ทันทีที่พ่อแม่ของเอิร์นหนุ่มเคราะห์ร้ายลากลับ โดยที่มีความหวังขึ้นมาจากการที่ฟังการวิเคราะห์ แล้วยังบอกอีกด้วยว่าจะช่วยเต็มที่ในทุกๆเรื่อง มันทำให้ภูถึงกับทรุดเพราะรู้แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร
"พวกนายช่วยฉันหน่อยสิ"ภูพูดพึมำหวังว่าจะมีใครฟังบ้าง แต่ก็เหมือนไม่มีใครได้ยินจนภูต้องพูดซ้ำๆอย่างนั้น
"นี่นายเป็นอะไร เรื่องมันก็กระจ่างแล้วไม่ใช่เหรอ" ดาวตอบด้วยความรำคาญ แต่เมื่อเะอดูจากสีหน้าที่เหมือนหมดแรงของภูเธอจึงอดแปลกใจไม่ได้
"บอกตรงๆนะถึงข้อสันนิฐานนั้น จะตรงกับความจริง แต่นอกจากหลักฐานที่ปรากฏ เราไม่มีรู้อะไรเลย แล้วฉันก็ไม่ใช่หมอผีแล้วจะกำจัดอสุรกายนั้นได้อย่างไร"ภูพูด ทำให้หมอเจี๊ยบ ผู้กองต้อม และครูพิลาวรรณต้องเข้ามาฟัง
"แต่คดีที่บ้านพี่แก้ม นายก็จัดการได้ไม่ใช่เหรอไง" ดาวย้อนเรื่องคดีของโหน่ง แต่ภูก้ได้แต่ส่ายหน้า
"ที่ผ่านมาฉันทำแต่คดี ตั้งสมมติฐาน หาหลักฐานเชิงประจักษ์ ไปต่อสู้ในศาล ส่วนคดีที่บ้านพี่แก้ม มันก็แค่บังเอิญว่าเป็นกุมารทอง ฉันเลยจัดการได้"พอภูพูดก็ทำให้ทุกคนใจคอไม่ค่อยดี ซึ่งเรื่องนี้หมอเจี๊ยบกับผู้กองต้อมก็เข้าใจ
"งั้นหมายความว่าเราหมดหวังอย่างนั้นเหรอคะ" ครูพิลาวรรณถามแต่ภุก็ได้แต่ส่ายหัวอีก
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ แต่หลักฐานที่เรามี นำมาแค่ข้อสันนิฐาน และต่อให้มันจริง มันก็ยังไม่พอที่จะนำให้เราไปจัดการอสุรกายตัวนั้นได้ และต่อให้เรารู้เรื่องทั้งหมด แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่จัดการไม่ได้เช่นว่ามันเป็นอสุรกายที่สิงสู่ในที่นั้นแต่เดิม เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะเราก็ไม่ใช่หมอผี"คำตอบของภูทำให้ทุกคนท้อไปตามๆกัน แต่ทว่าดาวก็ยังไม่ยอมแพ้
"ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง แต่ถ้านักสืบยอมแพ้ทุกอย่างก็จบไม่ใช่หรือไง" ดาวพูดออกมากลางวงสนทนา จนทำให้ภุหลุดขำ หาว่าดาวไปจำคำพูดจากการ์ตูนมาพูด ทำให้ทุกคนหัวเราะตาม
"เอาล่ะๆ ยังไงมันก็ลองซักตั้งล่ะนะ งั้นเริ่มจากวิญยาณที่ตึกเรียนเป็นไง"ภูเสนอและถามความเห็นทุกคน ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
"ก็จริงนะแล้วนายจะสืบต่อยังไงล่ะ"หมอเจี๊ยบถาม แต่ดูเหมือนว่าภูจะมีวิธีในใจแล้ว
"ยังจำ7เรื่องลึกลับได้มั้ย เรื่องที่ครูพิลาวรรณบอกว่ารู้เฉพาะแต่พวกครูเท่านั้นน่ะ"
"งั้นนายหมายความว่าจะให้ฉันไปนอนยังงั้นเหรอ" เหมือนดาวจะรู้ตัวว่าภูจะใช้วิธีนี้ เพราะเรื่องที่ครูเท่านั้นรู้คือ ห้ามนอนค้างในโรงเรียน
