บทที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/35100658
ภัทราเด็กสาวเข้าพักในหอพักคืนแรกก็โดนจัดหนักจากสิ่งเร้นลับ จนทำให้ต้องไปหาอาจารย์เพ็ญแข
แต่อาจารย์คนนี้กลับขังเธอไว้ในห้องพักโดยยังหาสาเหตุไม่ได้ เหตุการณ์ต่อไป.....
นึกเสียใจว่าไม่น่าลงมาเลย แต่ถ้าไม่ลงมาจะไปไหนล่ะ จะออกจากประตูห้องพักของอาจารย์ก็ไม่ได้เพราะมันล็อคตาย....ตอนนี้เหลือทางเดียว ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
=============
คืนนรก 4
=============
เด็กสาวปีนลงมา พลางมองหาสิ่งของพอใช้เป็นอาวุธสักอย่างพอให้อุ่นใจ แต่ก็ไม่มีอะไรจะใช้เป็นอาวุธได้ และถึงได้มีดหรือไม้สักท่อน ก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปใช้กับ”อะไร” เหมือนกัน
“อาจารย์คะ......" ลองเรียกดูด้วยเสียงค่อนข้างดัง เสียงเรียก ของเธอก้องกังวานในห้องอันเงียบงัน ไม่ว่าใครก็ตามอยู่บริเวณนั้น ต้องได้ยินแน่นอน แต่กลับปราศจากเสียงตอบกลับขานรับ
มีเสียงดังเหมือนใครบางคนถอนหายใจดังแว่วออกมาจากแห่งใดแห่งหนึ่งอย่างจับทิศทางไม่ได้ แต่ทำให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง เด็กสาวพยายามตั้งสติ รวบรวมกำลังใจเรียกขวัญกำลังใจที่กำลังจะโบยหนีไปในความเวิ้งว้างเร้นลับให้กลับมาอีกครั้ง เพราะไม่อย่างนั้นอาจเสียสติกับสถานการณ์น่าสะพรึงกลัว เธอนึกถึงคุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง เราไม่ใช่คนบาป ชีวิตผ่านมาไม่เคยทำร้ายใครสาหัสสากรรจ์ เราไม่ควรมาเจอความน่ากลัววิปริตโหดร้าย คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด...
ภัทราสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เมื่อบอกกับตนเองว่าพร้อมแล้ว จึงค่อยเดินอ้อมตู้ที่วางขวางทางไปยังด้านหลังอันน่าสงสัยอย่างระมัดระวัง ไม่อยากมองเต็มตาแต่ก็ต้องมองให้หายสงสัย หลังตู้ไม้ใหญ่เป็นเตียงนอนหรูหรา และบนเตียงใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย แสงตะเกียงโบราณสาดส่องจับไปยังใบหน้าของร่างนั้นเห็นชัดเจน
ใบหน้าขาวผมยาวสยายหลับตาพริ้ม แต่พอเห็นเต็มตาเด็กสาวก็ถึงกับขนลุกซู่สมองลั่นเปรี๊ยะ.. ดาวนับร้อยนับพันกระจายเต็มหน้า พื้นห้องเหมือนหมุนวนจมดิ่งลงไปข้างล่างอย่างไม่หยุดยั้ง เข่าอ่อนจนเซไปปะทะกับตู้ด้านหลังดังตึง...สมองมึนงงอย่างไม่รู้วิธีจะจัดการอย่างไรกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
ต่อให้ร่างนั้นนอนหลับตา ก็จำได้ชัดเจนว่า เป็นคนเดียวกับร่างที่เห็นว่าเดินออกมาจากเงาไม้หน้าหอพักช่วงหัวค่ำ ก่อนจะหายไปจากสายตาอย่างไร้วี่แวว.. เป็นร่างเดียวกับหญิงสาวผู้ผลุดขึ้นมาจากเตียงนอนในห้องพัก พร้อมกับอาการดิ้นรนอยู่บนกองเลือด ไม่มีทางเป็นใครอื่นได้ แสงตะเกียงไหววูบวาบเงาบนใบหน้าขาวซีด ประหนึ่งว่าขนตายาวงอนกำลังขยับกะพริบไหวคล้ายคนกำลังจะลืมตาตื่นขึ้นมา ภัทราพยายามบังคับให้ตัวเองเบือนหน้าหนี แต่บางอย่างสะกดตอกตรึงสายตาเธอให้จับจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาไปได้
