HMS King George V(41) เรือประจัญบานลำแรกของอังกฤษที่ทำการฉีกสนธิสัญญาวอชิงตันเป็นชิ้นๆ

HMS King George V


         ที่อู่ต่อเรือ Walker Naval Yard เมือง Newcastle โดยเรือเป็นเรือประจัญบานลำแรกที่ถูกต่อในชั้น King george v class ที่เป็นเสมือนการฉีกสนธิสัญญาวอชิงตันว่าด้วยการจำกัดขนาดและจำนวนของเรือรบ การต่อเรือประจัญบานในชั้นนี้ต้องย้อนไปถึงปี 1928 ที่การออกแบบเรือประจัญบานในชั้นนี้ได้เริ่มขึ้น ภายใต้สนธิสัญญาวอชิงตันที่ร่างขึ้นมาในปี 1922 ว่าด้วยการจำกัดขนาดและจำนวนของเรือรบ แต่ถึงจะถูกจำกัดขนาดอย่างไรก็ตาม อังกฤษก็มีความหวังที่จะให้เรือประจัญบานชั้นนี้มีความเหนือกว่าเรือประจัญบานทุกๆแบบของกองทัพเรืออังกฤษและกองทัพเรือของยุโรปในตอนนั้น ทั้งอำนาจการยิง เกราะ ความเร็ว และเป็นเสมือนสัญลักษณ์การแสดงความเป็นมหาอำนาจของกองเรือในอังกฤษในยุโรป ซึ่งเป็นธรรมเนียมของเรือประจัญบานในสมัยนั้นที่จะต้องมีเกราะหนาและใหญ่ ปืนกระบอกโตๆเพื่อสื่อถึงความเป็นมหาอำนาจแห่งท้องทะเล

        สาเหตุก็เนื่องมาจากตั้งแต่หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา อังกฤษก็แทบจะไม่ได้ต่อเรือประจัญบานลำไหนออกมาอีกเลย จะมีเพียงแต่เรือประจัญบานชั้น Nelson class จำนวนเพียงแค่ 2 ลำเท่านั้นที่ได้ทำการต่อออกมา ส่วนที่เหลือก็แทบจะเป็นเรือประจัญบานเก่าๆจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งสิ้น ซึ่งมันยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภัยคุดคามทางทะเลที่ยิ่งทวีความตึงเครียดขึ้นทุกวัน กองทัพเรืออังกฤษได้มีความหวังว่าเรือประจัญบานชั้นนี้จะออกแบบเสร็จและทำการต่อขึ้นครั้งแรกในปี 1931 แต่ข้อจำกัดจากสนธิสัญญาลอนดอนในปี 1930 ซึ่งมันก็แทบไม่ต่างจากสนธิสัญญาวอชิงตันที่ร่างขึ้นก่อนหน้านี้ในปี 1922 คือพยายามจำกัดขนาดและอาวุธของเรือรบนั่นเองก็ยิ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการต่อเรือประจัญบานชั้นนี้เข้าไปอีก