"ใช่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงคิวเธอ" ภูบอกไปแบบนั้นทำให้ดาวงง เพราะเธอเป็นผู้สัมผัสวิญยาณ สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ในขณะหลับ
"ทำไมล่ะ" ดาวถามภูขึ้นมา แต่คราวนี้ หมอเจี๊ยบชิงตอบแทน
"ก็เพราะดาวเป็นผู้สัมผัสวิญญาณยังไงล่ะ ซึ่งถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงห้ามข้าง ก็ต้องลองกับคนธรรมดาไม่ใช่เหรอ" พอหมอเจี๊ยบพูด ทุกคนกันหันไปมองผู้กองต้อม คนธรรมดาและเป็นผู้ที่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ
"ไม่นะ พวกนาย วันนี้ฉันต้องขึ้นเวรนะ" ผู้กองต้อมรีบปัดว่าวันนี้ขึ้นเวร แต่ทุกคนก็ไม่เชื่อ จน ผู้กองต้อมต้องกดตารางเข้าเวรจากโทรสัพท์ให้ดู
"จริงแฮะ รอดตัวไปนะนาย" หมอเจี๊ยบซึ่งหยิบโทรัพท์มาดูก็พอรู้ว่าแหนตัวเองพูดจริง วึ่งในใจผู้กองต้อมคงรู้สึกขอบคุณที่ติดเข้าเวรวันนี้พอดี
"ถ้าแบบนั้นฉันขออาสาเองค่ะ" ครูพิลาวรรณ ยกมืออาสา
....................................................
ตอนดึกในโรงเรียน หน้าตึกเรียน ภูจัดแจงเซตอุปกรณ์ต่างๆไว้ในรถตู้รวมทั้งแอร์แบบพกพตัวเล็ก เพราะเขารู้ดีว่าต้องอยู่ในรถทั้งคืน เมื่อนานนัก หลังจากที่ครูพิลาวรรณกลับบ้านไปเตรียมตัว ซึ่งการเตรียมตัวของครูพิลาวรรณนั้นบ่งบอกได้ว่าเธอคือคุรหนุในตระกูลผู้ดีเก่า เธอใส่ชุดนานแขนยาวขายาวสีชมพูลายหมีน้อย มีฝูกปิกนิกหมอนข้าง หมอนใบโต ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ และมุ้งแบบครอบที่พึ่งซื้อมาเพราะยังไม่ได้ดึงป้ายราคาบอก จนภูไม่นึกว่าครูที่อายุ20ปลายๆจะเด็กได้ขนาดนี้
"จะให้เริ่มเลยมั้ยคะ" ครูพิลาวรรณถาม แต่ภุก็ได้แต่อมยิ้มแล้วบอกว่าจะเริ่มเลยก็ได้ แต่ด้วยชุดเครื่องนอนที่พะรุงพะรัง ทำให้ภู ดาวและหมอเจี๊ยบ ต้องช่วยแบกของขึ้นตึกเพื่อไปส่งครุพิลาวรรณ
ห้องที่ต้องไปนอนคือห้องเรียนห้อง601 เพราะเป็นห้องที่เกิดเหตุ และอุปกณ์ที่ได้ติดตั้งไว้แล้วในห้องนี้ทำให้พวกภูไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งครูพิลาวรรณเลือกพื้นตรงหน้าห้องเรียนเป็นที่นอน และที่สำคัญ ภูไม่ลืมที่จะให้เธอติดเครื่องวัดอัตราการเต็มของหัวใจไว้ให้เผื่อเกิดอะไรขึ้น จะได้ขึ้นมาช่วยได้ทัน และยังติดไมค์ไว้กับตัวเธอเพื่อที่ว่าหากเธอฝันแล้วละเมอ หรือมีการติดต่อกัน พวกภูที่อยู่ในรถจะได้ยิน
"พร้อมแล้วนะครับ"ภุถาม ซึ่งครูพิลาวรรณก็บอกว่าพร้อมแล้วยกมือทำท่าโอเค
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ครูพิลาวรรณอยู่คนเดียว เธอเอนตัวนอนในทันที พยายามหลับให้เร็วที่สุด เพื่อที่ว่าเธอจะได้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์แปลกๆที่มันอาจจะเกิดขึ้นตอนที่เธอตื่นอยู่
