ทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดของหมอเจี๊ยบ ภูและดาวก็รีบวิ่งเข้าไปในตึกรับรองเพื่อเข้าไปช่วย แล้วก็พบหมอเจี๊ยบนอนสลบอยู่บริเวณทางเดิน ภูจึงอุ้มหมอเจี๊ยบออกมาอย่างทุลักทุเล โดยที่ดาวคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ
หลังจากปฐมพยาบาลทั้งบีบนวด หรือเอายาดมมาให้ดม ซักพักเมื่อหมอเจี๊ยบได้สติจึงคว้ายาดมมาอุดจมูกตัวเอง จากนั้นจึงพยุงตัวเองเพื่อนั่ง
"ภู พี่เจี๊ยบฟื้นแล้ว"ดาวตะโกนบอกภูที่กำลังสำรวจความเรียบร้อย ในตัวตึกอยู่
พอตั้งสติได้ซักพัก หมอเจี๊ยบจึงออกมาจากหลังรถตู้เพื่อยืดเส้นยืดสาย ซึ่งภูที่กำลังปิดประตูตึกก็ออกมาพอดี
"ไงพี่ ฟื้นแล้วเหรอ" ภูทักไปแบบนั้นเมื่อเห็นหมอเจี๊ยบดีขึ้นแล้ว
"แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก แค่ตกใจเฉยๆ" จริงที่ว่าตกใจดูภูจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หมอเจี๊ยบไปเจออะไรมา แต่พอจะเอ่ยปากถาม หมอเจี๊ยบก็ยกมือขึ้นมาบอกว่าห้ามพูด
"ยังไม่สะดวกเล่าตอนนี้ เก็บของซะ เดี๋ยวค่อยคุยในรถ" ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของภูก็ดังขึ้น เขาจึงขอตัวไปรับโทรศัพท์จากนั้นไม่นานพอคุยเสร็จ ภูจึงเดินมาบอกทุกคนที่นั่งรออยู่ในรถแล้วว่า พ่อของครูพิลาวรรณเชิญทั้งสามคนไปคุยด้วยที่บ้าน เกี่ยวกับเรื่องที่ที่พ่อของครูทราบสมัยที่เป็นนักเรียน
และดูเหมือนว่าหมอเจี๊ยบจะเห็นดีเห็นงามด้วย จึงบังคับภูให้ไปในทันที โดยไม่สนว่าตัวเองเพิ่งเป็นลมมา
.................................................
บ้านของครูพิลาวรรณเป็นบ้านเรือนไทยประยุกต์ ซึ่งเมื่อดูจากบ้านก็บอกได้ว่าต้องเป็นตระกูลผู้ดีเก่า เพราะจากตัวบ้าน ขนาด และทำเล กลางเมืองแบบนี้ ถ้าไม่รวยมากก็คงเป็นมรดกตกทอดมา
ที่เรือนหลังใหญ่ แม่บ้านของบ้านที่เหมือนจะถอดแบบมาจากละครไทยเป๊ะๆทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ที่มวยผม ใส่ชุดสีขาว และผ้าถุง ซึ่งยิ่งตอกย้ำไปอีกว่าเป็นบ้านผู้ดีเก่าแน่ๆ ยิ่งกิริยาท่าทางตอนเสิร์ฟน้ำ สาวใช้ก็ยังคลานเข่ามาเสิร์ฟอีกต่างหาก จนทำให้ทั้งสามทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
"เป็นคุณหนูจริงๆด้วยสินะ" หมอเจี๊ยบแอบกระซิบดาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนดาวเองก้ไม่นึกไม่ฝันว่าบ้านผู้ดีแบบในละครจะมีจริงๆ ในขณะที่ภูเองก็สอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณบ้าน ตามวิสัยสอดรู้สอดเห็นของนักสืบ
ไม่นานนัก ครูพิลาวรรณก็เดินมาพร้อมกับคุณพ่อของเธอ เป็นชายมีอายุท่าทางใจดี แต่ก็ดูภูมิฐานอยู่เหมือนกัน
"สวัสดีครับ/ค่ะ" ทั้งสามคนยกมือไหว้ ส่วนคุณพ่อก็ยกมือรับไหว้ตามธรรมเนียม
"พ่อได้ฟังเรื่องจากหนูวรรณหมดแล้วล่ะ ขอบใจนะที่ช่วยลูกสาวพ่อไว้"
"ไม่เป็นไรครับ ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ให้ครูเค้าไปทำอะไรเสี่ยงแบบนั้น ภูตอบ ซึ่งก็ทำให้คุณพ่อหัวเราะขึ้นมา
