เรื่องสั้น: เหยื่อ ( บทแรก)

กระทู้สนทนา


*** เรื่องสั้นชุดนี้ เป็นนิยายที่ผู้เขียน สมมุติเหตุการณ์ บุคคล และสถานที่ ขึ้นมาตามจินตนาการเท่านั้น
ผู้เขียนแต่งเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆทั้งสิ้น โปรดอ่านอย่างใช้วิจารณญาณ ขอบคุณค่ะ ***




        กลิ่นธูปหอมอ่อนๆ โชยมาบางๆตามลม ที่พัดเอื่อยๆ เข้าจมูกของสาวิตรีอย่างเบาๆ  ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงอาการตื่นเต้น
  เมื่อรู้ว่า ปลายทางข้างหน้าอีกไม่กี่นาที  ก็คงจะถึงสถานที่ ที่เธอกำลังตามหามานาน  คนๆหนึ่งที่เธอต้องการเจอก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย


        ใบกล้วยตานี ที่ร่วงหล่นจากต้น ใบเหลืองจนเป็นเป็นสีน้ำตาล ถูกเหยียบย่ำลงไปอย่างเร่งรีบ ในสวนกล้วยแห่งนี้ หล่อนนึกในใจ
พระเจ้า! ทำไม มันช่างลึกลับซับซ้อนสิ้นดี จากรถส่วนตัวที่ขับมาไกลถึงนครชัยศรี และต้องมาจอดไว้ข้างทาง เดินเข้าสวนมะม่วงมา
เพื่อจะมาโผล่ที่ท่าเรือ และยังต้องลงเรือ มาอีกยี่สิบกว่านาที เพื่อมาขึ้นที่ท่าเรือส่วนตัว แล้วมุดดงกล้วยเข้ามาอีก

นี่ถ้าไม่อยากจะทำความความต้องการของตัวเองที่ตั้งปณิธานไว้   ที่แห่งนี้หล่อนจะไม่เหยียบย่างมาเลย

ให้ตายเถอะ  !!!    อย่างว่า ก็เรื่องทำนองแบบนี้ คนดีๆที่ไหนจะมาทำแบบเปิดเผย ก็ต้องหาที่ทำแบบหลบๆซ่อนๆนะสิ  
ขืนไปทำโจ่งแจ้ง ไม่ช้าก็คงถูกตำรวจจับ ต้องหาที่ไกลๆ เปลี่ยวๆแบบนี้สินะ   ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ เสียงคนข้างหน้าก็เอ่ยขึ้น

อีกนิดเดียวแล้วค่ะน้องสา พ้นร่องน้ำข้างหน้าก็ถึงบ้านอาจารย์แล้วล่ะ ตอนที่พี่พา สุนิ มา”
.....หญิงวัยกลางคน ที่เดินนำหน้า หยุดคำพูดทันที เมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่ 3  

สาวิตรี ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป แต่เมื่อคนข้างหน้าหยุดพูด สาวิตรีก็ก้าวเท้าออกไปต่อ แต่ก็ถามออกมาอย่างเปรยๆ

“ อยู่ไกลขนาดนี้ ก็มีคนมาหาจนเจอนะคะพี่ “ หล่อนพูดไปพร้อมเอามือปัดยากไย่ของแมงมุง ที่หล่นจากต้นกล้วยลงมาตรงหน้าเธอ

  เฮ้อ..ลำบากลำบนขนาดนี้  เพื่อสนองตัณหาและความต้องการ มนุษย์ย่อมไม่มีวันพ่ายแพ้ ที่จะดั้นด้นมา แม้จะต้องเอาอะไรเข้าแลก

วูบหนึ่งที่ความคิดผุดขึ้นมา ก็เพราะตัณหาและความอยากนี่แหล่ะ ทำให้คนเราทำอะไรได้ทุกอย่าง ....

  เสียงสาวใหญ่ หัวเราะแบบใส่จริต ดังมายุติความคิดของสาวิตรี ให้สะดุดลง

“ แหม คุณน้องขา ของแบบนี้มัน เอ๊กซ์คลูซีฟค่ะ ต้องคนมีพาว์จริงๆ นะคะ ไม่งั้นอาจารย์ท่านไม่ยอมทำพิธี หรือให้พบง่ายๆหร๊อก
อาจารย์ท่านถือศีลมานาน แถมยังเก่งเรื่องทำให้คนรักคนหลง  เวทย์มนต์ที่ท่านร่ำเรียนมา ท่านไปเรียนมาจากเขมรเลยนะคะ
รับรองค่ะ ใครเดือดร้อนมา ท่านช่วยให้สมหวังได้ทุกคนค่ะ แต่ถ้าคนไหนจะไม่สมหวังตามที่อาจารย์ช่วย นั่นก็เพราะบุญไม่ถึงจริงๆค่า “

  สาวใหญ่ อวบอิ่ม พร่ำพรรณนา คำพูดยกยอ หมอทำเสน่ห์ อย่างหลงใหลได้ปลื้ม  ก่อนที่สาวิตรีจะเอ่ยถามต่อ
ทั้งสองก็เดินข้ามสะพานที่ทอดผ่านร่องน้ำพอดี     “ ถึงแล้วค่ะ “ สาวใหญ่เอ่ยบอก


สาวิตรี รู้สึกถึงอาการมวนท้องผะอืดผะอม ขึ้นมาทันที เมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏขึ้น  เรือนไทยโบราณใต้ถุนสูง ตระหง่านอยู่ตรงหน้า
รูปปั้นสารพัดเทพ ตั้งเรียงรายในแต่ละมุมทางขึ้น ชั้นล่าง มีตั่งไม้เตี้ยๆวางอยู่สองสามตัวเพื่อรองรับแขกที่มา

กลุ่มชายหญิงห้าหกคน นั่งรอให้คนจัดคิวเรียกตามลำดับคิว สาวิตรีมองคนเหล่านั้นอย่างนึกสงสัย แต่ละคนที่มานอกจากความทุกข์แล้ว
จะมีกี่คนที่เป็นเหมือนเธอ และมีวัตถุประสงค์เหมือนเธอบ้างหนอ

.......

