ลุงข้างทาง ตอนล่าสุด โดย Furryjit

ทุกคนพอได้ยินแล้วก็สะทกสะท้อนไปตามๆกัน ถึงแม้เป็นสมิงเพศเมียแต่ผิดด้วยหรือที่นางอยากมีบุตร และเกิดรักเด็กขึ้นมา

“เราต้องหาทางคุยกับนางสมิงตนนั้นให้ได้” นราพอทำความเข้าใจได้ก็รีบพูดพลางมองไปทางแนวป่าลึก ราวกับจะมองหาอะไรสักอย่าง

“เด็กเป็นมนุษย์ พ่อแม่น้องเขาก็รัก ถึงแม้น้องเขาจะสติไม่สมประกอบ พอได้น้องเต็มคืนมา ผมจะรับน้องไปรักษาตัวด้วยทุนทรัพย์ที่ผมพอมี”

นัยน์ตานราสีเขียวมรกต พูดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว ครูขวัญเรือนพอได้ยินก็น้ำตาคลอ นับถือในน้ำใจลูกผู้ชายคนนี้

“โถ่ คุณนรา บุญทำกรรมแต่งน่ะค่ะ คุณทำได้เท่าที่มีเถอะ  คุณเปลี่ยนโลกใบนี้ไม่ได้หรอก คุณก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เกิดมา คุณมีภรรยาต้องดูแลนะคะ  ”

ทันใดนั้นชายร่างกายโตใหญ่ ที่ชื่อนายยอด ก็ล้วงโป่งข่ามอันหนึ่งออกมายื่นให้นรานายเหนือที่เขาเคารพ

“ไอ้พลอยหินที่ข้าหยิบติดมือมาข้างทาง พอจะมีมูลค่าอะไรบ้างไหม ขอสบทบค่าเลี้ยงดูเด็กน้อย เผื่อมีค่าอันใด”

แทนที่จะไปอยู่ในมือหมอเชียร์วงศ์ที่มีการศึกษาสูงสุดพิจารณา เจ้าจ๋านเห็นก้อนพลอยนั้นก็อุทานขึ้นก่อนด้วยนัยน์ตาเหลือกลาน

“เชี่ย ไอ้ก้อนนี้ราคาล่าสุด 10ล้าน$ เป็นอย่างต่ำ พี่ยักษ์ไปเอามาจากไหน”

นายยอดทำหน้าเหลอหลาอย่างไม่เข้าใจ มองดูหน้านรานายตนซี่งก็หน้าตาเซ่อไม่ผิดแผกจากกัน

“ข้าเก็บได้ ไม่รู้การตีราคาของสังคมมนุษย์ดอก ขอมอบทุกสิ่งอย่างให้แก่นายนราของข้า”

แน่นอนว่า ความซื่อสัตย์ของนรานั้นเป็นที่รักของทวยเทพอยู่แล้ว  เขาเดินไปกอดนายยอดที่สูงเหนือเขาเกือบศอกราวกับญาติสนิท

“ผมอยากจะตั้งกองทุนให้เด็กที่ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า แต่เอาไว้พูดกันที่หลังเถอะ หาทางออกจากป่านี้ไปก่อน”

กลุ่มครอบครัวแสนสุขเดินปลีกตัวออกมา พอเดินมาได้สักกิโลเมตรป่า เจ้าหยกก็พูดขึ้นด้วยระดับเสียงที่ได้ยินเฉพาะกลุ่ม

“อย่าหันหลังกลับไปนะ แต่ฉันอยากให้รู้ว่า มีคนใส่ชุดลายพราง หมวก beret เดินตามพวกเรามา มีปืนยิงเร็วติดมือมาด้วย”

นายยอดพูดขึ้นเสียงเบาอย่างรู้สถานการณ์ แต่สุ้มเสียงแผ่วนั้นบ่งบอกว่าเริ่มรำคาญแล้ว

“กระผมเห็นพวกมันลับๆล่อ แอบตามมานานแล้ว อยากให้กระผมไปสั่งสอนมันหรือไม่”

จากหางตาที่เหลือบมอง นราเห็นชายในชุดทหารพรานสามคน มือถือปืน AKA 17 เดินตามแบบบดบังร่างตามต้นไม้มาตลอดทาง เขาพูดขึ้นด้วยเสียงกระซิบ

“เจ้าหน้าที่เขาอยากให้แน่ใจว่าเราออกจากป่าแน่นอนละมั้ง ใจเย็น พวกเราอยู่นิ่งๆกันไปก่อน”

