกจากจะได้เห็นแววตาของเจ้ายามมองข้า ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้ายามยิ้มให้ข้า ได้กอดเจ้า ได้เชยชมเจ้า มีลูกกับเจ้าสักสามสี่คน”
คำพูดพร้อมรอยยิ้มของเขาทำให้เธอหัวเราะออกมา
“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว นาเมส”
ชายหนุ่มยิ้มร่า รับเสียงหัวเราะของเธอ
“ตกลงเถิดนะเฮเทอร์” นาเมสพูดพลางก้มหน้ามองเฮเทอร์ที่ก้มหลบตา “เช่นนี้เป็นไร ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้าไม่พูดอะไร ถือว่าตกลง ...หนึ่ง”
เสียงนับในทันทีของเขาทำให้เฮเทอร์เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ได้เห็นแววตาและรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ที่ส่งให้เธออย่างจงใจ
“...สอง ...สะ”
เฮเทอร์รีบยกมือปิดปากของเขาไว้ แต่โดยไม่ได้ตั้งตัวก็เหมือนริมฝีปากนั้นขยับจูบมือเธอ หญิงสาวรีบชักมือกลับทันที
“สาม”
นาเมสนับเสียงดังเหมือนจงใจตอกย้ำ เมื่อเฮเทอร์หันขวับไปมอง เขาก็ยิ้มให้และพูดก่อนที่เธอจะทันเอ่ยอะไร
“เป็นอันตกลง”
“เดี๋ยวสิ ...เอ๊ะ”
เฮเทอร์อุทานด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆชายหนุ่มก็ตวัดแขนทั้งสองรวบเธอกอดไว้แนบกาย หญิงสาวพยายามดันอกเขาออกห่าง
“นาเมส ...อุ้ย”
เธอกำลังจะตำหนิเขา แต่เขากลับขโมยจูบแก้มโดยไม่ให้ตั้งตัวอีก
“ท่านฉวยโอกาส”
เฮเทอร์อุทานเมื่อโดนชายหนุ่มจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัวได้ติดๆกัน
“ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน ขอชื่นใจสักครั้งเถิดนะ เฮเทอร์”
เสียงของเขาที่กระซิบอยู่แนบหูทำให้เธอถึงกับหดตัวเกร็ง
“ท่านคนมากเล่ห์ ปล่อยข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่าน” เฮเทอร์พยามขับไล่ความหวั่นไหวออกจากน้ำเสียง ใช้มือข้างหนึ่งผลักอกเขาให้ออกห่าง
แต่ยิ่งเธอดิ้น ก็เหมือนเขายิ่งรัดร่างเธอไว้แนบแน่น
>>ความทรงจำใต้ผืนทราย ตอนที่ 5 - นาเมส (2/2)<<
>> ตอนที่ 2 - เต็มใจ (1/2) http://ppantip.com/topic/35143236 , (2/2) http://ppantip.com/topic/35151778
>> ตอนที่ 3 - ลับตา (1/2) http://ppantip.com/topic/35158889 , (2/2) http://ppantip.com/topic/35162836
>> ตอนที่ 4 - วังหลวง (1/2) http://ppantip.com/topic/35170650 , (2/2) http://ppantip.com/topic/35178307
>> ตอนที่ 5 - นาเมส (1/2) http://ppantip.com/topic/35187118
เฮเทอร์เดินนำนาเมสลัดเลาะแนวต้นไม้เพื่อหลบความร้อนของแสงแดด มือที่ยังกุมกันไว้อยู่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเบาหวิว ราวกับเท้าไม่ติดพื้นแม้ยามก้าวเดินผ่านทางขรุขระ
เมื่อมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งเธอและเนคเบมักจะมานั่งพักเวลาออกมาเก็บผักหรือผลไม้นอกบ้าน เฮเทอร์ก็หยุดเดิน มองหน้านาเมสเป็นเชิงบอกกล่าวให้พักกันตรงนี้ เขาพยักหน้ารับก่อนปล่อยมือเพื่อปลดผ้าคลุมหน้า มือที่ร้อนชื้นจากการเกาะกุมพลันเย็นวาบ เฮเทอร์เผลอจับมือตนเองยามนั่งลงข้างชายหนุ่ม
