หากคุณมองเห็นความจริง
ภายใต้กลไกธรรมชาติ มันได้จัดสรรปันส่วน ให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอยู่แล้ว
ก็ไม่เห็นจะต้องมา เอะอะโวยวาย
มหาเศรษฐี ที่เสียภาษีระดับหมื่นล้าน พันล้าน ผมว่าเขาก็เข้าใจเรื่องอย่างนี้ดี
ถึงไม่ออกมาโวยวายอะไรกัน เหมือนอย่างพวกคุณ
หลักการมันอยู่ที่ ใช้มาก ก็จ่ายมาก
มหาเศรษฐี เจ้าของกิจการใหญ่โต
ยิ่งเป็นระดับโรงงานอุตสหกรรมขนาดใหญ่ คุณรู้มั้ยในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี
พวกเขาปล่อยมลพิษสู่โลกกันเท่าไหร่ และใครหล่ะ ที่ต้องมารับผลพวงอันนี้
ก็คือพวก ตาสี ตาสา ชาวบ้าน............คุณ หรือ ผม ที่ไม่ได้มามีส่วนร่วมอะไรด้วย
โรงงานอุตสหกรรม
พวกเขาสูบทรัพยากรที่ควรเป็นของส่วนรวม มาใช้กันอย่างมากมายมหาศาลแค่ไหน
เมื่อเทียบกับชาวบ้านธรรมดาใช้ แล้วมันมากมายกว่ากันกี่ล้านเท่า
แล้วมันแปลกตรงไหนที่พวกเขาจะต้องจ่ายภาษีเยอะ มากกว่าคนทั่วไป
เรื่องแบบนี้ เคยคิดถึงกันบ้างมั้ยครับ
บางคนอาจแย้ง ก็ผมทํางนในออฟฟิส ทํางานในสถาบันการเงิน ผมไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรด้วย
เกี่ยวสิครับ....ยังไง มันก็ต้องเกี่ยวแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แบงค์ต้องปล่อยกู้ให้กับ โรงงานอุตสหรรม
ตลาดหลักทรัพย์ เป็นแห่ลง ระดมเงินทุน
หากไล่เรียงกันดู ก็จะเห็นความไปเกี่ยวข้อง ไม่ทางตรง ก็ทางอ้อม
ผมเข้ามาทํางานกรุงเทพ รายได้น้อย เสียแค่ภาษีแวต
ผมก็ต้องแลกกับการใช้ชีวิตที่ลําบาก อยู่อย่างจํากัดจําเขี่ย
ต้องอาศัยในห้องเช่าเล็กๆ
เวลากินข้าว ข้าวก็ไม่เคยเหลือติดจาน เพื่อไว้เกยรติ เหมือนกับพวกคนมีกะตังทั้งหลาย
ผมเก็บขยะะขาย
ผมก็หาวัสดุ ที่เหลือใช้ของพวกคนรวย มามุงเป็นเพิงหมาแหงน ผมต้องนอนสูดดมควันพิษ
จากรถของพวกเจ้าพระคุณทั้งหลาย ที่วิ่งผ่านไป ผ่านมา
มีหน๊าซึ้า
แม่ม.... คนรวยบางคน หัดทําหนมเค้ก อบเค้ก เค้กไม่สุก เค้กไหม้
แล้วมันก็เอามาทิ้ง อย่างไม่เสียดาย
ผมก็ต้องไปเก็บเค้กของ....แม่ม ที่มันนํามาทิ้ง มากินประทังชีวิต อนาถมั้ยครับชีวิตผม
จะเห็นว่า
คุณจ่ายภาษีเยอะ คุณก็ใช้ทรัพย์ยากรในประเทศ ในโลกนี้เยอะ
ผมจ่ายภาษีน้อย ผมก็ใข้น้อย
มันก็คือกฏแห่งการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม ภายใต้การควบคุมของกลไกธรรมชาติ
ผมไม่ได้มาดราม่าในวันตรุษจีน แค่มาเตือนสติ อย่าเอาแต่โวยวายสิครับ
หรือ" สลิ่ม " ต้องมีสะตังเท่านั้น สะติไม่ต้องมีก็ได้ ....... อันนั้นก็แล้วแต่ พี่จะคิด....อิๆ
-----------------------