"พ่อก็เค้าใจ ปกติพออยู่โรงเรียนยัยหนูก็ทำตัวเข้มมาตลอด ทั้งๆอยู่กับบ้านก็เป็นคุณหนูแท้ๆ" คุณพ่อเผาลูกสาวตัวเองให้ทั้งสามฟัง จนทำให้ครูพิลาวรรณที่นั่งอยู่ข้างๆต้องก้มหน้าด้วยความอาย
"แต่เห็นยัยหนูบอกว่าอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องลึกลับของโรงเรียนยังงั้นเหรอ"
"ค่ะ คือพวกหนูอยากรู้ว่าเรื่องเล่านี้มันเล่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะค่ะ" ดาวพูด ซึ่งทางฝั่งคุณพ่อก็ทำท่าเหมือนนึกอยู่ซักพัก แต่แล้วก็ตอบออกมาด้วยคำตอบที่ทำให้ทุกประหลาดใจ
"คือพ่อก็ไม่รู้เหมือนกันนะ" คำตอบของคุณพ่อทำให้ทุกคนหลุดคำว่า "อ้าว" มาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
"ฮ่าๆๆๆ คือพ่อก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตอนไหนเหมือนกันนะ แต่สมัยพ่อเรียน มันก็มีเรื่องเล่าแบบอยู่อยู่แล้วล่ะ พิธีปัจฉิมลับนั่นก็ด้วย รุ่นพ่อรู้สึกจะชื่อ จอห์น แรงเยอร์ อะไรนี่แหละ" คุณพ่อปล่อยมุกทำให้ทุกคนเงิบกันเป็นแถบ
"จอห์น แรงเยอร์ ตั้งแบบนั้นก้ได้ด้วยเหรอคะ" ดาวถาม ซึ่งคุณพ่อก็ตอบอย่างอารมย์ดีว่า
"ก็ใช่สิ เขาห้ามตั้งชื่อซ้ำกับเพื่อนในรุ่นใช่มั้ยล่ะ อีกอย่างรุ่นพ่อก็ไม่มีฝรั่งซักคน จะตั้ง ชื่อฝรั่งก็ไม่ผิดกติกาใช่มั้ย แต่รุ่นของหนูวรรณเนี้ย ตอนเอามาที่บ้านพ่อกลั้นขำแทบตาย นึกว่าลูกเอาแรดมาที่บ้านซะอีก" ครูพิลาวรรณก็ก้มหน้าด้วยความอายอีกที่พ่อของเธอขุดเรื่องเก่าๆมาเผาอีกแล้ว
ก็ก็ใช่ว่าคุณพ่อจะปล่อยมุกเป็นอย่างเดียว แต่เรื่องที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ คุณพ่อบอกว่าแม้ว่าในสมัยของคุณพ่อ จะมี7เรื่องลึกลับเหมือนตอนนี้ แต่ตึกเรียน ที่ครูพิลาวรรณเกิดเรื่องนั้นยังไม่มี เข้าใจว่าตึกนั้นสร้างมาตอนหลัง หลังจากที่โรงเรียนซื้อที่ดินมาสร้างตึกเพิ่มเติมได้แล้ว
"รุ่นพ่อน่ะ ตึกเรือนหมายถึง ตึกที่พวกลูกๆใช้เดินเรียนวิชาต่างๆนั่นแหละ" คำพูดของคุรพ่อทำให้ภูคิดขึ้นมาได้ทันที
"ถ้าอย่างนั้นหมายความว่า ตึกเรียนที่พวกเราเรียนอยู่ ไม่ใช่ตึกเรียนเดียวกับตึกเรียนในสมัยคุณพ่ออย่างนั้นสินะครับ" คุณพ่อพยักหน้า จนทำให้ภูคิดหนักว่าแนวทางสืบสวนของตัวเองนั้นมาถูกทางหรือเปล่า
"เดี๋ยวก่อนนะคะ อันที่จริงพวกหนูเดี๋ยวนี้ รู้แค่6เรื่องเท่านั้น แต่ครูพิลาวรรณบอกว่าเรื่องที่7 ที่ว่าห้ามนอนโรงเรียนนั้นมีแค่ครูที่รู้ แต่ทำไมรุ่นคุณพ่อถึงมีเรื่องนี้ด้วยล่ะคะ" ดาวหลังจากนั่งคิดอยู่นานจึงถามคำถามนี้ไป เพราะหากนักเรียนรู้แค่6เรื่อง แล้วคุณพ่อของครูดาวก็ไม่ได้เป็นครูของโรงเรียนนี้ ตามที่ครูดาวบอกว่าพ่อของเธอ เป็นข้าราชการ วึ่งก็ถือว่าแปลกที่ทำไมจู่ๆเรื่องนี้ถึงหายไป
"เพราะมีคนตายยังไงล่ะ" ครูพิลาวรรณชิงตอยแทน เมื่อคุณพ่อของเธอ จู่ๆก็ทำหน้าเศร้าาๆเมื่อได้ยินคำถามนี้