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วเธอเป็นใคร ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว หรือว่าเป็นเพียงภาพหลอน คำถามมากมายผลุดขึ้นมาในความคิดประเดประดัง จนสมองพองโตแทบระเบิดด้วยความสงสัยและความกลัว พาลให้นึกถึงภาพสยองจิตที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่นถ้าเธอคนนี้ค่อยลุกขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร เด็กสาวรู้สึกว่ากาลเวลาถูกตอกตรึงปักสนิทแน่นิ่งเนิ่นนาน
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บแปรบบริเวณต้นแขนซ้าย หันกลับไปมองอย่างไม่ตั้งใจ และด้วยสัญชาตญาณแห่งการป้องกันตัว เด็กสาวใช้มืออีกข้างปัดโดยแรง
อาจารย์เพ็ญแขผงะออกไป เข็มฉีดยาหลุดจากมือกระเด็นตกลงไปยังพื้นห้องแตกกระจายใบหน้าของอาจารย์ดูน่ากลัวเหลือเกิน รอยย่นบนใบหน้าเหมือนเป็นรอยแตกแยกร่องลึกใยแมงมุมมากกว่าควรจะเป็น ดวงตาหรี่เรียวเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหมายขวัญ รอยแสยะยิ้มดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกลายเป็นแม่มดไปแล้วจริงๆ
“หัวแข็งมากนะ..” เสียงของอาจารย์ก็แหบพร่า และเต็มไปด้วยความโกรธแค้นผสมกับความเย้ยหยัน “ตอนแรกฉันกะว่าจะวางยาเธอ แต่ดันไม่ยอมดื่มเลยต้องใช้วิธีนี้”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ อาจารย์...” เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายร้องถามเสียงสั่น ถอยหลังไปจนขาปะทะกับขอบเตียงอย่างไม่รู้ตัว คนควรจะปกป้องคุ้มครองกลับกลายเป็นคนมุ่งร้าย แล้ว เธอถูกฉีดด้วยยาอะไรกันแน่ ทำไมสมองถึงหมุนคว้างอย่างนี้ พอถอยหลังไปชนกับเตียงเลยล้มพลิกคว่ำหน้าลงไปบนร่างผู้นอนนิ่งอยู่บนเตียง
ภัทราหวีดร้องสุดเสียงเมื่อล้มทับลงไปใส่ร่างเย็นชืดเหมือนสัมผัสคนตาย แรงกระแทกคงทำให้เส้นเอ็นของร่างบนเตียงเกิดการหดตัวกะทันหัน มือที่เคยวางราบแนบลำตัวจึงงอข้อศอกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นเตียง ปลายนิ้วเหยียดชี้เหยียดตรงขึ้นมา มองเผินๆ ดูเหมือนกับว่าร่างนั้นยกมือขึ้นมารับร่างของเด็กสาว ผู้กำลังดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดอันแห่งความน่าสะพรึงกลัว
เด็กสาวพยายามดันตัวออกจากวงแขนแข็งทื่อแต่เรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนหมด หน้าของเธอตะแคงห่างจากใบหน้าซีดขาวของร่างบนเตียงอย่างหมดทางดิ้นหนีห่างไปไม่กี่นิ้ว หญิงสาวลึกลับจะหันมาหาเธอเอง หรือเป็นเพราะแรงกระแทกอันเกิดจากการดิ้นรนก็ไม่ทราบทราบได้ หน้าขาวซีดค่อยสั่นไหวตามแรงดิ้นรนจนหันกลับมาหาเธอ เปลือกตากระตุกไปมาแล้วลืมตาโพลงค้างจ้องมองมาแน่วนิ่งอย่างปราศจากแวว
ดวงตาและใบหน้าคนตายชัดๆ จ้องมองมาห่างออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
สิ้นเสียงร้องครั้งสุดท้าย ความรู้สึกของเด็กสาวก็พังทลายครืนลง กลายเป็นความมืดดำปกคลุมไร้ขอบเขต
“พี่คะ...”
