สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
-ปิดฉาก-
ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1945 กองเรือได้รับหน้าที่ให้ยิงสนับสนุนการยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธินและกองทัพบกสหรัฐในการยกพลขึ้นบกที่เกาะ iwo jima จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 1945
ในวันที่ 29 มีนาคม 1945 ตัวเรือ washington ได้ทำการคุ้มกันกองเรือบรรทุกเครื่องบิฝของสหรัฐที่ได้ส่งกำลังทางอากาศไปโจมตียังเกาะ kyushu เพื่อทำลายสิ่งปลูกสร้างทางทหารทั้งหมดบนเกาะของญี่ปุ่น
ในวันที่ 1 มิถุนายน 1945 ตัวเรือได้ทอดสมออยู่ที่ san pedro bay ในอ่าว leyte หลังจากตรากตรำศึกมานานตัวเรือได้เดินทางไปยังชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของสหรัฐ ในวันที่ 6 มิถุนายน 1945 ไม่กี่เดือนก่อนที่สงครามจะจบลง โดยได้หยุดแวะพักที่เกาะ guam และท่าเรือที่เพิร์ล ฮาเบอร์ ก่อนจะถึงอู่ที่ Puget Sound Naval Yard ในวันที่ 28 มิถุนายน 1945 และได้เดินทางไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกอีกครั้ง ในช่วงต้นเดือน สิงหาคม 1945
ก่อนที่เป็นสักขีพยานในการยอมแพ้ของญี่ปุ่นในวันที่ 2 กันยายน 1945 และตัวเรือได้มีส่วนร่วมในงาน navy-day เพื่อเป็นการฉลองแก่ชัยชนะที่มีต่อฝ่ายอักษะ เรือได้แล่นเดินทางไปทำการซ่อมแซมและซ้อมรบเพิ่มเติมที่ San Pedro รัฐแคลิฟลอเนียร์ และได้เข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจย่อยที่ 11.6 ในวันที่ 6 ตุลาคม 1945 โดยมีพลเรือเอก Frederick C. Sherman เป็นผู้บัญชาการกองเรือ และตัวเรือได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่มันจากมาที่รัฐฟิลาเดเฟียร์ โดยไปจอดเทียบท่าอยู่ที่นั่นก่อนจะแล่นเข้าไปจอดในอู่เรือ Philadelphia Naval Shipyard ในวันที่ 17 ตุลาคม 1945 และตัวเรือได้มีส่วนร่วมในพิธีวัน navy day เพื่อเป็นเฉลิมฉลองแก่กองทัพเรือสหรัฐที่มีชัยเหนือกองทัพเรือฝ่ายอักษะ ในวันที่ 27 ตุลาคม 1945
ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 1945 ตัวเรือได้มีส่วนร่วมในยุทธการ Operation Magic Carpet เพื่อส่งทหารสหรัฐตามที่ต่างๆทั่วโลกได้กลับมายังบ้านเกิด ต่อมาตัวเรือได้ถูกปลดประจำการไปเป็นเรือสำรองสำหรับทำการฝึกในวันที่ 27 มิถุนายน 1947 และได้เดินทางไปยัง new york เพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังสำรองของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่ตัวเรือจะถูกปลดประจำการจากกำลังสำรองอย่างเป็นทางการ ตลอดเวลาที่ตัวเรือได้รับใช้กองทัพสหรัฐสหรัฐด้วยความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และเสียสละ ผ่านร้อนผ่านหนาวตราดตรำมาทุกสมรภูมิมาอย่างมากมายและตัวไม่เคยคิดแม้แต่จะละทิ้งจากหน้าที่ เหรียญกล้าหาญทั้งหมด 13 เหรียญคือสิ่งที่ยืนความจงรักภักดีและกล้าตลอดมาแด่กองทัพเรือสหรัฐ แต่สุดท้ายตัวเรือก็มิอาจรอดจากชะตากรรมที่ไม่ต่างจากเรือรบๆลำอื่นของสหรัฐ ที่ตอนนี้ถูกมองว่าล้าสมัยและและเป็นส่วนเกินของกองทัพ ตัวเรือได้ถูกขายให้เอกชนทำการแยกชิ้นส่วนในที่สุด ในวันที่ 24 พฤษภาคม 1961 โดยถือเป็นการปิดฉากความเป็นตำนานของเรือลำนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
