คืนนรก......1

กระทู้สนทนา
========
คืนนรก
บทที่ 1
========


Psycho G.




             ……ขณะคนงานชายออกแรงขุดเปิดหน้าดินบริเวณพื้นที่ข้างหอพักของมหาวิทยาลัย
อะไรบางอย่างดลใจให้เขาเหวี่ยงจอบลงไปบนพื้นงัดเศษดินเศษหินขึ้นมาไม่หยุดยั้ง ทำไมต้องขุดลึกลงไปเกินกว่าความจำเป็นขนาดนี้ ความร้อน ความไม่รู้ ความหวาดกลัว หรืออะไรกันแน่ที่สิงสู่เกาะกุมสุมเร้าอยู่ภายในใจจนทำให้กลายเป็นคนสติแตกไปชั่วขณะ

             เสียงจอบกระแทกอะไรบางอย่างใต้พื้นดิน เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนค่อยงัดมันขึ้นมาให้กระทบแสงแดด

             กะโหลกศีรษะมนุษย์ยิงฟันขาว มีเศษดินอัดแน่นเต็มเบ้าตา ไส้เดือนกำลังคลายตัวออกมาจากเบ้าตาข้างหนึ่งเป็นทางยาวราวกับเป็นเส้นสายของน้ำตาปีศาจหลั่งคร่ำครวญ



  
             “ที่นี่เป็นหอพักหญิงมหาวิทยาลัย ไม่มีเวลาหรือที่ว่างสำหรับพวกผู้ชาย ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ อย่างเคร่งครัด เข้าออกในเวลากำหนด ไม่ปรุงอาหารในห้อง ไม่พาบุคคลภายนอกเข้ามา และ...”


             เด็กสาวในชุดเดินทางนั่งตัวเกร็งบนเก้าอี้นั่งเล่นห้องโถงชั้นล่างของหอพัก ฟังอาจารย์อาจารย์คุมหอพักปั้นหน้าสั่งสอนกฏของหอพักเป็นการใหญ่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ถึงจะไม่ปั้นหน้าให้เคร่งเครียดสายตาหลังกรอบแว่นของอาจารย์หญิงวัยค่อนคนกับชุดยาวรุ่มร่ามล้าสมัยก็ทำให้ดูน่ากลัวอย่างประหลาด เด็กสาวอดคิดไปไม่ได้ว่าจารย์น่าจะเป็นแม่มดหรือเจ้าของลัทธิลึกลับมากกว่า

             “สำคัญคือเธอ...ยัยภัทรา เธอทะลึ่งมาก่อนกำหนดหนึ่งวัน ความจริงพรุ่งนี้ต่างหากเป็นวันรับรายงานตัวนักศึกษาใหม่เข้าหอพัก ฉันอาจารย์เพ็ญแขเลยต้องมาเสียเวลากับเธอโดยใช่เหตุ”

             เด็กสาวหน้าซีดเหลือสองนิ้ว ก้มหน้ามองกองสัมภาระของตัวเองโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

             เธอจบชั้นมัธยมปลายจากต่างจังหวัด เป็นเพียงคนเดียวในรุ่นที่ผ่านการสอบคัดเลือกให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ คุณพ่อคุณแม่เช่ารถสองแถวมาส่งถึงหน้าหอพัก และพากันกลับไปแล้ว ทำไมกลายเป็นพรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันรายงานเข้าหอพัก ทำไมไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดรายงานตัวเข้าหอพัก กับเรื่องสำคัญคนอย่างภัทราผู้รอบคอบไม่มีวันพลาดเด็ดขาด

             อาจารย์ประจำหอพักดูมีเลศนัยชอบกล สายตาสีหน้าเย็นชาไร้รอยยิ้มสร้างช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นระหว่างคนทั้งสองจนแทบมองไม่เห็นฝั่งตรงกันข้าม ฟันหน้าของอาจารย์บางซี่ดูแหลมคมผิดธรรมชาติจนดูผิดปกติ เด็กสาวไม่ชอบวิธีการมองจากสายตาแปลกๆนั่นเลย  มือผอมๆชี้ไปยังกองสัมภาระที่วางอยู่หลายกล่องพลางเน้นเสียงคล้ายสำทับอยู่ในที

             “ขนของไปเก็บบนห้อง เก็บกุญแจให้ดี เก็บกวาดห้องให้สะอาดด้วย คืนนี้เธอจะได้นอนคนเดียวในหอพัก อ้อ...ไม่หรอกนะ อย่างน้อยยังมีฉันอีกคนอยู่ห้องริมตึกด้านตรงกันข้าม หวังว่าเธอคงไม่กลัวผีจนสติแตกไปก่อน จนกว่าจะได้รายงานตัวอย่างเป็นทางการ”