เจ้าจ๋านพูดขึ้นเสียงเค้นตามไรฟัน กำมือแน่น

“นั่นมันเครื่องแบบทหารพราน ฉันจะไม่เสี่ยงล่ะ ไม่รู้พวกมันแอบตามมาดูเราเฉยๆ หรือตามมาเก็บพวกเรากันแน่ นราหยก แกจะรอพวกมันเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนก่อนหรือ”

หมอเชียรวงศ์ตัวสั่น เกือบจะหันไปมองด้วยความเผลอ แต่ครูขวัญเรือนห้ามไว้

“อย่าค่ะ คุณหมอ” แล้วก็หันมาถามนรา ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำกลุ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ดิฉันก็ไม่อยากมองโลกในแง่ร้ายนะค่ะ แต่ตามกันมาอย่างหลบมุมอย่างนี้ เจตนาไม่ซื่อแล้ว คุณนราต้องรีบตัดสินใจ”

นราตัดสินใจอย่างหนักหน่วง เกือบจะหันกลับไปเผชิญกับชายสามคนที่ติดตามมา แต่ทันใด ก็มีชายสามคนในชุดทหารพรานมาโผล่มายืนจังก้าถือปืนกลขวางทางอยู่เบื้องหน้า

“อ้าว จะไปไหนกันครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันการขนส่งยาเสพติด ขอตรวจค้นตามหน้าที่นะครับ”

ทหารพรานอีกสามนายที่แอบซุ่มๆตามหลังมาอย่างหลบๆซ่อน โผล่หน้าออกมา
สมทบทันที  ปืนยิงเร็วที่อยู่ในมือแม้จะชี้ลงบนดิน แต่ลักษณะก็บ่งบอกว่าสามารถตวัดขึ้นมาส่องได้ทุกเมื่อ

ครอบครัวสุขสันต์ก็ถูกประกบหน้า ประกบหลังด้วยประการฉะนี้ ไม่มีใครกล้าขยับหรือหายใจผิดจังหวะ เพราะมือชายในเครื่องแบบทุกคนสอดเข้าไปในโกร่งไกปืน พร้อมจะเหนี่ยวนิ้วมือทุกขณะจิต

ชายผิวเกรียมแดดที่ลักษณะท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่ม แสดงท่าทีสุภาพ ขอมาค้นตัวกลุ่มครอบครัวแสนสุข

“ผมได้เบาะแสว่าจะมีการส่งมอบยากันคืนนี้ ต้องขอโทษในความไม่สะดวกด้วย”

เขาทำเป็นแตะๆร่างกายทุกคนเพื่อค้นหา แบบขอไปที ทุกคนในพลพรรคแสนสุขต่างก็ยินยอมเพราะไม่อยากมีปัญหา

“อุ้ย” ครูขวัญเรือนสะดุ้งกายวาบ เมื่อมือหยาบหนาของเจ้าหน้าที่คนนั้นแตะถึงเอวหล่อน

“คุณ รักษามารยาทด้วย “ เจ้าหยกส่งเสียงคำรามต่ำๆในลำคอ “ อย่าฉวยโอกาส เธอเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ให้ความเคารพหน่อย”

เจ้าหน้าที่ทุกคนส่งสายตาอย่างเอาเรื่องมาทางเจ้าหยกด้วยความหมั่นใส้ ทันใดนั้นมือหยาบกระด้างของคนในเครื่องแบบคนหนึ่งก็สอดเข้ามาทางกระเป๋าหลังของมัน และควักออกอย่างรวดเร็ว มีห่อพลาสติกใสพร้อมด้วยยาเม็ดในนั้นตามมาด้วย

“อ้าว มียานี้หว่า เฮ้ยพวกเราระวัง”

ทหารพรานทุกคนส่องปากกระบอกปืนไปทางครอบครัวแสนสุขทันที ราวกับนัดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนตัวชา พานท้ายปืนของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกระทุ้งเข้าที่ท้องน้อยเจ้าหยกดังอั้ก จนมันตัวงอ เจ้าจ๋านด้วยความเป็นห่วงเพื่อนมันเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ทหารคนนั้นทันที

“ ยัดยาหรือ” ใบหน้าทหารคนนั้นหน้ากระเด็นไปตามแรงหมัด แต่ผลที่ตามมาคือพรรคพวกทหารที่ใส่มือตีนถือปืนสวนมาอย่างไม่ยั้ง จนร่างกายเจ้าจ๋านรับไว้ไม่ไหว ตัวงอก่องอขิงตามแรงหมัดและเท้า