http://www.kilroywashere.org/003-Pages/03-Harm-Wilcox.html
ข้อมูลโดยรวม
อาวุธ : ปืนใหญ่ขนาด 16 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
: ปืนใหญ่รองขนาด 5 นิ้วลำกล้องคู่ 10 ป้อม
: ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 28 มิลลิเมตร 16 กระบอก
: เรดาร์เรือแบบ cxam-1 radar
ความเร็วสูงสุด 28 น็อต
ลูกเรือ 1780 คน
ระวางขับน้ำ 35000 ตัน
อากาศยานประจำเรือ 3 ลำ พร้อมรางปล่อยอากาศยานอีก 2 ราง
อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/USS_Washington_(BB-56)
http://www.kilroywashere.org/003-Pages/03-Harm-Wilcox.html
กดถูกใจและโหวตกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ
กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1945 กองเรือได้รับหน้าที่ให้ยิงสนับสนุนการยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธินและกองทัพบกสหรัฐในการยกพลขึ้นบกที่เกาะ iwo jima จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 1945
ในวันที่ 29 มีนาคม 1945 ตัวเรือ washington ได้ทำการคุ้มกันกองเรือบรรทุกเครื่องบิฝของสหรัฐที่ได้ส่งกำลังทางอากาศไปโจมตียังเกาะ kyushu เพื่อทำลายสิ่งปลูกสร้างทางทหารทั้งหมดบนเกาะของญี่ปุ่น
ในวันที่ 1 มิถุนายน 1945 ตัวเรือได้ทอดสมออยู่ที่ san pedro bay ในอ่าว leyte หลังจากตรากตรำศึกมานานตัวเรือได้เดินทางไปยังชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของสหรัฐ ในวันที่ 6 มิถุนายน 1945 ไม่กี่เดือนก่อนที่สงครามจะจบลง โดยได้หยุดแวะพักที่เกาะ guam และท่าเรือที่เพิร์ล ฮาเบอร์ ก่อนจะถึงอู่ที่ Puget Sound Naval Yard ในวันที่ 28 มิถุนายน 1945 และได้เดินทางไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกอีกครั้ง ในช่วงต้นเดือน สิงหาคม 1945
ก่อนที่เป็นสักขีพยานในการยอมแพ้ของญี่ปุ่นในวันที่ 2 กันยายน 1945 และตัวเรือได้มีส่วนร่วมในงาน navy-day เพื่อเป็นการฉลองแก่ชัยชนะที่มีต่อฝ่ายอักษะ เรือได้แล่นเดินทางไปทำการซ่อมแซมและซ้อมรบเพิ่มเติมที่ San Pedro รัฐแคลิฟลอเนียร์ และได้เข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจย่อยที่ 11.6 ในวันที่ 6 ตุลาคม 1945 โดยมีพลเรือเอก Frederick C. Sherman เป็นผู้บัญชาการกองเรือ และตัวเรือได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่มันจากมาที่รัฐฟิลาเดเฟียร์ โดยไปจอดเทียบท่าอยู่ที่นั่นก่อนจะแล่นเข้าไปจอดในอู่เรือ Philadelphia Naval Shipyard ในวันที่ 17 ตุลาคม 1945 และตัวเรือได้มีส่วนร่วมในพิธีวัน navy day เพื่อเป็นเฉลิมฉลองแก่กองทัพเรือสหรัฐที่มีชัยเหนือกองทัพเรือฝ่ายอักษะ ในวันที่ 27 ตุลาคม 1945
ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 1945 ตัวเรือได้มีส่วนร่วมในยุทธการ Operation Magic Carpet เพื่อส่งทหารสหรัฐตามที่ต่างๆทั่วโลกได้กลับมายังบ้านเกิด ต่อมาตัวเรือได้ถูกปลดประจำการไปเป็นเรือสำรองสำหรับทำการฝึกในวันที่ 27 มิถุนายน 1947 และได้เดินทางไปยัง new york เพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังสำรองของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่ตัวเรือจะถูกปลดประจำการจากกำลังสำรองอย่างเป็นทางการ ตลอดเวลาที่ตัวเรือได้รับใช้กองทัพสหรัฐสหรัฐด้วยความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และเสียสละ ผ่านร้อนผ่านหนาวตราดตรำมาทุกสมรภูมิมาอย่างมากมายและตัวไม่เคยคิดแม้แต่จะละทิ้งจากหน้าที่ เหรียญกล้าหาญทั้งหมด 13 เหรียญคือสิ่งที่ยืนความจงรักภักดีและกล้าตลอดมาแด่กองทัพเรือสหรัฐ แต่สุดท้ายตัวเรือก็มิอาจรอดจากชะตากรรมที่ไม่ต่างจากเรือรบๆลำอื่นของสหรัฐ ที่ตอนนี้ถูกมองว่าล้าสมัยและและเป็นส่วนเกินของกองทัพ ตัวเรือได้ถูกขายให้เอกชนทำการแยกชิ้นส่วนในที่สุด ในวันที่ 24 พฤษภาคม 1961 โดยถือเป็นการปิดฉากความเป็นตำนานของเรือลำนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
http://www.kilroywashere.org/003-Pages/03-Harm-Wilcox.html
ข้อมูลโดยรวม
อาวุธ : ปืนใหญ่ขนาด 16 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
: ปืนใหญ่รองขนาด 5 นิ้วลำกล้องคู่ 10 ป้อม
: ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 28 มิลลิเมตร 16 กระบอก
: เรดาร์เรือแบบ cxam-1 radar
ความเร็วสูงสุด 28 น็อต
ลูกเรือ 1780 คน
ระวางขับน้ำ 35000 ตัน
อากาศยานประจำเรือ 3 ลำ พร้อมรางปล่อยอากาศยานอีก 2 ราง
อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/USS_Washington_(BB-56)
http://www.kilroywashere.org/003-Pages/03-Harm-Wilcox.html
กดถูกใจและโหวตกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ
กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
USS Washington BB-56 เรือประจัญบานผู้สร้างวีรกรรมส่งเรือลาดตระเวณประจัญบาน kirishima สู่ก้นทะเล
USS Washington เป็นเรือประจัญบานของสหรัฐลำดับที่ 2 ที่ต่อขึ้นในเรือประจัญบานชั้น North Carolina class battleship และเป็นเรือลำดับที่ 3 ที่ใช้ชื่อว่า Washington ซึ่งมาจากชื่อของรัฐ Washington ซึ่งเป็นมลรัฐที่ 42 ของประเทศสหรัฐ
ตัวเรือถูกสั่งให้ต่อขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 1937 และได้วางกระดูกเรือในวันที่ 14 มิถุนายน 1938 และถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1940 จากอู่เรือที่ฟิลาเดเฟียร์ ประเทศสหรัฐ ก่อนที่จะทำการติดตั้งอาวุธและเข้าระวางประจำการในวันที่ 15 พฤษภาคม 1941
