..
เรื่องสั้น แล้วแต่จะกรุณา
สมชายนอนหงายอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาดิ้นรนด้วยอาการคลุ้มคลั่ง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยแลดูอุดจาดตา ดวงตาลุกโพลง ใบหน้าเหยเก เพราะเห็นภาพหลอนน่ากลัว
แต่เขาไม่อาจส่งเสียงได้ เพราะในปากมีท่อช่วยหายใจ มันสอดผ่านกล่องเสียง เข้าไปคาอยู่ในหลอดลม ปลายท่อต่อเข้ากับ เครื่องช่วยหายใจที่ข้างหัวเตียง ลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีเขียว ส่งเสียงครืดๆเป็นจังหวะ
แขนทั้งสองข้าง ถูกพันธนาการไว้กับที่กั้นข้างเตียง โดยรอบข้อมือ มีปลอกทำด้วยผ้าหนาๆรัดไว้ ส่วนข้อเท้าทั้งสองผูกด้วยผ้าปูที่นอน ม้วนบิดทำเป็นเกลียวเชือก มันถูกมัดไว้กับท้ายเตียงอย่างแน่นหนา
น้ำเกลือสองขวดขนาดแตกต่างกัน แขวนอยู่ที่เสาข้างเตียง สายน้ำเกลือหลุดออกจากตัว เพราะเขาดิ้นรนแบบไม่คิดชีวิต สายถูกแขวนพักไว้ เพื่อรอการแทงเข็มให้น้ำเกลือใหม่
บนพื้นห้องข้างเตียงของสมชาย นางชมหญิงชราร่างเล็ก วัยราวเจ็ดสิบปี นอนตะแคงบนเสื่อผืนเก่าคร่ำคร่า ศีรษะขาวโพลนหนุนอยู่บนกระสอบปุ๋ย มันถูกนำมาใส่เสื้อผ้า ของใช้จำเป็นในการเฝ้าไข้
ข้างกายยายชม มีตะกร้าหวายขนาดย่อมใบหนึ่ง ในตะกร้าใส่ขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว นำมาเติมน้ำต้มสุกเพื่อใช้ดื่ม กระติบข้าวเหนียวใบเล็กๆ และกับข้าวเหลือซึ่งพอเก็บไว้ได้วางอยู่ภายใน ที่เหลือเป็นเชี่ยนหมาก และอุปกรณ์ในการดำรงชีวิตอีกไม่กี่ชิ้น ทั้งหมดถูกจัดเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ห่างจากศีรษะเธอไม่มาก เป็นถังขยะใส่ของเสียประจำเตียงผู้ป่วย
ยายชมหน้าตาดูอิดโรย เพราะนอนเฝ้าไข้ลูกชายได้สามคืนแล้ว บ้านของเธออยู่ห่างไกลจากเมืองและกันดารมาก ที่สำคัญก็คือ ครอบครัวของเธอนั้น มีเธอและลูก เพียงสองชีวิตเท่านั้น
ลมฝนพัดกระหน่ำตั้งแต่ย่ำรุ่ง โมงเช้าแล้วแต่ฟ้ายังมืดสลัว ฝนฟ้าเช่นนี้ ทำให้จิตใจของชาวนาในภาคอีสาน คลายความวิตกเรื่องฝนแล้งลงได้บ้าง แต่ในความชุ่มฉ่ำนี้แฝงไว้ด้วยโรคภัย
หอผู้ป่วยอายุรกรรมยามนี้ มีผู้ป่วยหนาแน่นเป็นพิเศษ ในฤดูฝนจะมีทั้งไข้เลือดออก ปอดอักเสบ และไข้ฉี่หนูระบาดอย่างหนัก
ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ ของเขตอำเภอเมือง จะใช้สิทธิ์มารักษาที่นี่ ผู้ป่วยต่างอำเภอ ที่อาการหนัก ก็ถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลอื่น มาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่นี่ ดูแลเช่นกัน ผู้ที่มาร่วมชะตากรรมกัน อยู่ในหอผู้ป่วยนี้ จึงล้วนแล้วแต่เป็น ผู้ด้อยโอกาสในสังคม
หมอสันต์เดินถือร่ม เข้ามาในหอผู้ป่วยแต่เช้า เขาเป็นชายวัยกลางคน ตัดผมสั้นเกรียน ท่าทางคงแก่เรียน ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เสื้อกาวน์สีขาวของเขา ดูเหมือนจะเปียกละอองฝนเล็กน้อย แต่ขากางเกงและรองเท้าเปียกชื้น
เขาหยุดยืนเช็ดแว่นตา ขณะเดียวกันก็กวาดสายตา สำรวจสภาพผู้ป่วย ที่นอนเรียงกันเป็นตับ ด้วยความรู้สึกหดหู่ มันหนาแน่นจนล้นออกไปถึงทางเดิน เตียงพับจำนวนมากถูกนำมากาง เพื่อให้ผู้ป่วยนอนกันชั่วคราว เป็นการแก้ขัด
