คืนนรก.........5 (บทสุดท้าย)

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/35139725


              เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นมาจากอีกฟากของห้องพัก ใกล้เคียงบริเวณห้องพักของเด็กสาว แสงสว่างเจิดจ้าพร้อมกับความร้อนระอุอัดพัดกระหน่ำมาตามทางเดินหอบเศษอิฐเศษหินมาด้วย แรงดันอากาศส่งร่างของอาจารย์แม่มดผวาเข้ามาหาเด็กสาวผู้ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนจ้องมองอย่างตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึง มือซ้ายของแกยื่นมาคว้าเส้นผมของเด็กสาวไว้เต็มมือ ก่อนออกแรงลากร่างของนักศึกษาหน้าใหม่ผู้เคราะห์ร้ายไปตามทางเดินด้วยเรียวแรงผิดมนุษย์ ท่ามกลางกลิ่นควันและเปลวไฟ

             “แกต้องกลับไปห้องพิธี”  เสียงแหบพร่าด้วยความคลุ้มคลั่งบอกให้ทราบว่าไม่มีทางทางจะอธิบายให้แกเข้าใจว่าห้องพักกำลังมีไฟลุกไหม้โหมกระหน่ำ เข้าไปก็มีหวังโดนไฟเผาตายทั้งเป็นสถานเดียว


=================
คืนนรก........บทที่ 5
บทสุดท้าย

=================
Psycho  G.



              “ไม่.....”

             เด็กสาวร้องสุดเสียงพยายามดิ้นให้พ้นจากมือมหากาฬนรกที่กำลังกระชากลากร่างของเธอไปตามทางเดินอย่างไม่ปรานีโดยไม่สนใจความร้อนของเปลวไฟอยู่รอบข้าง    ด้านบนไฟนรกกำลังลุกฮือ ลูกไฟระเบิดเป็นระยะ เด็กสาวตอนนี้ไม่ต่างจากการเป็นนักโทษกำลังถูกลากสู่ตะแลงแกง

             เมี้ยว !

             เสียงแมวร้องดังแปลกพิกลมาจากด้านหลัง อาจารย์แม่มดชะงักและหันไปมอง

             แมวดำตัวนั้นอีกแล้ว แมวที่ถูกแทงถูกสับจนยับเยินไปทั้งตัวลุกขึ้นยืนจังก้าขวางทางเดินลักษณะผิดธรรมชาติเป็นอย่างมากเพราะลำตัวบิดเบี้ยวหักงอผิดรูปแต่ยังยืนตาลุกแดงเป็นไฟน่ากลัวและพยายามเดินตะกายตรงเข้ามาด้วยสายตาลุกวาว

             สีหน้าทางท่าทางของอาจารย์เพ็ญแขบิดเบี้ยวแทบจะผิดรูปเช่นกัน อาจเป็นผลมาจากอารมณ์ร้ายกาจรุนแรงเพราะความไม่คาดคิดและโกรธแค้นกับการถูกขัดขวาง หรือว่าแมวมีเก้าชีวิตจริงๆ ตายแล้วยังฟื้นกลับคืนมาใหม่ได้

              เด็กสาวอาศัยจังหวะนั้นเองกระชากมือที่จับเส้นผมอยู่ออกสุดแรงจนหลุดออกมาได้ แล้วลุกขึ้นวิ่งสุดกำลังเฉียดข้างเจ้าแมวที่เหมือนเข้ามาขัดจังหวะ จนทำให้อาจารย์เพ็ญแขเสียสมาธิ นึกขอบใจแมวตัวนั้นเพราะมันมาช่วยเธอเอาไว้ได้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม หูแว่วเสียงกรีดร้องดังเสียดประสาทอย่างโกรธแค้นของอาจารย์ประจำหอพัก หันไปมองก็เห็นแกกำลังวิ่งตามมาติดๆ พร้อมกับกวัดแกว่งมีดในมือไปมาอย่างบ้าคลั่ง โวยสีหน้าท่าทางของคนเสียสติสมบูรณ์แบบ เด็กสาวใจหายวาบ แข้งขาอ่อนยวบเพราะความตกใจกลัวกับภาพอันน่าสยดสยองผิดมนุษย์  เท้าก้าวผิดจังหวะเสียหลักล้มลงบนพื้น เป็นจังหวะเดียวกับผู้ไล่ล่าโถมตัวลงมาพร้อมด้วยมีดในมือแบบจะแทงให้ทะลุหัวใจ

             สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของภัทราทำให้เธอพลิกตัวไปด้านข้าง หลบคมมีดได้อย่างหวุดหวิด ปลายมีดแหลมคนปักลงบนพื้นของทางเดินอย่างเต็มแรงจากพลังอันบ้าคลั่ง

             เสียงคำรามเจ็บปวดกึกก้องสะท้านสะเทือนกึกก้อง ตัวอาคารไหวยวบราวกับสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด ใช่แล้ว..  หอพักแห่งนี้มีชีวิต!
คมมีดถูกดึงขึ้นมาเงื้ออีกครั้ง เลือดสีดำฉีดพุ่งเป็นสายจากรอยมีดบนขั้นบันไดอาบร่างกำลังนั่งคุกเข่าของอาจารย์ชุ่มโชกเต็มไปด้วยเลือด ผนังห้องบิดเบี้ยวราวเจ็บปวดสุดแสน ลมร้อนจัดเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งในขณะฝูงแมลงสาบนับร้อยกรูออกมาจากรอยแยกต่างๆ ปีกของของมันแวววาวเป็นประกายเมื่อกระทบกับแสงไฟพวกมันวิ่งหลบไปอยู่ในเงามืดเท่าที่จะหาได้ เด็กสาวรีบผวาลุกขึ้นเพราะทั้งหวาดกลัวการมุ่งร้ายหมายขวัญและขยะแขยงเหล่าแมลงสาบทั้งหลาย

             อาจารย์เพ็ญลุกขึ้นเต็มตัว ทำท่าจะกระโจนตามมาอีกครั้ง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อกลุ่มควันเปลวไฟโหมออกมาจากห้องพักพร้อมกับเสียงระเบิดตูมใหญ่

             “ลูกแม่...”     อาจารย์เพ็ญแขกรีดร้องสุดเสียงก่อนเปลี่ยนเป้าหมายจากการไล่ล่าเป็นการวิ่งทะยานฝ่าเปลวไฟเข้าไปในห้องพักอย่างไม่คำนึงถึงความเป็นความตายอันตรายใดๆ เพราะว่าลูกสาวสุดที่รักอยู่ในห้องพัก

            หัวอกผู้เป็นแม่ จะถูกจะผิดอย่างไรก็เพื่อลูกรัก เด็กสาวใจหายวาบเมื่อนึกถึงว่าในห้องพักคงเต็มไปด้วยไฟนรกเผาผลาญ ผู้เป็นแม่คงจะพยายามลากร่างของลูกสาวให้หนีออกมาจากเปลวเพลิงสุดชีวิตโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตนเองทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย และสุดท้ายทั้งคู่คงจมอยู่ในกองไฟสุญลับดับหายไปในที่สุด

             ร่างแมวดำค่อยล้มเอียงพับลงกับพื้น เงาร่างจางบางเบาก่อตัวออกมาจากซากแมวที่น่าสงสาร มองเห็นรางเลือนว่าเป็นหนูน้อยตุ๊กตา มือยังกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรดแนบแน่น   เด็กหญิงคนนี้เองเป็นคนเข้าบังคับร่างเจ้าแมวดำเพื่อช่วยเหลือ    เด็กสาวพอเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้ว น้ำตาคลอ พยายามโอบกอดร่างน้อยก็ดูเหมือนว่าจะไขว่คว้าได้เพียงความว่างเปล่าของอากาศธาตุเท่านั้น