ทั้งสามคนเดินลงมาโดยไม่พูดอะไร เพราะภูให้สัญญาณไว้ว่าห้ามพูด เพราะไม่รู้ว่าวิญยาณในตึกนี้จะได้ยินอะไรบ้าง เพราะอย่างน้อยพวกนี้ก็เคยเป็นคนมาก่อน
พอถึงรถภูติดต่อไปเช็คความพร้อมกับครูพิลาวรรณอีกครั้ง แต่ไม่มีสัญยาณตอบ เหมือนว่าเธอได้หลับไปแล้ว ซึ่งทำให้ทั้งสามคน ได้เริ่มแผนการในทันที
...................................................
(ที่นี่ที่ไหนนะ) บรรยากาศรอบตัวมันช่างดูคุ้นๆสำหรับเธอ มันคือโรงเรียนนรินทร์ปกเกล้า ที่มีสภาพไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก นักเรียนยังนั่งเรียนคาบโฮมรูมอยู่บนตึกเรียน ครูพิลาวรรณ รู้สึกตัวว่าเธอกำลังนั่งเรียนอยู่ที่ห้อง601
(ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยจังเลย) เหมือนคาบโฮมรูมจะจบลง นักเรียนทุกคนต่างแยกย้ายกันออกจากห้อง ครูพิลาวรรณได้เดินตามออกไป แต่มีแขนเรียวยาวฉุดแขนเธอไว้จนเธอหันไปมอง และภาพที่เธอเห็นนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่เชื่อสายตา
เธอกำลังมองเห็นตัวเอง
ครูพิลาวรรณซึ่งตอนนั้นเป็นนักเรียนม.6กำลังจับแขนเธอไว้
"ไปด้วยกันนะกระซู่" เธอจำเสียง จำคำพูดของตัวเองได้ และที่สำคัญ เธอจำชื่อนั้นได้....กระซู่
เธอถูกตัวของเธอเองที่ในตอนนั้นเป็นนักเรียนจูงมืออย่างอ่อนโยนลงจากตึก ครูพิลาวรรณในวัยนักเรียน ชวนเธอคุยเรื่องต่างๆอย่างสนุกสนาน ซึ่งตัวเธอเองตอนนี้ก็คุยตอบแต่ดูเหมือนว่าตัวเธออีกคนจะไม่ได้ยิน จนดูเหมือนว่าตัวเธอในตอนนั้นกำลังพูดคนเดียว
เธอทั้งคู่เดินไปที่หอประชุมของโรงเรียน ซึ่งเก้าอี้สำหรับนั่งซึ่งปกติจะวางอยู่เต็มห้อง แต่ตอนนี้มันถูกวางซ้อนๆกันรอบ และกลางโถงหอประชุมมีโต๊ะตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง และในห้องนั้นเด็กทั้งม.6 มารวมอยู่กันเต็ม
"สวัสดีครับน้องๆ วันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่น้องม.6ในปีนี้จะต้องผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของโรงเรียนเรา" รุ่นพี่ที่จบไปเมื่อปีที่แล้ว ยืนพูดอยู่บนเวที และก็มีพี่คนอื่นๆในรุ่นเดียวกันที่จบไปแล้วยืนกันเต็มไปหมด
"พิธีกรรมนี้เป็นความลับ จนกว่าจะถึงวันนี้สำหรับน้องม.6ทุกๆคน เป็นพิธีกรรมที่ให้น้องๆม.6แคล้วคลาดปลอดภัย สำหรับการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นพิธีกรรมนี้จึงสำคัญ พอพูดจบ ก็มีรุ่นพี่ที่จบไปแล้วกระชากครูพิลาวรรณออกมาจากแขนของตัวเองที่ยังเป็นนักเรียน เธอกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ตัวเธอในวัยเด้ก แม้จะพยายามเข้าไปห้ามแต่ก็ถูกยื้อไว้จากเพื่อนคนอื่น จนเธอเห็นตัวเองในวัยนักเรียนร้องไห้
