นักรบจันทรา ตอนที่ 19

กระทู้สนทนา
หลังกลับมาจากการตามหาเชือกทวีอาคม ดาริอุส ดรากานก็ถูกผู้กล้าแสงตะวันลากตัวไปพบท่านหญิงโรเซลลิน่า โดยส่วนตัวเขาไม่ได้ชอบหรือชังท่านหญิง ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรตอนพูดคุยด้วยมากกว่า เพราะพระนางเป็นผู้ออกคำสั่งที่ทำให้เขาโดนไล่ออกจากงานประจำ และนางยังกำชับเสียดิบดีว่าเกลียดเขา

    “พระนางพบผลึกแก้วที่จะเอามาประกอบเป็นดาบจันทราแล้ว สิ่งที่เจ้าต้องทำก็แค่พูดจากับนางดีๆ บอกว่าเราต้องใช้สิ่งนั้นเพื่อทำให้อาวุธของเจ้าสมบูรณ์ ไม่ใช่เพื่อเจ้า แต่เป็นการทำเพื่อพ่อกับแม่ของเจ้าด้วย เชื่อข้าสิว่ามันจำเป็น” ไบรอัน แบล็คสโตนเทศนาผู้ติดตามระหว่างเดินทางไปโรงแรมที่ท่านหญิงโรเซลฯพักอยู่

    “ท่านหญิงเกลียดข้านี่นา!” ดาริอุสโผล่งออกมาอย่างคับข้องใจ ทำให้ไบรอันหันมามองอย่างประเมินค่า

    “เจ้ามันบื้อ ไม่ได้เข้าใจผู้หญิงเลยสักนิด” ไบรอันย่นจมูก

    “ท่านก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้า ไม่ต้องมาข่มกันเลย” ดาริอุสหมุนมัดเชือกทวีอาคมในมือเล่นอย่างใจลอย ไม่ใส่ใจว่ารอบข้างจะปกคลุมด้วยแสงสลัวอันงดงามของยามเย็น “ไม่ได้คิดอะไรกับไลล่าจริงหรือ” ดาริอุสตัดสินใจหันไปสนเรื่องรักๆใคร่ๆของผู้กล้าแสงตะวันแทน

    ผู้กล้าแสงตะวันไม่ตอบ เพราะบัดนี้พวกเขามาถึงโรงแรมปลาหมึกแปดดาวที่ท่านหญิงโรเซลฯพักอยู่แล้ว ป้ายปลาหมึกมีหนวดเป็นดาวตกส่ายเอี๊ยดเบาๆตามแรงลม เหมือนเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ในยามโพล้เพล้  

    “ข้ากลับตอนนี้ยังทันไหม” ดาริอุสถูเส้นเชือกสีขาวเนื้อหยาบอย่างเอาเป็นเอาตาย ความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนักตอนที่พระนางมาพบเขาที่เพียรซ์ทำให้พูดไม่ออก “นางคงไม่อยากเจอหน้าข้าหรอก”

    “ข้าจึงมาด้วยอย่างไรล่ะ เข้าไปได้แล้ว!!”

    ดาริอุสแทบถูกถีบเข้าประตูโรงแรม จากนั้นก็โดนลากถูลู่ถูกังไปยังห้องพักของท่านหญิงโรเซลฯทันที

    “ท่านหญิงโรเซลลิน่า ข้าบาทมาพบท่านวันนี้ด้วยเรื่องสำคัญ ฝ่าบาทพบสิ่งที่ข้าบาทรอคอยแล้ว”

    พอได้เข้าไปในห้องพักของท่านหญิงผู้กล้าแสงตะวันก็เริ่มโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ขอสิ่งที่พระนางค้นพบในเหมืองเพชรทันที

    “เจ้าผลึกสองชิ้นนั้นเองหรือ ข้ากำลังรอรายงานจากนักวิชาการของเมืองแก้วผลึกอยู่เลย แล้วไปไหนเสียหลายวันหรือดาริอุส หรือจะให้เรียกมาเวอร์ริคดี” ท่านหญิงทำท่าเหมือนอยากคุยกับเขาเท่านั้น ดาริอุสจึงชูเชือกทวีอาคมให้พระนางเห็น

