USS Portland CA-33 เรือลาดตระเวณหนักที่ส่งซาก IJN Yudachi สู่ก้นทะเล

ในบทความนี้ผมขอเปลี่ยนชั้นให้เรือลาดตระเวณประจัญบานในชั้น Kongou ทุกลำเป็นเรือประจัญบานแทนนะครับ เพราะในบทความของ USS Washington [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมพลาดข้อมูลตรงนี้ไป จริงๆเรือชั้นนี้ทุกลำได้รับการอัพเกรดติดเกราะเพิ่ม และรีคลาสเป็นเรือประจัญบานมาก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

USS Portland CA-33


        USS Portland CA-33 เป็นเรือลาดตระเวณหนักที่ต่อเป็นลำดับแรก ในชั้น Portland Class Cruiser ซึ่งเรือชั้นนี้ถือว่าเป็นลาดตระเวณหนักชุดที่ 3 ที่ต่อภายใต้ข้อกำหนดของสนธิสัญญาวอชิงตันว่าด้วยการจำกัดขนาดและจำนวนของเรือรบที่ร่างขึ้นมาในปี 1922 ต่อจากเรือลาดตระเวณหนักชั้น Pensacola Class และ Northamton Class โดยเรือในชั้นนี้นั้นถูกปรับปรุงและแก้ไขข้อด้อยมาจากเรือในชั้น Northamton Class ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความหนาของเกราะบางส่วนซึ่งเป็นข้อด้อยและจุดอ่อนหลายๆอย่างของเรือลาดตระเวณของสหรัฐมาตลอด(แต่ก็ยังบางอยู่ดี) ปรับปรุงอาวุธ และด้านความเร็ว ในตอนแรกเรือชั้นนี้และเรือลาดตระเวณชั้นอื่นๆสหรัฐจะใช้ชื่อรหัสเป็นเรือลาดตระเวณขนาดเบาหรือ CL แต่ด้วยข้อกำหนดของสนธิสัญญาทำให้กองทัพเรือสหรัฐต้องเปลี่ยนชื่อรหัสใหม่ให้เรือในชั้นนี้เป็นรวมถึงเรือในอีก 2 ชั้นก่อนหน้านี้เป็นเรือลาดตระเวณขนาดหนักหรือ CA แทน เนื่องจากปืนใหญ่หลักของเรือในชั้นนี้ที่มีขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้ว

         USS Portland ถูกวางกระดูกงูในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1930 โดยบริษัท Bethlehem Steel ที่อู่ต่อเรือ Fore River Shipyard เมือง Quincy รัฐแมตซาซูเซต เรือถูกปล่อยลงน้ำในวันที่ 21 พฤษภาคม 1932 และเข้าระวางประจำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1933 ชื่อของเรือถูกตั้งชื่อตามเมือง Portland รัฐเมน

- สงครามโลกครั้งที่ 2 -

         ในวันที่ 7 ธันวาคม 1941 เมื่อญี่ปุ่นเข้าทำการโจมตีแบบสายฟ้าแลบใส่ฐานทัพเรือสหรัฐ Pearl Harbor จนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สหรัฐตัดสินใจกระโจนเข้าสู่สงครามแทบจะทันที หลังจากนั้น 2 วันเรือได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมกับกองเรือสหรัฐที่ได้รับหน้าที่ให้ลาดตระเวณนอกชายนอกชายฝั่งของหมู่เกาะ Midway โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Lexington เป็นศูนย์กลางของกองเรือ และกองเรือก็ยังคงได้รับหน้าที่ให้ลาดตระเวณต่อไปที่นอกชายฝั่งของหมู่เกาะ Hawaii และหมู่เกาะ Fiji
แบบแปลนเรือ


-ยุทธนาวีที่ทะเล Coral-

         เรือ Portland ได้เข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 17 โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Yorktown เป็นศูนย์กลาง และถูกคุ้มกันด้วยเรือลาดตระเวณหนัก USS Astoria USS Chester พร้อมเรือพิฆาต USS Hammann, USS Anderson, USS Perkins, USS Morris, USS Russell, USS Sims และเรือน้ำมัน USS Neosho, USS Tippecanoe. โดยมีพลเรือตรี Frank Jack Fletcher เป็นผู้บัญชาการกองเรือ ในวันที่ 27 เมษายน 1942 กองเรือเฉพาะกิจที่ 17 ได้รับภารกิจให้แล่นเดินทางจากเกาะ Tongatabu ไปยังทะเลคอรัล ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1942 กองเรือเฉพาะกิจที่ 17 ได้เดินทางร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 11 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่เกาะ New Caledonia เป็นระยะทางกว่า 560 กิโลเมตร เพื่อทำการเติมน้ำมัน หลังจากกองเรือเฉพาะกิจที่ 17 ทำการเติมน้ำมันเสร็จโดยที่ไม่รอกองเรือเฉพาะกิจที่ 11 ที่ยังเติมน้ำมันไม่เสร็จ ในวันต่อมากองเรือเฉพาะกิจที่ 17 ก็ได้แล่นเดินทางไปตะวันตกเฉียงเหนือสู่เกาะ Louisiades