เธอถุกนำตัววางลงกับโต๊ะที่อยู่กลางห้องประชุม ครูพิลาวรรณในตอนนี้พยายามใช้แรงทั้งหมดลุกขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายมันไม่ขยับตาม
"ขอให้น้องๆทุกคนแสดงความอาลัยต่อเพื่อนคนพิเศษของน้องๆเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ เพื่อนคนพิเศษของน้องคือผู้เสียสละ รับเคราะห์ทั้งหมดเพื่อให้น้องปลอดภัย" หลังจากนั้นเพื่อนๆทุกคนในชั้นปี ก็นำดอกมิละดอกเล็กๆมาวางรอบๆตัวเธอ ครูพิลาวรรณร้องตะโกนอย่างสุดเสียงแต่เหมือนไม่มีใครได้ยินเธอ เพื่อนบางคนมีสีหน้าเศร้า บางคนถึงกับร้องไห้ แต่ก็มีหลายคนที่ทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร บางคนยังหัวเราะขำขันต่อพิธีกรรมนี้ด้วยซ้ำ
จนคนสุดท้ายที่นำดอกไม้มาวางไว้อาลัย ก็คือตัวเธอเองในตอนนั้น ข้างๆมีรุ่นพี่เดินประกบมาสองคน เมื่อเธอในวัยเรียนวางดอกไม้เสร็จ รุ่นพี่คนหนึ่งก็ยื่นๆมีเก่าๆมาให้เะอในตอนนั้นเล่มหนึ่ง และตัวเธอที่กำลังนอนมองอยู่ก็เหมือนจะจำอะไรได้ขึ้นมา แต่มันไม่ทันแล้ว
สิ้นเสียงสัญญาณจากรุ่นพี่ ครูพิลาวรรณวัยเรียนก็แทงตัวเธอเองที่นอนอยู่บนเตียง แผลแรกที่แขนขวา มาแขนซ้าย จากนั้นก็ขาทั้งสองข้าง เะอกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เลือดนั้นไหลออกมาจากแผล และแผลสุดท้าย ที่มันทำให้เธอเจ็บปวด มีดถูกแทงลงมายังหัวใจ จนเลือดทะลักออกมา เธอเจ็บเจียนขาดใจ มันคือความเจ็บปวดที่ทำให้อยากตาย แต่เธอก้ไม่ตาย คราบน้ำตา เสียงกรีดร้อง เธอแปร่งออกมาอย่างสุดเสียง แต่ไม่มีใครรู้หรือได้ยิน เธอเห็นใบหน้าของเธอในวัยเรียนดูเศร้า เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
"ขอโทษด้วยนะ กระซุ่" เสียงขอโทษที่แผ่วเบาและเศร้าสร้อย มันทำให้เธอเองน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
.............................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1
http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2
http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3
http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4
http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5
http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6
http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7
http://ppantip.com/topic/35052016
file 2-8
http://ppantip.com/topic/35060989
file 2-9
http://ppantip.com/topic/35069737