             ภัทรารับคำง่ายๆไม่รอช้า รีบขอตัวจัดการหอบข้าวของขึ้นไปบนห้องพักซึ่งอยู่ชั้นสามหลังจากได้รับลูกกุญแจห้องพักจากอาจารย์เพ็ญแข เพราะไม่อยากอยู่พูดคุยกับอาจารย์ประจำหอพักให้มากนัก ไหล่สะพายกระเป๋าใบเขื่อง สองมือหิ้วกล่องกระดาษขนาดใหญ่ซึ่งอัดแน่นด้วยเสื้อผ้าเครื่องใช้ตามแบบฉบับมาตรฐานของความเป็นผู้หญิง รู้สึกโล่งใจกับการหลุดพ้นจากการสนทนาอันน่าอึดอัด

              ขณะเดินออกมาจากห้องโถงชั้นล่าง เด็กสาวรู้สึกว่าสายตาแปลกพิกลของอาจารย์เพ็ญแขมองตามมาจนลับมุมบันได ภาพฝันว่าอาจารย์ประจำหอพักเป็นคนอบอุ่นใจดีเป็นกันเอง ถูกกระชากออกจากชีวิตเหวี่ยงทิ้งอย่างไร้ความปรานี

             อาจารย์แม่มด... เด็กสาวแอบตั้งฉายาให้อาจารย์ในใจทันที แม้จะรู้สึกผิดในใจ  และคิดว่าไม่มีฉายาใดจะเหมาะสมมากไปกว่านี้ ถ้าเห็นบังเอิญเห็นอาจารย์เพ็ญแขสวมหมวกทรงสูงขี่ไม้กวาดลอยวนอยู่รอบหอพักเวลากลางคืนคงไม่ทำให้ประหลาดใจมากมายเป็นแน่แท้

             หอพักช่วงปิดเทอมคงไม่มีคนอยู่ แต่ทางเดินในตัวอาคารดูสะอาดสะอ้านพอสมควร คาดว่าจะมีพนักงานมาทำความสะอาดเป็นประจำ ทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่งว่าอย่างน้อยก็มีคนมาๆไปๆ ไม่ถูกทิ้งจนกลายเป็นหอพักรกร้างสยองขวัญ

             ทางเดินชั้นสามดูมืดทึบทึมแม้ว่าเป็นเวลากลางวัน ไฟฟ้าตามทางเดินในตัวตึกไม่ได้เปิดเพราะเป็นช่วงปิดภาคเรียน ท้องฟ้าด้านนอกคงเต็มไปด้วยเมฆดำหนาทึบ ฝนทำท่าจะตกลงมาตั้งแต่เช้าแล้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีหอพักอันชวนขนลุกน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้แม้แต่เวลากลางวัน ความเงียบเชียบทำให้สันหลังเย็นวูบวาบอย่างประหลาด ห้องพักเรียงรายไล่ไกลออกไปสองฟากซ้ายขวาเหมือนเป็นอุโมงค์แห่งความลึกลับ ภัทราไล่ดูหมายเลขห้องพักหน้าประตูไปเรื่อย สองมือหิ้วกล่องกระดาษขนาดใหญ่ผูกเชือกฟางหนักอึ้งจนล้าและปวดร้าวไปทั้งแขน  ความฝันก่อนมาว่าพอเข้าหอวันแรกจะมีรุ่นพี่ใจดีคอยยิ้มแย้มช่วยเหลือต้อนรับหายวับกลับกลายเป็นอากาศธาตุ

             บ้าจริง.! ดูตามหมายเลขแล้วห้องพักคงอยู่ริมสุดด้านข้างของตึกแน่นอน คนละฟากโลกกับอาจารย์เพ็ญแข ทำไมมันเงียบและวังเวงผิดปกติก็ไม่รู้ จะมีก็เสียงรองเท้าแตะของตัวเองกระทบพื้นทางเดินดังเป็นระยะตามการย่างก้าว  เธอนึกถึงบรรยากาศในเกมคอมพิวเตอร์ที่เคยเห็นเพื่อนแอบเล่นในห้องคอมพิวเตอร์โรงเรียน พวกตำรวจบุกเข้าไปในคฤหาสน์ผีดิบอันสยดสยองเต็มไปด้วยปริศนาอันให้ความน่าสะพรึงกลัวชวนขนลุก

         หูแว่วเสียงคล้ายใครบางคนก้าวตามหลังมาติดๆ บ้าน่า .. ! นี่มันกลางวันนะ.. แค่ในตึกมืดนิดหน่อยเท่านั้น ผีหลอกวิญญาณหลอนจะมีที่ไหนกัน ไม่ต้องกลัว...ไม่มีอะไร...เด็กสาวพยายามคิดปลอบใจตนเอง แต่เสียงฝีเท้าลึกลับดังตามติดและใกล้เข้ามาทุกที จนทำให้รู้สึกขนลุกซู่โดยไม่มีเหตุผล ไม่จริง ....!.มันก็แค่เสียงรองเท้าของเราเท่านั้น...  ไม่เห็นจะต้องกลัวเลย....!

