สวัสดีครับสมาชิกชาวห้องก้นครัวทุกท่าน ห่างหายไปปีกว่าๆเองเพราะติดธุระหลายๆเรื่อง พอดีวันนี้ว่างสบโอกาสเลยมีเวลามารีวิวสูตรทำกิมจิหัวไชเท้าแบบง่ายๆไม่ยุ่งยากเลยให้สมาชิกทุกท่านลองทำไปทานในครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองกันนะครับ
สิ่งแรกเลยที่ขาดไม่ได้ หัวไชเท้านะครับ วันนี้ใช้ประมาณ 2 กิโลกรัม ปอกเปลือกแล้วล้างน้ำทันทีจากนั้นหั่นตามภาพนะครับ ความจริงหัวไชเท้าเกาหลีใหญ่มากๆจนสามารถหั่นให้มีขนาดเป็นลูกเต๋าได้ แต่หัวไชเท้าไทยในช่วงน้ำแล้งได้แค่นี้ก็พอแล้วครับ
เครื่องปรุงหลักๆที่ต้องใช้ก็มีเกลือ น้ำตาล และผงปาปริก้า ที่เหลือจะทะยอยตามมานะครับ
ขั้นตอนนี้ยากมากๆครับ ต้องอาศัยประสบการณ์และอุเบกขามากๆ ตักเกลือ 2 ช้อนโต๊ะและน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นทิ้งเอาไว้ครึ่งชั่วโมงและทุกๆสิบนาทีให้คลุกเคล้าเบาๆนะครับเพราะมันจะช้ำ จากนั้นก็ไปเตรียมของอย่างอื่นๆกันต่อ ไปกันเลยครับ
ใช้ต้นหอมไทยนั่นแหละครับ หัวไชเท้าสองกิโลกรัมต่อต้นหอม 4 ถึง 5 ต้นก็พอ ซอยแบบหยาบๆ แล้วทิ้งมันเอาไว้แบบนั้นแหละครับ สำหรับผมพอดีช่วงนี้บ้าทาโกยากิ เอาไปหั่นใส่จนหมดเหลือต้นหอมญี่ปุ่นนิดหน่อยก็เอาซอยๆ ใส่เข้าไปครับ มันแทนกันได้ ไม่ซีเรียสอะไรนะครับ ป่ะ ไปกันต่อ
ใช้กระเทียมจีนหกลูกก็พอครับ ปอกเปลือกแล้วก็หั่นหยาบๆ แบบด้านล่าง
ให้แหลกประมาณนี้นะครับ ส่วนใครจะตำจะปั่น ได้ครับ ไม่มีปัญหา
ขิงใช้นิดเดียวนะครับ ประมาณหัวแม่มือได้ สับพอหยาบๆก็พอ (อย่าใส่ขิงเยอะนะครับ เพราะมันจะฉุนและเผ็ดมากๆเลย)
ประมาณนี้ก็พอครับ พอหั่นทุกอย่างเสร็จ ก็ได้เวลามาดูแลหัวไชเท้าแล้วครับ
จากรูปจะเห็นว่ามีน้ำเจิ่งนองเลยครับ หากเป็นกิมจิผักกาดขาวเราจะคั้นน้ำทิ้งทั้งหมด แต่ไม่ใช่สำหรับกิมจิหัวไชเท้านะครับ เพราะว่า
เราจะเก็บน้ำของมันเอาไว้ผสมในตอนท้าย กรองแล้วเทใส่ถ้วยเอาไว้ครับ ไม่ต้องล้างนะครับพักมันเอาไว้แบบนั้นแหละครับ จากนั้นทำหน้าหล่อๆ สวยๆ ไปจัดการปรุงรสกันดีกว่าเนอะ ไปสิครับ ทางนี้ครับ เอ่อ.. ทางนี้ครับ กลับมาห้องกันครัวครับ ดีมากครับ
โยนทุกอย่างเข้าไปในหัวไชเท้าที่เราหมักเกลือกับน้ำตาลไว้แล้วนะครับ ทั้งต้นหอมเอย กระเทียมเอย แล้วก็ขิง จงยิ้มแบบ strong ไว้นะครับ ฝันใกล้เป็นจริงแล้วครับทุกท่าน