ตัวเรือในขณะที่กำลังพิธีปล่อยลงน้ำ
-ปัญหา-
ถึงแม้จะเข้าระวางประจำการแล้วก็ตาม ตัวเรือก็ยังคงมีปัญหาด้านเครื่องยนต์ ทำให้ตัวเรือไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยกำลังเครื่องยนต์สูงสุดได้ แทบไม่ต่างจากเรือผู้เป็นพี่อย่าง USS North carolina ซึ่งก็ประสบปัญหาแบบเดียวกัน ซึ่งปัญหาเกิดมาจากเพลาตรงกลางของใบพัดเรือ จึงได้มีการพยายามเปลี่ยนเพลาตรงกลางและจำนวนใบพัดเรือ โดยเปลี่ยนได้ทดสอบเปลี่ยนในเรือ North carolina ผู้เป็นเปรียบเสมือนพี่ของเรือลำนี้ ใบพัดเรือแบบ 4 กลีบ 5 กลีบ แม้กระทั่งมีการพยายามเอาใบพัดแบบ 3 กลีบของตัวเรือมาดัดแปลงให้สั้นกระทัดรัดลง แต่ก็ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้อยู่ดี จนในที่สุดได้มีผสมโดยการการเอาใบพัดกลีบแบบสองชั้นแบบ 4 ใบด้านนอก และใบพัดกลีบสองชั้นแบบ 5 ใบมาติดด้านในตัวเรือจึงแก้ไขปัญหาเรื่องเพลาตรงกลางที่ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพกับตัวใบพัดของเรือประจัญบานชั้นนี้ไปได้ที่สุด
-กองเรือแอตแลนติก-
หลังจากนั้นตัวเรือและ north carolina ก็ได้ถูกนำไปทดสอบทางทะเลในวันที่ 3 สิงหาคม 1941 ตัวเรือได้เข้าร่วมกับกองเรือประจัญบานที่ 6 ในฐานะเรือธงโดยทำหน้าที่การคุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Hornet โดยมี john w. wilcox เป็นผู้บังคับบัญชากองเรือ และ wilcox ยังเป็นผู้บังคับบัญชากองเรือสหรัฐทั้งหมดในมหาสมุทรแอตแลนติกอีกด้วย
ในวันที่ 26 มีนาคม 1942 หลังจากสหรัฐได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเต็มตัว ตัวเรือได้เข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 39 ในฐานะเรือธงโดยมี john w. wilcox หน้าเดิมเป็นผู้บังคับบัญชากองเรือ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ตัวเรือได้เดินทางออกจากเมืองท่าที่ portland ประเทศสหรัฐพร้อมกับเรือลาดตระเวณหนัก USS Wichita,USS Tuscaloosa เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Wasp พร้อมเรือพิฆาตอีก 6 ลำ ได้แล่นเดินทางไปรวมกับกองเรือหลักที่อังกฤษ
เพื่อเป้าหมายเพื่อคุ้มกันขบวนเรือสินค้าจากสหรัฐที่ส่งมายังอังกฤษ และตามล่าทำลายเรือประจัญบาน Tirpitz ของเยอรมันที่กำลังปั่นป่วนและทำลายขบวนเรือสินค้าของอังกฤษ ในแถบมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อกองเรือทั้งหมดได้แล่นเดินทางมาถึงท่าเรือที่ scapa flow ประเทศอังกฤษในวันที่ 4 เมษายน 1942 การบัญชาการกองเรือสหรัฐทั้งหมดก็ได้โอนมาขึ้นกับผู้การ Robert C. giffen ที่ตอนนี้ได้ประจำการอยู่ที่เรือลาดตระเวณหนัก USS Wichita และได้ปฏิบัติภารกิจคุ้มกันขบวนเรือสินค้าของอังกฤษ ร่วมกับกองเรือหลักของอังกฤษที่มีผู้การ John C. tovey ซึ่งประจำการอยู่ในเรือประจัญบาน HMS King george v ซึ่งตัวผู้การเองยังเป็นผู้บังคับบัญชากองเรือหลักของอังกฤษทั้งหมดอีกด้วย