เสียงใสแว่วมาจากสถานที่ไกลแสนไกล ราวเป็นโลกแห่งความฝัน เสียงเพรียกเรียกหาจากความมืดมนอนธการในความรู้สึกหนักอึ้งหม่นมัว อยู่ในความมืดเยือกเย็น
ใครกันเรียกเรา ทำไมถึงมืดอย่างนี้ ภัทราหมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนเรือขาดหางเสือ
ลำแสงสีขาวพลันปรากฏขึ้นมา ณ จุดใดจุดหนึ่งของม่านแห่งความมืดก่อนขยายใหญ่ขึ้นทุกที ลำแสงเป็นถนนสายสีขาวทอดยาวมาจากความมืด
เด็กหญิงกับตุ๊กตาของเธอนั่นเอง มือยังอุ้มตุ๊กตาหมีตัวโปรด ใบหน้ากลมยังดูน่ารักไร้เดียงสาและเป็นมิตร กำลังเดินตรงมาหาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งเดียวพอทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจว่าตัวเองก็ยังไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
ก้มลงจับบ่าเล็กอย่างดีใจเมื่อเด็กหญิงเดินเข้ามาใกล้ ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับแม่หนูแม้แต่น้อย
“ทำไมหนูมาอยู่ที่นี่จ๊ะ...” เด็กสาวถาม จ้องมองนัยน์ตาใสคู่อย่างจะค้นหาความจริง บางทีเด็กหญิงลึกลับคนนี้อาจบอกอะไรบางอย่างที่มีประโยชน์ก็เป็นได้
“มันตามจับตัวหนู” เด็กน้อยเงยหน้าบอก แววตามีแววหวาดกลัว
“แต่มันยังจับตัวหนูไม่ได้หรอก หนูวิ่งเร็วและรู้วิธีหลบหลีกมันเป็นอย่างดี สมน้ำหน้ามันด้วยล่ะ...นานมากแล้วมันพยายามจับตัวหนู แต่มันก็ยังทำไม่ได้ค่ะ”
“อะไรที่มันตามจับตัวหนูจ๊ะ” เด็กสาวถามอีก
“มันมาจากข้างล่างค่ะ มาจากความมืด มันเข้ามาอยู่ในหอพักนานแล้ว รอเวลาเพื่อจะให้มันเก่งมากขึ้นกว่าเดิม ถึงตอนนั้น มันคงจับตัวหนูได้......”
เสียงเด็กหญิงลึกลับขาดหายไปกลายเป็นเสียงสะอื้น และน้ำตาไหลอาบแก้มใสเด็กสาวรวบร่างน้อยเข้ามากอดอย่างปลอบโยนและสงสาร เด็กคนนี้วิ่งหนีอะไรบางอย่างมานานแล้ว วิ่งหนีอย่างโดดเดี่ยวตื่นกลัวในความมืดเพียงลำพัง ทำไมชีวิตจิตวิญญาณบริสุทธิ์ไร้เดียงสาถึงมาพบกับเรื่องเลวร้ายได้นะ
“พี่ต้องหาทางหนีออกจากหอพักให้ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณแม่หนูจะกลับมาพร้อมกับวิญญาณอันชั่วร้าย มันรอคอยจังหวะจะเกะติดตามตามขึ้นมาด้วยค่ะ” เสียงใสๆนั้นบอกอีก
“แม่ของหนู..”
“แม่หนูตายไปแล้ว แต่คุณยายพยายามเรียกคุณแม่หนูกลับมาจากความตาย พี่คะ...ช่วยแม่หนูด้วยนะคะ ” มือเล็กจับแขนภัทราเขย่าพร้อมกับวงหน้าสายตาเต็มไปด้วยการขอร้องวิงวอน
“คุณแม่ไม่อยากกลับมาหรอกค่ะ เพราะคุณแม่รู้ว่าถ้ากลับมา ก็ต้องแลกกับชีวิตของพวกพี่ๆ ที่เข้ามาอยู่ในหอพัก ปีศาจมันต้องการของแลกเปลี่ยนในการทำให้วิญญาณคุณแม่กลับคืนมา จะต้องมีการสังเวยด้วยชีวิตของพวกพี่ๆ ปีละหลายคนเลย...หอพักจะกลายเป็นหอพักปีศาจ รอการกินวิญญาณของคนเข้ามาพัก พี่ต้องเอาตัวให้รอดจากมันไปนะคะ”
เด็กสาวขนลุกเกรียวทันทีเมื่อได้ฟังเรื่องอันไม่น่าเชื่อ แต่ไม่เชื่อคงทำไม่ได้แล้ว
เธอพอจะโยงไยเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน เป็นภาพค่อนข้างชัดเจน เด็กสาวผู้หนึ่งใช้ชีวิตในวัยเรียนผิดพลาดไปกับความรักความใคร่ แล้วตกเลือดตายในหอพัก เธออาจจะเป็นลูกของอาจารย์เพ็ญแขก็ได้ อาจารย์ถึงลงทุนทำอะไรต่อมิอะไรขนาดนี้