    “เรียกดาริอุสดีกว่าท่านหญิง ที่ข้าไม่อยู่ช่วงนี้เพราะไปตามหาสิ่งนี้อยู่ เชือกทวีอาคม เห็นท่านผู้กล้าบอกว่าท่านหญิงคงสนใจจึงนำติดตัวมาด้วย ข้าไม่รู้หรอกว่าจะใช้มันอย่างไร ผู้วิเศษอย่างท่านหญิงหรือท่านผู้กล้าคงรู้กระมัง” ดาริอุสสังเกตได้ชัดเจนว่าพระนางยังลังเลว่าจะคุยกับเขาอย่างไรให้เหมาะสม

    พระนางโรเซลลิน่าทำหน้าสับสนเหมือนมีความคิดนับพันตีกันอยู่ในหัว แล้วรอมชอมด้วยการของมัดเชือกสีขาวไปพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็พูดคุยกับไบรอันราวกับไม่มีดาริอุสอยู่ในห้องด้วย

    “หลักการทำงานของมันคือเร่งปฏิกิริยาทางเวทมนตร์ให้สูงขึ้น นึกว่าเป็นแค่เรื่องเล่าเสียอีก ไม่ขอบคุณหรอกนะที่เอามาให้ดู ถือเสียว่าแลกกับผลึกแก้วสองอันนั้น” สุดท้ายท่านหญิงก็หันกลับมาคุยกับดาริอุส ท่าทางพระนางสับสนกับตัวเองเล็กน้อยว่าควรพูดอย่างไรดี

    “ข้าไม่รู้เรื่องทำนองนั้นหรอก คงดีหากท่านหญิงอธิบายให้ข้าฟังอีกสักนิด” ดาริอุสสารภาพว่าไม่เข้าใจที่พระนางพูดเลย

    “ไม่ได้อยากอธิบายหรอกนะ เห็นว่าเป็นท่านมาเวอร์ริคถามจึงช่วยตอบให้” ท่านหญิงแสดงความแข็งกร้าวทางคำพูด “เชือกเส้นนี้สามารถใช้กำหนดเป็นลวดลายอาณาเขตได้ เวทมนตร์ที่ใช้ด้านในอาณาเขตของเชือกนี้จะทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่าตัว มันจึงถูกเรียกว่าเชือกทวีอาคม กล่าวกันว่าเกิดจากเส้นผมของเทพเจ้าที่ร่วงหล่นยามสวดภาวนา เพิ่งได้เห็นของจริงวันนี้เอง”

    “ขอบคุณท่านหญิง อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าท่านหญิงไม่ได้เกลียดข้าเท่าไรนัก” ดาริอุสยิ้มกว้าง

    ท่านหญิงโรเซลลิน่าหน้าแดงหากทำเย็นชากลบเกลื่อน

    “ข้าทำเพราะท่านคือเจ้าชายมาเวอร์ริค ไม่ใช่เพราะท่านคือดาริอุส” พระนางตอบโดยไม่ยิ้มเลยสักนิด

    “พูดถึงมาเวอร์ริค ข้าได้ยินจากท่านผู้กล้าว่าท่านมีแผนใช้งานเจ้าชายมาเวอร์ริค หรือคือข้านั่นเอง เป็นความจริงหรือไม่”

    “ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าวางแผนการเอาไว้ ท่านเป็นแค่เบี้ยในเกมของข้าเท่านั้น ไม่ว่าจะยอมหรือไม่ก็ตาม”

    “ข้าไม่รู้ว่าท่านหญิงคิดจะทำอะไร ข้าไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น แถมไม่มีความสามารถไปหยุดท่านด้วย” ดาริอุสพูดจากใจจริง หลังจากได้ฟังจากไบรอันว่าพระนางคิดหลอกใช้เขาเพื่อทำบางสิ่ง “มีสิ่งเดียวที่ข้าอยากขอ หากมันเป็นโทษต่อประชาชนท่านช่วยหยุดมันได้หรือไม่ ข้าเป็นคนธรรมดาจึงเข้าใจดีที่สุดว่าคำสั่งของเบื้องบนคือชีวิต พวกเราไม่ได้เป็นของเล่นของขุนนาง ท่านโปรดเข้าใจด้วยว่าคนธรรมดาอย่างข้าก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน มีความสุขความทุกข์เหมือนเชื้อพระวงศ์ เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านหญิงพิจารณาแผนของท่านดูอีกครั้งเถิด หากมันเป็นประโยชน์ต่อมวลชนข้าก็ยอมช่วย ถ้าหากมันทำให้ผู้คนเดือดร้อนก็ขอให้หยุดเสีย ข้าขอพูดในนามเจ้าชายมาเวอร์ริค”