เมื่อได้ยินว่าคนตาย วงสนทนาก็เงียบไปพักหนึ่ง
"ใช่ สมัยนั้นพ่อตอนเรียนชั้นมศ.5 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน ก็มีรุ่นน้อง มศ.4 ที่มาลองของ แอบมานอนที่โรงเรียน จากนั้นรุ่งเช้าเค้าก็ตาย" คำพูดของคุณพ่อ ดูเศร้าแปลกๆ และยิ่งเมื่อรู้ว่าคนที่ตายก็คือน้องชายของคุณพ่อหรือคุณอาของครูพิลาวรรณเอง ก็ทำให้คุรพ่อถึงกับหลั่งน้ำตา
"หลังจากนั้นทางโรงเรียนจึงขอให้ปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้นักเรียนแต่ละรุ่นรู้ จะรู้ก็เพียงแค่ ครูเท่านั้น ทำให้เรื่องที่นักเรียนรู้ มีแค่6เรื่องเท่านั้นค่ะ" ครูพิลาวรรณพูดแทน เพราะพ่อของเธอคงไม่สามารถพูดต่อได้แล้ว แต่พ่อของครูพิลาวรรณก็ยกมือบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว
"จริงๆ บ้านหลังนี้เป็นของตระกูลภรรยาคุณปู่หลวงนรินทรืปกเกล้า แต่ที่ดินที่คุณปู่บริจาคให้เป็นโรงเรียนคือที่ดินเดิมของตระกูลท่าน ส่วนรายระเอียดมากกว่านี้น่ะ นอกจากคุณพ่อที่เสียไปแล้วก็น่าจะมีคุณลุงหลงที่อยู่บ้านข้างๆเท่านั้นแหละที่พอจะทราบ" คำบอกของคุณพ่อทำให้ทั้งสามดูจะมีหวังในการหาเบาะแสมากขึ้น
"แต่ตอนนี้คุณลุงเค้าเจ็บออดๆแอดๆต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ยังไงถ้าเค้าอยู่บ้านจะฝากให้ยัยหนูบอกไปก็แล้วกันนะ"
...................................................
หลังจากการพูดคุยจบลง ทางครูพิลาวรรณก็ชวนทั้งสามทานข้าวเย็นด้วยกัน ซึ่งทั้งสามคนดูจะตกใจมากที่รู้ว่าแม่บ้านคนแรกที่พวกเค้าเจอคือแม่ของครูพิลาวรรณนั้นเอง และตามคาด หมอเจี๊ยบก็ฟาดเรียบกับอาหารไทยสูตรชาววังจนแทบคลานกลับเหมือนเดิม ซึ่งเมื่อภูไปส่งหมอเจี๊ยบที่บ้าน เขาก็มาส่งดาวที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึง เธอจึงอาบน้ำและเข้านอนในทันที แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"ฮัลโหลดาวแกว่างรึเปล่า"
"มีอะไรเหรอมล กำลังจะนอน แต่พอคุยได้" มลเพื่อของเธอโทรมา
"นี่ก็ใกล้สอบแล้ว ฉันก็เลยว่าจะชวนแกติวหนังสือน่ะ" มลรีบพูดเข้าประเด็น
"ช่วงนี้ที่ทำงานพิเศษก็ยุ่งๆด้วยสิ แต่ถ้าปลีกตัวด้วยค่อยไปติวด้วยกันนะ"
"งั้นเหรอ" มลพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนผิดหวัง
"แล้วแกชวนมิ้นมันรึยังล่ะ"
"ยังเลย ยัยนั้นน่ะคงว่างแหละ แต่ฉันชวนแก ก็ไม่รู้ว่าแฟนแกจะว่าอะไรมั้ย" เมื่อได้ยินมลพูดว่าแฟน ดาวถึงกับตาสว่างเลยทันที
"ใครแฟนฉันยะ" ดาวถามย้อนไป
"ก็คนที่หล่อ สมาร์ทๆ เหมือนดารา ที่มาหาแกที่ห้องพยาบาลนั่นไง" มลพูดด้วยน้ำเสียงแอบเศร้า
"จะบ้าเหรอ อีตานั่นแค่เจ้านาย ตอนนี้ฉันยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอก" ดาวแก้ตัว
"งั้นเหรอ เห็นพวกแกสนิทกันก็นึกว่าคบกันซะอีก" มลรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินดาวปฏิเสธ
"เออ ยังไงแกก็ชวนมิ้นมันด้วยล่ะ แค่นี้ก่อนนะฉันง่วงมาก"