ทันใดนั้นความมืดก็สั่นไหว เสียงคำรามเกรี้ยวกราดกึกก้องมาจากมุมหนึ่งของความว่างเปล่ามืดมน
“มันตามหนูมาอีกแล้ว หนูต้องไปแล้วค่ะ” หนูน้อยผละออกจากอ้อมแขนของเด็กสาว แต่แล้วก็ผวาเข้ามากอดแนบแน่นอีกครั้งบอกว่า
“พี่ไม่ใช่แม่หนู แต่หนูก็รักพี่นะคะ ...อย่าลืมที่หนูพูดนะ หนูต้องไปแล้ว”
ร่างเล็กหันหลังวิ่งผมกระจายลับหายไปในความมืด ไอ้สิ่งชั่วร้ายจากนรกไม่ยกเว้นแม้แต่เด็กไร้เดียงสาน่ารักหรืออย่างไร วูบนั้นเด็กสาวเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวโมโห ทำไมไม่มีอำนาจอิทธิฤทธิ์พิเศษ จะได้กวาดล้างส่งพวกปีศาจกลับไปลงนรกให้หมด คำตอบคือการระเบิดครืนใหญ่ในความมืดพร้อมกับเสียงหัวเราะกึกก้องอันเต็มไปด้วยความชั่วร้าย สรรพสิ่งหมุนติ้วราวเศษไม้กลางสายน้ำวนเชี่ยว
“ฟื้นเร็วดีนี่”
เสียงแหบพร่าคุ้นหูกังวานในโสตประสาท เด็กสาวลืมตาขึ้นอย่างงงัน สะบัดหน้าไปมาเรียกความรู้สึกให้กลับคืน ลองขยับตัวดูแต่รู้สึกว่าเหมือนถูกมัดด้วยเชือกทำให้ขยับตัวไม่ได้ถนัด
และเมื่อสติกลับมาครบถ้วนก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องอันน่าสะพรึงกลัว ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ นั่งอยู่ข้างเตียง ยังมีร่างของหญิงสาวคนนั้นนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม อาจารย์เพ็ญแขสวมชุดสีดำยาวรุ่มร่ามเหมือนที่เห็นในหนังสยองขวัญ กำลังจัดของง่วนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเล็กเหมือนมีพิธีกรรมบางอย่าง บนโต๊ะมีเทียนสีดำจุดปักหลายเล่มเป็นรูปดาวห้าหรือหกแฉก สิ่งของแปลกอีกหลายอย่างล้วนดูผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ ภัทราก็ไม่มีเวลาพิจารณาเพราะยังมีสิ่งน่ากลัวอื่นๆวางเห็นชัดเจนสะดุตาอยู่ เช่น แมวดำตัวหนึ่งถูกเชือดคอตายคอห้อยออกมาจากชามโลหะรมดำขนาดใหญ่เลือดไหลรินลงไปยังพื้นโต๊ะพิธีกรรมไม่ขาดสาย กะโหลกของมนุษย์วางแสยะอยู่กลางวงล้อมของาไขว้สลับไปมาเป็นสัญลักษณ์แปลกพิสดาร
แต่น่ากลัวที่สุดคือใบมีดคมกริบในมือของอาจารย์เพ็ญแข
เด็กสาวพยายามดิ้นรน แต่รู้สึกว่าเรี่ยวแรงหายไปแทบหมดสิ้น อย่างมากทำได้เพียงขาขยับขาเก้าอี้กุกกักไปมาเท่านั้น
“ปล่อยหนูนะ อาจารย์ทำแบบนี้ทำไม” เด็กสาวพยายามร้องอ้อนวอน แต่นัยน์ตาอีกฝ่ายวาวโรจน์เต็มไปด้วยความเหี้ยมกรียมไม่มีท่าทางจะเมตตาปรานีเลยสักนิด มือของอาจารย์ประจำหอพักลูบคมมีดอย่างตรวจสอบความเรียบร้อยและความคมของใบมีดขณะเอ่ยปากต่อไปด้วยน้ำเสียงลากยาวเย็นยะเยือก
“กว่าฉันจะหาคนมีวัน เดือน ปี เกิด อย่างเธอมาได้ มันยากขนาดไหน ฉันต้องรอเป็นเวลาตั้งหลายปี ลงทุนไปมากมาย เธอคิดว่าการส่งหนังสือแจ้งวันมารายงานตัวเข้าหอผิดพลาดเป็นเรื่องบังเอิญหรือ สาวน้อยผู้น่าสงสาร เธอควรจะดีใจ ในการมีส่วนทำให้ลูกสาวของฉันกลับฟื้นขึ้นมา ไม่ใช่เป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างที่เห็น”
มีต่อครับ
คืนนรก...4
http://ppantip.com/topic/35100658
ภัทราเด็กสาวเข้าพักในหอพักคืนแรกก็โดนจัดหนักจากสิ่งเร้นลับ จนทำให้ต้องไปหาอาจารย์เพ็ญแข
แต่อาจารย์คนนี้กลับขังเธอไว้ในห้องพักโดยยังหาสาเหตุไม่ได้ เหตุการณ์ต่อไป.....