            “พี่คะ”

             เสียงใสน่ารัก เหมือนจะก้องอยู่ในหู    “พี่รีบหนีออกไปนะคะ ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานหนูก็จะเจอแม่แล้ว”

             ดูสิ..ยังมีแก่ใจเป็นห่วง ทั้งที่รู้จักกันไม่นาน แต่มิตรภาพอันบริสุทธิ์บางทีก็ไม่ต้องอาศัยเวลาเพาะบ่มมากนักก็สามารถเจริญงอกงามได้ เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มให้กำลังใจก่อนจะเลือนหายไป

             เสียงระเบิดตูมใหญ่ หอพักสะเทือนอย่างหนักจนเกิดรอยปริแยกไปทั่ว เศษปูนร่วงพรูลงมาตามพื้นเต็มไปหมด เสียงหัวใจอุบาทว์เริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ วิญญาณชั่วร้ายผู้ผิดหวังในการขึ้นมาจากนรกกำลังแสดงความโกรธเกรี้ยวก่อนจะถูกลากลงสู่อเวจีตามเดิม เด็กสาววิ่งไปยังประตูหน้าสุดฝีเท้าแข่งกับความตายที่กำลังจะถล่มโครมครืนลง กระเบื้องปูพื้นบิดเบี้ยวกลายเป็นเกล็ดอสรพิษเคลื่อนเลื่อนไหลตัวไปมาน่าพรั่นพรึงราวกำลังวิ่งไปบนลำตัวพญางูยักษ์

             ให้ตายเถิด ประตูหน้าอาคารปิดสนิทกักขังเธอไว้ไม่ให้ออกจากหอพักนรกแห่งนี้..

             ประตูปิดตาย ไฟนรกเผาผลาญลงมาจากชั้นบนอย่างตะกรุมตะกรามสว่างจ้าแลบเลียสูงขึ้นทุกที  ชั้นที่สองและชั้นที่สามกลายเป็นนรกแทบจะสมบูรณ์แบบ ความหวังในการหนีออกจากหอพักนี้ปิดตายลงเช่นเดียวกับประตูบานใหญ่หน้าตึกในขณะหน้าต่างทุกบานติดเหล็กดัดหมดทางออก เพดานเริ่มแตกปริออกพร้อมกับควันและสะเก็ดไฟพร่างพราย ผนังตึกสั่นอย่างรุนแรงเหมือนกำลังจะถล่มลง ไม่ต้องทายก็บอกได้ว่าเธอเป็นคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในหอพักแห่งนี้

            เด็กสาวเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง ทางเดินชั้นล่างเริ่มติดไฟลุกฮือขึ้นสูง ความร้อนระอุระผ่าวราวกับผิวหนังจะมอดไหม้
ทางรอดถูกปิดตายเสียแล้ว

            ทันใดนั้น ท่ามกลางเปลวไฟฮือโหม ร่างกึ่งโปร่งใสพลันพากันทยอยผ่านเปลวไฟตรงมาราวกับมายาภาพ กึ่งจริงกึ่งฝัน ร่างแรกจำได้ถนัดชัดตาว่าเป็นอาจารย์เพ็ญแขนั่นเอง ส่วนเด็กสาวผู้ลอยตามมาติดๆ จำได้ดีว่าเป็นลูกสาวของอาจารย์ซึ่งกำลังจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยผู้หิ้วตุ๊กตาหมีติดมือมาด้วย
ใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นดูสงบเยือกเย็น โดยเฉพาะอาจารย์ประจำหอพักแววตาสีหน้าท่าทางดุร้ายน่ากลัวหายไปจนหมดสิ้นราวกับเป็นคนละคน ความตายสามารถเปลี่ยนจิตใจของมนุษย์ได้แบบรวดเร็วขนาดนี้เลยหรืออย่างไร ทั้งสามมาหยุดอยู่ตรงหน้าเดี๋ยวชัดเจนเดี๋ยวรางเลือนสลับกันไปมาอยู่เช่นนั้น กาลเวลารอบด้านเหมือนหยุดชะงักค้าง จนกลายเป็นความเงียบอย่างไม่น่าเป็นไปได้ รู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ในอวกาศอันว่างเปล่า