  กลิ่นธูปและกลิ่นกำยาน เริ่มหนาแน่นและอบอวลขึ้นจนหล่อนสำลักออกมา ควันธูปลอยไหลลามออกมาจากหน้าต่างข้างบน
เหมือนหมอกหนาจัดกำลังม้วนตัวเป็นละลอกริ้ว  หล่อนมองขึ้นไป เสียงพึมพำเหมือนคนสวดมนต์ด้านบนดังแว่วออกมา...


สาวใหญ่ กำลังเจราจาหัวร่อต่อกระซิกกับชายหนุ่มสูงใหญ่ ร่างกำยำหน้าเข้มสองคน อย่างสนิทสนม  

สาวิตรีนิ่งนึกหล่อน จะเรียกคนเหล่านี้ว่า" เจ้าหน้าที่" " นายหน้า " หรือเรียก " คนจัดคิว " ดี หล่อนนึกไม่ออกว่า
"  พวกเขา  " จะเป็นอะไรไปได้มากกว่านี้อีก


เสียงชายหนึ่งในสองคน ถามอย่างออกหน้าออกตา “ พี่ยุ มาคราวนี้ น่าจะมีอะไรเด็ดๆมาฝากอาจารย์ป่ะคับ “
หายไปนานเหมือนกันนะพี่ ผมคิดว่าพี่จะลืมพวกผมแล้ว” ชายหนุ่มไม่วายหยอดคำหวานให้สาวใหญ่กระดี๊กระด๊าขึ้น


สาวใหญ่นามว่า”  ยุวดี “  หัวเราะอย่างใส่จริตเต็มที่  ”  โถ คุณพี่ก็ต้องทำงานมีธุระปะปังมั่งชิคร้า นี่ถ้าน้องสาวเพื่อน
ไม่เดือนร้อนจริงๆ  คุณพี่ไม่พามาหรอกจ๊ะ ชาลี  “
หล่อนทำเสียงเล็กเสียงน้อย ประกายตาวิบวับใส่ชายหนุ่มนามชาลี ที่เอ่ยถาม

“ ว่าแต่คุณพี่ลัดคิวได้ป่ะคะ คือมาไกลน่ะ  คุณน้องสา เค้าจะได้กลับบ้านเร็วๆ  บอกอาจารย์ว่าพี่ยุวดีมา อาจารย์ท่านรู้จ๊ะว่าจะทำอย่างไร “

  สาวใหญ่ เอ่ยบอกสองผู้ดูแล เหมือนร้องขอ และแสดงฐานะว่าเป็นผู้มีอภิสิทธิ์กลายๆ

คนจัดคิว หันมามองหญิงสาวร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมหวาน ที่ยืนเก้ๆกังๆอย่างเจ้าชู้ สายตาของมันจ้องมองหล่อนอย่างแทะโลม
แววตาฉายประกาย เหมือนจะโลมเลียเข้าไปในทุกซอกมุมเรือนร่างของหญิงสาว

สาวิตรีรู้สึกถึงความหื่นโหมส่งรัศมีออกมาอย่างแรงกล้า  จึงขยับตัวหันหน้าหันหลังถอนหายใจหนักหน่วง บอกภาษากายว่า
กำลัง ”  อึดอัด “   ...เหมือนสวรรค์มาโปรด และช่วยคลายความกังวล เมื่อเสียงเรียกจากข้างบนบ้านดังขึ้น

“ ไอ้ชีพ ให้คุณยุขึ้นมา เลย " เสียงคำสั่งกลายๆของผู้ชายด้านบนดังขึ้น  ยุวดีพาร่างอวบของเธอ นวยนาดจูงมือของหญิงสาว
ให้เดินขึ้นบันไดไม้ เธอถอนหายใจให้กับความอึดอัด เมื่อก้าวเท้าขึ้นบนบันได หล่อนก็สวนทางกับหญิงสาวร่างบางที่กำลังเดินลงมา
เท่าที่สาวิตรีสังเกตดู ที่นี่ผู้หญิงน่ามีจะมากกว่าผู้ชายเป็นแน่แท้

ก็แหงล่ะ !!! เรื่องทำเสน่ห์ยาแฝด รักๆใคร่ๆ ก็มีแต่ผู้หญิงนั่นแหล่ะที่ดิ้นรนสรรหาทำ หากคนรักหรือสามีกำลังนอกใจ  
อะไรที่ทำให้ความรักที่กำลังหลุดลอยกลับคืนมาผู้หญิงจะทุ่มเททำให้ทั้งนั้น เพราะคำว่ารักคำเดียว เท่านั้น +++

แต่ทำไมผู้ชายถึงไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักคำว่ารัก จนทำให้ผู้หญิงเจ็บปวดจนต้องหาทางออกแบบนี้ ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายใจร้าย


                       .............................โปรดติดตามตอนต่อไป.................................



คุยกันสักติดส์...

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่