คืนนรก...4

กระทู้สนทนา
บทที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/35100658

ภัทราเด็กสาวเข้าพักในหอพักคืนแรกก็โดนจัดหนักจากสิ่งเร้นลับ จนทำให้ต้องไปหาอาจารย์เพ็ญแข
แต่อาจารย์คนนี้กลับขังเธอไว้ในห้องพักโดยยังหาสาเหตุไม่ได้  เหตุการณ์ต่อไป.....

นึกเสียใจว่าไม่น่าลงมาเลย แต่ถ้าไม่ลงมาจะไปไหนล่ะ จะออกจากประตูห้องพักของอาจารย์ก็ไม่ได้เพราะมันล็อคตาย....ตอนนี้เหลือทางเดียว ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

=============
คืนนรก   4
=============


             เด็กสาวปีนลงมา พลางมองหาสิ่งของพอใช้เป็นอาวุธสักอย่างพอให้อุ่นใจ แต่ก็ไม่มีอะไรจะใช้เป็นอาวุธได้ และถึงได้มีดหรือไม้สักท่อน ก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปใช้กับ”อะไร” เหมือนกัน

             “อาจารย์คะ......"    ลองเรียกดูด้วยเสียงค่อนข้างดัง เสียงเรียก ของเธอก้องกังวานในห้องอันเงียบงัน ไม่ว่าใครก็ตามอยู่บริเวณนั้น ต้องได้ยินแน่นอน  แต่กลับปราศจากเสียงตอบกลับขานรับ

             มีเสียงดังเหมือนใครบางคนถอนหายใจดังแว่วออกมาจากแห่งใดแห่งหนึ่งอย่างจับทิศทางไม่ได้  แต่ทำให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง  เด็กสาวพยายามตั้งสติ รวบรวมกำลังใจเรียกขวัญกำลังใจที่กำลังจะโบยหนีไปในความเวิ้งว้างเร้นลับให้กลับมาอีกครั้ง  เพราะไม่อย่างนั้นอาจเสียสติกับสถานการณ์น่าสะพรึงกลัว เธอนึกถึงคุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง  เราไม่ใช่คนบาป ชีวิตผ่านมาไม่เคยทำร้ายใครสาหัสสากรรจ์ เราไม่ควรมาเจอความน่ากลัววิปริตโหดร้าย  คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด...

             ภัทราสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ  เมื่อบอกกับตนเองว่าพร้อมแล้ว  จึงค่อยเดินอ้อมตู้ที่วางขวางทางไปยังด้านหลังอันน่าสงสัยอย่างระมัดระวัง  ไม่อยากมองเต็มตาแต่ก็ต้องมองให้หายสงสัย  หลังตู้ไม้ใหญ่เป็นเตียงนอนหรูหรา  และบนเตียงใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย  แสงตะเกียงโบราณสาดส่องจับไปยังใบหน้าของร่างนั้นเห็นชัดเจน

             ใบหน้าขาวผมยาวสยายหลับตาพริ้ม แต่พอเห็นเต็มตาเด็กสาวก็ถึงกับขนลุกซู่สมองลั่นเปรี๊ยะ.. ดาวนับร้อยนับพันกระจายเต็มหน้า พื้นห้องเหมือนหมุนวนจมดิ่งลงไปข้างล่างอย่างไม่หยุดยั้ง  เข่าอ่อนจนเซไปปะทะกับตู้ด้านหลังดังตึง...สมองมึนงงอย่างไม่รู้วิธีจะจัดการอย่างไรกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า

             ต่อให้ร่างนั้นนอนหลับตา ก็จำได้ชัดเจนว่า เป็นคนเดียวกับร่างที่เห็นว่าเดินออกมาจากเงาไม้หน้าหอพักช่วงหัวค่ำ ก่อนจะหายไปจากสายตาอย่างไร้วี่แวว.. เป็นร่างเดียวกับหญิงสาวผู้ผลุดขึ้นมาจากเตียงนอนในห้องพัก พร้อมกับอาการดิ้นรนอยู่บนกองเลือด ไม่มีทางเป็นใครอื่นได้  แสงตะเกียงไหววูบวาบเงาบนใบหน้าขาวซีด ประหนึ่งว่าขนตายาวงอนกำลังขยับกะพริบไหวคล้ายคนกำลังจะลืมตาตื่นขึ้นมา ภัทราพยายามบังคับให้ตัวเองเบือนหน้าหนี  แต่บางอย่างสะกดตอกตรึงสายตาเธอให้จับจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาไปได้

            ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วเธอเป็นใคร  ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว  หรือว่าเป็นเพียงภาพหลอน คำถามมากมายผลุดขึ้นมาในความคิดประเดประดัง จนสมองพองโตแทบระเบิดด้วยความสงสัยและความกลัว  พาลให้นึกถึงภาพสยองจิตที่อาจเกิดขึ้นได้  เช่นถ้าเธอคนนี้ค่อยลุกขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร  เด็กสาวรู้สึกว่ากาลเวลาถูกตอกตรึงปักสนิทแน่นิ่งเนิ่นนาน

             ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บแปรบบริเวณต้นแขนซ้าย หันกลับไปมองอย่างไม่ตั้งใจ และด้วยสัญชาตญาณแห่งการป้องกันตัว เด็กสาวใช้มืออีกข้างปัดโดยแรง

             อาจารย์เพ็ญแขผงะออกไป เข็มฉีดยาหลุดจากมือกระเด็นตกลงไปยังพื้นห้องแตกกระจายใบหน้าของอาจารย์ดูน่ากลัวเหลือเกิน รอยย่นบนใบหน้าเหมือนเป็นรอยแตกแยกร่องลึกใยแมงมุมมากกว่าควรจะเป็น  ดวงตาหรี่เรียวเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหมายขวัญ  รอยแสยะยิ้มดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกลายเป็นแม่มดไปแล้วจริงๆ

             “หัวแข็งมากนะ..”   เสียงของอาจารย์ก็แหบพร่า และเต็มไปด้วยความโกรธแค้นผสมกับความเย้ยหยัน   “ตอนแรกฉันกะว่าจะวางยาเธอ แต่ดันไม่ยอมดื่มเลยต้องใช้วิธีนี้”

             “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ อาจารย์...”   เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายร้องถามเสียงสั่น ถอยหลังไปจนขาปะทะกับขอบเตียงอย่างไม่รู้ตัว  คนควรจะปกป้องคุ้มครองกลับกลายเป็นคนมุ่งร้าย แล้ว  เธอถูกฉีดด้วยยาอะไรกันแน่  ทำไมสมองถึงหมุนคว้างอย่างนี้ พอถอยหลังไปชนกับเตียงเลยล้มพลิกคว่ำหน้าลงไปบนร่างผู้นอนนิ่งอยู่บนเตียง

             ภัทราหวีดร้องสุดเสียงเมื่อล้มทับลงไปใส่ร่างเย็นชืดเหมือนสัมผัสคนตาย  แรงกระแทกคงทำให้เส้นเอ็นของร่างบนเตียงเกิดการหดตัวกะทันหัน   มือที่เคยวางราบแนบลำตัวจึงงอข้อศอกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นเตียง ปลายนิ้วเหยียดชี้เหยียดตรงขึ้นมา มองเผินๆ ดูเหมือนกับว่าร่างนั้นยกมือขึ้นมารับร่างของเด็กสาว ผู้กำลังดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดอันแห่งความน่าสะพรึงกลัว

             เด็กสาวพยายามดันตัวออกจากวงแขนแข็งทื่อแต่เรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนหมด  หน้าของเธอตะแคงห่างจากใบหน้าซีดขาวของร่างบนเตียงอย่างหมดทางดิ้นหนีห่างไปไม่กี่นิ้ว  หญิงสาวลึกลับจะหันมาหาเธอเอง หรือเป็นเพราะแรงกระแทกอันเกิดจากการดิ้นรนก็ไม่ทราบทราบได้  หน้าขาวซีดค่อยสั่นไหวตามแรงดิ้นรนจนหันกลับมาหาเธอ เปลือกตากระตุกไปมาแล้วลืมตาโพลงค้างจ้องมองมาแน่วนิ่งอย่างปราศจากแวว

             ดวงตาและใบหน้าคนตายชัดๆ  จ้องมองมาห่างออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

             สิ้นเสียงร้องครั้งสุดท้าย ความรู้สึกของเด็กสาวก็พังทลายครืนลง  กลายเป็นความมืดดำปกคลุมไร้ขอบเขต


             “พี่คะ...”