             ลองหยุดเดินดูสิ.....!

             พอหยุดเดินเสียงพิศวงก็หายไปด้วย  ภัทรากลั้นใจหรี่ตาค่อยหันชำเลืองไปมองด้านหลังอย่างระมัดระวัง นอกจากความสลัวของทางเดินแล้วไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แต่หางตาคล้ายเห็นประตูห้องหนึ่งกำลังปิดวูบเข้าอย่างรวดเร็วและแผ่วเบาจนปราศจากเสียง

             ตาฝาด... มันต้องเป็นอาการตาฝาดแน่นอน

             ความเงียบและบรรยากาศน่ากลัวทำให้คนเราตาฝาดจิตหลอนไปได้ อาจารย์แม่มดก็บอกแล้วว่าไม่มีนักศึกษาคนไหนอยู่ในหอพัก ไม่มีใครมาเล่นตลกหรอก แต่แม้จะพยายามคิดทางที่ดีก็ยังรู้สึกว่าขนลุกซู่อีกครั้ง หัวใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงตึกๆ...ในหัวสมอง เด็กสาวพยายามตั้งสติไม่ว่าอย่างไรต้องเดินหน้า จะวิ่งร้องไห้กลับบ้านเพราะกลัวผีในเวลากลางวันคงไม่แคล้วถูกหัวเราะเยาะไปอีกนาน

             ห้องพักอยู่ริมสุดทางเดินด้านซ้ายใกล้ลานหน้าบันไดชั้นสามยังพอมีแสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามาตามช่องกระจกข้างอาคารบริเวณทางขึ้น ทำให้บรรยากาศสว่างมากกว่าทางเดินในตัวตึกทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง หันกลับไปมองทางเดินด้านหลังอันยาวเหยียดรู้สึกว่าวังเวงน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

            ประตูห้องถูกล็อกแต่ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่กุญแจห้องฝืดจนต้องออกแรงบิดลูกกุญแจมากเป็นพิเศษ ในที่สุดก็เปิดเข้าไปได้

            ในห้องมีเตียงสองตัววางคนละด้านของห้อง ตู้เสื้อผ้าแบบติดผนังคู่หนึ่ง มีผ้าปูที่นอนเก่าและหมอนใบเขื่อง แน่ล่ะ... พรุ่งนี้ถึงจะได้รับผ้าปูเตียง ผ้าห่ม และปลอกหมอนชุดใหม่มาเปลี่ยน คงต้องทนอยู่ไปก่อนสักคืน ช่วงปิดภาคเรียนไม่มีใครมาอาศัยก็เป็นแบบนี้ล่ะ และคนเคยพักอยู่ก่อนต้องย้ายออกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เธอเข้ามาอยู่ได้หรอก

             อากาศเหมือนมีหยากไย่ขวางเบาบาง  ห้องพักไม่มีคนอยู่นานนับเดือน มีกลิ่นอับของความเก่าเก็บปนอยู่ในอณูอากาศ สิ่งประดับห้องมีพัดลมติดเพดานขนาดใหญ่ชราภาพตัวหนึ่ง กระจกเงาขนาดกระดาษ A-4 ติดอยู่กับผนังห้อง ท่าทางจะแกะลำบากเพราะอาจติดด้วยกาวสองหน้า คนอาศัยอยู่ห้องนี้มาก่อนคงขี้เกียจงัดแงะมันออกไป ทิ้งไว้ให้รุ่นน้องดูต่างหน้า

             ภัทราวางกล่องกระดาษลงและกระเป๋าอย่างหมดแรง เลือกนั่งลงบนเตียงตัวหนึ่งที่หมายตาจองเอาไว้ เธอมาก่อนก็ต้องมีสิทธิ์เลือกอะไรในห้องก่อน เตียงนอนส่งเสียงเอี๊ยดหลายครั้งเหมือนจะทักทาย ชีวิตนักศึกษาใหม่และเด็กหอเริ่มต้นอย่างไม่สวยงามแบบที่เคยวาดเอาไว้เลยสักนิด และพอนึกว่าคืนนี้ต้องอยู่คนเดียวแล้วยิ่งทำให้รู้สึกใจวูบหวิวจนไม่อยากจะคิด กลางวันยังเงียบเหงาวังเวง เวลากลางคืนจะชวนขนลุกขนาดไหน