    “พูดเป็นเล่นไปได้! หยุดแล้วข้าจะได้อะไร เจ้าคงรู้ว่าข้าเป็นพ่อค้าเต็มตัวการแลกเปลี่ยนคือลมหายใจเข้าออก หากอยากได้สิ่งใดจงหาสิ่งอื่นมาแลกเปลี่ยน แล้วโดนท่านผู้กล้าแสงตะวันล้างสมองสั่งให้พูดอย่างนี้ล่ะสิ” ท่านหญิงโรเซลฯเชิดใส่

    “ฝ่าบาท แม้ข้าบาทจะเป็นนายจ้างของเขาแต่ข้าบาทก็เป็นผู้ติดตามของเขาด้วยในอีกทางหนึ่ง แถมดาริอุสมีศักดิ์เป็นเจ้าชายด้วย ข้าบาทมิกล้าออกคำสั่งกับเขาหรอก” ไบรอันผู้แทบกลืนตัวเองเข้ากับผนังพูด ทั้งที่เคยสั่งการกับดาริอุสนับครั้งไม่ถ้วน

    “ที่พูดไปคือเจตจำนงของข้าเองท่านหญิง” ดาริอุสเน้นว่าเป็นความคิดของเขาล้วนๆ ไม่ได้ผ่านการปรับปรุงโดยผู้กล้าแสงตะวันแต่อย่างได “ข้าขอได้ไหม”

    ท่านหญิงโรเซลฯยังคงยืนหยัดคำเดียวกับเมื่อครู่

    “แล้วข้าจะได้อะไรล่ะ!”

    “ความจงรักภักดีจากข้าจะมากพอไหม ข้ารู้แค่ตัวเองเป็นเจ้าชาย ไม่รู้ว่าทำอะไรได้บ้าง แต่ข้าจะคอยเป็นมือเท้าให้ท่านหญิงเอง ขอแค่หยุดแผนร้ายไว้” ดาริอุสพูดไปตามอารมณ์โดยไม่ทันเห็นไบรอันกลั้นหัวเราะจนตัวงอ ท่านหญิงโรเซลฯหน้าแดงไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรเหมือนกัน

    “คะ...ใครจะอยากได้ของพรรค์นั้นกัน!” ท่านหญิงโรเซลฯกอดอกอย่างถือดี “คิดว่าตัวเองวิเศษนักหรือ”

    ในช่วงเวลาอึดอัดพูดไม่ออกนั้น ผู้กล้าแสงตะวันก็เข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์

    “เรื่องนั้นช่างก่อนฝ่าบาท ที่สำคัญตอนนี้คือผลึกแก้วที่ฝ่าบาทส่งไปตรวจสอบ ขอให้เราได้หรือไม่”

    “วันนี้ข้าได้พบเชือกทวีอาคมในตำนาน นั่นเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่ข้าพอใจแล้ว จะเขียนหนังสือบอกให้พนักงานเอาไปส่งให้ท่านที่โรงแรมเลย ท่านพักที่ไหนหรือ”

    “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ฝ่าบาท” ไบรอันตอบอย่างยียวน “สายของฝ่าบาทคงรายงานเรียบร้อยแล้วว่าพวกเราพักอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นฝ่าบาทคงไม่เสียเวลาไปเดินเตร่หน้าโรงแรมคนเดียวหรอก”

    “ข้าไปดูความเสียหายและร่องรอยเวทมนตร์จากการต่อสู้ต่างหาก” ท่านหญิงโรเซลฯแก้เก้อ “กระสุนปืนใหญ่สายฟ้านั่นเยี่ยมมากเลย ฝีมือท่านหรือ”

    “ไม่ใช่หรอกฝ่าบาท เป็นผลงานของหญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าข้ามมิติเวลาได้”

    แล้วบทสนทนาระหว่างท่านหญิงกับไบรอันก็ขยายยืดยาว...