        ทำให้อังกฤษต้องรื้อแบบเรือประจัญบานชั้นนี้และออกแบบใหม่อีกครั้งในปี 1935 โดยอังกฤษจะให้เรือประจัญบานชั้นนี้มีขนาดระวางประจำการอยู่ที่ 35000 ตัน ซึ่งเป็นขนาดระวางสูงสุดที่สนธิสัญญาวอชิงตันได้กำหนดไว้ ปืนหลักขนาด 15 นิ้วถูกเลือกใช้เป็นอาวุธหลักของเรือประจัญบานชั้นนี้ ความเร็วของมันต้องมีไม่ต่ำกว่า 27 น็อต ต้องมีเกราะที่หนากว่าเรือประจัญบานของอังกฤษทุกๆลำในตอนนั้น ในเดือน ตุลาคม 1935 ก็ได้มีการปรับแบบแปลงเรือในชั้นนี้อีกครั้งโดยปืนใหญ่หลักขนาด 14 นิ้ว 10 กระบอก(ตอนแรกจะมี 12 แต่เนื่องจากติดสนธิสัญญาเลยออกแบบให้เหลือแค่ 10)ถูกเลือกเข้ามาแทนที่ปืนใหญ่หลักขนาด 15 นิ้ว เพื่อวางแผนให้สอดคล้องเป็นไปตามสนธิสัญญาลอนดอนฉบับที่ 2 ที่ทางอังกฤษได้ร่วมมือกับทางสหรัฐที่กำลังจะทำการร่างขึ้นในเดือน ธันวาคม 1935 เนื่องจากสนธิสัญญาดังกล่าวที่มีแผนจะร่างขึ้นนั้นได้ทำการจำกัดขนาดปืนใหญ่เรือให้ไม่เกิน 14 นิ้ว แต่สุดท้ายสนธิสัญญาทั้งหมดก็ได้ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เนื่องจากคู่สัญญาทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี ต่างก็ได้ละเมิดสนธิสัญญาทั้งหมดเป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่อังกฤษที่สุดท้ายทำการละเมิดสนธิสัญญาโดยต่อเรือในชั้นนี้ออกมาโดยได้มีระวางประจำการถึง 42000 ตัน(ในสนธิสัญญาจำกัดแค่ 35000 ตัน) ทำให้สุดท้ายสนธิสัญญาทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงแค่กระดาษเพียงไม่กี่แผ่นในปี 1936

       โดยเรือ HMS King george v ถูกวางกระดูกงูในวันที่ 1 มกราคม 1937 และปล่อยลงน้ำในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1939 และเข้าระวางประจำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 ธันวาคม 1940 เนื่องจากด้วยความที่เรือเป็นเรือลำแรกที่ต่อออกมาในชั้น King George v class ทำให้มันก็ถือว่าเป็นเรือลำแรกของกองทัพอังกฤษที่ได้ทำการละเมิดและฉีกสนธิสัญญาวอชิงตันเป็นชิ้นๆไปโดยปริยาย
แบบของเรือ 3 มิติ

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
-อุบัติเหตุ-

        ในเดือน ตุลาคม 1941 หลังจากซ่อมแซมในส่วนของป้อมปืนและทำการเติมน้ำมันเสร็จ เรือก็ได้รับภารกิจให้โจมตีเรือของเยอรมันในอ่าว Glom ประเทศนอร์เวย์ และทำการคุ้มกันขบวนเรือสินค้าของฝ่ายสัมพันธมิตรที่กำลังแล่นเดินทางไปโซเวียต ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1942 ขนาดที่เรือกำลังปฏิบัติภารร่วมกับกองเรือของสหรัฐนำโดยเรือประจัญบาน USS Washington ผู้สง่างาม ในการคุ้มกันขบวนเรือสินค้า PQ-15 ไปส่งยังโซเวียต เรือก็ได้เผลอวิ่งเข้าไปชนกับเรือพิฆาต HMS Punjabi เข้าในขณะที่เรือ Punjabi กำลังทำการแล่นหลีกเลี่ยงทุ่นระเบิดที่เยอรมันได้วางเอาไว้ ผลจากชนทำให้หัวเรือของ King George v เสียหายอย่างหนักและฉีกขาดเป็นรอยลึกกว่า 12 เมตร ส่วนเรือ Punjabi นั้นจมลงสู่ก้นทะเล ทำให้เรือต้องแล่นเดินทางกลับไปซ่อมแซมยังอู่เรือ Glad stone ณ ท่าเรือที่เมือง Liverpool เพื่อทำการซ่อมแซม โดยมีบริษัท Cammell Laired เป็นผู้รับผิดชอบในการทำการซ่อมแซมเรือ หลังจากซ่อมแซมเสร็จ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 1942 เรือก็ได้แล่นเดินทางไปยังท่าเรือที่อ่าว scapa flow อีกครั้ง เพื่อรับภารกิจคุ้มกันขบวนเรือสินค้าต่อไป
เรือหลังจากที่ชนกับ HMS Punjabi จนเสียหายสังเกตว่าด้านตรงหัวเรือนั้นฉีกขาดลึกเข้าไปกว่า 12 เมตร


-ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน

         ในเดือน พฤษภาคม 1943 เรือพร้อมกับเรือประจัญบานชั้นเดียวกันอย่าง HMS Howe ได้รับคำสั่งให้เตรียมตัวสำหรับภารกิจในยุทธการ Operation husky ในการเข้าร่วมกับกองเรือสำรองฝ่ายสัมพันธมิตร ในการสนับสนุนทหารราบของตนเองในการยกพลขึ้นบกเพื่อยึดเกาะ Sicily ของประเทศอิตาลี ในวันที่ 1 กรกฎาคม 1943 เรือทั้ง 2 ได้รับภารกิจให้ทำการระดมยิงเมือง Trapani บนเกาะ Sicily ในวันที่ 12 เรือทั้ง 2 ยังได้ทำการช่วยคุ้มกันภัยทางอากาศแก่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรขนาดจอดเทียบท่าอยู่ที่เมือง Algiers ประเทศแอลจีเรีย ก่อนที่เรือทั้ง 2 จะมีส่วนร่วมใน Operation Avalanche เพื่อยึดประเทศอิตาลีที่ถูกครองโดยรัฐบาลฝ่ายอักษะอย่างพลเอก benito mussolini ระหว่างในยุทธการ เรือทั้ง 2 ลำได้รับหน้าที่ให้ทำการระดมยิงทำลายสิ่งปลูกสร้างทางการทหารทั้งหมดของเยอรมันและอิตาลีทั้งหมดบนเกาะ Levanzo และเกาะ Favignana หลังจากนั้นรือทั้ง 2 ก็ได้เข้าร่วมกับกองเรือสำรองของฝ่ายสัมพันธมิตรในการสนับสนุนการยกพลขึ้นบกของทหารราบฝ่ายสัมพันธมิตรที่เมือง Salerno ประเทศอิตาลี

        ในวันที่ 9 กันยายน 1943 หลังจากที่ประเทศอิตาลีได้ยอมแพ้อย่างเป็นทางการต่อฝ่ายสัมพันธมิตร และได้ทำการเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในการต่อต้านฝ่ายอักษะเรือ King george v ก็ได้รับหน้าที่ให้คุ้มกันเรือประจัญบานของอิตาลี Andrea Doria และ Caio Duilio ไปส่งยังเกาะ Malta และเรือก็ได้ปฏิบัติภารกิจกับเรือประจัญบานชั้นเดียวกันอย่าง HMS Howe อีกครั้ง พร้อมกับเรือวางทุ่นระเบิด HMS Abdiel และเรือลาดตระเวณเบาของสหรัฐ USS Boise ในการคุ้มกันและสนับสนุนกองเรือยกพลขึ้นบก ที่ทำการขนส่งหน่วยพลร่มที่ 1 อันโด่งดังของอังกฤษ ไปยังเมืองท่า Taranto เพื่อทำการยกพลขึ้นบกที่นั่นเพื่อยึดเอาเมืองท่า Taranto มาเป็นของฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากนั้นเรือ King George v ก็ได้รับภารกิจให้คุ้มกันกองเรืออิตาลีจากเกาะ Malta ไปส่งยังเมือง Alexandria ประเทศอียิปต์ หลังจากนั้นเรือก็ยังคงได้รับภารกิจให้ระดมยิงและทำลายสิ่งปลูกสร้างทางการทหารของเยอรมันทั้งหมดบนเมือง Salerno ประเทศอิตาลี ก่อนที่เรือจะแล่นเดินทางกลับไปยังประเทศอังกฤษ

