ความกันดารในโลก เป็นไปด้วยโลกธรรม 4 คือความเสื่อมลาภ ความเสื่อมยศ การนินทาว่าร้าย ความทุกข์
ผู้คนในโลกทั้งหมด ล้วนแสวงหาหนทางเพื่อปลอดความกันดารเหล่านี้ ให้ถึงความปลอดโปร่งในอีก 4 โลกธรรม
สังสารคือภพ ประกอบด้วยภาระที่จิตต้องตบแต่งขึ้นด้วยอายตนะทั้งหลาย มีอำนาจเป็นครอบหมู่สัตว์ทั้งหลายในติดอยู่ภายใน
เพราะความยึดอาศัยในโลกธรรมทั้งหมดเหล่านี้และและความติดใจในสิ่งเหล่านี้
ด้วยจักษุอันล่วงมนุษย์และเทวดาของพระผู้มีพระภาค ทรงเห็นสังสารด้วยความเป็นจริงตามจริง
เพราะทรงอาศัยพระอริยสัจ อันเป็นธรรมจักร จึงทรงปลอดเปลื้องสังสารลงจนหมดสิ้นโดยสิ้นเชิง
พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นแล้วว่าสังสารอันเป็นทุกข์ภัยอันใหญ่หลวงนี้ เป็นที่อันกันดารนัก
แม้ในหมู่สัตว์ทั้งหลายเองก็ล้วนเป็นผู้อันความกันดารเข้าครอบงำแล้ว และในขณะเดียวกันก็ยังอาศัยความกันดารนี้ด้วย
จนแม้พระพุทธองค์ก็ทรงปริวิตกในความยากลำบากหนักหนาที่จะนำหมู่สัตว์ให้หลุดพ้นออกจากทุกข์คือความกันดารนี้
"หมู่สัตว์โลกถึงความเรือหายแล้ว" เมื่อท้าวสหัสบดีพรหมทรงเล็งเห็นภัยนี้เมื่อพระพุทธองค์ทรงดำริที่จะไม่เผยแผ่พระธรรมที่ทรงตรัสรู้
ท้าวฯจึงมาปรากฏต่อหน้าพระพักตร์แล้วจึงทรงประคองอัญชลีสาธยายความอาราธนาพระธรรม ดังปรากฎในงานพุทธพิธีทุกวันนี้
แม้อย่างนั้น เหล่าอริยสาวกเอง แม้ได้รู้แจ้งในพระธรรมศาสนาตามที่ทรงตรัสรู้แล้วต่างก็คิดเห็นเป็นเช่นนั้นไม่ได้ยกเว้นให้แตกต่างเลย
เพราะความต้องหยั่งถึงถิ่นที่กันดารเมื่อออกจากที่กันดารได้แล้ว เป็นความปรารภที่กล้ำกลืนสุดวิสัย ดังเช่นการพยายามก่อกองไฟใต้น้ำ
แม้พระธรรมอันประเสริฐอันแม้ผู้รู้ ก็รู้เองได้เฉพาะตนก็ในทีหนึ่งด้วย
ดังนั้น การปรารภเพื่อความพ้นทุกข์ในพุทธศาสนานี้ จะยกเว้นความพากเพียรพยายามโดยตนเองนั้น ไม่มีทางเข้าถึงได้เลย
ด้วยประพฤติพื้นฐานคือ ศีลสิกขา จิตตสิกขา ปัญญาสิกขา อันเป็นโลกียะในเบื้องต้น
จึงไม่พึงตกไปเป็นผู้เน่าใน ไม่พึงเป็นผู้เน่าในภายใน ....
http://ppantip.com/topic/34864636
เป็นผู้ละเอียดอ่อนต่อพระธรรม ไม่กระด้างต่อพระธรรม เป็นผู้ว่าง่าย
ทั้งเป็นผู้ขวนขวายในการรับฟัง และ ทั้งขวนขวายต่อการกำหนดไว้ในใจ
รู้ว่ากิจเช่นใดจึงไม่ใช่กิจอันควรขวนขวาย เป็นอกุศล บิดเบือนในพระธรรมด้วยประพฤติอันเป็นปุถุชนอันกันดารอยู่
เหมือนแม่เลี้ยงลูกอ่อน จะทำการสิ่งใดๆก็เหลียวมองลูกของตนไปอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในยามหลับและยามตื่น
ผู้ขวนขวายโดยชอบในธรรมอยู่ ก็จะบรรลุอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญาอันเป็นโลกุตระ ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ
เป็นอริยะบุคคล ไม่เป็นบุคคลทั่วไป เป็นผู้ประกอบอริยะญาณในศาสนา
ในไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน ....