file 2-10
http://ppantip.com/topic/35083926
ตอนต่อไป
http://ppantip.com/topic/35098552
GHost Detective File 2-11 พิธีกรรมสยองขวัญ
"พวกนายช่วยฉันหน่อยสิ"ภูพูดพึมำหวังว่าจะมีใครฟังบ้าง แต่ก็เหมือนไม่มีใครได้ยินจนภูต้องพูดซ้ำๆอย่างนั้น
"นี่นายเป็นอะไร เรื่องมันก็กระจ่างแล้วไม่ใช่เหรอ" ดาวตอบด้วยความรำคาญ แต่เมื่อเะอดูจากสีหน้าที่เหมือนหมดแรงของภูเธอจึงอดแปลกใจไม่ได้
"บอกตรงๆนะถึงข้อสันนิฐานนั้น จะตรงกับความจริง แต่นอกจากหลักฐานที่ปรากฏ เราไม่มีรู้อะไรเลย แล้วฉันก็ไม่ใช่หมอผีแล้วจะกำจัดอสุรกายนั้นได้อย่างไร"ภูพูด ทำให้หมอเจี๊ยบ ผู้กองต้อม และครูพิลาวรรณต้องเข้ามาฟัง
"แต่คดีที่บ้านพี่แก้ม นายก็จัดการได้ไม่ใช่เหรอไง" ดาวย้อนเรื่องคดีของโหน่ง แต่ภูก้ได้แต่ส่ายหน้า
"ที่ผ่านมาฉันทำแต่คดี ตั้งสมมติฐาน หาหลักฐานเชิงประจักษ์ ไปต่อสู้ในศาล ส่วนคดีที่บ้านพี่แก้ม มันก็แค่บังเอิญว่าเป็นกุมารทอง ฉันเลยจัดการได้"พอภูพูดก็ทำให้ทุกคนใจคอไม่ค่อยดี ซึ่งเรื่องนี้หมอเจี๊ยบกับผู้กองต้อมก็เข้าใจ
"งั้นหมายความว่าเราหมดหวังอย่างนั้นเหรอคะ" ครูพิลาวรรณถามแต่ภุก็ได้แต่ส่ายหัวอีก
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ แต่หลักฐานที่เรามี นำมาแค่ข้อสันนิฐาน และต่อให้มันจริง มันก็ยังไม่พอที่จะนำให้เราไปจัดการอสุรกายตัวนั้นได้ และต่อให้เรารู้เรื่องทั้งหมด แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่จัดการไม่ได้เช่นว่ามันเป็นอสุรกายที่สิงสู่ในที่นั้นแต่เดิม เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะเราก็ไม่ใช่หมอผี"คำตอบของภูทำให้ทุกคนท้อไปตามๆกัน แต่ทว่าดาวก็ยังไม่ยอมแพ้
"ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง แต่ถ้านักสืบยอมแพ้ทุกอย่างก็จบไม่ใช่หรือไง" ดาวพูดออกมากลางวงสนทนา จนทำให้ภุหลุดขำ หาว่าดาวไปจำคำพูดจากการ์ตูนมาพูด ทำให้ทุกคนหัวเราะตาม
"เอาล่ะๆ ยังไงมันก็ลองซักตั้งล่ะนะ งั้นเริ่มจากวิญยาณที่ตึกเรียนเป็นไง"ภูเสนอและถามความเห็นทุกคน ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
"ก็จริงนะแล้วนายจะสืบต่อยังไงล่ะ"หมอเจี๊ยบถาม แต่ดูเหมือนว่าภูจะมีวิธีในใจแล้ว
"ยังจำ7เรื่องลึกลับได้มั้ย เรื่องที่ครูพิลาวรรณบอกว่ารู้เฉพาะแต่พวกครูเท่านั้นน่ะ"
"งั้นนายหมายความว่าจะให้ฉันไปนอนยังงั้นเหรอ" เหมือนดาวจะรู้ตัวว่าภูจะใช้วิธีนี้ เพราะเรื่องที่ครูเท่านั้นรู้คือ ห้ามนอนค้างในโรงเรียน
"ใช่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงคิวเธอ" ภูบอกไปแบบนั้นทำให้ดาวงง เพราะเธอเป็นผู้สัมผัสวิญยาณ สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ในขณะหลับ