นึกเสียใจว่าไม่น่าลงมาเลย แต่ถ้าไม่ลงมาจะไปไหนล่ะ จะออกจากประตูห้องพักของอาจารย์ก็ไม่ได้เพราะมันล็อคตาย....ตอนนี้เหลือทางเดียว ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
=============
คืนนรก 4
=============
เด็กสาวปีนลงมา พลางมองหาสิ่งของพอใช้เป็นอาวุธสักอย่างพอให้อุ่นใจ แต่ก็ไม่มีอะไรจะใช้เป็นอาวุธได้ และถึงได้มีดหรือไม้สักท่อน ก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปใช้กับ”อะไร” เหมือนกัน
“อาจารย์คะ......" ลองเรียกดูด้วยเสียงค่อนข้างดัง เสียงเรียก ของเธอก้องกังวานในห้องอันเงียบงัน ไม่ว่าใครก็ตามอยู่บริเวณนั้น ต้องได้ยินแน่นอน แต่กลับปราศจากเสียงตอบกลับขานรับ
มีเสียงดังเหมือนใครบางคนถอนหายใจดังแว่วออกมาจากแห่งใดแห่งหนึ่งอย่างจับทิศทางไม่ได้ แต่ทำให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง เด็กสาวพยายามตั้งสติ รวบรวมกำลังใจเรียกขวัญกำลังใจที่กำลังจะโบยหนีไปในความเวิ้งว้างเร้นลับให้กลับมาอีกครั้ง เพราะไม่อย่างนั้นอาจเสียสติกับสถานการณ์น่าสะพรึงกลัว เธอนึกถึงคุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง เราไม่ใช่คนบาป ชีวิตผ่านมาไม่เคยทำร้ายใครสาหัสสากรรจ์ เราไม่ควรมาเจอความน่ากลัววิปริตโหดร้าย คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด...
ภัทราสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เมื่อบอกกับตนเองว่าพร้อมแล้ว จึงค่อยเดินอ้อมตู้ที่วางขวางทางไปยังด้านหลังอันน่าสงสัยอย่างระมัดระวัง ไม่อยากมองเต็มตาแต่ก็ต้องมองให้หายสงสัย หลังตู้ไม้ใหญ่เป็นเตียงนอนหรูหรา และบนเตียงใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย แสงตะเกียงโบราณสาดส่องจับไปยังใบหน้าของร่างนั้นเห็นชัดเจน
ใบหน้าขาวผมยาวสยายหลับตาพริ้ม แต่พอเห็นเต็มตาเด็กสาวก็ถึงกับขนลุกซู่สมองลั่นเปรี๊ยะ.. ดาวนับร้อยนับพันกระจายเต็มหน้า พื้นห้องเหมือนหมุนวนจมดิ่งลงไปข้างล่างอย่างไม่หยุดยั้ง เข่าอ่อนจนเซไปปะทะกับตู้ด้านหลังดังตึง...สมองมึนงงอย่างไม่รู้วิธีจะจัดการอย่างไรกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
ต่อให้ร่างนั้นนอนหลับตา ก็จำได้ชัดเจนว่า เป็นคนเดียวกับร่างที่เห็นว่าเดินออกมาจากเงาไม้หน้าหอพักช่วงหัวค่ำ ก่อนจะหายไปจากสายตาอย่างไร้วี่แวว.. เป็นร่างเดียวกับหญิงสาวผู้ผลุดขึ้นมาจากเตียงนอนในห้องพัก พร้อมกับอาการดิ้นรนอยู่บนกองเลือด ไม่มีทางเป็นใครอื่นได้ แสงตะเกียงไหววูบวาบเงาบนใบหน้าขาวซีด ประหนึ่งว่าขนตายาวงอนกำลังขยับกะพริบไหวคล้ายคนกำลังจะลืมตาตื่นขึ้นมา ภัทราพยายามบังคับให้ตัวเองเบือนหน้าหนี แต่บางอย่างสะกดตอกตรึงสายตาเธอให้จับจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาไปได้
