เนื่องจากเรื่องของทิวเมฆนักเรียนผู้เคราะห์ร้าย วันนี้ ทั้งห้าคนนัดกันที่บ้านของดาวในตอนเย็น มีเพียงดาวเจ้าของบ้านเท่านั้นที่บอกว่าจะตามมาสมทบทีหลังเพราะต้องไปติวหนังสือกับเพื่อน
ครูพิลาวรรณหอบเอาหนังสือกองใหญ่มาจากส่วนจัดแสดงของโรงเรียนที่ตึกรับรอง หนังสือพวกนี้เป็นหนังสือครบรอบของโรงเรียนในปีต่างๆ ที่ทางโรงเรียนเก็บเอาไว้ ซึ่งครูพิลาวรรณคิดว่าน่าจะประโยชน์ในการสืบหาข้อมูลอยู่บ้าง
ประมาณหกโมงเย็น ภู ครูพิลาวรรณ หมอเจี๊ยบและผู้กองต้อมก็มาถึง ข้อมูลที่หมอเจี๊ยบชันสูตรพบ ถูกบอกให้ทุกคนรับรู้ก่อนที่ผลชันสูตรอย่างเป็นทางการจะออกมาเสียอีก ซึ่งแม้แต่ดาวก็ได้รับข้อมูลจากทางไลน์
จากผลการชันสูตรของหมอเจี๊ยบที่น่าสนใจนั้นอยู่ที่รอยเปื้อนของโคลนที่ติดตามเสื้อผ้า นิ้วและเล็บของศพมากกว่า ซึ่งหมายความว่านอกจากการจับปลาแล้ว ผู้ตายต้องมาทำอะไรที่สระอีกครั้ง แต่ภาพเหล่านั้นกลับไม่ปรากฏที่กล้อง
"แต่เจ้าปีศาจนั่นก็ทิ้งช่องโหว่เบ่อเร่อเลยนะ" ภูพูด ทำให้ครูพิลาวรรณที่ตามความคิดภูไม่ทันถามว่าช่องโหว่อะไร
จากการอธิบายของภูช่องโหว่ที่ว่าหมายถึงการใช้อำนาจของปีศาจบิดเบือนมิติ ที่กล้องจะจับภาพได้ คล้ายกับกรณีที่เกิดขึ้นในร้านพี่แก้มที่วิญญาณใช้อำนาจบิดเบือนมิติทำให้ร่างของเด็กหายไป
"แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ทางตำรวจก็ต้องสูบน้ำเพื่อหาหลักฐานเพิ่มนะ ถ้าผลชันสูตรอย่างเป็นทางการออกมา" ตำพูดของผู้กองต้อมนั้นยิ่งทำให้ครูพิลาวรรณดูมีความหวังขึ้น แต่ยังไงซะก็ยังไม่มีใครรู้ถึง "ตัวการ" ที่อยู่เบื้องหลัง
.......................................