    “เอ้อ ดาริอุส ข้าขอโทษที่ไม่บอกรายละเอียดนะ เรื่องแผนของท่านหญิง” ผู้กล้าแสงตะวันขอโทษขอโพยนักรบจันทราทันทีที่ออกจากโรงแรมในช่วงค่ำ

    “ทำไมหรือ ความจริงก็อยากถาม เห็นว่าท่านยุ่งเลยไม่กวนใจ” ดาริอุสตอบอย่างสบายๆไม่คิดอะไรมากมายนัก ทำให้ไบรอันรู้สึกผิดจนบอกไม่ถูกที่ไม่บอกส่วนสำคัญให้รู้ไว้

    “ข้าจะอธิบายเพิ่มนะดาริอุส เจ้ารู้ใช่ไหมว่าพระนางเป็นผู้สำเร็จราชการแห่งเพอลานต้า นางต้องการครองอำนาจเสียเองด้วยการบงการองค์ราชา ทีนี้เจ้าลองคิดดู ถ้านางทำจริงๆจะมีใครเป็นศัตรูบ้าง” ไบรอันเดินไปอธิบายไป ไม่คิดถึงคืนที่อลิเซียพาฝ่าด่านสุดโหดไปปราสาทแก้วผลึก

    “ขุนนางที่จงรักภักดีกับฮ่องเต้องค์ก่อน ขุนนางที่จ้องจะยึดอำนาจที่โดนท่านหญิงตัดหน้าไป ข้าเชื่อว่าท่านหญิงต้องมีกองกำลังของตัวเองแน่”

    “ตรงนั้นแหละที่เป็นแผนของท่านหญิงโรเซลลิน่า” ไบรอันเน้น “พระนางคิดทำบุญคุณต่อจักรวรรดิ เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของขุนนางชั้นสูง มีอำนาจบารมีจนไม่มีใครในเมืองของนางเทียบได้”

    “ข้ายังไม่เข้าใจว่าตัวข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้อย่างไร”

    “ในฐานะเจ้าชายที่หายสาบสูญ หากพระนางหาพบก็ถือเป็นบุญคุณต่อจักรวรรดิแล้ว แผนของนางไม่ได้จบแค่นั้นหรอก แค่มีบุญคุณมันรับประกันไม่ได้ว่าเพียรซ์จะยกกองทัพมาช่วยหากนางโดนตลบหลัง พระนางจึงหาวิธีผูกตัวเองเข้ากับขุนนางชั้นสูงของเพียรซ์เพื่อเป็นหลักประกันว่าไม่มีใครกล้าหาเรื่องนางแน่ๆ”

    ดาริอุสเดินสะดุดหินก้อนหนึ่งที่ยื่นขึ้นมาจากหินปูพื้น เหมือนจะคิดออกแล้วว่าตัวเขามีบทบาทอย่างไรในแผนของพระนางโรเซลฯ

    “พระนางต้องการเป็นคู่แต่งงานกับเจ้าชายมาเวอร์ริค ก็คือเจ้านั่นแหละ!” ไบรอันทำให้ดาริอุสสบถสาบานดังลั่นตามคาด “พระนางคาดว่าเจ้าที่เติบโตนอกวังจะสามารถใช้งานได้ง่ายกว่าพวกเจ้าชายที่ถูกเลี้ยงดูให้รู้เรื่องการเมืองด้วย แล้วมันก็จริง ดูที่เจ้าพูดเหมือนกับยอมเป็นบริวารของนางแล้วอย่างไรอย่างนั้น”

    “ก็ข้าไม่รู้นี่!” ดาริอุสร้องลั่น คงหัวเสียที่หลวมตัวไปสัญญาแบบนั้นกับพระนาง “แล้วพอมีทางแก้ไขไหม ข้าอยากท่องเที่ยว ไม่ได้อยากเป็นเจ้าชายอะไรนี่เลย”

    “ไม่ต้องแล้ว การที่ดาริอุสกับมาเวอร์ริคเป็นคนๆเดียวกันช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น พระนางชอบเจ้าจากใจจริง ไม่ได้ชอบเพราะเป็นแผนการอย่างที่ตั้งใจไว้ คำพูดของเจ้ามีพลังพอให้นางหยุดแผนการแน่ๆ”

    “แต่ข้าต้องยอมเป็นเบี้ยล่างท่านหญิง มันจะต่างอะไรกันเล่า!”