"ทำไมล่ะ" ดาวถามภูขึ้นมา แต่คราวนี้ หมอเจี๊ยบชิงตอบแทน
"ก็เพราะดาวเป็นผู้สัมผัสวิญญาณยังไงล่ะ ซึ่งถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงห้ามข้าง ก็ต้องลองกับคนธรรมดาไม่ใช่เหรอ" พอหมอเจี๊ยบพูด ทุกคนกันหันไปมองผู้กองต้อม คนธรรมดาและเป็นผู้ที่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ
"ไม่นะ พวกนาย วันนี้ฉันต้องขึ้นเวรนะ" ผู้กองต้อมรีบปัดว่าวันนี้ขึ้นเวร แต่ทุกคนก็ไม่เชื่อ จน ผู้กองต้อมต้องกดตารางเข้าเวรจากโทรสัพท์ให้ดู
"จริงแฮะ รอดตัวไปนะนาย" หมอเจี๊ยบซึ่งหยิบโทรัพท์มาดูก็พอรู้ว่าแหนตัวเองพูดจริง วึ่งในใจผู้กองต้อมคงรู้สึกขอบคุณที่ติดเข้าเวรวันนี้พอดี
"ถ้าแบบนั้นฉันขออาสาเองค่ะ" ครูพิลาวรรณ ยกมืออาสา
....................................................
ตอนดึกในโรงเรียน หน้าตึกเรียน ภูจัดแจงเซตอุปกรณ์ต่างๆไว้ในรถตู้รวมทั้งแอร์แบบพกพตัวเล็ก เพราะเขารู้ดีว่าต้องอยู่ในรถทั้งคืน เมื่อนานนัก หลังจากที่ครูพิลาวรรณกลับบ้านไปเตรียมตัว ซึ่งการเตรียมตัวของครูพิลาวรรณนั้นบ่งบอกได้ว่าเธอคือคุรหนุในตระกูลผู้ดีเก่า เธอใส่ชุดนานแขนยาวขายาวสีชมพูลายหมีน้อย มีฝูกปิกนิกหมอนข้าง หมอนใบโต ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ และมุ้งแบบครอบที่พึ่งซื้อมาเพราะยังไม่ได้ดึงป้ายราคาบอก จนภูไม่นึกว่าครูที่อายุ20ปลายๆจะเด็กได้ขนาดนี้
"จะให้เริ่มเลยมั้ยคะ" ครูพิลาวรรณถาม แต่ภุก็ได้แต่อมยิ้มแล้วบอกว่าจะเริ่มเลยก็ได้ แต่ด้วยชุดเครื่องนอนที่พะรุงพะรัง ทำให้ภู ดาวและหมอเจี๊ยบ ต้องช่วยแบกของขึ้นตึกเพื่อไปส่งครุพิลาวรรณ
ห้องที่ต้องไปนอนคือห้องเรียนห้อง601 เพราะเป็นห้องที่เกิดเหตุ และอุปกณ์ที่ได้ติดตั้งไว้แล้วในห้องนี้ทำให้พวกภูไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งครูพิลาวรรณเลือกพื้นตรงหน้าห้องเรียนเป็นที่นอน และที่สำคัญ ภูไม่ลืมที่จะให้เธอติดเครื่องวัดอัตราการเต็มของหัวใจไว้ให้เผื่อเกิดอะไรขึ้น จะได้ขึ้นมาช่วยได้ทัน และยังติดไมค์ไว้กับตัวเธอเพื่อที่ว่าหากเธอฝันแล้วละเมอ หรือมีการติดต่อกัน พวกภูที่อยู่ในรถจะได้ยิน
"พร้อมแล้วนะครับ"ภุถาม ซึ่งครูพิลาวรรณก็บอกว่าพร้อมแล้วยกมือทำท่าโอเค
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ครูพิลาวรรณอยู่คนเดียว เธอเอนตัวนอนในทันที พยายามหลับให้เร็วที่สุด เพื่อที่ว่าเธอจะได้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์แปลกๆที่มันอาจจะเกิดขึ้นตอนที่เธอตื่นอยู่