"ราตรีสวัสดิ์นะ" มลกดวางสาย
เธอยกมือถือขึ้นมาดูภาพพักหน้าจอ พรางเอามืออีกข้างลูบหน้าจอโทรศัพท์อย่างนุ่มนวล
"ฝันดีนะคะ ดาวที่รัก"
รูปในโทรศัพท์เป็นรูปดาวกับมลกอดคอกันในวันกีฬาสี รอยยิ้มของทั้งสองในรูปนั้น ทำให้มลน้ำตาไหลโยไม่รู้รู้ตัว เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเก็บความรักที่เกินเพื่อนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
.........................................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1
http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2
http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3
http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4
http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5
http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6
http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7
http://ppantip.com/topic/35052016
file 2-8
http://ppantip.com/topic/35060989
file 2-9
http://ppantip.com/topic/35069737
file 2-10
http://ppantip.com/topic/35083926
file 2-11
http://ppantip.com/topic/35090371
file 2-12
http://ppantip.com/topic/35098552
file 2-13
http://ppantip.com/topic/35109804
ป.ล.ตนแรกกะไว้ไม่เกิน20ตอนในคดีนี้ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว ยังไงก็ขอบคุณที่ยังตามกันมาถึงตอนนี้นะครับ
ตอนต่อไป
http://ppantip.com/topic/35125839
GHost Detective File 2-14 พิธีกรรมสยองขวัญ
หลังจากปฐมพยาบาลทั้งบีบนวด หรือเอายาดมมาให้ดม ซักพักเมื่อหมอเจี๊ยบได้สติจึงคว้ายาดมมาอุดจมูกตัวเอง จากนั้นจึงพยุงตัวเองเพื่อนั่ง
"ภู พี่เจี๊ยบฟื้นแล้ว"ดาวตะโกนบอกภูที่กำลังสำรวจความเรียบร้อย ในตัวตึกอยู่
พอตั้งสติได้ซักพัก หมอเจี๊ยบจึงออกมาจากหลังรถตู้เพื่อยืดเส้นยืดสาย ซึ่งภูที่กำลังปิดประตูตึกก็ออกมาพอดี
"ไงพี่ ฟื้นแล้วเหรอ" ภูทักไปแบบนั้นเมื่อเห็นหมอเจี๊ยบดีขึ้นแล้ว
"แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก แค่ตกใจเฉยๆ" จริงที่ว่าตกใจดูภูจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หมอเจี๊ยบไปเจออะไรมา แต่พอจะเอ่ยปากถาม หมอเจี๊ยบก็ยกมือขึ้นมาบอกว่าห้ามพูด
"ยังไม่สะดวกเล่าตอนนี้ เก็บของซะ เดี๋ยวค่อยคุยในรถ" ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของภูก็ดังขึ้น เขาจึงขอตัวไปรับโทรศัพท์จากนั้นไม่นานพอคุยเสร็จ ภูจึงเดินมาบอกทุกคนที่นั่งรออยู่ในรถแล้วว่า พ่อของครูพิลาวรรณเชิญทั้งสามคนไปคุยด้วยที่บ้าน เกี่ยวกับเรื่องที่ที่พ่อของครูทราบสมัยที่เป็นนักเรียน
และดูเหมือนว่าหมอเจี๊ยบจะเห็นดีเห็นงามด้วย จึงบังคับภูให้ไปในทันที โดยไม่สนว่าตัวเองเพิ่งเป็นลมมา
.................................................