“”โอ้ย” เจ้าจ๋านโอดโอย เพราะโดนมือ ขา นับครั้งไม่ถ้วน เจ้าหยกนั้นจุกแสนจุกแต่พอเห็นเพื่อนโดนสหบาทาจากเหล่าชายในชุดสีเขียวเข้าไป ก็ปรี่มาขวางตีนเอาไว้ด้วยน้ำใจรักเพื่อน เลยโดนกระทืบจมเท้าอยู่ตรงนั้น

นราหูอื้อ นัยน์ตาลาย ตวาดเสียงลั่นพลางพุ่งเข้ามาผลักเจ้าหน้าที่

“หยุดครับ นี้ผมขอ “

ทหารในชุดลายพรางคนหนึ่งยิ้มสะใจ ขยับปืนในมือ

“ขอ ยิ้มอะไรล่ะ พวกกูไม่ยิงตายอย่างหมานับแต่นาทีแรกก็บุญแล้ว เอาสิ ได้ทีพวกกูจะยิงแล้ว เฮ้ย พวกเรา คนขนยามันขัดขืนโว้ย ยิงเลย เดี๋ยวโยนปืนเถื่อนสักสองสามกระบอกลงบนศพพวกมัน ให้ดูเป็นการยิงต่อสู้”

“ยิง” หัวหน้าทหารพรานชุดนั้นประกาศิตตามที่เขาได้รับมอบหมายมา แต่ลูกน้องคนหนึ่งในกลุ่มเขาทักท้วงขึ้น ยิ้มแบบกรุ้มกริ่ม

“”ไหนๆจะยิงแล้ว ผมขอกันผู้หญิงคนนั้นออกไปนะพี่ คือหุ่น กับหน้าตามันโคตรโดนใจผมเลย อยากได้มันเป็นเมียอ่ะสักสองคืนก็ยังดี” ชายคนนั้นหมายถึงครูขวัญเรือนที่รูปร่างหน้าตาสวย

คนรับผิดชอบกลุ่มปรายสายตาสีเลือดที่ไม่มีความปราณีส่งมา

“จะมาหื่นอะไรเอาตอนนี้ คำสั่งคือ คำสั่ง จะต้องฆ่าพวกมัน ไม่ให้ออกจากป่าแห่งนี้ไปได้เข้าใจไหม จบงานนี้จะไปตียิ้มกี่คนก็เรื่องของ ยิงตามคำสั่งกู”

นราเดินมาประจันหน้ากับหัวหน้าทีม เขาประคองเจ้าหยก และเจ้าจ๋านที่ที่ถูกทารุณกรรมจนเละเทะด้วยน้ำตาตานองหน้า

“คุณทหาร ทำเพื่อนรักผมขนาดนี้ ให้โอกาสนะ กราบเท้าเพื่อนผมสะ เผื่อเขาสองคนให้อภัย”

“ให้อภัยพ่อนะสิ “นายหัวหน้าหน่วยยิ้มสะแหยะ “จะได้-ลูกกระสุนกูอยู่แล้ว ยังยิ้มมีคำพูดทำเป็นเท่ ไปๆ ยืนให้พวกกูยิงดีๆเถอะ อย่าทำเป็นเรื่องมากเลย”

หน่วยสีเขียวทั้งหมด ถอยหลังออกมา ถือปืนกลในท่าเล็งยิง ขณะที่ครอบครัวแสนสุขกำลังจะดับดิ้นด้วยคมกระสุนปืน

มีแสงสว่างวาบขึ้นดุจสายฟ้าฟาดขึ้นมาในป่าโดยฉับพลัน ร่างสวยงามของสตรีเพศสี่นาง อยู่ดีๆก็ปรากฎกายขึ้นขึ้นในป่า

พระเพลิงเกิดลุกเผาขน มือนายทหารพรานทั้งหกคน พร้อมด้วยเสียงร้องแผดเผาอย่างตกใจ เมื่อเปลวไฟลุกไล่เรือนร่างพวกมัน ต่างโหยหวนกันไม่เป็นภาษาคน

น้องนาถยาเอามือป้องปากทำท่าตกใจ ตามเดียงสาของนางก่อนหันหน้าไปถามหญิงสาวมาลัยที่สายตาเจิดจ้า วาวโรจน์

“โอ้โห้ พี่มาลัย กสิณไฟพี่สุดเยี่ยมจริงๆ คุณปู่นรคินทร์ท่านได้แอบเพิ่มพลังเพลิงนาคาให้ทางสมาธิญาณ”