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วเธอเป็นใคร ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว หรือว่าเป็นเพียงภาพหลอน คำถามมากมายผลุดขึ้นมาในความคิดประเดประดัง จนสมองพองโตแทบระเบิดด้วยความสงสัยและความกลัว พาลให้นึกถึงภาพสยองจิตที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่นถ้าเธอคนนี้ค่อยลุกขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร เด็กสาวรู้สึกว่ากาลเวลาถูกตอกตรึงปักสนิทแน่นิ่งเนิ่นนาน
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บแปรบบริเวณต้นแขนซ้าย หันกลับไปมองอย่างไม่ตั้งใจ และด้วยสัญชาตญาณแห่งการป้องกันตัว เด็กสาวใช้มืออีกข้างปัดโดยแรง
อาจารย์เพ็ญแขผงะออกไป เข็มฉีดยาหลุดจากมือกระเด็นตกลงไปยังพื้นห้องแตกกระจายใบหน้าของอาจารย์ดูน่ากลัวเหลือเกิน รอยย่นบนใบหน้าเหมือนเป็นรอยแตกแยกร่องลึกใยแมงมุมมากกว่าควรจะเป็น ดวงตาหรี่เรียวเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหมายขวัญ รอยแสยะยิ้มดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกลายเป็นแม่มดไปแล้วจริงๆ
“หัวแข็งมากนะ..” เสียงของอาจารย์ก็แหบพร่า และเต็มไปด้วยความโกรธแค้นผสมกับความเย้ยหยัน “ตอนแรกฉันกะว่าจะวางยาเธอ แต่ดันไม่ยอมดื่มเลยต้องใช้วิธีนี้”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ อาจารย์...” เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายร้องถามเสียงสั่น ถอยหลังไปจนขาปะทะกับขอบเตียงอย่างไม่รู้ตัว คนควรจะปกป้องคุ้มครองกลับกลายเป็นคนมุ่งร้าย แล้ว เธอถูกฉีดด้วยยาอะไรกันแน่ ทำไมสมองถึงหมุนคว้างอย่างนี้ พอถอยหลังไปชนกับเตียงเลยล้มพลิกคว่ำหน้าลงไปบนร่างผู้นอนนิ่งอยู่บนเตียง
ภัทราหวีดร้องสุดเสียงเมื่อล้มทับลงไปใส่ร่างเย็นชืดเหมือนสัมผัสคนตาย แรงกระแทกคงทำให้เส้นเอ็นของร่างบนเตียงเกิดการหดตัวกะทันหัน มือที่เคยวางราบแนบลำตัวจึงงอข้อศอกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นเตียง ปลายนิ้วเหยียดชี้เหยียดตรงขึ้นมา มองเผินๆ ดูเหมือนกับว่าร่างนั้นยกมือขึ้นมารับร่างของเด็กสาว ผู้กำลังดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดอันแห่งความน่าสะพรึงกลัว
เด็กสาวพยายามดันตัวออกจากวงแขนแข็งทื่อแต่เรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนหมด หน้าของเธอตะแคงห่างจากใบหน้าซีดขาวของร่างบนเตียงอย่างหมดทางดิ้นหนีห่างไปไม่กี่นิ้ว หญิงสาวลึกลับจะหันมาหาเธอเอง หรือเป็นเพราะแรงกระแทกอันเกิดจากการดิ้นรนก็ไม่ทราบทราบได้ หน้าขาวซีดค่อยสั่นไหวตามแรงดิ้นรนจนหันกลับมาหาเธอ เปลือกตากระตุกไปมาแล้วลืมตาโพลงค้างจ้องมองมาแน่วนิ่งอย่างปราศจากแวว
ดวงตาและใบหน้าคนตายชัดๆ จ้องมองมาห่างออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
สิ้นเสียงร้องครั้งสุดท้าย ความรู้สึกของเด็กสาวก็พังทลายครืนลง กลายเป็นความมืดดำปกคลุมไร้ขอบเขต
“พี่คะ...”