บ้านของครูพิลาวรรณเป็นบ้านเรือนไทยประยุกต์ ซึ่งเมื่อดูจากบ้านก็บอกได้ว่าต้องเป็นตระกูลผู้ดีเก่า เพราะจากตัวบ้าน ขนาด และทำเล กลางเมืองแบบนี้ ถ้าไม่รวยมากก็คงเป็นมรดกตกทอดมา
ที่เรือนหลังใหญ่ แม่บ้านของบ้านที่เหมือนจะถอดแบบมาจากละครไทยเป๊ะๆทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ที่มวยผม ใส่ชุดสีขาว และผ้าถุง ซึ่งยิ่งตอกย้ำไปอีกว่าเป็นบ้านผู้ดีเก่าแน่ๆ ยิ่งกิริยาท่าทางตอนเสิร์ฟน้ำ สาวใช้ก็ยังคลานเข่ามาเสิร์ฟอีกต่างหาก จนทำให้ทั้งสามทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
"เป็นคุณหนูจริงๆด้วยสินะ" หมอเจี๊ยบแอบกระซิบดาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนดาวเองก้ไม่นึกไม่ฝันว่าบ้านผู้ดีแบบในละครจะมีจริงๆ ในขณะที่ภูเองก็สอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณบ้าน ตามวิสัยสอดรู้สอดเห็นของนักสืบ
ไม่นานนัก ครูพิลาวรรณก็เดินมาพร้อมกับคุณพ่อของเธอ เป็นชายมีอายุท่าทางใจดี แต่ก็ดูภูมิฐานอยู่เหมือนกัน
"สวัสดีครับ/ค่ะ" ทั้งสามคนยกมือไหว้ ส่วนคุณพ่อก็ยกมือรับไหว้ตามธรรมเนียม
"พ่อได้ฟังเรื่องจากหนูวรรณหมดแล้วล่ะ ขอบใจนะที่ช่วยลูกสาวพ่อไว้"
"ไม่เป็นไรครับ ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ให้ครูเค้าไปทำอะไรเสี่ยงแบบนั้น ภูตอบ ซึ่งก็ทำให้คุณพ่อหัวเราะขึ้นมา
"พ่อก็เค้าใจ ปกติพออยู่โรงเรียนยัยหนูก็ทำตัวเข้มมาตลอด ทั้งๆอยู่กับบ้านก็เป็นคุณหนูแท้ๆ" คุณพ่อเผาลูกสาวตัวเองให้ทั้งสามฟัง จนทำให้ครูพิลาวรรณที่นั่งอยู่ข้างๆต้องก้มหน้าด้วยความอาย
"แต่เห็นยัยหนูบอกว่าอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องลึกลับของโรงเรียนยังงั้นเหรอ"
"ค่ะ คือพวกหนูอยากรู้ว่าเรื่องเล่านี้มันเล่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะค่ะ" ดาวพูด ซึ่งทางฝั่งคุณพ่อก็ทำท่าเหมือนนึกอยู่ซักพัก แต่แล้วก็ตอบออกมาด้วยคำตอบที่ทำให้ทุกประหลาดใจ
"คือพ่อก็ไม่รู้เหมือนกันนะ" คำตอบของคุณพ่อทำให้ทุกคนหลุดคำว่า "อ้าว" มาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
"ฮ่าๆๆๆ คือพ่อก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตอนไหนเหมือนกันนะ แต่สมัยพ่อเรียน มันก็มีเรื่องเล่าแบบอยู่อยู่แล้วล่ะ พิธีปัจฉิมลับนั่นก็ด้วย รุ่นพ่อรู้สึกจะชื่อ จอห์น แรงเยอร์ อะไรนี่แหละ" คุณพ่อปล่อยมุกทำให้ทุกคนเงิบกันเป็นแถบ
"จอห์น แรงเยอร์ ตั้งแบบนั้นก้ได้ด้วยเหรอคะ" ดาวถาม ซึ่งคุณพ่อก็ตอบอย่างอารมย์ดีว่า
"ก็ใช่สิ เขาห้ามตั้งชื่อซ้ำกับเพื่อนในรุ่นใช่มั้ยล่ะ อีกอย่างรุ่นพ่อก็ไม่มีฝรั่งซักคน จะตั้ง ชื่อฝรั่งก็ไม่ผิดกติกาใช่มั้ย แต่รุ่นของหนูวรรณเนี้ย ตอนเอามาที่บ้านพ่อกลั้นขำแทบตาย นึกว่าลูกเอาแรดมาที่บ้านซะอีก" ครูพิลาวรรณก็ก้มหน้าด้วยความอายอีกที่พ่อของเธอขุดเรื่องเก่าๆมาเผาอีกแล้ว