“พวกกล้าทำร้ายคุณจ๋าน คุณหยก ครูขวัญเรือน กู มาลัย จะเผาร่างกายพวกให้เป็นจุล ด้วยเตโชธาตุของกู”

คุณพิมพ์เห็นสามี คือเจ้าจ๋านโดนซ้อมเลือดไหลเลอะเทอะก็ให้เป็นห่วงอยู่แล้ว อีกทั้งเห็นเจ้าหยกมีสภาพสะบักสะบอมเช่นกัน แต่ก็มีจิตสำนึกขึ้น รีบส่งเสียงเตือนเพื่อนสาว พลางลูบมือต้นแขน

“ใจเย็น คุณมาลัย อย่าฆ่าพวกมัน จะเป็นบาปกรรม”

มาลัยรีบลดความเร่าร้อนของไฟบนกายาที่พวยพุ่ง พอเห็นนราถูกผลักไปนั่งกับพื้นดิน ก็รีบวิ่งเข้าไปหาสามีด้วยความรักอย่างเต็มอก

“พี่นราเป็นเยี่ยงใด ไอ้มนนุษย์หกตนมันทำเยี่ยงใดกับผัวน้องบ้าง ไม่เอาแล้ว บาปบุญอะไรก็ตาม น้องจะอาสัญกรรมมันด้วยไฟนรก ณ บัดนี้ “

“อย่าจ้ะน้อง” นรารีบห้ามในขญะที่เขายังมีสติ เพราะรู้แก่ใจภรรยาดี “เจ้าจ๋าน เจ้าหยก พวกมันกำลังเจ็บ ให้พี่ดูแลมันก่อนเถิด แล้วน้อง คุณพิมพ์ น้องยา มาได้อย่างไรกัน”

“ท่านอสุนีส่งพวกเรามา บอกว่าพวกคุณกำลังตกที่นั่งลำบาก” หญิงสาวร่างอ้อนแอ้น ใบหน้าสวยสดคนหนึ่งพูดแทนขึ้น พวกนรามองดูอย่างงงงัน คุณพิมมองเห็นสายตาสงสัยเลยรีบพูดขึ้นเท่าที่เวลาอำนวย

“นี่ ไม่ใช่ใคร นางพรายเองค่ะทุกคน เป็นร่างใหม่ที่ท่านนรคินทร์บันดาลให้”

ทุกคนมีเวลาทำความเข้าใจสั้นๆ ทหารที่ถูกไฟลุกท่วมตัว วิ่งชนกันเองต้นไม้บ้างอย่างไม่รู้ทิศทาง เจ้าจ๋านวิ่งไปแย่งปืนกล ปล่อยลูกถีบเข้ายอดอกทหารคนหนึ่งด้วยความแค้น ร่างไฟลุกนั้นปลิวไปตามแรงเท้าทันที

“ยัดยาเพื่อนกู หาข้ออ้างยิงทิ้ง กูจะกรอกปากเดี๋ยวนี้ล่ะ” พูดจบก็หันปากกระบอกปืนกลที่แย่งได้มาไปยังส่วนหัวของชายในชุดลายพรางคนหนึ่งที่เปลวไฟลามแดงทั่วร่าง กำลังจะเหนี่ยวไก

“อย่า” เจ้าหยกรีบวิ่งมาปัดปลายปืนด้วยความเร็วทั้งๆที่เจ็บ “ฉันเจ็บตัวมันรักษาได้เว้ย แต่ไม่อยากให้แกต้องทำบาป”

เจ้าจ๋านได้สติ ลดมือที่ถือปืนลง แต่ยังขบกรามด้วยความแค้น มองชายในชุดสีเขียวหกนาย วิ่งสะเปะสะปะไปมาเพราะไฟนั้นยังห่อหุ้ม เผาผลาญร่างกาย

นรามองชายเหล่านั้นด้วยความเวทนา เอื้อมมือมาจับแขนมาลัยแล้วขอร้อง

“ปล่อยพวกเขาไปเถอะน้อง มันคิดฆ่าพี่ จ๋าน หยก ครูขวัญเรือนก็จริง แต่ไม่สำเร็จ ให้อภัยพวกมันเพื่อเป็นกุศลนะมาลัย”

เมื่อสามีที่รักขอ มีหรือหญิงสาวจะไม่หยุด อยู่ๆเปลวไฟที่ลามเลียก็ดับพรึบลง แต่ก็สายไปแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวทหารหกคนมีกลิ่นเนื้อไหม้เกรียมเหม็นหึ่ง