*_____
ขอความมีมงคลถึงพร้อม พึงมีแก่ผู้ปฏิบัติธรรมโดยสมควรชอบแก่ธรรม
_____*
ธรรมดาที่ ผู้สลัดจากปุถุชนอันกันดารได้แล้วย่อมไม่ปรารภการเข้าไปเพื่อจะกันดารอีก
ผู้คนในโลกทั้งหมด ล้วนแสวงหาหนทางเพื่อปลอดความกันดารเหล่านี้ ให้ถึงความปลอดโปร่งในอีก 4 โลกธรรม
สังสารคือภพ ประกอบด้วยภาระที่จิตต้องตบแต่งขึ้นด้วยอายตนะทั้งหลาย มีอำนาจเป็นครอบหมู่สัตว์ทั้งหลายในติดอยู่ภายใน
เพราะความยึดอาศัยในโลกธรรมทั้งหมดเหล่านี้และและความติดใจในสิ่งเหล่านี้
ด้วยจักษุอันล่วงมนุษย์และเทวดาของพระผู้มีพระภาค ทรงเห็นสังสารด้วยความเป็นจริงตามจริง
เพราะทรงอาศัยพระอริยสัจ อันเป็นธรรมจักร จึงทรงปลอดเปลื้องสังสารลงจนหมดสิ้นโดยสิ้นเชิง
พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นแล้วว่าสังสารอันเป็นทุกข์ภัยอันใหญ่หลวงนี้ เป็นที่อันกันดารนัก
แม้ในหมู่สัตว์ทั้งหลายเองก็ล้วนเป็นผู้อันความกันดารเข้าครอบงำแล้ว และในขณะเดียวกันก็ยังอาศัยความกันดารนี้ด้วย
จนแม้พระพุทธองค์ก็ทรงปริวิตกในความยากลำบากหนักหนาที่จะนำหมู่สัตว์ให้หลุดพ้นออกจากทุกข์คือความกันดารนี้
"หมู่สัตว์โลกถึงความเรือหายแล้ว" เมื่อท้าวสหัสบดีพรหมทรงเล็งเห็นภัยนี้เมื่อพระพุทธองค์ทรงดำริที่จะไม่เผยแผ่พระธรรมที่ทรงตรัสรู้
ท้าวฯจึงมาปรากฏต่อหน้าพระพักตร์แล้วจึงทรงประคองอัญชลีสาธยายความอาราธนาพระธรรม ดังปรากฎในงานพุทธพิธีทุกวันนี้
แม้อย่างนั้น เหล่าอริยสาวกเอง แม้ได้รู้แจ้งในพระธรรมศาสนาตามที่ทรงตรัสรู้แล้วต่างก็คิดเห็นเป็นเช่นนั้นไม่ได้ยกเว้นให้แตกต่างเลย
เพราะความต้องหยั่งถึงถิ่นที่กันดารเมื่อออกจากที่กันดารได้แล้ว เป็นความปรารภที่กล้ำกลืนสุดวิสัย ดังเช่นการพยายามก่อกองไฟใต้น้ำ
แม้พระธรรมอันประเสริฐอันแม้ผู้รู้ ก็รู้เองได้เฉพาะตนก็ในทีหนึ่งด้วย
ดังนั้น การปรารภเพื่อความพ้นทุกข์ในพุทธศาสนานี้ จะยกเว้นความพากเพียรพยายามโดยตนเองนั้น ไม่มีทางเข้าถึงได้เลย
ด้วยประพฤติพื้นฐานคือ ศีลสิกขา จิตตสิกขา ปัญญาสิกขา อันเป็นโลกียะในเบื้องต้น
จึงไม่พึงตกไปเป็นผู้เน่าใน ไม่พึงเป็นผู้เน่าในภายใน .... http://ppantip.com/topic/34864636
เป็นผู้ละเอียดอ่อนต่อพระธรรม ไม่กระด้างต่อพระธรรม เป็นผู้ว่าง่าย
ทั้งเป็นผู้ขวนขวายในการรับฟัง และ ทั้งขวนขวายต่อการกำหนดไว้ในใจ
รู้ว่ากิจเช่นใดจึงไม่ใช่กิจอันควรขวนขวาย เป็นอกุศล บิดเบือนในพระธรรมด้วยประพฤติอันเป็นปุถุชนอันกันดารอยู่
เหมือนแม่เลี้ยงลูกอ่อน จะทำการสิ่งใดๆก็เหลียวมองลูกของตนไปอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในยามหลับและยามตื่น
ผู้ขวนขวายโดยชอบในธรรมอยู่ ก็จะบรรลุอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญาอันเป็นโลกุตระ ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ
เป็นอริยะบุคคล ไม่เป็นบุคคลทั่วไป เป็นผู้ประกอบอริยะญาณในศาสนา
ในไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน ....
*_____ ขอความมีมงคลถึงพร้อม พึงมีแก่ผู้ปฏิบัติธรรมโดยสมควรชอบแก่ธรรม _____*