“เจ้าคงมีความสุขนะ ดูท่าคนที่นี่ดีกับเจ้ามาก”
นาเมสเอ่ยขึ้นและมองกลับไปยังบ้านของเนคเบ
“เจ้าค่ะ ท่านยายของเนคเบเอ็นดูข้ามาก และข้าเองก็เข้ากับเนคเบได้ดีมากด้วย นางดูแลข้าราวกับเป็นน้องสาวคนหนึ่ง”
“ใช่” นาเมสหันกลับมายิ้มให้เธอ “เพราะเจ้าเป็นคนน่ารักเช่นนี้ ทุกคนจึง ‘รัก’ เจ้า”
น้ำคำที่เขาย้ำเมื่อครู่ ทำให้เฮเทอร์ต้องก้มหน้าซ่อนยิ้มยามรับคำ “เจ้าค่ะ”
“เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าข้าคำนึงถึงเจ้าเสมอ” ชายหนุ่มฉวยมือของเธอไปกุมไว้อีกครั้ง “ข้านำความคิดถึงของข้าผ่านสิ่งที่ส่งมาให้เจ้า ได้รับบ้างหรือไม่”
“ข้าได้รับของของท่านแล้ว” หญิงสาวก้มหน้าตอบ นึกตำหนิตนเองว่าเธอคงเก็บอาการดีใจที่ได้เจอเขาไม่อยู่ เขาจึงกล้ามาเกี้ยวพาเธอถึงเพียงนี้
“ไม่เอาน่า เฮเทอร์” เขากล่าวเจือหัวเราะ “ข้ามิได้ถามว่าเจ้าได้รับของแล้วหรือไม่ ข้าถามว่า เจ้าได้รับความคิดถึงของข้าหรือไม่ ต่างหาก”
เฮเทอร์ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ความรู้สึกปลื้มปิติเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นสับสน ดูจากสิ่งของที่ฝากมาให้อย่างเหลือเฟือ เขาคงเป็นคนมั่งมีมากคนหนึ่ง แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่า ยิ่งเขาอุปถัมถ์เธอมากเท่าใด เธอยิ่งรู้สึกด้อยค่าเท่านั้น
เมื่อไรหนอ เธอจะสามารถพึ่งตนเองได้ และเหมาะสมพอจะรับไมตรีจากเขาได้เสียที
แล้วยิ่งความทรงจำที่ขาดหายของเธออีกเล่า
“นาเมส” เฮเทอร์เอ่ยเบาๆเหมือนเป็นเพียงการรำพึง ก่อนค่อยๆดึงมือของตนกลับ “หากท่านมีเจตนาเพียงจะบอกเรื่องนั้น ก็ไม่ต้องส่งมามากมายอย่างนี้”
“ก็ความคิดถึงของข้ามันมากมายนี่นะ เฮเทอร์”
เฮเทอร์ยิ้มรับ พยายามขับไล่ความรู้สึกต่ำต้อยออกไปและมองเพียงเจตนาของเขา
“รู้หรือไม่ สิบกว่าวันที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่ข้าไม่คิดถึงเจ้า” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มโดยไม่ยอมละสายตาไปจากเธอ “เจ้าทำได้อย่างไรกันนะ ทำให้ข้ามองไปทางใดก็เห็นแต่ใบหน้าของเจ้าข้างกองไฟในคืนนั้น”
คราวนี้เฮเทอร์ถึงกับขมวดคิ้ว
“ท่านต่างหากที่ทำให้ข้าแปลกใจ ไม่เจอกันสิบกว่าวัน ท่านเปลี่ยนจากคนเคร่งขรึมน่าเกรงขาม มาเป็นชายที่มีวาจาหวานหยาดเยิ้มเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
ได้ยินเช่นนั้น นาเมสถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ข้าไม่ใช่คนปากหวาน ข้าแค่พูดจากใจ ไม่เชื่อข้าหรือ”
แม้เฮเทอร์จะสั่นศีรษะแทนคำตอบ แต่กลับมีรอยยิ้มบนใบหน้า
“เชื่อเถิด ข้าไม่ใช่ผู้ชายที่มีวาจาล่อลวงเช่นนั้น ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ” ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “เฮเทอร์ ข้าอยากให้เจ้าไปอยู่ด้วย ...ไปอยู่กับข้าเถิด”
ความหนักแน่นในน้ำเสียงนั้น ทำให้เฮเทอร์เกือบตามไม่ทันเมื่อเขาถามอีกครั้ง
“ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นคราวก่อน เจ้าคงตอบข้าได้แล้วกระมัง”
เฮเทอร์ได้แต่นิ่งอึ้ง เขาจึงกล่าวต่อ
“ที่บ้านของข้าไม่มีใคร ทั้งพ่อแม่และภรรยาเก่าของข้าก็สิ้นไปหลายปีแล้ว ข้ามีแต่เรือนที่เต็มไปด้วยคนรับใช้แต่หาความสำราญไม่เจอ หากเจ้ายอมไปอยู่กับข้า ข้าจะยกเจ้าให้เป็นใหญ่ในเรือน จะดูแลเจ้าและปกป้องเจ้า จะทำให้เจ้ามีความสุขทุกวันทุกคืน อย่ากลัวไปเลยนะเฮเทอร์ มาอยู่กับข้าเถิด นะ”
เฮเทอร์ค่อยๆผ่อนลมหายใจ มองแต่มือของตน
“ท่านคิดดีแล้วหรือ สิบกว่าวันที่เราไม่ได้เจอกัน ท่านอาจคิดถึงข้าเพียงเพราะความรู้สึกชั่ววูบ”
“เหตุใดเจ้าจึงพูดดูถูกความรู้สึกของข้า และของตัวเองเช่นนั้น เฮเทอร์”
น้ำเสียงและแววตาของเขาทำให้เธอรู้สึกละอาย
“ได้โปรดเถิด เจ้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับข้ามิใช่หรือ ทำไมต้องลังเล”
“ข้าอาจจะทำให้ท่านผิดหวัง” หญิงสาวกล่าวอย่างคนกำลังครุ่นคิด
“ข้าไม่ได้หวังสิ่งใด นอกจากจะได้เห็นแววตาของเจ้ายามมองข้า ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้ายามยิ้มให้ข้า ได้กอดเจ้า ได้เชยชมเจ้า มีลูกกับเจ้าสักสามสี่คน”
คำพูดพร้อมรอยยิ้มของเขาทำให้เธอหัวเราะออกมา
“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว นาเมส”
ชายหนุ่มยิ้มร่า รับเสียงหัวเราะของเธอ
“ตกลงเถิดนะเฮเทอร์” นาเมสพูดพลางก้มหน้ามองเฮเทอร์ที่ก้มหลบตา “เช่นนี้เป็นไร ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้าไม่พูดอะไร ถือว่าตกลง ...หนึ่ง”
เสียงนับในทันทีของเขาทำให้เฮเทอร์เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ได้เห็นแววตาและรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ที่ส่งให้เธออย่างจงใจ
“...สอง ...สะ”
เฮเทอร์รีบยกมือปิดปากของเขาไว้ แต่โดยไม่ได้ตั้งตัวก็เหมือนริมฝีปากนั้นขยับจูบมือเธอ หญิงสาวรีบชักมือกลับทันที
“สาม”
นาเมสนับเสียงดังเหมือนจงใจตอกย้ำ เมื่อเฮเทอร์หันขวับไปมอง เขาก็ยิ้มให้และพูดก่อนที่เธอจะทันเอ่ยอะไร
“เป็นอันตกลง”
“เดี๋ยวสิ ...เอ๊ะ”
เฮเทอร์อุทานด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆชายหนุ่มก็ตวัดแขนทั้งสองรวบเธอกอดไว้แนบกาย หญิงสาวพยายามดันอกเขาออกห่าง
“นาเมส ...อุ้ย”
เธอกำลังจะตำหนิเขา แต่เขากลับขโมยจูบแก้มโดยไม่ให้ตั้งตัวอีก
“ท่านฉวยโอกาส”
เฮเทอร์อุทานเมื่อโดนชายหนุ่มจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัวได้ติดๆกัน
“ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน ขอชื่นใจสักครั้งเถิดนะ เฮเทอร์”
เสียงของเขาที่กระซิบอยู่แนบหูทำให้เธอถึงกับหดตัวเกร็ง
“ท่านคนมากเล่ห์ ปล่อยข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่าน” เฮเทอร์พยามขับไล่ความหวั่นไหวออกจากน้ำเสียง ใช้มือข้างหนึ่งผลักอกเขาให้ออกห่าง
แต่ยิ่งเธอดิ้น ก็เหมือนเขายิ่งรัดร่างเธอไว้แนบแน่น