ใส่พริกปาปริก้าลงไป ประมาณ 60 กรัมครับสำหรับหัวไชเท้าสองกิโลกรัม หนึ่งซองพอดีเลย
น้ำปลาประมาณ 1 ทัพพี ถ้าไม่ค่อยได้ทำอาหารก็เหยาะใส่ที่ละนิดแล้วชิมเอานะครับ ใช้น้ำปลาเกรดดีหน่อยนะครับจะได้หอมๆ
ตักน้ำที่ได้จากการหมักหัวไชเท้า เกลือ และน้ำตาลในช่วงแรก ใช้สองทัพพีก็พอนะครับ ที่เหลือเททิ้งหมดเลยครับไม่ต้องอาลัยหรือเสียดาย
เพิ่มความหวานหน่อย ผมใส่น้ำตาลลงไป 4 ช้อนโต๊ะนะครับ น้ำตาลนอกจากเพิ่มความหวานแล้วมันยังทำให้หัวไชเท้ากิมจิของเราเปรี้ยวได้อีกนะครับ ใช้ได้ทั้งน้ำตาลทรายขาวและแดงนะครับ พอดีน้ำตาลทรายขาวหมดเลยขโมยน้ำตาลทรายแดงของน้องสาวมาใช้ครับ เงียบๆนะครับ เขายังไม่รู้นะ
ถ้าพอมีเบี้ยมีหอยหน่อยก็ใช้ถุงมือพลาสติกนะครับ แต่สำหรับผมใช้ถุงพลาสติกง่ายๆเนี่ยแหละครับ อย่าลืมนะครับ ทั้งกระเทียม ขิง น้ำปลา กลิ่นมันเหม็นโอ่มากๆเลยครับ ใช้สองชั้นนะครับ ชั้นแรกคลุก พอเสร็จถอดทิ้ง เหลือชั้นที่สองเอาไว้คลุกต่ออีก มือจะไม่เหม็นเลยครับ
จากนั้นนวด คลึง ขยำไปเรื่อยๆ ถามว่านานเท่าไหร่ ก็จนกว่าจะไม่มีน้ำให้เห็นนะครับ หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป
นวดจนได้ประมาณนี้นะครับ น้ำงวดหมดแล้ว เสร็จแล้วหละครับ หาภาชนะที่ปิดมิดชิดมาใส่หรือถ้าไม่มีก็ใช้ถงพลาสติกขนาดย่อมๆก็ได้ครับ
ตอนบรรจุให้กดอัดให้แน่นๆ พยายามอย่าให้มีอากาศแทรกเข้าไปได้นะครับ
เสร็จแล้วครับ ปิดฝาให้เรียบร้อยหรือ.....
ชิมซักชิ้นก็ได้นะครับ อ้ามมมม อืม ไม่เปรี้ยวเลย
เรียบร้อยครับ เท่าที่ทราบปริมาณนี้ไม่ถูกนะครับ แพงเอาการอยู่ ใครที่คิดจะทำขายลองดูได้นะครับ มีตลาดอยู่ในช่วงเศรษฐกิกดิ่งเหวแบบนี้
สุดท้ายแล้วครับ หาที่พักพิงให้มันหน่อย ขอมุมอับๆ อุณภูมิสูงสุดในบ้าน วางมันไว้ตรงนั้นหนึ่งคืนหรืออาจจะหนึ่งวันแล้วแต่สภาพอากาศนะครับ เปิดเช็คดูหากได้กลิ่นเปรี้ยวแล้วให้นำเข้าตู้เย็นทันที มิเช่นนั้นท่านอาจจะได้เจอระเบิดชีวภาพได้ ๖๖๖๖๖๖๖๖ หอมจรุง ฟุ้งขจรแน่นอนครับ
ปล เมนูนี้เป็นเมนูเคียงจานครับ ใช้ทานกับพวกปิ้งๆย่างๆ และซุปบางประเภท เช่นซุบถั่วงอก หากมีเวลาจะมารีวิววิธีการทำนะครับ