             เสียงใสแว่วมาจากสถานที่ไกลแสนไกล  ราวเป็นโลกแห่งความฝัน เสียงเพรียกเรียกหาจากความมืดมนอนธการในความรู้สึกหนักอึ้งหม่นมัว อยู่ในความมืดเยือกเย็น

             ใครกันเรียกเรา ทำไมถึงมืดอย่างนี้  ภัทราหมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนเรือขาดหางเสือ

             ลำแสงสีขาวพลันปรากฏขึ้นมา ณ จุดใดจุดหนึ่งของม่านแห่งความมืดก่อนขยายใหญ่ขึ้นทุกที ลำแสงเป็นถนนสายสีขาวทอดยาวมาจากความมืด
เด็กหญิงกับตุ๊กตาของเธอนั่นเอง มือยังอุ้มตุ๊กตาหมีตัวโปรด  ใบหน้ากลมยังดูน่ารักไร้เดียงสาและเป็นมิตร กำลังเดินตรงมาหาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งเดียวพอทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจว่าตัวเองก็ยังไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว

             ก้มลงจับบ่าเล็กอย่างดีใจเมื่อเด็กหญิงเดินเข้ามาใกล้   ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับแม่หนูแม้แต่น้อย

             “ทำไมหนูมาอยู่ที่นี่จ๊ะ...”    เด็กสาวถาม จ้องมองนัยน์ตาใสคู่อย่างจะค้นหาความจริง  บางทีเด็กหญิงลึกลับคนนี้อาจบอกอะไรบางอย่างที่มีประโยชน์ก็เป็นได้

             “มันตามจับตัวหนู” เด็กน้อยเงยหน้าบอก แววตามีแววหวาดกลัว

             “แต่มันยังจับตัวหนูไม่ได้หรอก หนูวิ่งเร็วและรู้วิธีหลบหลีกมันเป็นอย่างดี สมน้ำหน้ามันด้วยล่ะ...นานมากแล้วมันพยายามจับตัวหนู แต่มันก็ยังทำไม่ได้ค่ะ”

             “อะไรที่มันตามจับตัวหนูจ๊ะ” เด็กสาวถามอีก

             “มันมาจากข้างล่างค่ะ มาจากความมืด มันเข้ามาอยู่ในหอพักนานแล้ว รอเวลาเพื่อจะให้มันเก่งมากขึ้นกว่าเดิม ถึงตอนนั้น มันคงจับตัวหนูได้......”

             เสียงเด็กหญิงลึกลับขาดหายไปกลายเป็นเสียงสะอื้น และน้ำตาไหลอาบแก้มใสเด็กสาวรวบร่างน้อยเข้ามากอดอย่างปลอบโยนและสงสาร   เด็กคนนี้วิ่งหนีอะไรบางอย่างมานานแล้ว วิ่งหนีอย่างโดดเดี่ยวตื่นกลัวในความมืดเพียงลำพัง   ทำไมชีวิตจิตวิญญาณบริสุทธิ์ไร้เดียงสาถึงมาพบกับเรื่องเลวร้ายได้นะ

             “พี่ต้องหาทางหนีออกจากหอพักให้ได้นะคะ   ไม่อย่างนั้นคุณแม่หนูจะกลับมาพร้อมกับวิญญาณอันชั่วร้าย มันรอคอยจังหวะจะเกะติดตามตามขึ้นมาด้วยค่ะ”   เสียงใสๆนั้นบอกอีก

             “แม่ของหนู..”

             “แม่หนูตายไปแล้ว แต่คุณยายพยายามเรียกคุณแม่หนูกลับมาจากความตาย พี่คะ...ช่วยแม่หนูด้วยนะคะ ”   มือเล็กจับแขนภัทราเขย่าพร้อมกับวงหน้าสายตาเต็มไปด้วยการขอร้องวิงวอน

             “คุณแม่ไม่อยากกลับมาหรอกค่ะ เพราะคุณแม่รู้ว่าถ้ากลับมา ก็ต้องแลกกับชีวิตของพวกพี่ๆ ที่เข้ามาอยู่ในหอพัก ปีศาจมันต้องการของแลกเปลี่ยนในการทำให้วิญญาณคุณแม่กลับคืนมา จะต้องมีการสังเวยด้วยชีวิตของพวกพี่ๆ ปีละหลายคนเลย...หอพักจะกลายเป็นหอพักปีศาจ รอการกินวิญญาณของคนเข้ามาพัก พี่ต้องเอาตัวให้รอดจากมันไปนะคะ”

             เด็กสาวขนลุกเกรียวทันทีเมื่อได้ฟังเรื่องอันไม่น่าเชื่อ แต่ไม่เชื่อคงทำไม่ได้แล้ว

             เธอพอจะโยงไยเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน เป็นภาพค่อนข้างชัดเจน เด็กสาวผู้หนึ่งใช้ชีวิตในวัยเรียนผิดพลาดไปกับความรักความใคร่ แล้วตกเลือดตายในหอพัก เธออาจจะเป็นลูกของอาจารย์เพ็ญแขก็ได้ อาจารย์ถึงลงทุนทำอะไรต่อมิอะไรขนาดนี้

             ทันใดนั้นความมืดก็สั่นไหว เสียงคำรามเกรี้ยวกราดกึกก้องมาจากมุมหนึ่งของความว่างเปล่ามืดมน