    “ต่างตรงที่ประชาชนได้รับประโยชน์ และเราได้ผลึกแก้วนั่นง่ายขึ้นกว่าที่คิด ข้าอยากปรบมือให้ตอนเจ้าพูด แต่ต้องกลั้นหัวเราะไปด้วยจึงทำยากอยู่”

    “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้ายังไม่อยากมีครอบครัว ยังอยากดูโน่นดูนี่ให้ทั่วเรมิสต์ ยังไม่เคยออกจากทวีปใหญ่เลย ตอนนี้เรามาว่าเรื่องงานของเราดีกว่า จะไปที่ไหนต่อ ระหว่างรอการประชุมที่ท่านวางแผนไว้”

    “เมเทอาร์ เราจะใช้ที่นั่นเริ่มทำตามแผน ทำให้เกิดการประชุมระหว่างสองจักรวรรดิกับจอมอสูรขึ้น เพื่อไม่ให้จอมปิศาจเข้ามาแทรกแซงได้อีก”

    “ตอนนั้นใช่ไหมที่จะช่วยพ่อกับแม่ของข้าได้” ดาริอุสขบกรามพยายามคิดตามผู้กล้าแสงตะวันกับเวเบอร์ให้ทัน “ข้าเชื่อว่าองค์คริสโทเฟอร์ต้องการคุย แต่ทางพ่อข้านี่สิ เวเบอร์บอกว่ากล่อมยากกว่าทั่งตีเหล็กอีก”

    “เราจะตัดแขนขาเขาทิ้งก่อน เวเบอร์จะทำเป็นสู้กับลาควีล่าจนไม่รู้ผล ทามิเอลปล่อยดาเรียคุยกันตามประสาพี่น้อง ส่วนชาโดว์สตีลข้าจัดการเอง จากนั้นเราจะล่อหลอกให้จอมอสูรเข้ามาในอาณาเขตของเชือกทวีอาคม แล้วใช้ผลึกกาลเวลาย้อนเวลาเขากลับไปก่อนถูกอำนาจมืดของจอมปิศาจครอบงำ การย้อนเวลาคนจำเป็นต้องใช้พลังเวทมากเราจึงต้องใช้เชือกทวีอาคมช่วย เสร็จจากตรงนั้นเราจะใช้ความมืดที่ออกมาจากตัวพ่อเจ้าผสานแก้วผลึกสองชิ้นแต่งตั้งนักรบจันทรา”

    “ขอให้เป็นไปตามแผนก็แล้วกัน ก่อนหน้านั้นก็ต้องหาผลึกกาลเวลากันอีก ข้าไม่รู้ว่าท่านจะทำอย่างไรต่อเพื่อให้ได้ของในตำนานนั่นมา แต่ต้องสนุกแน่!” ดาริอุสพูดอย่างมีความหวังว่าจะช่วยพ่อกับแม่ได้ “ว่าแต่เราจะไปกันยังไง เมเทอาร์อยู่เกือบใต้สุดของทวีปใหญ่เชียวนะ”

    “ข้าเคยไปจึงใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปได้ เคยไปดูงานกับอาจารย์อยู่ช่วงหนึ่ง แถบนั้นทะเลสวยมาก”

    ไบรอันนึกถึงวันเก่าๆที่เคยเดินทางไปโน่นมานี่กับอาจารย์เพื่อฝึกเวทมนตร์

    “ข้าอยากเห็นลานประลองกลางทะเล ตอนไปกับคาราวานมีปัญหาต้องทำงานพิเศษชั่วคราวจึงไม่ได้ไปดูสักที เขาว่าถ้าไม่เห็นลานประลองกลางทะเลก็ยังไปไม่ถึงเมเทอาร์ด้วยละ” ดาริอุสส่ายหัวเบาๆ

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่