"ดาวมีอะไรน่ะเห็นดูแต่โทรศัพท์ตั้งนานแล้ว" มลถามขณะที่กำลังติวอยู่ เพราะเห็นดาวก้มอ่านข้อความทางไลน์บ่อยๆ
"ยัยดาวมันทำงานพิเศษนะ ที่เราลากมันมาก็ไม่รู้ว่าจะรบกวนรึเปล่า"มิ้นพูด แต่เมื่อหันไปมองหน้ามล สีหน้าของเธอก็เหมือนจะรู้สึกผิดขึ้นมา
"ไม่เป็นไรๆ พวกแกไม่ต้องคิดมาก รีบติวกันเถอะ ยังไงซะเดี๋ยวฉันก็กลับไปทำงานต่อเองแหละ" ดาวยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อันที่จริงก็เพราะระดับนักเรียนดีเด่นอย่างดาว การลองทำแบบฝึกหัดต่างๆมันไม่ต้องใช้เวลามากเหมือนเพื่อนอีกสองคนของเธอ แต่ไปๆมาๆบรรยากาศการติวก็เหมือนว่าดาวมานั่งเล่นโทรศัพท์ เพื่อเฝ้าเพื่อนทั้งสองทำแบบฝึกหัดมากกว่า
"นี่ดาวข้อนี่แกสอนฉันหน่อยได้มั้ย" มลเอาโจทย์ข้อที่เธอไม่เข้าใจให้ดาวช่วยสอน แต่แม้จะเป็นนักเรียนดีเด่น การการสอนการบ้านของดาวนั้นอยู่ในระดับที่แย่มาก การอธิบายของดาวนั้นก็มีแต่ตัวดาวเองนั่นแหละที่เข้าใจ ซึ่งทำให้มลเหมือนไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ก็ดูเหมือนว่ามลจะไม่แคร์ เพราะเธอกำลังมีความสุขที่ได้เลื่อนมานั่งๆข้างดาว โดยมีแต่มิ้นที่มองผ่านแว่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ไหนลองทำให้ดูซิ" ดาวเปิดโอกาสให้มลทำบ้าง แต่ใบหน้ายิ้มแย้มกลับซีดเป็นไก่ต้มเพราะเธอก็ยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม ซึ่งมลก็ก้มหน้าก้มตางมอยู่นานจนท้อ
"มันจะอะไรกันนักกันหนา"มิ้นเปลี่ยนมาสอนมลบ้าง คำธิบายของมิ้นทำให้มลเข้าใจและทำโจทย์ข้อนี้ได้ ดาวที่เห็นเหตุการทุกอย่างก็ถึงกับเอ่ยคำที่ทำให้มลใจแป่วขึ้นมา
"มิ้นมันก็สอนแกได้นะ ทำไมไม่ติวกับมิ้นดูล่ะ" แม้ดาวจะพูดโดยไม่นึกอะไร แต่ในใจของมลกลับเกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ
"แกไม่อยากติวกับฉันแล้วเหรอ"คำพุดของมลดูจะเสียใจมากจนดาวต้องไปปลอบ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้ขี้แยเพียงใด
.................................................
"ทุกคนมาดูนี่ซิ" หมอเจี๊ยบเรียกทุกคนมาดูรูปจากหนังสืออนุสรณ์เล่มหนึ่ง มันเป็นรูปเก่าๆแต่คำบรรยายใต้รูปบอกว่าเป็นภาพถ่ายของโรงเรียนก่อนสร้าง
ภาพนั้นเป็นภาพเรือนไทยขนาดใหญ่ อยู่กลางพงหญ้าที่รก ไม่ห่างกันมากก็มีสระน้ำอยู่ตรงหน้าบ้านเลย สระน้ำนั้นก็คือสระกลางโรงเรียนในปัจจุบัน
บทความนี้บอกว่า เป็นที่ดินเดิมของหลวงนรินทร์ปกเกล้าที่ได้มอบไว้ให้รัฐบาลสร้างโรงเรียน และบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ก็ถูกรื้อเอาไม้มาสร้างอาคารเรียนในยุคแรก และอาคารรับรองซึ่งใช้เป็นห้องพักครูในขณะนั้น ซึ่งเสาเอกของบ้านต้นใหญ่ที่ไม่สามารถย้ายได้ ถูกใช้เป็นแกนเสาเอกของเรือนรับรองนั่นเอง
