จะซื้อบ้าน สร้างบ้าน รอบคอบกันไว้เยอะๆ นะครับ กระทู้เตือนใจ

สวัสดีครับ มาขอตั้งกระทู้เตือนใจกัน เรื่อง บ้าน นะครับ หวังว่าจะเป็นข้อคิดให้กับคนที่คิดจะซื้อบ้านหรือสร้างบ้าน ไม่ว่าจะกับ บริษัทรับสร้างบ้าน,ผู้รับเหมา, เดเวลอปเปอร์ โดยเฉพาะกับสถาบันการศึกษา ให้ระวัง รอบคอบไว้ให้มากถึงมากที่สุด ถ้าไม่อยากต้องมาแก้ปัญหาเรื่องบ้านแบบไม่รู้จบ

      เล่าที่มาครับ เมื่อสามปีก่อน พศ. 2556 ขณะที่ผมทำงานเป็นพนักงานของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งซึ่งทำงานเกี่ยวกับชุมชน โดยมีทั้งรับสร้างบ้าน ออกแบบ ต่างๆ ทางสถาบันฯ ได้มีโครงการหนึ่งที่จะสร้างบ้านเพื่อพนักงานและผู้ปกครอง ผมเลยเล่าให้ครอบครัวผมได้ฟัง แล้วจึงตัดสินใจซื้อบ้านกับทางสถาบันฯ  โดยมีการตกลงกับเจ้าของโครงการว่า จะเป็นการซื้อที่ดิน เพื่อออกแบบสร้างบ้านเดี่ยว 3 หลัง และสถาบันฯ เสนอว่าจะเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างให้ ในมูลค่ารวม 21 ล้านบาท ในที่ดิน 186 ตร.วา

      ครอบครัวผมก็พยายามสืบหาดูว่าไว้ใจสถาบันฯ นี้ ได้ไหม ตัวผมซึ่งเป็นพนักงานในสถาบันฯ แห่งนี้ ก็ยืนยันกับทางครอบครัวว่า ไว้ใจได้ เพราะสถาบันฯ นี้ ทำงานระดับประเทศมาไม่น้อย มีผลงานหมู่บ้านหลายแห่ง มีชื่อเสียงในวงการสถาปนิก อีกทั้งเจ้าของสถาบันฯ ยังได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ ณ เวลานั้น ผมเชื่อใจและภูมิใจในสถาบันฯ ที่ผมทำงานด้วย แต่พอมีปัญหาถึงได้เข้าใจ คำว่า รอบคอบไว้ดีที่สุด (จะดราม่าแล้วนะครับ 555)

     เริ่มกันที่ สัญญาจ้าง ครับ การจ้างบริษัทเขียนแบบ+ก่อสร้าง ที่ผมเจอ เป็นแบบนี้ครับ ทางสถาบันฯ เมื่อจะเริ่มโครงการสร้างหมู่บ้าน เขาจะตั้งบริษัทขึ้นมาก่อน โดยใช้ พนักงานในสถาบันฯ ลงนามเป็นประธานและคณะกรรมการในหนังสือจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท ซึ่งมีผลดีในการจัดการการเงิน การก่อสร้าง บริหาร รวมถึงความเสี่ยงเมื่อมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น หลังก่อตั้งบริษัทเสร็จ เขาก็จะให้เราเซ็นสัญญาออกแบบกับสัญญาซื้อที่ดินกับเขา ส่วนการก่อสร้าง เขาก็หาบริษัทรับเหมาจากที่อื่น มาให้เราเซ็นสัญญาด้วย (จุดนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไป เขาทำกันแบบนี้ไหม) ผมและครอบครัวก็ไม่เอะใจอะไร ที่เขาให้เราเซ็นสัญญาตรงกับผู้รับเหมา ก็ทำสัญญา จ่ายเงินกันไป เรียบร้อย