            “พี่คะ”

             เสียงใสจำได้ถนัดชัดเจนว่าเป็นหนูน้อยผู้หลงวิ่งหนีปีศาจร้ายอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างในความมืดมาเป็นเวลานาน ร่างเล็กผละออกมาจากกลุ่มมายืนเอียงคอมองอยู่ใกล้ ภัทราด้วยแววตาแจ่มใสและรอยยิ้มน่ารักเป็นครั้งแรก

             “หนูเจอแม่แล้วค่ะ พวกเราได้อยู่ด้วยกันแล้ว”

              มือไขว่คว้าแต่ผ่านร่างกึ่งโปร่งใสไปเหมือนอากาศธาตุ แต่ความรู้สึกบอกว่าหนูน้อยอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอะไรก็ตาม ทำให้เด็กสาวมีพลังและแรงใจขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ เด็กน้อยคนนี้เองไม่ใช่หรือ ที่มีส่วนสำคัญในการทำลายแผนการอันน่ากลัวอันจะส่งผลให้ปีศาจร้ายจากนรกผลุดขึ้นมากลืนกินชีวิตผู้คนบนโลก

              “โชคดีแล้วนะ พี่ดีใจด้วย” เด็กสาวบอกด้วยเสียงสั่นเครือ รอยยิ้มและแววตาหนูน้อยช่างแจ่มใสและมีชีวิตชีวาเหลือเกินในขณะวิ่งกลับไปเกาะแขนผู้เป็นแม่ที่โอบกอดไว้ด้วยวงแขนแห่งความรักเช่นกัน

             “พวกเราจะคิดถึงพี่เสมอค่ะ” เสียงใสแว่วมาอีกครั้ง

            อาจารย์เพ็ญแขก้าวเข้ามาตรงหน้า เด็กสาวใจหายวาบ ถอยหลังหนีทันทีเพราะภาพอาจารย์ผู้บ้าคลั่งร้ายกาจยังชัดเจนอยู่ในความรู้สึก  เมื่อสักครู่ยังไล่ล่าฆ่าแหลกแบบเอาเป็นเอาตาย   แต่แล้วร่างกายของเด็กสาวพลันแข็งทื่อเป็นแช่แข็งแบบไม่รู้สาเหตุ ได้แต่คุกเข่ามองร่างกึ่งโปร่งใสนั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

           “ภัทรา ฉันจะช่วยเธอออกไปจากอาคารเป็นการชดเชยความผิดของฉัน”

             เป็นเสียงของอาจารย์อย่างถนัดชัดเจน แต่เวลานี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นนุ่มนวลปราศจากแววแห่งความชั่วร้าย กลับมาเป็นอาจารย์ผู้มีความเมตตาต่อศิษย์อย่างควรจะเป็นอีกครั้งไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม

             เป็นไปได้อย่างไรกัน..

              เสียงอาจารย์เพ็ญแขพูดต่อไปอีกว่า

             “ฉันขอโทษด้วย ความรู้ความสามารถของฉันใช้ไปในทางผิด กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะสายไปแล้ว ความเห็นแก่ตัวของฉันเกือบจะลากปีศาจร้ายจากนรกขึ้นมาบนโลกนี้ ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ เอ่ล่ะ...ไม่ต้องพูดอะไร เธอลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป ฉันจะเหลือช่วยเธอเป็นครั้งสุดท้าย”