"หมายความว่าผีที่ฉันเจอคือผีบ้านผีเรือนของบ้านยังงั้นเหรอ" หมอเจี๊ยบรู้สึกขนลุกเมื่อรู้ว่าผีที่เธอเจอนั้นมีที่มายังไง
"มันก็น่าจะใช่นะ แต่ถ้าจากที่เล่า มันต้องมีอะไรที่ใหญ่กว่าผีบ้านผีเรือน แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ" ภูตั้งข้อสังเกต เพราะอันที่จริงผีบ้านผีเรือนถือว่าเป็นเทพ ดังนั้นคงแปลกมากหากจะโดนปีศาจควบคุมอีกที
"หรือว่านั่นไม่ใช่ผีบ้านผีเรือนกัน"ผู้กองต้อมตั้งข้อสังเกต แม้ท่าทีของภูกับหมอเจี๊ยบจะแบ่งรับแบ่งสู้กับแนวคิดนี้แต่มันก็อาจจะมีส่วนจริงไม่น้อย
"ทุกคนดูนี่สิคะ"ครูพิลาวรรณยื่นหนังสือีกเล่มหนึ่งให้ทุกคนอ่าน เนื้อความบอกว่าเมื่อนักเรียนเพิ่มขึ้น จึงมีการสร้างอาคารใหม่เพิ่ม ดังนั้นไม้บางส่วนจึงถูกรื้อจากอาคารเรียนเดิม ไปใช้เป็นส่วนประกอบต่างๆของอาคารเรียนใหม่
"อันนี้ก็น่าสนใจนะ" ภูให้ดูบทความเกี่ยวกับห้องนาฏศิลป์ อาคารเรือนไทยนั้นถูกสร้างโดยเอาเรือนไทยหลังเดิมเป็นแบบ และที่สำคัญ ได้มีการเอาเครื่องมือเครื่องใช้โบราณของบ้านรวมถึงเครื่องดนตรีเดิมมาเก็บไว้
"แต่ถึงแบบนั้น ผมก็ว่ามีเรื่องน่าแปลกอย่างนึงนะ"ภูตั้งข้อสังเกต หลังจากที่เห็นภาพถ่ายเก่าๆของโรงเรียนทั้งก่อนและหลังที่จะมาเป็นโรงเรียน
พื้นที่นี้เอาน้ำกินน้ำใช้มาจากไหนกัน
มันจะเป็นข้อสังเกตเล็กๆ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม ภูว่าอย่างนั้น เพราะแม้จะใกล้เรือกสวน แต่ก็ไกลจากแม่น้ำลำคลอง ดังนั้นน้ำกินน้ำใช้ต้องมาจากบ่อน้ำอย่างเดียว ซึ่งครูพิลาวรรณบอกว่าบ่อน้ำของโรงเรียนเพิ่งขุดตอนที่เป็นโรงเรียนแล้วเท่านั้น
"จะคิดมากทำไม ก็เอาจากน้ำในสระนั้นไม่ได้เหรอ" ผู้กองต้อมตอบ แต่ก้โดนหมอเจี๊ยบตบหัวไปทีนึง
"นี่คิดแล้วเหรอ น้ำในสระ มันไม่สะอาดพอหรอกนะ อีกอย่างสังคมไทย ถ้าไม่เอาน้ำจากแม่น้ำ ก็ต้องขุดบ่อน้ำเท่านั้น" แต่พอพูดไปแบบนั้นแล้วหมอเจี๊ยบก้ฉุกคิดขึ้นมาได้เหมือนภู
(จริงสิมันไม่มีบ่อน้ำนี่นา)
"บ่อน้ำ มันสำคัยกับเรื่องนี้ยังไงเหรอคะ"ครูพิลาวรรณถาม เพราะเธอก็ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง
"สำคัญสิครับ ในเมื่อเรายังหาตัวการที่เกิดเรื่องไม่ได้ แต่สิ่งที่ควรมีกลับไม่มี คนไทยสมัยก่อนเคารพบ่อน้ำมาก หากมีการขุดขึ้นมาใช้แล้ว แต่มีการกลบฝัง ถือว่าเป็นอาเพทร้ายแรง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันมั้ย แต่ถ้ามันเกี่ยวกับการถมบ่อน้ำจริงๆมันก็มีความเป็นไปได้ ที่เจ้าที่ที่ปกปักรักษาบ่อน้ำ จะโกรธจนกลายเป็นปีศาจฆ่าคนไป" ข้อสันนิฐานของภู ทำให้ครูพิลาวรรณกลับจนขนลุก ปริศนาดำมืดยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา ซ้ำหากมันเกี่ยวจริงก็ยากที่จะหาร่องรอยของบ่อน้ำเก่าที่หายไป
....................................
