เรื่องสั้นวันละเรื่อง: พ.ศ2523

เรือนไม้ใต้ถุนสูง ท้ายหมู่บ้านห่างไกลผู้คน ข้างกอไผ่ใบหนา ริมลำธารกว้าง สายลมเย็นพัดโชย สายน้ำไหลเอื่อยไม่ขาดตอน

คืนมืดมิดไร้แสงจันทร์  บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงดนตรีของสรรพสิ่งธรรมชาติ จิ้งหรีด จักจั่น เรไร ขับกล่อมเจ้าของบ้านที่ยังอยู่ในภวังค์นิทราแสนสบาย

บันไดของเรือนไม้ ไม่ได้เก็บขึ้นในยามค่ำคืนเฉกเช่นปกติวิสัย ชาวบ้านมักเก็บบันไดขึ้นเรือนในยามกลางคืนเพื่อป้องกันผู้ปองร้ายที่จะแอบเข้ามาในยามวิกาล

ทอดสายตาต่อไป เห็นร่างดำตะคุ่มค่อยๆ ย่องอย่างระมัดระวังลงจากเรือนไม้แบบไร้สรรพเสียง พอคะเนได้ว่าเป็นหญิงสาวแต่งกายทะมัดทะแมง สะพายถุงผ้าใบย่อมไว้ข้างกาย

"พ่อกับแม่...หนูขอโทษ แล้วหนูจะพาลูกกลับมาขอขมานะจ๊ะ"

หญิงสาวพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น ก้มลงกราบ หันหน้าไปในทิศที่เป็นห้องนอนของบุพการี จากนั้นใช้มือลูบเบาๆ ตรงหน้าท้องที่โป่งนูนเพียงเล็กน้อยที่แทบจะไม่มีใครสังเกตเห็น

นั่งนิ่งอยู่สักพัก ให้เวลากับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย จากนั้นลุกขึ้นหันหลัง เดินอย่างรวดเร็วไปตามทางเดินดินอัดแน่นแข็งแรง ที่ผู้คนใช้สัญจรไปมาในเวลากลางวัน แต่บัดนี้ว่างเปล่าและมืดมิด เส้นทางทอดยาวไปอีกด้านของหมู่บ้าน

ณ ตรงนั้น เรือลำน้อย จอดพรางสายตาอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ครึ้ม เงาร่างของชายหนุ่มนั่งรออย่างร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่หญิงสาวปรากฏกายก้าวเท้าลงในลำเรือ ไม้พายก็วาดลงในน้ำอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา พาเรือน้อยค่อยๆ หายลับไปในความมืดและเงียบสงบของสายน้ำ

ถ้าเพียงหญิงสาวหันกลับมามองในทิศทางของเรือนไม้.....

...........................

กลุ่มชายฉรรจ์ สามคนเดินมาตามทางเดินดินอัดแน่นสายนั้น จุดหมายคือเรือนไม้ข้างกอไผ่ท้ายหมู่บ้าน พวกเขามองไปเห็นบันไดเรือนวางทอดลงมา

"โชคดีจังโว้ย! เจ้าของเรือนวางบันไดไว้ต้อนรับ" หนึ่งในพวกเขาเอ่ยขึ้น อีกสองคนพยักหน้ารับอย่างลิงโลด

ทั้งสามก้าวขึ้นเรือน เดินตรงไปยังห้องที่เจ้าของเรือนนอนหลับสบายอย่างไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง

ไม่นานนัก มีเสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังขึ้น เสียงโครมครามหลายเสียง ฟังไม่ได้ศัพท์

จากนั้น ชายทั้งสามวิ่งลงเรือนมาพร้อมสัมภาระหอบใหญ่ หนึ่งในนั้นมุดไปใต้ถุนเรือน คว้าภาชนะบรรจุน้ำมัน เทราดรอบบ้าน จุดไฟเผาทันที

เรือนไม้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับเปลวไฟ

สายลมยามค่ำคืนช่วยพัดกระพือเปลวไฟสีส้มให้ลุกโชนสูง เรือนไม้ทั้งหลังพร้อมเจ้าของเรือนทั้งสองถูกเผาวอดวายเหลือเพียงเถ้าถ่าน

ในเวลาไม่นาน ความเงียบสงัดและความมืดกลับคืนมาอีกครั้ง

กว่าที่จะมีใครรู้เรื่อง ก็เป็นเวลารุ่งสางท้องฟ้าเริ่มมีแสงสลัว

เสียงดนตรีจากแมลง เปลี่ยนเป็นเสียงนกกา ที่เริ่มบินออกหากินในยามเช้า

เสียงไก่ขัน นาฬิกาปลุกตามธรรมชาติ ร้องรับแสงอรุณ

"เมื่อคืนที่ท้ายหมู่บ้านมีเหตุปล้นฆ่ายกครัว พวกมันเผาบ้านพร้อมเจ้าของเสียไม่เหลือซาก"

"ฉันตื่นมาเห็นเปลวไฟอยู่ลิบๆ นึกว่าท้ายหมู่บ้านเผาป่าเตรียมที่ทำนาเสียอีก"

นั่นคือข่าวร้ายยามเช้าที่ชาวบ้านเล่าให้กันฟังอย่างตื่นตระหนก 

................



ถ้าเพียงหญิงสาวหันกลับมามองในทิศที่เรือนไม้ตั้งอยู่ เธอจะเห็นเปลวไฟสีส้มลุกโชนในความมืดจากระยะไกลๆ

...ในวันนั้นไม่รู้ว่าเธอโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่