เสียงใสแว่วมาจากสถานที่ไกลแสนไกล ราวเป็นโลกแห่งความฝัน เสียงเพรียกเรียกหาจากความมืดมนอนธการในความรู้สึกหนักอึ้งหม่นมัว อยู่ในความมืดเยือกเย็น
ใครกันเรียกเรา ทำไมถึงมืดอย่างนี้ ภัทราหมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนเรือขาดหางเสือ
ลำแสงสีขาวพลันปรากฏขึ้นมา ณ จุดใดจุดหนึ่งของม่านแห่งความมืดก่อนขยายใหญ่ขึ้นทุกที ลำแสงเป็นถนนสายสีขาวทอดยาวมาจากความมืด
เด็กหญิงกับตุ๊กตาของเธอนั่นเอง มือยังอุ้มตุ๊กตาหมีตัวโปรด ใบหน้ากลมยังดูน่ารักไร้เดียงสาและเป็นมิตร กำลังเดินตรงมาหาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งเดียวพอทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจว่าตัวเองก็ยังไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
ก้มลงจับบ่าเล็กอย่างดีใจเมื่อเด็กหญิงเดินเข้ามาใกล้ ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับแม่หนูแม้แต่น้อย
“ทำไมหนูมาอยู่ที่นี่จ๊ะ...” เด็กสาวถาม จ้องมองนัยน์ตาใสคู่อย่างจะค้นหาความจริง บางทีเด็กหญิงลึกลับคนนี้อาจบอกอะไรบางอย่างที่มีประโยชน์ก็เป็นได้
“มันตามจับตัวหนู” เด็กน้อยเงยหน้าบอก แววตามีแววหวาดกลัว
“แต่มันยังจับตัวหนูไม่ได้หรอก หนูวิ่งเร็วและรู้วิธีหลบหลีกมันเป็นอย่างดี สมน้ำหน้ามันด้วยล่ะ...นานมากแล้วมันพยายามจับตัวหนู แต่มันก็ยังทำไม่ได้ค่ะ”
“อะไรที่มันตามจับตัวหนูจ๊ะ” เด็กสาวถามอีก
“มันมาจากข้างล่างค่ะ มาจากความมืด มันเข้ามาอยู่ในหอพักนานแล้ว รอเวลาเพื่อจะให้มันเก่งมากขึ้นกว่าเดิม ถึงตอนนั้น มันคงจับตัวหนูได้......”
เสียงเด็กหญิงลึกลับขาดหายไปกลายเป็นเสียงสะอื้น และน้ำตาไหลอาบแก้มใสเด็กสาวรวบร่างน้อยเข้ามากอดอย่างปลอบโยนและสงสาร เด็กคนนี้วิ่งหนีอะไรบางอย่างมานานแล้ว วิ่งหนีอย่างโดดเดี่ยวตื่นกลัวในความมืดเพียงลำพัง ทำไมชีวิตจิตวิญญาณบริสุทธิ์ไร้เดียงสาถึงมาพบกับเรื่องเลวร้ายได้นะ
“พี่ต้องหาทางหนีออกจากหอพักให้ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณแม่หนูจะกลับมาพร้อมกับวิญญาณอันชั่วร้าย มันรอคอยจังหวะจะเกะติดตามตามขึ้นมาด้วยค่ะ” เสียงใสๆนั้นบอกอีก
“แม่ของหนู..”
“แม่หนูตายไปแล้ว แต่คุณยายพยายามเรียกคุณแม่หนูกลับมาจากความตาย พี่คะ...ช่วยแม่หนูด้วยนะคะ ” มือเล็กจับแขนภัทราเขย่าพร้อมกับวงหน้าสายตาเต็มไปด้วยการขอร้องวิงวอน
“คุณแม่ไม่อยากกลับมาหรอกค่ะ เพราะคุณแม่รู้ว่าถ้ากลับมา ก็ต้องแลกกับชีวิตของพวกพี่ๆ ที่เข้ามาอยู่ในหอพัก ปีศาจมันต้องการของแลกเปลี่ยนในการทำให้วิญญาณคุณแม่กลับคืนมา จะต้องมีการสังเวยด้วยชีวิตของพวกพี่ๆ ปีละหลายคนเลย...หอพักจะกลายเป็นหอพักปีศาจ รอการกินวิญญาณของคนเข้ามาพัก พี่ต้องเอาตัวให้รอดจากมันไปนะคะ”
เด็กสาวขนลุกเกรียวทันทีเมื่อได้ฟังเรื่องอันไม่น่าเชื่อ แต่ไม่เชื่อคงทำไม่ได้แล้ว
เธอพอจะโยงไยเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน เป็นภาพค่อนข้างชัดเจน เด็กสาวผู้หนึ่งใช้ชีวิตในวัยเรียนผิดพลาดไปกับความรักความใคร่ แล้วตกเลือดตายในหอพัก เธออาจจะเป็นลูกของอาจารย์เพ็ญแขก็ได้ อาจารย์ถึงลงทุนทำอะไรต่อมิอะไรขนาดนี้