"ขอบใจนะแกที่มาส่ง"ดาวขอบคุณมลที่มาส่งเธอถึงบ้าน
พวกภูมารอรับดาวถึงหน้าบ้าน สีหน้าของดาวที่มลมองเห็น มีแต่ความสดใสยิ้มแย้ม กับการหัวเราะเล่นหัว ด่าว่าบ้างที่โดนภูแซว และเมื่อมาย้อนมองดูท่าทางของดาวตอนที่ไปติวกับเธอ มันช่างต่างกันลิบลับ
(ดาว แกไม่เคยรักฉันเลยเหรอ)
มลกำเกียร์รถจนแน่น ก่อนที่จะเลี้ยวรถกลับบ้านไปทั้งน้ำตา
...................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1
http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2
http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3
http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4
http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5
http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6
http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7
http://ppantip.com/topic/35052016
file 2-8
http://ppantip.com/topic/35060989
file 2-9
http://ppantip.com/topic/35069737
file 2-10
http://ppantip.com/topic/35083926
file 2-11
http://ppantip.com/topic/35090371
file 2-12
http://ppantip.com/topic/35098552
file 2-13
http://ppantip.com/topic/35109804
file 2-14
http://ppantip.com/topic/35118251
file 2-15
http://ppantip.com/topic/35125839
file 2-16
http://ppantip.com/topic/35137869
file 2-17
http://ppantip.com/topic/35145948
file 2-18
http://ppantip.com/topic/35164685
ป.ล.นี่คงใกล้ปลายเรื่องแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีใครเดาเรื่องออกมั้ย ยังไงลองทายกันมาเล่นๆก็ได้นะครับ
ตอนต่อไป
http://ppantip.com/topic/35180790
GHost Detective File 2-19 พิธีกรรมสยองขวัญ
ครูพิลาวรรณหอบเอาหนังสือกองใหญ่มาจากส่วนจัดแสดงของโรงเรียนที่ตึกรับรอง หนังสือพวกนี้เป็นหนังสือครบรอบของโรงเรียนในปีต่างๆ ที่ทางโรงเรียนเก็บเอาไว้ ซึ่งครูพิลาวรรณคิดว่าน่าจะประโยชน์ในการสืบหาข้อมูลอยู่บ้าง
ประมาณหกโมงเย็น ภู ครูพิลาวรรณ หมอเจี๊ยบและผู้กองต้อมก็มาถึง ข้อมูลที่หมอเจี๊ยบชันสูตรพบ ถูกบอกให้ทุกคนรับรู้ก่อนที่ผลชันสูตรอย่างเป็นทางการจะออกมาเสียอีก ซึ่งแม้แต่ดาวก็ได้รับข้อมูลจากทางไลน์
จากผลการชันสูตรของหมอเจี๊ยบที่น่าสนใจนั้นอยู่ที่รอยเปื้อนของโคลนที่ติดตามเสื้อผ้า นิ้วและเล็บของศพมากกว่า ซึ่งหมายความว่านอกจากการจับปลาแล้ว ผู้ตายต้องมาทำอะไรที่สระอีกครั้ง แต่ภาพเหล่านั้นกลับไม่ปรากฏที่กล้อง
"แต่เจ้าปีศาจนั่นก็ทิ้งช่องโหว่เบ่อเร่อเลยนะ" ภูพูด ทำให้ครูพิลาวรรณที่ตามความคิดภูไม่ทันถามว่าช่องโหว่อะไร
จากการอธิบายของภูช่องโหว่ที่ว่าหมายถึงการใช้อำนาจของปีศาจบิดเบือนมิติ ที่กล้องจะจับภาพได้ คล้ายกับกรณีที่เกิดขึ้นในร้านพี่แก้มที่วิญญาณใช้อำนาจบิดเบือนมิติทำให้ร่างของเด็กหายไป
"แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ทางตำรวจก็ต้องสูบน้ำเพื่อหาหลักฐานเพิ่มนะ ถ้าผลชันสูตรอย่างเป็นทางการออกมา" ตำพูดของผู้กองต้อมนั้นยิ่งทำให้ครูพิลาวรรณดูมีความหวังขึ้น แต่ยังไงซะก็ยังไม่มีใครรู้ถึง "ตัวการ" ที่อยู่เบื้องหลัง
.......................................