      โครงการฯนี้ สร้างเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กประมาน 30 หลัง มีบริษัทรับเหมา 2 แห่ง เรียกบริษัทเอกับบีนะครับ บ้านทั่วไปในโครงการฯ มีบริษัทเอดูแล ส่วน บริษัทบี รับสร้างเฉพาะบ้านครอบครัวผม 3 หลัง ปัญหาที่เกิดคือ การก่อสร้างล่าช้าและสร้างไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสาเหตุมาจากการปรับแบบแปลนบ้านของบ้านเกือบทุกหลังในโครงการฯ เพราะ โครงการฯ มีแนวคิด co-housing (แนวคิดเต็มๆ หาจากในเว็ปกันเองนะครับ) ถ้าผมย่อสั้นๆ ก็คือ แต่ละบ้านออกแบบภายในบ้านกันได้อิสระแต่ภายนอกจะหน้าตาคล้ายกัน ยกเว้น บ้านของสถาปิกและผู้จัดการโครงการที่ออกมาหน้าตาพิเศษกว่าใคร ส่วนการจะเสริมจะยกจะกั้นยังไงก็คุยกับสถาปิกโครงการฯ กันเอง ซึ่งคนคุมงานโครงการฯ หลักๆ มีเพียง 3 คน คือ สถาปิก ผู้จัดกาารโครงการ และวิศวะ  กับจำนวนบ้าน 30 กว่าหลังในโครงการนี้ และยังคุมโครงการอื่นๆ ของสถาบัน  (แต่ก็ไม่ควรนำ สาเหตุ คนน้อยมาอ้างนะ)
    
      การปรับแบบบ้านบ่อยๆ ทำให้งานล่าช้า แล้วบริษัทรับเหมา ไม่ปลื้ม บริษัทเอ จึงทิ้งงานไป ทำให้โครงการล่าช้ายิ่งขึ้น ทางโครงการฯ จึงมาขอดึงคนจากบริษัทบี ที่รับผิดชอบบ้านผมอยู่ ทางครอบครัวผมก็ไม่ว่าอะไร ทำให้บ้านผมถูกทิ้งไว้กว่า 2 เดือน แผนจากกำหนดการเสร็จหนึ่งปี ก็เลยมา และการก่อสร้างไม่ได้เรื่องอีก คือ ณ ตอนนั้น ถึงงวดงานติดตั้งอลูมิเนียมที่เมื่อติดตั้งเสร็จก็พบว่ารั่วซึมหลายจุด ผมแจ้งไปทางโครงการให้ซ่อมก่อนเพราะเข้าหน้าฝน ฝนตกก็รั่วเข้ามาโดนพื้นลามิเนตเสียหาย แต่ทางผู้จัดการโครงการก็ไม่เข้าแก้ไข โดยพยายามจะบีบให้ครอบครัวผมจ่ายเงินงวดนั้นให้ได้ และยังมีงานส่วนอื่นอื่นที่ยังไม่เรียบร้อยอีกเยอะ ซึ่งทาง ผู้จัดการโครงการ กลับแก้ปัญหา โดยการให้ครอบครัวผม เจรจาโดยตรงกับบริษัทบี ซึ่งเป็นผู้รับเหมา ทำให้ผม งง มาก ว่า ทำไมครอบครัวผมถึงต้องมาเจรจากับผู้รับเหมาเอง ในเมื่อ โครงการฯ เป็นผู้รับผิดชอบการสร้างบ้านไม่ได้ใช้เหรอ โดยทางผู้จัดการโครงการได้ให้เหตุผลว่า ทางเขาเป็นเพียงตัวแทนหาบริษัทรับเหมามาให้เท่านั้น และครอบครัวผมเป็นผู้เซ็นสัญญาโดยตรงกับบริษัทบี เอง สุดท้ายครอบครัวผมก็ยอมตกลงเซ็นยอมความกันไปในเรื่องการก่อสร้างล่าช้า กับ บริษัทบี และยึดเงินสองงวดที่เหลือประมาณ 5 แสน โดยไม่นึกว่าจะถูกฟ้องร้องในทีหลัง

         ฟ้องร้อง ใครฟ้องใคร ?

       ทางโครงการเป็นฝ่ายมาฟ้องร้อง ครอบครัวผม ในข้อหา ไม่จ่ายเงินงวดงานอลูมิเนีย ซึ่งไม่เกียวข้องกับ บริษัทบี แต่ทางผมก็เรียกร้องว่าให้มาซ่อมก่อนและจะจ่ายส่วนที่เหลือให้ เพราะไม่เชื่อใจอีกแล้ว ได้มีการเจรจากันก่อนฟ้องร้องแต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ประกอบกับทางผู้จัดการโครงการฯ ได้ถือวิสาสะ เอากุญแจมาล๊อคบ้าน เพื่อบีบให้ทางครอบครัวผมจ่ายเงินงวดที่ค้าง ซึ่งทำให้ผู้รับเหมาที่ครอบครัวผมหามาใหม่เข้าไปแก้ไขงานไม่ได้ ทางผมจึงเหลืออดกับความไม่มีน้ำใจของคน จึงตัดสินใจสู้ โดยหลังจากที่โดย ผู้จัดกาารโครงการฯ ฟ้องมาก็ฟ้องร้องกลับ ด้วยประเด็นเรื่องความล่าช้าและงานไม่ได้มาตราฐาน ซึ่งทนายก็บอกว่า การสู้คดีครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะเลยระยะเวลาก่อสร้างในสัญญามาโดยไม่มีหลักฐานไม่ยินยอมในความล่าช้าใดๆ และความผิดส่วนใหญ่ยังไปอยู่กับบริษัทผู้รับเหมา ซึ่งทางครอบครัวผมไปเซ็นยอมความไว้แล้ว แต่ก็ยังพอจะหาหลักฐานเพื่อโยงว่า สถาบันฯ นี้ และโครงการนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาล่าช้าและความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ (ใครไม่เคยฟ้องร้อง อย่าฟ้องเลยนะถ้าไม่จำเป็นถึงที่สุด ค่าทนายแพงจริงครับ และยังเสียเวลา เครียดด้วย ต้องคอยระวังคำพูด รวบรวมหลักฐาน ฯลฯ แต่....หากถึงคราวต้องสู้ ก็ต้องสู้ครับ)
      