มาฝึกทำกิมจิหัวไชเท้าเกาหลีกันดีกว่าครับ สนุกและง่ายมากๆเลยนะครับ
สวัสดีครับสมาชิกชาวห้องก้นครัวทุกท่าน ห่างหายไปปีกว่าๆเองเพราะติดธุระหลายๆเรื่อง พอดีวันนี้ว่างสบโอกาสเลยมีเวลามารีวิวสูตรทำกิมจิหัวไชเท้าแบบง่ายๆไม่ยุ่งยากเลยให้สมาชิกทุกท่านลองทำไปทานในครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองกันนะครับ
สิ่งแรกเลยที่ขาดไม่ได้ หัวไชเท้านะครับ วันนี้ใช้ประมาณ 2 กิโลกรัม ปอกเปลือกแล้วล้างน้ำทันทีจากนั้นหั่นตามภาพนะครับ ความจริงหัวไชเท้าเกาหลีใหญ่มากๆจนสามารถหั่นให้มีขนาดเป็นลูกเต๋าได้ แต่หัวไชเท้าไทยในช่วงน้ำแล้งได้แค่นี้ก็พอแล้วครับ
เครื่องปรุงหลักๆที่ต้องใช้ก็มีเกลือ น้ำตาล และผงปาปริก้า ที่เหลือจะทะยอยตามมานะครับ
ขั้นตอนนี้ยากมากๆครับ ต้องอาศัยประสบการณ์และอุเบกขามากๆ ตักเกลือ 2 ช้อนโต๊ะและน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นทิ้งเอาไว้ครึ่งชั่วโมงและทุกๆสิบนาทีให้คลุกเคล้าเบาๆนะครับเพราะมันจะช้ำ จากนั้นก็ไปเตรียมของอย่างอื่นๆกันต่อ ไปกันเลยครับ
ใช้ต้นหอมไทยนั่นแหละครับ หัวไชเท้าสองกิโลกรัมต่อต้นหอม 4 ถึง 5 ต้นก็พอ ซอยแบบหยาบๆ แล้วทิ้งมันเอาไว้แบบนั้นแหละครับ สำหรับผมพอดีช่วงนี้บ้าทาโกยากิ เอาไปหั่นใส่จนหมดเหลือต้นหอมญี่ปุ่นนิดหน่อยก็เอาซอยๆ ใส่เข้าไปครับ มันแทนกันได้ ไม่ซีเรียสอะไรนะครับ ป่ะ ไปกันต่อ
ใช้กระเทียมจีนหกลูกก็พอครับ ปอกเปลือกแล้วก็หั่นหยาบๆ แบบด้านล่าง
ให้แหลกประมาณนี้นะครับ ส่วนใครจะตำจะปั่น ได้ครับ ไม่มีปัญหา
ขิงใช้นิดเดียวนะครับ ประมาณหัวแม่มือได้ สับพอหยาบๆก็พอ (อย่าใส่ขิงเยอะนะครับ เพราะมันจะฉุนและเผ็ดมากๆเลย)
ประมาณนี้ก็พอครับ พอหั่นทุกอย่างเสร็จ ก็ได้เวลามาดูแลหัวไชเท้าแล้วครับ
จากรูปจะเห็นว่ามีน้ำเจิ่งนองเลยครับ หากเป็นกิมจิผักกาดขาวเราจะคั้นน้ำทิ้งทั้งหมด แต่ไม่ใช่สำหรับกิมจิหัวไชเท้านะครับ เพราะว่า
เราจะเก็บน้ำของมันเอาไว้ผสมในตอนท้าย กรองแล้วเทใส่ถ้วยเอาไว้ครับ ไม่ต้องล้างนะครับพักมันเอาไว้แบบนั้นแหละครับ จากนั้นทำหน้าหล่อๆ สวยๆ ไปจัดการปรุงรสกันดีกว่าเนอะ ไปสิครับ ทางนี้ครับ เอ่อ.. ทางนี้ครับ กลับมาห้องกันครัวครับ ดีมากครับ