"ดาวมีอะไรน่ะเห็นดูแต่โทรศัพท์ตั้งนานแล้ว" มลถามขณะที่กำลังติวอยู่ เพราะเห็นดาวก้มอ่านข้อความทางไลน์บ่อยๆ
"ยัยดาวมันทำงานพิเศษนะ ที่เราลากมันมาก็ไม่รู้ว่าจะรบกวนรึเปล่า"มิ้นพูด แต่เมื่อหันไปมองหน้ามล สีหน้าของเธอก็เหมือนจะรู้สึกผิดขึ้นมา
"ไม่เป็นไรๆ พวกแกไม่ต้องคิดมาก รีบติวกันเถอะ ยังไงซะเดี๋ยวฉันก็กลับไปทำงานต่อเองแหละ" ดาวยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อันที่จริงก็เพราะระดับนักเรียนดีเด่นอย่างดาว การลองทำแบบฝึกหัดต่างๆมันไม่ต้องใช้เวลามากเหมือนเพื่อนอีกสองคนของเธอ แต่ไปๆมาๆบรรยากาศการติวก็เหมือนว่าดาวมานั่งเล่นโทรศัพท์ เพื่อเฝ้าเพื่อนทั้งสองทำแบบฝึกหัดมากกว่า
"นี่ดาวข้อนี่แกสอนฉันหน่อยได้มั้ย" มลเอาโจทย์ข้อที่เธอไม่เข้าใจให้ดาวช่วยสอน แต่แม้จะเป็นนักเรียนดีเด่น การการสอนการบ้านของดาวนั้นอยู่ในระดับที่แย่มาก การอธิบายของดาวนั้นก็มีแต่ตัวดาวเองนั่นแหละที่เข้าใจ ซึ่งทำให้มลเหมือนไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ก็ดูเหมือนว่ามลจะไม่แคร์ เพราะเธอกำลังมีความสุขที่ได้เลื่อนมานั่งๆข้างดาว โดยมีแต่มิ้นที่มองผ่านแว่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ไหนลองทำให้ดูซิ" ดาวเปิดโอกาสให้มลทำบ้าง แต่ใบหน้ายิ้มแย้มกลับซีดเป็นไก่ต้มเพราะเธอก็ยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม ซึ่งมลก็ก้มหน้าก้มตางมอยู่นานจนท้อ
"มันจะอะไรกันนักกันหนา"มิ้นเปลี่ยนมาสอนมลบ้าง คำธิบายของมิ้นทำให้มลเข้าใจและทำโจทย์ข้อนี้ได้ ดาวที่เห็นเหตุการทุกอย่างก็ถึงกับเอ่ยคำที่ทำให้มลใจแป่วขึ้นมา
"มิ้นมันก็สอนแกได้นะ ทำไมไม่ติวกับมิ้นดูล่ะ" แม้ดาวจะพูดโดยไม่นึกอะไร แต่ในใจของมลกลับเกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ
"แกไม่อยากติวกับฉันแล้วเหรอ"คำพุดของมลดูจะเสียใจมากจนดาวต้องไปปลอบ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้ขี้แยเพียงใด
.................................................