ทั้งสามคนเดินลงมาโดยไม่พูดอะไร เพราะภูให้สัญญาณไว้ว่าห้ามพูด เพราะไม่รู้ว่าวิญยาณในตึกนี้จะได้ยินอะไรบ้าง เพราะอย่างน้อยพวกนี้ก็เคยเป็นคนมาก่อน
พอถึงรถภูติดต่อไปเช็คความพร้อมกับครูพิลาวรรณอีกครั้ง แต่ไม่มีสัญยาณตอบ เหมือนว่าเธอได้หลับไปแล้ว ซึ่งทำให้ทั้งสามคน ได้เริ่มแผนการในทันที
...................................................
(ที่นี่ที่ไหนนะ) บรรยากาศรอบตัวมันช่างดูคุ้นๆสำหรับเธอ มันคือโรงเรียนนรินทร์ปกเกล้า ที่มีสภาพไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก นักเรียนยังนั่งเรียนคาบโฮมรูมอยู่บนตึกเรียน ครูพิลาวรรณ รู้สึกตัวว่าเธอกำลังนั่งเรียนอยู่ที่ห้อง601
(ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยจังเลย) เหมือนคาบโฮมรูมจะจบลง นักเรียนทุกคนต่างแยกย้ายกันออกจากห้อง ครูพิลาวรรณได้เดินตามออกไป แต่มีแขนเรียวยาวฉุดแขนเธอไว้จนเธอหันไปมอง และภาพที่เธอเห็นนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่เชื่อสายตา
เธอกำลังมองเห็นตัวเอง
ครูพิลาวรรณซึ่งตอนนั้นเป็นนักเรียนม.6กำลังจับแขนเธอไว้
"ไปด้วยกันนะกระซู่" เธอจำเสียง จำคำพูดของตัวเองได้ และที่สำคัญ เธอจำชื่อนั้นได้....กระซู่
เธอถูกตัวของเธอเองที่ในตอนนั้นเป็นนักเรียนจูงมืออย่างอ่อนโยนลงจากตึก ครูพิลาวรรณในวัยนักเรียน ชวนเธอคุยเรื่องต่างๆอย่างสนุกสนาน ซึ่งตัวเธอเองตอนนี้ก็คุยตอบแต่ดูเหมือนว่าตัวเธออีกคนจะไม่ได้ยิน จนดูเหมือนว่าตัวเธอในตอนนั้นกำลังพูดคนเดียว
เธอทั้งคู่เดินไปที่หอประชุมของโรงเรียน ซึ่งเก้าอี้สำหรับนั่งซึ่งปกติจะวางอยู่เต็มห้อง แต่ตอนนี้มันถูกวางซ้อนๆกันรอบ และกลางโถงหอประชุมมีโต๊ะตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง และในห้องนั้นเด็กทั้งม.6 มารวมอยู่กันเต็ม
"สวัสดีครับน้องๆ วันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่น้องม.6ในปีนี้จะต้องผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของโรงเรียนเรา" รุ่นพี่ที่จบไปเมื่อปีที่แล้ว ยืนพูดอยู่บนเวที และก็มีพี่คนอื่นๆในรุ่นเดียวกันที่จบไปแล้วยืนกันเต็มไปหมด
"พิธีกรรมนี้เป็นความลับ จนกว่าจะถึงวันนี้สำหรับน้องม.6ทุกๆคน เป็นพิธีกรรมที่ให้น้องๆม.6แคล้วคลาดปลอดภัย สำหรับการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นพิธีกรรมนี้จึงสำคัญ พอพูดจบ ก็มีรุ่นพี่ที่จบไปแล้วกระชากครูพิลาวรรณออกมาจากแขนของตัวเองที่ยังเป็นนักเรียน เธอกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ตัวเธอในวัยเด้ก แม้จะพยายามเข้าไปห้ามแต่ก็ถูกยื้อไว้จากเพื่อนคนอื่น จนเธอเห็นตัวเองในวัยนักเรียนร้องไห้