โยนทุกอย่างเข้าไปในหัวไชเท้าที่เราหมักเกลือกับน้ำตาลไว้แล้วนะครับ ทั้งต้นหอมเอย กระเทียมเอย แล้วก็ขิง จงยิ้มแบบ strong ไว้นะครับ ฝันใกล้เป็นจริงแล้วครับทุกท่าน
ใส่พริกปาปริก้าลงไป ประมาณ 60 กรัมครับสำหรับหัวไชเท้าสองกิโลกรัม หนึ่งซองพอดีเลย
น้ำปลาประมาณ 1 ทัพพี ถ้าไม่ค่อยได้ทำอาหารก็เหยาะใส่ที่ละนิดแล้วชิมเอานะครับ ใช้น้ำปลาเกรดดีหน่อยนะครับจะได้หอมๆ
ตักน้ำที่ได้จากการหมักหัวไชเท้า เกลือ และน้ำตาลในช่วงแรก ใช้สองทัพพีก็พอนะครับ ที่เหลือเททิ้งหมดเลยครับไม่ต้องอาลัยหรือเสียดาย
เพิ่มความหวานหน่อย ผมใส่น้ำตาลลงไป 4 ช้อนโต๊ะนะครับ น้ำตาลนอกจากเพิ่มความหวานแล้วมันยังทำให้หัวไชเท้ากิมจิของเราเปรี้ยวได้อีกนะครับ ใช้ได้ทั้งน้ำตาลทรายขาวและแดงนะครับ พอดีน้ำตาลทรายขาวหมดเลยขโมยน้ำตาลทรายแดงของน้องสาวมาใช้ครับ เงียบๆนะครับ เขายังไม่รู้นะ
ถ้าพอมีเบี้ยมีหอยหน่อยก็ใช้ถุงมือพลาสติกนะครับ แต่สำหรับผมใช้ถุงพลาสติกง่ายๆเนี่ยแหละครับ อย่าลืมนะครับ ทั้งกระเทียม ขิง น้ำปลา กลิ่นมันเหม็นโอ่มากๆเลยครับ ใช้สองชั้นนะครับ ชั้นแรกคลุก พอเสร็จถอดทิ้ง เหลือชั้นที่สองเอาไว้คลุกต่ออีก มือจะไม่เหม็นเลยครับ
จากนั้นนวด คลึง ขยำไปเรื่อยๆ ถามว่านานเท่าไหร่ ก็จนกว่าจะไม่มีน้ำให้เห็นนะครับ หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป
นวดจนได้ประมาณนี้นะครับ น้ำงวดหมดแล้ว เสร็จแล้วหละครับ หาภาชนะที่ปิดมิดชิดมาใส่หรือถ้าไม่มีก็ใช้ถงพลาสติกขนาดย่อมๆก็ได้ครับ
ตอนบรรจุให้กดอัดให้แน่นๆ พยายามอย่าให้มีอากาศแทรกเข้าไปได้นะครับ
เสร็จแล้วครับ ปิดฝาให้เรียบร้อยหรือ.....
ชิมซักชิ้นก็ได้นะครับ อ้ามมมม อืม ไม่เปรี้ยวเลย
เรียบร้อยครับ เท่าที่ทราบปริมาณนี้ไม่ถูกนะครับ แพงเอาการอยู่ ใครที่คิดจะทำขายลองดูได้นะครับ มีตลาดอยู่ในช่วงเศรษฐกิกดิ่งเหวแบบนี้
สุดท้ายแล้วครับ หาที่พักพิงให้มันหน่อย ขอมุมอับๆ อุณภูมิสูงสุดในบ้าน วางมันไว้ตรงนั้นหนึ่งคืนหรืออาจจะหนึ่งวันแล้วแต่สภาพอากาศนะครับ เปิดเช็คดูหากได้กลิ่นเปรี้ยวแล้วให้นำเข้าตู้เย็นทันที มิเช่นนั้นท่านอาจจะได้เจอระเบิดชีวภาพได้ ๖๖๖๖๖๖๖๖ หอมจรุง ฟุ้งขจรแน่นอนครับ
ปล เมนูนี้เป็นเมนูเคียงจานครับ ใช้ทานกับพวกปิ้งๆย่างๆ และซุปบางประเภท เช่นซุบถั่วงอก หากมีเวลาจะมารีวิววิธีการทำนะครับ