"ทุกคนมาดูนี่ซิ" หมอเจี๊ยบเรียกทุกคนมาดูรูปจากหนังสืออนุสรณ์เล่มหนึ่ง มันเป็นรูปเก่าๆแต่คำบรรยายใต้รูปบอกว่าเป็นภาพถ่ายของโรงเรียนก่อนสร้าง
ภาพนั้นเป็นภาพเรือนไทยขนาดใหญ่ อยู่กลางพงหญ้าที่รก ไม่ห่างกันมากก็มีสระน้ำอยู่ตรงหน้าบ้านเลย สระน้ำนั้นก็คือสระกลางโรงเรียนในปัจจุบัน
บทความนี้บอกว่า เป็นที่ดินเดิมของหลวงนรินทร์ปกเกล้าที่ได้มอบไว้ให้รัฐบาลสร้างโรงเรียน และบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ก็ถูกรื้อเอาไม้มาสร้างอาคารเรียนในยุคแรก และอาคารรับรองซึ่งใช้เป็นห้องพักครูในขณะนั้น ซึ่งเสาเอกของบ้านต้นใหญ่ที่ไม่สามารถย้ายได้ ถูกใช้เป็นแกนเสาเอกของเรือนรับรองนั่นเอง
"หมายความว่าผีที่ฉันเจอคือผีบ้านผีเรือนของบ้านยังงั้นเหรอ" หมอเจี๊ยบรู้สึกขนลุกเมื่อรู้ว่าผีที่เธอเจอนั้นมีที่มายังไง
"มันก็น่าจะใช่นะ แต่ถ้าจากที่เล่า มันต้องมีอะไรที่ใหญ่กว่าผีบ้านผีเรือน แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ" ภูตั้งข้อสังเกต เพราะอันที่จริงผีบ้านผีเรือนถือว่าเป็นเทพ ดังนั้นคงแปลกมากหากจะโดนปีศาจควบคุมอีกที
"หรือว่านั่นไม่ใช่ผีบ้านผีเรือนกัน"ผู้กองต้อมตั้งข้อสังเกต แม้ท่าทีของภูกับหมอเจี๊ยบจะแบ่งรับแบ่งสู้กับแนวคิดนี้แต่มันก็อาจจะมีส่วนจริงไม่น้อย
"ทุกคนดูนี่สิคะ"ครูพิลาวรรณยื่นหนังสือีกเล่มหนึ่งให้ทุกคนอ่าน เนื้อความบอกว่าเมื่อนักเรียนเพิ่มขึ้น จึงมีการสร้างอาคารใหม่เพิ่ม ดังนั้นไม้บางส่วนจึงถูกรื้อจากอาคารเรียนเดิม ไปใช้เป็นส่วนประกอบต่างๆของอาคารเรียนใหม่
"อันนี้ก็น่าสนใจนะ" ภูให้ดูบทความเกี่ยวกับห้องนาฏศิลป์ อาคารเรือนไทยนั้นถูกสร้างโดยเอาเรือนไทยหลังเดิมเป็นแบบ และที่สำคัญ ได้มีการเอาเครื่องมือเครื่องใช้โบราณของบ้านรวมถึงเครื่องดนตรีเดิมมาเก็บไว้
"แต่ถึงแบบนั้น ผมก็ว่ามีเรื่องน่าแปลกอย่างนึงนะ"ภูตั้งข้อสังเกต หลังจากที่เห็นภาพถ่ายเก่าๆของโรงเรียนทั้งก่อนและหลังที่จะมาเป็นโรงเรียน
พื้นที่นี้เอาน้ำกินน้ำใช้มาจากไหนกัน
มันจะเป็นข้อสังเกตเล็กๆ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม ภูว่าอย่างนั้น เพราะแม้จะใกล้เรือกสวน แต่ก็ไกลจากแม่น้ำลำคลอง ดังนั้นน้ำกินน้ำใช้ต้องมาจากบ่อน้ำอย่างเดียว ซึ่งครูพิลาวรรณบอกว่าบ่อน้ำของโรงเรียนเพิ่งขุดตอนที่เป็นโรงเรียนแล้วเท่านั้น
"จะคิดมากทำไม ก็เอาจากน้ำในสระนั้นไม่ได้เหรอ" ผู้กองต้อมตอบ แต่ก้โดนหมอเจี๊ยบตบหัวไปทีนึง
"นี่คิดแล้วเหรอ น้ำในสระ มันไม่สะอาดพอหรอกนะ อีกอย่างสังคมไทย ถ้าไม่เอาน้ำจากแม่น้ำ ก็ต้องขุดบ่อน้ำเท่านั้น" แต่พอพูดไปแบบนั้นแล้วหมอเจี๊ยบก้ฉุกคิดขึ้นมาได้เหมือนภู