ก็ก็ใช่ว่าคุณพ่อจะปล่อยมุกเป็นอย่างเดียว แต่เรื่องที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ คุณพ่อบอกว่าแม้ว่าในสมัยของคุณพ่อ จะมี7เรื่องลึกลับเหมือนตอนนี้ แต่ตึกเรียน ที่ครูพิลาวรรณเกิดเรื่องนั้นยังไม่มี เข้าใจว่าตึกนั้นสร้างมาตอนหลัง หลังจากที่โรงเรียนซื้อที่ดินมาสร้างตึกเพิ่มเติมได้แล้ว
"รุ่นพ่อน่ะ ตึกเรือนหมายถึง ตึกที่พวกลูกๆใช้เดินเรียนวิชาต่างๆนั่นแหละ" คำพูดของคุรพ่อทำให้ภูคิดขึ้นมาได้ทันที
"ถ้าอย่างนั้นหมายความว่า ตึกเรียนที่พวกเราเรียนอยู่ ไม่ใช่ตึกเรียนเดียวกับตึกเรียนในสมัยคุณพ่ออย่างนั้นสินะครับ" คุณพ่อพยักหน้า จนทำให้ภูคิดหนักว่าแนวทางสืบสวนของตัวเองนั้นมาถูกทางหรือเปล่า
"เดี๋ยวก่อนนะคะ อันที่จริงพวกหนูเดี๋ยวนี้ รู้แค่6เรื่องเท่านั้น แต่ครูพิลาวรรณบอกว่าเรื่องที่7 ที่ว่าห้ามนอนโรงเรียนนั้นมีแค่ครูที่รู้ แต่ทำไมรุ่นคุณพ่อถึงมีเรื่องนี้ด้วยล่ะคะ" ดาวหลังจากนั่งคิดอยู่นานจึงถามคำถามนี้ไป เพราะหากนักเรียนรู้แค่6เรื่อง แล้วคุณพ่อของครูดาวก็ไม่ได้เป็นครูของโรงเรียนนี้ ตามที่ครูดาวบอกว่าพ่อของเธอ เป็นข้าราชการ วึ่งก็ถือว่าแปลกที่ทำไมจู่ๆเรื่องนี้ถึงหายไป
"เพราะมีคนตายยังไงล่ะ" ครูพิลาวรรณชิงตอยแทน เมื่อคุณพ่อของเธอ จู่ๆก็ทำหน้าเศร้าาๆเมื่อได้ยินคำถามนี้
เมื่อได้ยินว่าคนตาย วงสนทนาก็เงียบไปพักหนึ่ง
"ใช่ สมัยนั้นพ่อตอนเรียนชั้นมศ.5 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน ก็มีรุ่นน้อง มศ.4 ที่มาลองของ แอบมานอนที่โรงเรียน จากนั้นรุ่งเช้าเค้าก็ตาย" คำพูดของคุณพ่อ ดูเศร้าแปลกๆ และยิ่งเมื่อรู้ว่าคนที่ตายก็คือน้องชายของคุณพ่อหรือคุณอาของครูพิลาวรรณเอง ก็ทำให้คุรพ่อถึงกับหลั่งน้ำตา
"หลังจากนั้นทางโรงเรียนจึงขอให้ปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้นักเรียนแต่ละรุ่นรู้ จะรู้ก็เพียงแค่ ครูเท่านั้น ทำให้เรื่องที่นักเรียนรู้ มีแค่6เรื่องเท่านั้นค่ะ" ครูพิลาวรรณพูดแทน เพราะพ่อของเธอคงไม่สามารถพูดต่อได้แล้ว แต่พ่อของครูพิลาวรรณก็ยกมือบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว
"จริงๆ บ้านหลังนี้เป็นของตระกูลภรรยาคุณปู่หลวงนรินทรืปกเกล้า แต่ที่ดินที่คุณปู่บริจาคให้เป็นโรงเรียนคือที่ดินเดิมของตระกูลท่าน ส่วนรายระเอียดมากกว่านี้น่ะ นอกจากคุณพ่อที่เสียไปแล้วก็น่าจะมีคุณลุงหลงที่อยู่บ้านข้างๆเท่านั้นแหละที่พอจะทราบ" คำบอกของคุณพ่อทำให้ทั้งสามดูจะมีหวังในการหาเบาะแสมากขึ้น
"แต่ตอนนี้คุณลุงเค้าเจ็บออดๆแอดๆต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ยังไงถ้าเค้าอยู่บ้านจะฝากให้ยัยหนูบอกไปก็แล้วกันนะ"
...................................................