             “มันตามหนูมาอีกแล้ว หนูต้องไปแล้วค่ะ”   หนูน้อยผละออกจากอ้อมแขนของเด็กสาว แต่แล้วก็ผวาเข้ามากอดแนบแน่นอีกครั้งบอกว่า
“พี่ไม่ใช่แม่หนู แต่หนูก็รักพี่นะคะ ...อย่าลืมที่หนูพูดนะ หนูต้องไปแล้ว”

             ร่างเล็กหันหลังวิ่งผมกระจายลับหายไปในความมืด ไอ้สิ่งชั่วร้ายจากนรกไม่ยกเว้นแม้แต่เด็กไร้เดียงสาน่ารักหรืออย่างไร วูบนั้นเด็กสาวเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวโมโห ทำไมไม่มีอำนาจอิทธิฤทธิ์พิเศษ จะได้กวาดล้างส่งพวกปีศาจกลับไปลงนรกให้หมด  คำตอบคือการระเบิดครืนใหญ่ในความมืดพร้อมกับเสียงหัวเราะกึกก้องอันเต็มไปด้วยความชั่วร้าย สรรพสิ่งหมุนติ้วราวเศษไม้กลางสายน้ำวนเชี่ยว


             “ฟื้นเร็วดีนี่”

             เสียงแหบพร่าคุ้นหูกังวานในโสตประสาท เด็กสาวลืมตาขึ้นอย่างงงัน  สะบัดหน้าไปมาเรียกความรู้สึกให้กลับคืน ลองขยับตัวดูแต่รู้สึกว่าเหมือนถูกมัดด้วยเชือกทำให้ขยับตัวไม่ได้ถนัด

             และเมื่อสติกลับมาครบถ้วนก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องอันน่าสะพรึงกลัว ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ นั่งอยู่ข้างเตียง ยังมีร่างของหญิงสาวคนนั้นนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม   อาจารย์เพ็ญแขสวมชุดสีดำยาวรุ่มร่ามเหมือนที่เห็นในหนังสยองขวัญ กำลังจัดของง่วนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเล็กเหมือนมีพิธีกรรมบางอย่าง บนโต๊ะมีเทียนสีดำจุดปักหลายเล่มเป็นรูปดาวห้าหรือหกแฉก สิ่งของแปลกอีกหลายอย่างล้วนดูผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ ภัทราก็ไม่มีเวลาพิจารณาเพราะยังมีสิ่งน่ากลัวอื่นๆวางเห็นชัดเจนสะดุตาอยู่ เช่น แมวดำตัวหนึ่งถูกเชือดคอตายคอห้อยออกมาจากชามโลหะรมดำขนาดใหญ่เลือดไหลรินลงไปยังพื้นโต๊ะพิธีกรรมไม่ขาดสาย กะโหลกของมนุษย์วางแสยะอยู่กลางวงล้อมของาไขว้สลับไปมาเป็นสัญลักษณ์แปลกพิสดาร

             แต่น่ากลัวที่สุดคือใบมีดคมกริบในมือของอาจารย์เพ็ญแข

             เด็กสาวพยายามดิ้นรน แต่รู้สึกว่าเรี่ยวแรงหายไปแทบหมดสิ้น อย่างมากทำได้เพียงขาขยับขาเก้าอี้กุกกักไปมาเท่านั้น

             “ปล่อยหนูนะ อาจารย์ทำแบบนี้ทำไม”   เด็กสาวพยายามร้องอ้อนวอน แต่นัยน์ตาอีกฝ่ายวาวโรจน์เต็มไปด้วยความเหี้ยมกรียมไม่มีท่าทางจะเมตตาปรานีเลยสักนิด มือของอาจารย์ประจำหอพักลูบคมมีดอย่างตรวจสอบความเรียบร้อยและความคมของใบมีดขณะเอ่ยปากต่อไปด้วยน้ำเสียงลากยาวเย็นยะเยือก

             “กว่าฉันจะหาคนมีวัน เดือน ปี เกิด อย่างเธอมาได้ มันยากขนาดไหน ฉันต้องรอเป็นเวลาตั้งหลายปี ลงทุนไปมากมาย เธอคิดว่าการส่งหนังสือแจ้งวันมารายงานตัวเข้าหอผิดพลาดเป็นเรื่องบังเอิญหรือ สาวน้อยผู้น่าสงสาร เธอควรจะดีใจ ในการมีส่วนทำให้ลูกสาวของฉันกลับฟื้นขึ้นมา ไม่ใช่เป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างที่เห็น”





มีต่อครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่