(จริงสิมันไม่มีบ่อน้ำนี่นา)
"บ่อน้ำ มันสำคัยกับเรื่องนี้ยังไงเหรอคะ"ครูพิลาวรรณถาม เพราะเธอก็ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง
"สำคัญสิครับ ในเมื่อเรายังหาตัวการที่เกิดเรื่องไม่ได้ แต่สิ่งที่ควรมีกลับไม่มี คนไทยสมัยก่อนเคารพบ่อน้ำมาก หากมีการขุดขึ้นมาใช้แล้ว แต่มีการกลบฝัง ถือว่าเป็นอาเพทร้ายแรง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันมั้ย แต่ถ้ามันเกี่ยวกับการถมบ่อน้ำจริงๆมันก็มีความเป็นไปได้ ที่เจ้าที่ที่ปกปักรักษาบ่อน้ำ จะโกรธจนกลายเป็นปีศาจฆ่าคนไป" ข้อสันนิฐานของภู ทำให้ครูพิลาวรรณกลับจนขนลุก ปริศนาดำมืดยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา ซ้ำหากมันเกี่ยวจริงก็ยากที่จะหาร่องรอยของบ่อน้ำเก่าที่หายไป
....................................
"ขอบใจนะแกที่มาส่ง"ดาวขอบคุณมลที่มาส่งเธอถึงบ้าน
พวกภูมารอรับดาวถึงหน้าบ้าน สีหน้าของดาวที่มลมองเห็น มีแต่ความสดใสยิ้มแย้ม กับการหัวเราะเล่นหัว ด่าว่าบ้างที่โดนภูแซว และเมื่อมาย้อนมองดูท่าทางของดาวตอนที่ไปติวกับเธอ มันช่างต่างกันลิบลับ
(ดาว แกไม่เคยรักฉันเลยเหรอ)
มลกำเกียร์รถจนแน่น ก่อนที่จะเลี้ยวรถกลับบ้านไปทั้งน้ำตา
...................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1 http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2 http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3 http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4 http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5 http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6 http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7 http://ppantip.com/topic/35052016
file 2-8 http://ppantip.com/topic/35060989
file 2-9 http://ppantip.com/topic/35069737
file 2-10 http://ppantip.com/topic/35083926
file 2-11 http://ppantip.com/topic/35090371
file 2-12 http://ppantip.com/topic/35098552
file 2-13 http://ppantip.com/topic/35109804
file 2-14 http://ppantip.com/topic/35118251
file 2-15 http://ppantip.com/topic/35125839
file 2-16 http://ppantip.com/topic/35137869
file 2-17 http://ppantip.com/topic/35145948
file 2-18 http://ppantip.com/topic/35164685
ป.ล.นี่คงใกล้ปลายเรื่องแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีใครเดาเรื่องออกมั้ย ยังไงลองทายกันมาเล่นๆก็ได้นะครับ
ตอนต่อไป http://ppantip.com/topic/35180790