หลังจากการพูดคุยจบลง ทางครูพิลาวรรณก็ชวนทั้งสามทานข้าวเย็นด้วยกัน ซึ่งทั้งสามคนดูจะตกใจมากที่รู้ว่าแม่บ้านคนแรกที่พวกเค้าเจอคือแม่ของครูพิลาวรรณนั้นเอง และตามคาด หมอเจี๊ยบก็ฟาดเรียบกับอาหารไทยสูตรชาววังจนแทบคลานกลับเหมือนเดิม ซึ่งเมื่อภูไปส่งหมอเจี๊ยบที่บ้าน เขาก็มาส่งดาวที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึง เธอจึงอาบน้ำและเข้านอนในทันที แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"ฮัลโหลดาวแกว่างรึเปล่า"
"มีอะไรเหรอมล กำลังจะนอน แต่พอคุยได้" มลเพื่อของเธอโทรมา
"นี่ก็ใกล้สอบแล้ว ฉันก็เลยว่าจะชวนแกติวหนังสือน่ะ" มลรีบพูดเข้าประเด็น
"ช่วงนี้ที่ทำงานพิเศษก็ยุ่งๆด้วยสิ แต่ถ้าปลีกตัวด้วยค่อยไปติวด้วยกันนะ"
"งั้นเหรอ" มลพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนผิดหวัง
"แล้วแกชวนมิ้นมันรึยังล่ะ"
"ยังเลย ยัยนั้นน่ะคงว่างแหละ แต่ฉันชวนแก ก็ไม่รู้ว่าแฟนแกจะว่าอะไรมั้ย" เมื่อได้ยินมลพูดว่าแฟน ดาวถึงกับตาสว่างเลยทันที
"ใครแฟนฉันยะ" ดาวถามย้อนไป
"ก็คนที่หล่อ สมาร์ทๆ เหมือนดารา ที่มาหาแกที่ห้องพยาบาลนั่นไง" มลพูดด้วยน้ำเสียงแอบเศร้า
"จะบ้าเหรอ อีตานั่นแค่เจ้านาย ตอนนี้ฉันยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอก" ดาวแก้ตัว
"งั้นเหรอ เห็นพวกแกสนิทกันก็นึกว่าคบกันซะอีก" มลรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินดาวปฏิเสธ
"เออ ยังไงแกก็ชวนมิ้นมันด้วยล่ะ แค่นี้ก่อนนะฉันง่วงมาก"
"ราตรีสวัสดิ์นะ" มลกดวางสาย
เธอยกมือถือขึ้นมาดูภาพพักหน้าจอ พรางเอามืออีกข้างลูบหน้าจอโทรศัพท์อย่างนุ่มนวล
"ฝันดีนะคะ ดาวที่รัก"
รูปในโทรศัพท์เป็นรูปดาวกับมลกอดคอกันในวันกีฬาสี รอยยิ้มของทั้งสองในรูปนั้น ทำให้มลน้ำตาไหลโยไม่รู้รู้ตัว เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเก็บความรักที่เกินเพื่อนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
.........................................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1 http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2 http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3 http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4 http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5 http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6 http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7 http://ppantip.com/topic/35052016
file 2-8 http://ppantip.com/topic/35060989
file 2-9 http://ppantip.com/topic/35069737
file 2-10 http://ppantip.com/topic/35083926
file 2-11 http://ppantip.com/topic/35090371
file 2-12 http://ppantip.com/topic/35098552
file 2-13 http://ppantip.com/topic/35109804
ป.ล.ตนแรกกะไว้ไม่เกิน20ตอนในคดีนี้ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว ยังไงก็ขอบคุณที่ยังตามกันมาถึงตอนนี้นะครับ
ตอนต่อไป http://ppantip.com/topic/35125839