        ได้เข้าออกศาลเป็นครั้งแรกในชีวิต ทางศาลได้เรียกไปนัดไกล่เกลี่ยทั้งในห้อง นอกห้อง ซึ่งทางครอบครัวผมได้ขอนัดเจรจาเพื่อยอมความโดยเสนอว่า ไม่ต้องมาซ่อมงานที่ทำค้างไว้แต่ขอให้ทางโครงการชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้า แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ก็ยื้อคดีกันไปอีกสองครั้ง จนทาง ผู้จัดการโครงการฯ มาขอเจรจายอมความก่อนจะถึงช่วงสืบพยานหลักฐาน โดยทาง ผู้จัดการโครงการฯ ยืนยันที่จะไม่ชดเชยค่าเสียหายเรื่องล่าช้า และทางครอบครัวผมก็ต้องจ่ายเงินส่วนที่ค้าง ....ขอเสนอนี้ไม่ต่างกับการคุยเจรจาที่ผ่านมา แต่ครอบครัวผมเลือกที่จะจบเรื่อง ก่อนจะเข้าสู่ช่วงสืบพยานหลักฐาน ซึ่งจะยืดยาวและถอยอีกไม่ได้ เรื่องการฟ้องร้องกันเลยจบลงแบบนี้ และเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ครับ

        การสร้างบ้านกับสถาบันฯ ที่น่าเชื่อถือ กับคนที่มีชื่อเสียง ไม่ใช่เครื่องการันตี ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ผ่านมา 3 ปี ทุกวันนี้ ผมและครอบครัว ก็ยังต้องคอยแก้ปัญหาบ้านต่างๆ ทีโผล่มาที่ละอย่างสองอย่าง เช่น ถังน้ำฝังลึกกว่าพื้นบ้านทำให้สิ่งสกปรกไหลเข้าแท๊กน้ำ ต้องซื้อแท๊กน้ำใหม่, สายไฟฝังผนังที่วางไว้ชิดกับท่อน้ำ ทำให้ไฟดับบ่อย แก้ เดินสายไฟใหม่, รอยร้าวจากสีที่ทาไม่ได้คุณภาพทำให้มีน้ำรั่วซึมจากจุดต่างๆ ไม่แก้ รอโทรมกว่านี้ค่อยทา, ประตูหน้าตาอลูมิเนียมรั่วซึมเวลาเจอฝนตก แก้ ติดกันสาดทุกบาน, งานก่อกำแพงผนังที่แค่ก่ออิฐเรียงไม่ฉาบปูน ทำให้น้ำรั่วซึม แก้ สลักปูนทิ้งก่อใหม่ และเชื่อว่ายังมีอีกมากให้แก้ ในอนาคต...อ่อ ล่าสุด ท่อประปาแตก เพราะแนวท่อประปาที่เชื่อมเข้ากับบ้าน ก็ไปเดินอยู่ใต้แท่นปูนที่ทรุดตัวรอบบ้าน แก้ เดินท่อลอย..

         สุดท้ายนี้ ก็ขอเตือนทุกคนที่คิดสร้างบ้านว่า "รอบคอบให้มากๆๆๆๆๆ" บ้านซื้อแล้วควรอยู่ได้อย่างมีความสุข ขอบคุณมากครับที่อ่านจนจบ ขอให้ทุกคนโชคดี

*ผมไม่ขอลงรูปบ้าน ชื่อบริษัท สถาบันฯ ผู้เกี่ยวข้อง ที่กล่าวอ้างถึงได้ เพื่อเลี่ยงปัญญาอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ นะครับ*
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่