ทันใดนั้นความมืดก็สั่นไหว เสียงคำรามเกรี้ยวกราดกึกก้องมาจากมุมหนึ่งของความว่างเปล่ามืดมน
“มันตามหนูมาอีกแล้ว หนูต้องไปแล้วค่ะ” หนูน้อยผละออกจากอ้อมแขนของเด็กสาว แต่แล้วก็ผวาเข้ามากอดแนบแน่นอีกครั้งบอกว่า
“พี่ไม่ใช่แม่หนู แต่หนูก็รักพี่นะคะ ...อย่าลืมที่หนูพูดนะ หนูต้องไปแล้ว”
ร่างเล็กหันหลังวิ่งผมกระจายลับหายไปในความมืด ไอ้สิ่งชั่วร้ายจากนรกไม่ยกเว้นแม้แต่เด็กไร้เดียงสาน่ารักหรืออย่างไร วูบนั้นเด็กสาวเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวโมโห ทำไมไม่มีอำนาจอิทธิฤทธิ์พิเศษ จะได้กวาดล้างส่งพวกปีศาจกลับไปลงนรกให้หมด คำตอบคือการระเบิดครืนใหญ่ในความมืดพร้อมกับเสียงหัวเราะกึกก้องอันเต็มไปด้วยความชั่วร้าย สรรพสิ่งหมุนติ้วราวเศษไม้กลางสายน้ำวนเชี่ยว
“ฟื้นเร็วดีนี่”
เสียงแหบพร่าคุ้นหูกังวานในโสตประสาท เด็กสาวลืมตาขึ้นอย่างงงัน สะบัดหน้าไปมาเรียกความรู้สึกให้กลับคืน ลองขยับตัวดูแต่รู้สึกว่าเหมือนถูกมัดด้วยเชือกทำให้ขยับตัวไม่ได้ถนัด
และเมื่อสติกลับมาครบถ้วนก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องอันน่าสะพรึงกลัว ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ นั่งอยู่ข้างเตียง ยังมีร่างของหญิงสาวคนนั้นนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม อาจารย์เพ็ญแขสวมชุดสีดำยาวรุ่มร่ามเหมือนที่เห็นในหนังสยองขวัญ กำลังจัดของง่วนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเล็กเหมือนมีพิธีกรรมบางอย่าง บนโต๊ะมีเทียนสีดำจุดปักหลายเล่มเป็นรูปดาวห้าหรือหกแฉก สิ่งของแปลกอีกหลายอย่างล้วนดูผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ ภัทราก็ไม่มีเวลาพิจารณาเพราะยังมีสิ่งน่ากลัวอื่นๆวางเห็นชัดเจนสะดุตาอยู่ เช่น แมวดำตัวหนึ่งถูกเชือดคอตายคอห้อยออกมาจากชามโลหะรมดำขนาดใหญ่เลือดไหลรินลงไปยังพื้นโต๊ะพิธีกรรมไม่ขาดสาย กะโหลกของมนุษย์วางแสยะอยู่กลางวงล้อมของาไขว้สลับไปมาเป็นสัญลักษณ์แปลกพิสดาร
แต่น่ากลัวที่สุดคือใบมีดคมกริบในมือของอาจารย์เพ็ญแข
เด็กสาวพยายามดิ้นรน แต่รู้สึกว่าเรี่ยวแรงหายไปแทบหมดสิ้น อย่างมากทำได้เพียงขาขยับขาเก้าอี้กุกกักไปมาเท่านั้น
“ปล่อยหนูนะ อาจารย์ทำแบบนี้ทำไม” เด็กสาวพยายามร้องอ้อนวอน แต่นัยน์ตาอีกฝ่ายวาวโรจน์เต็มไปด้วยความเหี้ยมกรียมไม่มีท่าทางจะเมตตาปรานีเลยสักนิด มือของอาจารย์ประจำหอพักลูบคมมีดอย่างตรวจสอบความเรียบร้อยและความคมของใบมีดขณะเอ่ยปากต่อไปด้วยน้ำเสียงลากยาวเย็นยะเยือก
“กว่าฉันจะหาคนมีวัน เดือน ปี เกิด อย่างเธอมาได้ มันยากขนาดไหน ฉันต้องรอเป็นเวลาตั้งหลายปี ลงทุนไปมากมาย เธอคิดว่าการส่งหนังสือแจ้งวันมารายงานตัวเข้าหอผิดพลาดเป็นเรื่องบังเอิญหรือ สาวน้อยผู้น่าสงสาร เธอควรจะดีใจ ในการมีส่วนทำให้ลูกสาวของฉันกลับฟื้นขึ้นมา ไม่ใช่เป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างที่เห็น”
มีต่อครับ