             อากาศร้อนและอบอ้าวจนต้องลุกไปหมุนบานเกล็ดรับลมเย็นภายนอก มองลงไปข้างล่างเห็นต้นสนเรียงรายไปตามถนนหน้าหอพัก ยามรักษาการณ์กำลังปั่นจักรยานผ่านไปช้าๆ และหันขึ้นมามองเหมือนไม่ได้ตั้งใจ อย่างน้อยก็ยังมีคนพอจะพึ่งพาอาศัยได้บ้าง เด็กสาวพยายามคิดในแง่ดี มองขึ้นบนท้องฟ้าก็เห็นกลุ่มเมฆทะมึนอุ้มท้องจนแทบจะแท้งหรือคลอดออกมาเป็นสายฝนอยู่แล้ว

             ไกลออกไปมองเห็นหมู่ตึกอาคารเรียนอยู่ไกลออกไปพ้นแนวไม้ตามแนวถนนขึ้นมา ดูสง่าและสงบเยือกเย็นไร้ชีวิตชีวา แต่มันคงเป็นแบบนี้ไม่นาน วันรุ่งขึ้นคงจะมีเสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวของหนุ่มสาวมากมาย ปลุกวิญญาณหลับใหลของอาคารสถานที่ต่างๆให้พลิกฟื้นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความเอะอะมะเทิ่งที่เคยรำคาญ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกคิดถึงความวุ่นวายเอะอะอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยความอึกทึกครึกโครมก็ดีกว่าการมาอยู่ตามลำพังอ้างว้างเดียวดาย

             ลองเปิดไฟเปิดพัดลม หลอดประหยัดไฟบนเพดานไฟสว่างขึ้นเป็นปกติ ส่วนใบพัดลมส่งเสียงครวญครางเหมือนจะขาดใจแล้วขยับเขยื้อนสังขารฝานใบพัดตัดอากาศตามหน้าที่ไม่มีบกพร่อง  เอาล่ะ.... อย่างน้อยคืนนี้ก็มีไฟฟ้าใช้ ไม่โดนตัดน้ำตัดไฟ แต่ความรู้สึกว่าอยู่คนเดียวในตึกใหญ่ไกลห่างผู้คนทำให้รู้สึกใจวูบหวิวอย่างบอกไม่ถูก อาจารย์แม่มดคงอยู่อีกด้านหนึ่งของอาคาร ไม่รู้อยู่คนเดียวได้อย่างไร ถ้าเป็นเธอไม่มีทางไม่มีวันไม่มีคืนจะยอมมาอยู่คนเดียวได้แน่

             หายเหนื่อยแล้วก็ลองเปิดตู้เสื้อผ้าดู ขณะความคิดไปถึงหนังสยองขวัญ ซากศพหรือผีร้ายมักแอบอยู่ในตู้ เด็กสาวฝืนยิ้มให้กับตัวเองกับความคิดน่ากลัวแบบไม่มีเหตุผล  ข้างในว่างเปล่าอย่างที่คิดเอาไว้ ไม่มีซากศพตายซากล้มคว่ำออกมาอย่างในหนังสยองขวัญ ไม่มีซอมบี้ผวากางมือถาโถมออกมา  ไม่มีเด็กตัวขาวนั่งยองๆอ้าปากกว้างอยู่ในตู้  ภัทราถอนใจยาวกับความคิดจิตสยองของตัวเอง

             หลังจากนั้นเวลาช่วงบ่ายก็หมดไปกับการเก็บกวาดห้องเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ช่วงเย็นเด็กสาวใช้โทรศัพท์คุยติดต่อพ่อแม่รายงานสถานการณ์แบบไม่ให้พวกท่านต้องคิดกังวลห่วงไย ติดต่อกับเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกันที่สอบคิดติดสถาบันอื่นเป็นการฆ่าเวลาไปในตัวจนความมืดเริ่มมาเยือน จึงลงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเดินทางเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเพื่อความคล่องตัว แล้วเอนกายลงบนเตียงนอนพักฟังเสียงสายฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักหลังจากอัดอั้นมาทั้งวัน อากาศเย็นสบายคลายร้อนลงไปอย่างรวดเร็ว

             ปัญหาสาหัสที่เด็กสาวเพิ่งนึกได้คือเรื่องของห้องน้ำ ตอนกลางวันไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่เวลากลางคืนห้องน้ำชั้นล่างบรรยากาศคงวิเวกวังเวง แค่คิดก็ขนลุกจนต้องพยายามหันเหความสนใจไปเรื่องอื่นไม่ให้คิดเรื่องน่ากลัว    
        
             หอพักมีห้องน้ำอยู่ชั้นล่างเท่านั้น

             หมายถึงการเดินผ่านลงไปชั้นสองลงสู่ห้องโถงชั้นล่าง และจากห้องพักจะต้องเดินผ่านห้องโถงไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่อีกด้านของอาคาร ระยะทางดูไกลเป็นพิเศษในยามค่ำคืน




             (มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่