หลังจากกองเรือทั้ง 2 ประเทศได้ทำการฝึกร่วมกันเพื่อทำความเข้าใจทางกลยุทธ์และเรียนรู้การทำงานร่วมกัน เป็นเวลากว่า 1 เดือน ในวันที่ 28 เมษายน 1942 กองเรือสหรัฐที่มีเรือ washington เป็นเรือธงได้เริ่มทำการปฏิบัติภารกิจจริงกับทางกองเรืออังกฤษที่มีเรือ HMS King george v เป็นเรือธง หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันซักซ้อมรบด้วยกันมานาน กองเรือทั้งคู่ได้รับภารกิจคุ้มกันขบวนเรือสินค้า pq 16 ที่เดินทางจาก ice-land ไปยังสหภาพโซเวียต และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่กองเรือทั้ง 2 ชาติได้ทำงานร่วมกันในนามพันธมิตรอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแอตแลนติก
พระเจ้าจอร์ชที่ 6 กษัตริย์แห่งประเทศอังกฤษ ขณะที่กำลังเดินทางตรวจตราและทำความรู้จักกับลูกเรือบนเรือ USS Washington
-อุบัติเหตุ-
ในวันที่ 1 พฤษภาคมได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเนื่องจากเรือ HMS King george v ของอังกฤษ ได้เกิดไปชนกับเรือพิฆาต HMS Punjabi จนทำให้เรือ Punjabi ถึงกับถูกฉีกออกเป็น 2 ส่วน ตัวเรือ washington ที่เดินทางตามเรือ HMS King george v มาติดๆนั้นก็ได้วิ่งไปชนกับทุ่นระเบิดของเรือ Punjabi ที่เกิดเอ่อล้นและหลุดออกมาจากตัวเรือในขณะที่เรือกำลังจม โชคดีที่ตัวเรือไม่ได้เสียหายอะไรมาก เแต่ไม่ใช่กับตัวเรือ King george v ตัวเรือได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการชนกับเรือ Punjabi ครั้งนี้ เครื่องวัดระยะยิงของป้อมหลักได้เสียหายอย่างหนักจนใช้การไม่ได้ ระบบไฟฟ้าบนตัวเรือเสียหายและเรดาร์ ระบบควบคุมการยิงป้อมปืนหลักทั้ง 3 ของตัวเรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะใช้งาน และส่วนหัวเรือได้รับความเสียหาย ทำให้ตัวเรือต้องละทิ้งและถอนตัวออกจากกองเรือทันทีพร้อมกับเรือพิฆาตในกองเรือบางส่วน ซึ่งทั้งหมดต่างพากันเดินคุ้มกันเรือ king george v ไปซ่อมแซมยังประเทศอังกฤษ ในขณะที่กองเรือที่เหลือยังคงปฏิบัติภารกิจคุ้มกันขบวนเรือสินค้า pq-16 ทางทะเลเหนือต่อไป
ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม 1942 ตัวเรือ washington และกองเรืออเมริกันทั้งหมดได้ทำการแยกทางกับกองเรืออังกฤษ เพื่อเดินทางไปที่เมืองท่าที่ Hvalfjörður ประเทศไอซ์แลนด์ก่อนที่จะแล่นเดินทางไปยังเมืองท่าที่ mizar เพื่อเติมเสบียง เชื้อเพลิง และสิ่งของที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับภารกิจ ก่อนจะแล่นเดินทางไปรวมกับกองเรือหลักที่อังกฤษอีกครั้งในวันที่ 15 พฤษภาคม 1942 และทำการจอดเทียบท่าที่ท่าเรือที่ scapa flow ในวันที่ 3 มิถุนายน 1942 หลังจากนั้นตัวเรือได้เป็นที่อยู่ของพลเรือเอก Harold Rainsford Stark ผู้ที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองเรือทางยุโรปทั้งหมดของฝ่ายสัมพันธมิตร และตอนนี้ตัวเรือเป็นเรือประจัญบานเพียงลำเดียวในตอนนี้ที่ทำหน้าที่คุ้มกันขบวนเรือสิ้นค้า pq-16 และ pq-17 ที่แล่นเดินทางขนส่งยุทธปัจจัยต่างๆไปยังรัสเซียจากเรือประจัญบาน tirpiz ของเยอรมัน ที่กำลังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น