-แปซิฟิก-

       ในเดือน มีนาคม 1944 เรือได้แล่นเดินทางไปยังท่าเรือที่เมือง Liverpool เพื่อทำการซ่อมแซมเครื่องยนต์ และติดตั้งอาวุธเพิ่มเติม เรดาร์ Type 279B รุ่นใหม่ได้ถูกติดตั้งทดแทนเรดาร์แบบ Type 279 ที่ล้าสมัย ในวันที่ 28 ตุลาคม 1944 เรือภายใต้การบัญชาการของพลเรือเอก Sir Bruce Fraser ได้ทำการแล่นเดินทางออกจากอ่าว scapa flow ไปเจ้าร่วมกับกองเรืออังกฤษที่เมือง Trincomalee ประเทศศรีลังกา ก่อนที่กองเรือทั้งหมดจะออกแล่นเดินทางโดยไปแวะพักอยู่ที่เมือง Alexandria ประเทศอียิปต์ ก่อนที่จะได้รับภารกิจให้แล่นเดินทางไปยังเกาะ Milos ในทะเลเอเกี้ยน เพื่อระดมยิงทำลายสิ่งปลูกสร้างทางการทหารของเยอรมันทั้งหมดบนเกาะ ในวันที่ 1 ธันวาคม 1944 กองเรือทั้งหมดก็ได้แล่นเดินทางกลับไปรวมตัวยังเมือง Trincomalee ประเทศศรีลังกาอีกครั้ง โดยกองเรือทั้งหมดได้แล่นเดินทางถึงที่นั่นในวันที่ 15 ธันวาคม 1944

        ในวันที่ 16 มกราคม 1945 เรือก็ได้เข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 63 ซึ่งประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Illustrious, HMS Indomitable,HMS Indefatigable ,HMS Victorious เรือลาดตระเวณ 4 ลำและเรือพิฆาตอีก 10 ลำ กองเรือเฉพาะกิจที่ 63 ได้แล่นเดินทางเป็นระยะทางกว่า 20000 กิโลเมตร ไปยังเมือง Sydney ประเทศออสเตเลีย โดยได้แวะพักที่นั่น ก่อนที่กองเรือเฉพาะกิจที่ 63 จะได้รับภารกิจให้ระดมยิงและส่งกำลังทางอากาศทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของญี่ปุ่นบนเกาะ Sumatra โดยในศึกนี้ปืนต่อต้านอากาศยานของเรือ King George v สามารถยิงเครื่องบินทิ้งระเบิด Mitsubishi ki-21 ของกองทัพญี่ปุ่นตกได้ 1 ลำ หลังจากนั้นกองเรือเฉพาะกิจที่ 63 ก็ได้รับกำลังเสริมเป็นเรือประจัญบานชั้นเดียวกับเรือ King george v คือเรือประจัญบาน HMS Howe(อีกแล้วเรอะ!!) และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกองเรือเฉพาะกิจที่ 57 ต่อมากองเรือเฉพาะกิจที่ 57 ได้รับภารกิจให้ระดมยิงและส่งกำลังอากาศโจมตีสนามบินทั้งหมดของกองทัพญี่ปุ่นบนหมู่เกาะ Ryukyu กองเรือเฉพาะกิจที่ 57 ต่อมาเรือได้ทำการแยกออกมาจากกองเรือเฉพาะกิจที่ 57 และเรือยังได้มีส่วนร่วมในการส่งกำลังทางอากาศโจมตีสนับสนุนกองทัพบกและนาวิกโยธินสหรัฐในการยึดเกาะ okinawa ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมกับกองเรือสหรัฐในการระดมยิงทำลายโรงงานอุตสหกรรมซึ่งเป็นเสปรียบเหมือนหัวใจหลักและฟางเส้นสุดท้ายของญี่ปุ่นในเมือง Hitachi