ถึงกระนั้น ก็ยังมีผู้ป่วยหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ตอนนี้ มีผู้ป่วยในการดูแลของเขา มากกว่าสี่สิบคนแล้ว เขารู้สึกเป็นห่วงว่า ผู้ป่วยที่นอนบริเวณติดระเบียงทางเดิน จะเปียกละอองฝน
หมอสันต์เดินตรงไปที่ เคาน์เตอร์ทำงานของพยาบาล พยาบาลเวรดึกกำลังส่งเวรให้เวรเช้า ด้วยสีหน้าอิดโรย แฟ้มโลหะสอดเวชระเบียนผู้ป่วยกองไว้อยู่เต็มโต๊ะ
หมอสันต์รู้สึกเห็นใจพวกเธอมาก ช่วงนี้ต้องทำงานหนักกว่าปกติ ในอัตรากำลังเท่าเดิม งานของพวกเธอเหมือนปิดทองหลังพระ เขาช่วยได้เพียงแค่ ให้กำลังใจแก่พวกเธอเท่านั้น
"สวัสดีครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ คนไข้เยอะจัง” เขาทักทาย
"สวัสดีค่ะ อาจารย์ มาแต่เช้าเหมือนเดิมเลยนะคะ จะเริ่มราวน์ เลยไหมคะ”
พยาบาลรับหน้าที่ช่วยตรวจถามเขา เธอเรียกเขาว่าอาจารย์เพราะ เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาเคยสอนวิชาการตรวจร่างกายให้ ที่วิทยาลัยพยาบาล
เธอจะคอยรายงานปัญหาของผู้ป่วย และช่วยอำนวยความสะดวก ในขณะที่เขาตรวจรักษาข้างเตียง ซึ่งเรียกกันว่า การราวน์
เขาพยักหน้า พร้อมกับยิ้มให้ เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำแฟ้มเวชระเบียน เรียงใส่รถเข็น แล้วลากรถไปที่ข้างเตียงผู้ป่วย
จากนั้นงานช่วยชีวิตมนุษย์ ที่เป็นทั้งวิทยาศาสตร์อันซับซ้อน และเป็นศิลปะอันละเอียดอ่อนก็เริ่มขึ้น
..
(อ่านต่อด้านล่าง)
..
☀ 👵🏼 เรื่องสั้น แล้วแต่จะกรุณา 👵🏽 ☀
..
สมชายนอนหงายอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาดิ้นรนด้วยอาการคลุ้มคลั่ง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยแลดูอุดจาดตา ดวงตาลุกโพลง ใบหน้าเหยเก เพราะเห็นภาพหลอนน่ากลัว
แต่เขาไม่อาจส่งเสียงได้ เพราะในปากมีท่อช่วยหายใจ มันสอดผ่านกล่องเสียง เข้าไปคาอยู่ในหลอดลม ปลายท่อต่อเข้ากับ เครื่องช่วยหายใจที่ข้างหัวเตียง ลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีเขียว ส่งเสียงครืดๆเป็นจังหวะ
แขนทั้งสองข้าง ถูกพันธนาการไว้กับที่กั้นข้างเตียง โดยรอบข้อมือ มีปลอกทำด้วยผ้าหนาๆรัดไว้ ส่วนข้อเท้าทั้งสองผูกด้วยผ้าปูที่นอน ม้วนบิดทำเป็นเกลียวเชือก มันถูกมัดไว้กับท้ายเตียงอย่างแน่นหนา
น้ำเกลือสองขวดขนาดแตกต่างกัน แขวนอยู่ที่เสาข้างเตียง สายน้ำเกลือหลุดออกจากตัว เพราะเขาดิ้นรนแบบไม่คิดชีวิต สายถูกแขวนพักไว้ เพื่อรอการแทงเข็มให้น้ำเกลือใหม่
บนพื้นห้องข้างเตียงของสมชาย นางชมหญิงชราร่างเล็ก วัยราวเจ็ดสิบปี นอนตะแคงบนเสื่อผืนเก่าคร่ำคร่า ศีรษะขาวโพลนหนุนอยู่บนกระสอบปุ๋ย มันถูกนำมาใส่เสื้อผ้า ของใช้จำเป็นในการเฝ้าไข้
ข้างกายยายชม มีตะกร้าหวายขนาดย่อมใบหนึ่ง ในตะกร้าใส่ขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว นำมาเติมน้ำต้มสุกเพื่อใช้ดื่ม กระติบข้าวเหนียวใบเล็กๆ และกับข้าวเหลือซึ่งพอเก็บไว้ได้วางอยู่ภายใน ที่เหลือเป็นเชี่ยนหมาก และอุปกรณ์ในการดำรงชีวิตอีกไม่กี่ชิ้น ทั้งหมดถูกจัดเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ห่างจากศีรษะเธอไม่มาก เป็นถังขยะใส่ของเสียประจำเตียงผู้ป่วย