🌟🌟🌟...สําหรับคนที่ชอบอวดรวย อวดมั่ง อวดมี แล้วอ้างว่า ตัวเองจ่ายภาษีมากกว่าคนอื่น
ภายใต้กลไกธรรมชาติ มันได้จัดสรรปันส่วน ให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอยู่แล้ว
ก็ไม่เห็นจะต้องมา เอะอะโวยวาย
มหาเศรษฐี ที่เสียภาษีระดับหมื่นล้าน พันล้าน ผมว่าเขาก็เข้าใจเรื่องอย่างนี้ดี
ถึงไม่ออกมาโวยวายอะไรกัน เหมือนอย่างพวกคุณ
หลักการมันอยู่ที่ ใช้มาก ก็จ่ายมาก
มหาเศรษฐี เจ้าของกิจการใหญ่โต
ยิ่งเป็นระดับโรงงานอุตสหกรรมขนาดใหญ่ คุณรู้มั้ยในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี
พวกเขาปล่อยมลพิษสู่โลกกันเท่าไหร่ และใครหล่ะ ที่ต้องมารับผลพวงอันนี้
ก็คือพวก ตาสี ตาสา ชาวบ้าน............คุณ หรือ ผม ที่ไม่ได้มามีส่วนร่วมอะไรด้วย
โรงงานอุตสหกรรม
พวกเขาสูบทรัพยากรที่ควรเป็นของส่วนรวม มาใช้กันอย่างมากมายมหาศาลแค่ไหน
เมื่อเทียบกับชาวบ้านธรรมดาใช้ แล้วมันมากมายกว่ากันกี่ล้านเท่า
แล้วมันแปลกตรงไหนที่พวกเขาจะต้องจ่ายภาษีเยอะ มากกว่าคนทั่วไป
เรื่องแบบนี้ เคยคิดถึงกันบ้างมั้ยครับ
บางคนอาจแย้ง ก็ผมทํางนในออฟฟิส ทํางานในสถาบันการเงิน ผมไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรด้วย
เกี่ยวสิครับ....ยังไง มันก็ต้องเกี่ยวแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แบงค์ต้องปล่อยกู้ให้กับ โรงงานอุตสหรรม
ตลาดหลักทรัพย์ เป็นแห่ลง ระดมเงินทุน
หากไล่เรียงกันดู ก็จะเห็นความไปเกี่ยวข้อง ไม่ทางตรง ก็ทางอ้อม
ผมเข้ามาทํางานกรุงเทพ รายได้น้อย เสียแค่ภาษีแวต
ผมก็ต้องแลกกับการใช้ชีวิตที่ลําบาก อยู่อย่างจํากัดจําเขี่ย
ต้องอาศัยในห้องเช่าเล็กๆ
เวลากินข้าว ข้าวก็ไม่เคยเหลือติดจาน เพื่อไว้เกยรติ เหมือนกับพวกคนมีกะตังทั้งหลาย
ผมเก็บขยะะขาย
ผมก็หาวัสดุ ที่เหลือใช้ของพวกคนรวย มามุงเป็นเพิงหมาแหงน ผมต้องนอนสูดดมควันพิษ
จากรถของพวกเจ้าพระคุณทั้งหลาย ที่วิ่งผ่านไป ผ่านมา
มีหน๊าซึ้า
แม่ม.... คนรวยบางคน หัดทําหนมเค้ก อบเค้ก เค้กไม่สุก เค้กไหม้
แล้วมันก็เอามาทิ้ง อย่างไม่เสียดาย
ผมก็ต้องไปเก็บเค้กของ....แม่ม ที่มันนํามาทิ้ง มากินประทังชีวิต อนาถมั้ยครับชีวิตผม
จะเห็นว่า
คุณจ่ายภาษีเยอะ คุณก็ใช้ทรัพย์ยากรในประเทศ ในโลกนี้เยอะ
ผมจ่ายภาษีน้อย ผมก็ใข้น้อย
มันก็คือกฏแห่งการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม ภายใต้การควบคุมของกลไกธรรมชาติ
ผมไม่ได้มาดราม่าในวันตรุษจีน แค่มาเตือนสติ อย่าเอาแต่โวยวายสิครับ
หรือ" สลิ่ม " ต้องมีสะตังเท่านั้น สะติไม่ต้องมีก็ได้ ....... อันนั้นก็แล้วแต่ พี่จะคิด....อิๆ
-----------------------