มาลัยถึงแม้หยุดเพลิงแห่งโทสะได้ แต่นัยน์ตาก็ยังขึงเกรี้ยว กวาดมองชายทั้งหกแล้วตวาดขึ้น

“คุกเข่า” น้ำเสียงหล่อนดุดันแม้กระทั่งนราและคุณพิมเองยังรู้สึกกลัว “ใครสั่งให้พวกมาฆ่าผัวกู คุณจ๋าน คุณหยกสหายของกู”

ทั้งหกชายในชุดสีเขียวจะมีปัญญาตอบอะไรได้ เพราะผิวหนังชั้นนอกไหม้แห้งเหือดปวดแสบปวดร้อนร่างกายบิดสะบัดอยู่ไม่สุขไปตามๆกัน คุณพิมเห็นดังนั้นก็ให้อุบาทว์นัยน์ตายิ่งนัก คว้าข้อมือมาลัยเพื่อนรักของหล่อนมาลูบเพื่อระงับอารมณ์

“”โถ คุณมาลัย มันได้รับคำสั่งมาแน่ๆอยู่แล้ว อย่าไปไล่เบี้ยให้เสียเวลาเลย มันพวกลูกน้องปลายแถว”

มาลัยสงบสติอารมณ์ ประกายเข้มในตาลดแสงลง คุณพิมมองแล้วก็โล่งใจมีเวลาหันไปมองเจ้าจ๋านสามีหล่อนด้วยความเป็นห่วง

“อ้าว พี่ ไปโดนท่าไหนมาล่ะค่ะ หน้าถึงได้เปรอะเปื้อนเลือดขนาดนี้ โถ คุณหยกก็ด้วย”

น้องนาถยาเห็นสภาพยับเยินของเจ้าหยกแล้วจะผวาเข้ามาประคองด้วยความรัก แต่เจ้าหยกยกมือห้ามไว้ เลือดยังไหลพรากจากจมูก  แต่ยังฝืนพูดขึ้นให้สบายใจกันทั้งหมด

“ผมกับจ๋านสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงครับ แต่ที่เราต้องใส่ใจตอนนี้คือมีคนคิดฆ่าพวกเราทั้งหมด ครอบครัว ไม่ให้เหลือเหมือนกับมันจงเกลียดจงชังพวกเรานักหนา”

มีเสียงแน่นหนักจากชายคนหนึ่งพูดสบทบขึ้น

“ตราบใดที่ ไอ้ยอดยักษ์ผู้นี้ยังยืนยงอยู่ จะมิมีผู้ใดแตะต้องนายนราของข้าได้ เมื่อสักครู่ ข้ากำลังชั่งจิตใจว่าจะกลับคืนสู่ร่างเดิมเพื่อหักคอไอ้เดรัจฉานพวกนี้ดีหรือไม่ ก็พอดีแม่นายมาลัยปรากฎตัวมาเสียก่อน”

คนที่พูดประโยคนี้ออกมาคือยักษ์ใหญ่ในร่างคนที่ชื่อนายยอดนั่นเอง แล้วเขาก็เดินไปหาชายในชุดสีเขียวทั้งหก เอ่ยพูดขึ้นราวกับไม่มีอะไรสลักสำคัญ

“กูขอนิ้วมือ นิ้วชี้ที่ตั้งใจจะสังหารนรานายของกูและสหาย รวมทั้งแม่นางขวัญเรือนไว้เป็นประจักษ์พยานย้ำเตือนใจพวกว่า พวกคิดผิด”

พูดจบมือเขาก็เคลื่อนไหวอย่างว่องไว กระชากมือด้วยเรี่ยวแรงผิดมนุษย์เขาดึงนิ้วมือหกนิ้วออกมาจากข้อต่ออย่างง่ายดาย แล้วขว้างมากองเรียงไว้ตรงหน้านราอย่างพอดิบพอดี

แน่นอนว่ามีเลือดพุ่งกระฉูดและเสียงร้องโหยหวนแทบสิ้นใจของชายหนุ่มทั้งหก นราเซถลาไปในอ้อมอกมาลัยอย่างตกใจ

มาลัยก็ตาเบิกโพลงคาดไม่ถึง แต่พอสามีหล่อนถอยร่นเข้ามาสู่อ้อมอก ความรู้สึกของคนเป็นภรรยาก็ต้องโอบกอดสามีไว้

“พี่ยักษ์ ทำไมใจร้ายทำรุนแรงอย่างนี้”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่