       ในการระดมยิงครั้งนี้เรือได้ทำการลั่นกระสุนไปกว่า 267 นัดจากปืนหลักขนาด 14 นิ้วของตน ก่อนที่กองเรือทั้งหมดจะแล่นเดินทางไปยังทางใต้ของประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำการระดมยิงและทำลายโรงงานอุตสหกรรมทางการบินของญี่ปุ่นทั้งหมดในเมือง Hamamatsu หลังจากที่สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมือง Hiroshima ะ Nagasaki ประเทศญี่ปุ่นจนเป็นเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลาต่อมา เรือได้แล่นเดินทางไปยังอ่าว Tokyo bay เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามของญี่ปุ่นที่ปราชัยแก่ฝ่ายสัมพันธมิตรที่เหนือกว่า
เรือในขณะจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือเมือง Tokyo ที่เห็นอยู่ข้างหลังนั่นคือเรือประจัญบานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดลำหนึ่งในประวัติศาสตร์กองมัพเรือสหรัฐ USS Missouri


-สุดท้าย-

       ในเดือน มกราคม 1946 เรือได้โดยสาร Duke และ Duchess of Gloucester ไปส่งยังประเทศออสเตเลีย ก่อนที่เรือจะทำการแล่นเดินทางกลับไปยังท่าเรือ Portsmouth ในเดือนมีนาคม 1946 และเรือได้รับแต่งตั้งให้เป็นเรือธงของกองเรือหลักของกองทัพเรืออังกฤษไปจนถึงเดือน ธันวาคม 1946 หลังจากนั้นเรือก็ได้ถูกใช้ในภารกิจสำหรับเรือฝึกของนักเรียนเตรียมทหารของกองทัพเรืออังกฤษต่อไป

       จนกระทั่งในปี 1950 เรือก็ได้ถูกปลดประจำการจากกองเรือหลักและถูกลดชั้นให้ไปอยู่ในกองเรือสำรองแทนและถูกเก็บรักษาไว้ ในเดือน ธันวาคม 1955 เรือได้ถูกยืดระยะเวลาสำรองไปอีกครั้ง ในปี 1957 เรือก็ได้ถูกขายให้แก่บริษัทเอกชน Arnott Young and Co. เพื่อเอาไปแยกชิ้นส่วน เรือได้ทำการแล่นเดินทางออกจากอ่าว Gare loch ไปยังเขต Daimuir เมือง Clydebank ประเทศสก๊อตแลนด์ เพื่อทำการแยกชิ้นส่วนต่อไป เป็นการปิดฉากตำนานของเรือลำนี้ไปในที่สุด

ข้อมูลโดยรวม
     
อาวุธ : ปืนใหญ่เรือขนาด 14 นิ้ว 2 ป้อม ป้อมละ 4 กระบอก และปืนใหญ่เรือขนาด 14 นิ้ว 1 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
         : ปืนรองขนาด 5.25 นิ้ว 8 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
         : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 40 มิลลิเมตร แบบ Bofors แท่นคู่ 4 ลำกล้อง 10 ป้อม ป้อมละ 4 กระบอก
         : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 40 มิลลิเมตร แบบ Qf-2 pdr 8 แท่น แท่นละ 8 กระบอก
         : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 20 มิลลิเมตร แท่นเดี่ยว 24 กระบอกและแท่นคู่ 6 แท่น แท่นละ 2 กระบอก

อ้างอิง
http://www.ww2ships.com/britain/gb-cs-001-b.shtml
https://en.m.wikipedia.org/wiki/HMS_King_George_V_(41)
https://en.m.wikipedia.org/wiki/King_George_V-class_battleship_(1939)
http://www.rmg.co.uk/discover/researchers/research-guides/research-guide-b9-royal-navy-hms-king-george-v

โหวตและกดถูกใจกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับหยอกเย้าหยอกเย้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่