-ตามล่า tirpitz-
ในช่วงที่ตัวเรือกำลังทำหน้าที่คุ้มกันขบวนเรือสินค้า pq-17 ที่แล่นเดินทางไปยังรัสเซียนั้น ตัวเรือก็ได้รับข่าวกรองจากทางฝ่ายกองเรืออังกฤษว่า ได้ตรวจพบกองเรือของเยอรมันประกอบด้วยเรือประจัญบาน tirpitz พร้อมด้วยเรือลาดตระเวณหนัก admiral hipper และเรือพิฆาตอีก 6 ลำอยู่ห่างออกไปจากทางเหนือของประเทศนอร์เวย์ เมื่อเป้าหมายอยู่ไม่ไกลเรือ washington พร้อมด้วยกองเรือลาดตระเวณและเรือพิฆาตของสหรัฐได้ตัดสินใจแล่นตามกองเรือเยอรมันในทันที
เรือประจัญบาน tirpitz ผู้ฉาวโฉ่ของเยอรมัน
โดยทิ้งเรือพิฆาตแค่บางส่วนไว้คุ้มกันกองขบวนเรือสินค้าเท่านั้นไว้ในกรณีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ส่วนที่เหลือตอนนี้ได้แล่นตามกองเรือเยอรมันด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเพื่อหวังจะตามล่าและไม่ให้กองเรือเยอรมันหนีไปซะก่อน และอีกส่วนหนึ่งเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงกองเรือดำน้ำเยอรมันที่อาจอยู่แถวๆระหว่างทางด้วย และแน่นอนสุดท้ายกองเรือสหรัฐที่แล่นออกจากกองเรือขบวนสินค้านั้นตามหากองเรือเยอรมันไม่พบ ส่วนกองเรือขบวนเรือสินค้าเมื่อไร้การคุ้มกัน โดยเหลือเพียงเรือพิฆาตเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ทำหน้าที่คอยคุ้มกันกองเรือขบวนเรือสินค้าอยู่ เพราะที่เหลือนั้นพากันแห่กันไปตามล่ากองเรือเยอรมันทั้งหมดแล้ว ส่วนขบวนเรือสินค้าที่เหลือเมื่อการคุ้มกันจากกองเรือได้เปราะบางลง ขบวนเรือสินค้าก็ได้โดนเรือดำน้ำอูของเยอรมัน และกองทัพอากาศเยอรมันโจมตี ที่ถือโอกาสตอนที่กองเรือสหรัฐต่างแห่ไปตามล่ากองเรือเยอรมันทั้งหมด โดยมีเพียงเรือ 13 ลำจาก 34 ลำเท่านั้นที่รอดพ้นจากการโจมตีและเดินทางไปถึงจุดหมาย แต่อีกที่เหลือ 21 ลำนั้นสุดท้ายก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของเรือดำน้ำอูและกองทัพอากาศของเยอรมันได้ในท้ายที่สุด
หลังจากนั้นตัวเรือก็ได้ถูกเรียกกลับไปยังสหรัฐ ตัวเรือได้เดินทางไปที่เมืองท่าที่ Hvalfjörður ประเทศไอซ์แลนด์ ในวันที่ 14 มิถุนายน 1942 ก่อนจะเดินทางไปที่เมืองท่าที่ new york พร้อมกองเรือพิฆาตอีก 4 ลำและได้เข้ารับการซ่อมแซมและปรับปรุงเครื่องยนต์ที่อู่เรือ Brooklyn Navy Yard ที่เมือง booklyn มลรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เพื่อไปทำการเตรียมตัวที่นั่นก่อนเข้าสู้ศึกสมรภูมิที่แปซิฟิก ที่ตอนนี้กองทัพเรือญี่ปุ่นที่กำลังริอาจเหิมเกริมไปทั่วไล่ตบเกรียนขบวนเรือของสัมพันธมิตรอย่างบ้าคลั่ง
กองขบวนเรือสินค้า pq-17 ถ่ายที่ชายฝั่งของเมืองท่าที่ Hvalfjord ประเทศไอซ์แลนด์