ยายชมหน้าตาดูอิดโรย เพราะนอนเฝ้าไข้ลูกชายได้สามคืนแล้ว บ้านของเธออยู่ห่างไกลจากเมืองและกันดารมาก ที่สำคัญก็คือ ครอบครัวของเธอนั้น มีเธอและลูก เพียงสองชีวิตเท่านั้น
ลมฝนพัดกระหน่ำตั้งแต่ย่ำรุ่ง โมงเช้าแล้วแต่ฟ้ายังมืดสลัว ฝนฟ้าเช่นนี้ ทำให้จิตใจของชาวนาในภาคอีสาน คลายความวิตกเรื่องฝนแล้งลงได้บ้าง แต่ในความชุ่มฉ่ำนี้แฝงไว้ด้วยโรคภัย
หอผู้ป่วยอายุรกรรมยามนี้ มีผู้ป่วยหนาแน่นเป็นพิเศษ ในฤดูฝนจะมีทั้งไข้เลือดออก ปอดอักเสบ และไข้ฉี่หนูระบาดอย่างหนัก
ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ ของเขตอำเภอเมือง จะใช้สิทธิ์มารักษาที่นี่ ผู้ป่วยต่างอำเภอ ที่อาการหนัก ก็ถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลอื่น มาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่นี่ ดูแลเช่นกัน ผู้ที่มาร่วมชะตากรรมกัน อยู่ในหอผู้ป่วยนี้ จึงล้วนแล้วแต่เป็น ผู้ด้อยโอกาสในสังคม
หมอสันต์เดินถือร่ม เข้ามาในหอผู้ป่วยแต่เช้า เขาเป็นชายวัยกลางคน ตัดผมสั้นเกรียน ท่าทางคงแก่เรียน ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เสื้อกาวน์สีขาวของเขา ดูเหมือนจะเปียกละอองฝนเล็กน้อย แต่ขากางเกงและรองเท้าเปียกชื้น
เขาหยุดยืนเช็ดแว่นตา ขณะเดียวกันก็กวาดสายตา สำรวจสภาพผู้ป่วย ที่นอนเรียงกันเป็นตับ ด้วยความรู้สึกหดหู่ มันหนาแน่นจนล้นออกไปถึงทางเดิน เตียงพับจำนวนมากถูกนำมากาง เพื่อให้ผู้ป่วยนอนกันชั่วคราว เป็นการแก้ขัด
ถึงกระนั้น ก็ยังมีผู้ป่วยหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ตอนนี้ มีผู้ป่วยในการดูแลของเขา มากกว่าสี่สิบคนแล้ว เขารู้สึกเป็นห่วงว่า ผู้ป่วยที่นอนบริเวณติดระเบียงทางเดิน จะเปียกละอองฝน
หมอสันต์เดินตรงไปที่ เคาน์เตอร์ทำงานของพยาบาล พยาบาลเวรดึกกำลังส่งเวรให้เวรเช้า ด้วยสีหน้าอิดโรย แฟ้มโลหะสอดเวชระเบียนผู้ป่วยกองไว้อยู่เต็มโต๊ะ
หมอสันต์รู้สึกเห็นใจพวกเธอมาก ช่วงนี้ต้องทำงานหนักกว่าปกติ ในอัตรากำลังเท่าเดิม งานของพวกเธอเหมือนปิดทองหลังพระ เขาช่วยได้เพียงแค่ ให้กำลังใจแก่พวกเธอเท่านั้น
"สวัสดีครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ คนไข้เยอะจัง” เขาทักทาย
"สวัสดีค่ะ อาจารย์ มาแต่เช้าเหมือนเดิมเลยนะคะ จะเริ่มราวน์ เลยไหมคะ”
พยาบาลรับหน้าที่ช่วยตรวจถามเขา เธอเรียกเขาว่าอาจารย์เพราะ เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาเคยสอนวิชาการตรวจร่างกายให้ ที่วิทยาลัยพยาบาล
เธอจะคอยรายงานปัญหาของผู้ป่วย และช่วยอำนวยความสะดวก ในขณะที่เขาตรวจรักษาข้างเตียง ซึ่งเรียกกันว่า การราวน์
เขาพยักหน้า พร้อมกับยิ้มให้ เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำแฟ้มเวชระเบียน เรียงใส่รถเข็น แล้วลากรถไปที่ข้างเตียงผู้ป่วย
จากนั้นงานช่วยชีวิตมนุษย์ ที่เป็นทั้งวิทยาศาสตร์อันซับซ้อน และเป็นศิลปะอันละเอียดอ่อนก็เริ่มขึ้น
..
(อ่านต่อด้านล่าง)
..