            เด็กสาวลุกขึ้นอย่างงงงันและคาดไม่ถึง  อะไรกัน... อาจารย์แม่มดพอตายไปจะกลับตัวกลับใจได้อะไรรวดเร็วแบบเหลือเชื่อ ตามหลักพอตายไปจะต้องกลายเป็นผีโคตรดุกว่าปกติไม่ใช่หรือ  โลกของผีเข้าใจยากจริงๆ แต่เธอไม่มีเวลาคิดอะไรมากมายว่าทำไมอาจารย์ถึงเปลี่ยนไปรวดเร็วได้ขนาดนั้น
เสียงระเบิดครืนใหญ่ตรงประตูก็เป็นสิ่งปลุกประสาทให้กลับคืนมาอีกครั้ง  ความสงบนิ่งหายไป ความร้อนแรงสับสนอลหม่านกลับมาอีกครั้ง ประตูทางออกซึ่งปิดสนิทเกิดระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลายเป็นทางออกให้หนีรอด

             “วิ่งออกไป เร็ว..!”

             เสียงของอาจารย์เพ็ญแขดังก้องหู  “ปีศาจมันกำลังอาวะวาดครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับคืนสู่นรก มันกำลังคลั่งแค้น วิ่งหนีออกไปเร็ว..!”
ไม่ต้องให้บอกซ้ำสอง เด็กสาววิ่งออกไปทางประตูที่เริ่มติดไฟแลบเลียสูงขึ้นทุกที วิ่งออกไปจากหอพักโดยมีเปลวไฟนรกแลบเลียเปลวตามหลังมาแบบหวุดหวิด วิ่งจนออกมาถึงทางเดินหน้าตึกแล้วค่อยหันกลับมามองด้วยหัวใจเต้นระทึก ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจเมื่อหลุดพ้นจากหอพักนรกออกมาได้อย่างไม่คาดฝัน

             ภาพที่มองเห็นตอนนี้จะด้วยตาฝาดหรือความจริงก็ไม่อาจบอกได้ชัดถนัดปาก ตึกทั้งตึกกำลังติดไฟปะทุเปลวออกมาทางหน้าต่างทุกบานไม่ขาดสาย มีเสียงระเบิดดังอยู่เป็นระยะผสมกับเสียงคำรามกึกก้องแหบพร่าต่ำอย่างคลั่งแค้นและผิดหวัง ตัวตึกดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปมาราวกับอสรพิษถูกย่างสดอยู่บนเปลวเพลิง เสียงตึก...ตึก ของหัวใจอุบาทว์ดังถี่กระชั้นเร็วขึ้นทุกทีเหมือนกำลังเร่งการทำงานจนเลยขีดจำกัดและในที่สุดก็ระเบิดครืน !

            ลุกไฟปะทุพุ่งออกมาจากอาคารกระจายไปไกล แสงสว่างจากการระเบิดสว่างจ้าไปแทบจะทั่วมหาวิทยาลัย มันเป็นภาพเหลือเชื่อกับบุคคลอื่นว่าตึกใหญ่สามชั้นจะติดไฟได้มากขนาดนี้ ราวกับอัดไว้ด้วยเชื้อเพลิงด้านใน มีเพียงเด็กสาวเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นผลงานของปีศาจจากนรก

             ร่างจางๆ ของอาจารย์ ลูกสาว และหนูน้อยปรากฏให้เห็นเบื้องหน้า โดยมีภาพไฟโหมกระหน่ำซากอาคารอยู่ด้านหลัง ทั้งสามดูเหมือนจะยิ้มให้เป็นการสั่งลา หนูน้อยโบกมือให้เห็นก่อนค่อยจางหายไป ไฟยังลุกท่วมเนิ่นนาน ผนังหอพักพังทยอยพังครืนลงเป็นระยะ มหาวิทยาลัยถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจและรถดับเพลิงเริ่มทยอยวิ่งเข้ามายังย่านแห่งความวิบัติ


            ..........................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่