เธอถุกนำตัววางลงกับโต๊ะที่อยู่กลางห้องประชุม ครูพิลาวรรณในตอนนี้พยายามใช้แรงทั้งหมดลุกขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายมันไม่ขยับตาม
"ขอให้น้องๆทุกคนแสดงความอาลัยต่อเพื่อนคนพิเศษของน้องๆเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ เพื่อนคนพิเศษของน้องคือผู้เสียสละ รับเคราะห์ทั้งหมดเพื่อให้น้องปลอดภัย" หลังจากนั้นเพื่อนๆทุกคนในชั้นปี ก็นำดอกมิละดอกเล็กๆมาวางรอบๆตัวเธอ ครูพิลาวรรณร้องตะโกนอย่างสุดเสียงแต่เหมือนไม่มีใครได้ยินเธอ เพื่อนบางคนมีสีหน้าเศร้า บางคนถึงกับร้องไห้ แต่ก็มีหลายคนที่ทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร บางคนยังหัวเราะขำขันต่อพิธีกรรมนี้ด้วยซ้ำ
จนคนสุดท้ายที่นำดอกไม้มาวางไว้อาลัย ก็คือตัวเธอเองในตอนนั้น ข้างๆมีรุ่นพี่เดินประกบมาสองคน เมื่อเธอในวัยเรียนวางดอกไม้เสร็จ รุ่นพี่คนหนึ่งก็ยื่นๆมีเก่าๆมาให้เะอในตอนนั้นเล่มหนึ่ง และตัวเธอที่กำลังนอนมองอยู่ก็เหมือนจะจำอะไรได้ขึ้นมา แต่มันไม่ทันแล้ว
สิ้นเสียงสัญญาณจากรุ่นพี่ ครูพิลาวรรณวัยเรียนก็แทงตัวเธอเองที่นอนอยู่บนเตียง แผลแรกที่แขนขวา มาแขนซ้าย จากนั้นก็ขาทั้งสองข้าง เะอกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เลือดนั้นไหลออกมาจากแผล และแผลสุดท้าย ที่มันทำให้เธอเจ็บปวด มีดถูกแทงลงมายังหัวใจ จนเลือดทะลักออกมา เธอเจ็บเจียนขาดใจ มันคือความเจ็บปวดที่ทำให้อยากตาย แต่เธอก้ไม่ตาย คราบน้ำตา เสียงกรีดร้อง เธอแปร่งออกมาอย่างสุดเสียง แต่ไม่มีใครรู้หรือได้ยิน เธอเห็นใบหน้าของเธอในวัยเรียนดูเศร้า เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
"ขอโทษด้วยนะ กระซุ่" เสียงขอโทษที่แผ่วเบาและเศร้าสร้อย มันทำให้เธอเองน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
.............................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1 http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2 http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3 http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4 http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5 http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6 http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7 http://ppantip.com/topic/35052016
file 2-8 http://ppantip.com/topic/35060989
file 2-9 http://ppantip.com/topic/35069737
file 2-10 http://ppantip.com/topic/35083926
ตอนต่อไป http://ppantip.com/topic/35098552