         ในวันที่ 3 พฤษภาคม 1942 พลเรือตรี Fletcher ได้รับรายงานเรื่องกองทัพญี่ปุ่นได้ส่งทหารของตนยึดเกาะ Tulagi ซึ่งเป็นเกาะทางใต้ของหมู่เกาะ Solomon มาเป็นของตนได้แล้ว เขารีบสั่งให้กองเรือเฉพาะกิจที่ 17 ของตนแล่นเดินทางมุ่งหน้าไปยังเกาะ Guadacanal ทันทีด้วยความเร็ว 27 น็อต เมื่อถึงที่นั่นห่างจากทางใต้ของเกาะ Guadacanal เป็นระยะทางเกือบๆ 190 กิโลเมตร ในเช้าวันที่ 4 พฤษภาคม 1942 เขาก็รีบสั่งให้กองเรือส่งกำลังทางอากาศเข้าโจมตีสิ่งปลูกสร้างและกองทัพญี่ปุ่นทั้งหมดบนเกาะ Tulagi ทันที หลังจากทำการโจมตีทางอากาศเสร็จในช่วงเย็นๆ เขาก็รีบสั่งให้กองเรือทำการถอนกำลังลงไปทางใต้ของเกาะ Guadacanal ทันที เพื่อไปนัดรวมกำลังกองเรือเฉพาะกิจที่ 11 และกองเรือเฉพาะกิจที่ 44 ที่จุดนัดพบห่างไปทางใต้จากเกาะ Guadacanal เป็นระยะทางกว่า 590 กิโลเมตร ทันทีเมื่อรวมตัวเสร็จก็มีรายงานว่ากองเรือของญี่ปุ่นกำลังส่งกองทัพเข้าทำการยึดเมือง Port Moresby ประเทศปาปัวนิวกินี ทำให้กองเรือทั้งหมดของสหรัฐในตอนนั้นแล่นเดินทางไปยังเกาะ Lousiades ทันทีเพื่อขัดขวางการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่นผู้โหดร้าย เรือ Portland ได้รับถูกแต่งตั้งให้เข้าร่วมกับเรือเฉพาะกิจที่ 17.2 โดยมีเรือลาดตระเวณหนัก USS Minneapolis, USS New Orleans, USS Astoria, USS Chester พร้อมเรือพิฆาตอีก 5 ลำจากกองเรือพิฆาตที่ 1 แห่งสหรัฐเข้าร่วมกองเรือด้วย โดยมีพลเรือตรี Thomas C. Kinkaid เป็นผู้บัญชาการกองเรือ และกองเรือก็ได้รับภารกิจให้คุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Yorktown ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะส่งเครื่องบินจากกองเรือตนเข้าทำการโจมตีใส่กัน ในวันที่ 7 พฤษภาคม 1942

         ในวันที่ 8 พฤษภาคม 1942 เรือบรรทุกบินของสหรัฐทั้ง 2 ลำ USS YorkTown และ USS Lexington ได้โดนฝูงเครื่องบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินญี่ปุ่นทำการโจมตีจนเสียหายอย่างหนัก ส่วนเรือ Portland นั้นต้องทำหน้าที่คุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Lexington ที่เสียหายอย่างหนัก แต่เนื่องจาก Lexington นั้นเสียหายอย่างหนักไฟไหม้ลามตัวเรือจนมิอาจควบคุมได้อีกทั้งเรือยังโดนระเบิดและตอร์ปิโดที่ทิ้งจากเครื่องบินของญี่ปุ่นอย่างหนักโดยไม่ขาดสายจนในที่สุดเรือก็จม ลูกเรือบนเรือได้รับคำสั่งให้สละเรือ โดยเรือ Portland ได้ทำการช่วยชีวิตลูกเรือจากเรือ Lexington กว่า 722 คน โชคดีที่ในศึกนี้เรือแทบไม่ได้รับความเสียหายอะไรที่รุนแรงนัก
USS Lexington เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของสหรัฐที่จมในศึกยุทธนาวีทะเลคอรัล และยังถือว่าเป็นเรือบรรทุกบินเครื่องบินขนาดใหญ่ของสหรัฐลำแรก(ไม่นับรวมเรือบรรทุกเครื่องบินเบา)ที่จมในสงคราม
USS Lexington เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ลำแรกของสหรัฐที่จมในสงคราม
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
- จบสงคราม -
  
         ในวันที่ 3 มกราคม - 1 มีนาคม 1945 เรือได้มีส่วนรวมในภารกิจที่อ่าว Lingayen Bay และอ่าว Corregidor ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคม 1945 เรือได้รับภารกิจให้ระดมยิงเกาะ Okinawa เพื่อเตรียมตัวสำหรับนาวิกโยธินสหรัฐที่จะทำการยกพลขึ้นบกบนเกาะ ในระหว่างภารกิจกองเรือสหรัฐในส่วนของเรือ Portland ถูกเครื่องบินญี่ปุ่น 24 ลำเข้าโจมตี ลูกเรือบนเรือสามารถยิงเครื่องบินญี่ปุ่นตกได้ 4 ลำ และมีส่วนช่วยเรือสหรัฐลำอื่นๆในกองเรือสังหารเครื่องบินญี่ปุ่นตก 2 ลำ ในวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 เรือได้มีส่วนร่วมในการยิงปืนใหญ่สนับสนุนนาวิกโยธินและกองทัพบกสหรัฐในการยึดเกาะ Okinawa ในวันที่ 17 มิถุนายน 1945 เรือได้แล่นเดินทางไปเทียบท่ายังเกาะ Leyte ก่อนที่จะแล่นเดินทางไปจอดเทียบท่ายังที่อ่าว Nakagusuku Bay ทางใต้ของเกาะ Okinawa ในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 และจอดอยู่ที่นั่นจนสงครามได้จบลง

- สุดท้าย -

         เมื่อสงครามได้จบลง เรือได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเรือธงของพลเรือโท George D. Murray ที่ควบคุมในส่วนของกองเรือสหรัฐที่ทำหน้าที่ดูแลหมู่เกาะ Caroline และเรือยังได้ถูกเลือกให้เป็นพื้นที่ในลงนามข้อตกลงการยอมแพ้ระหว่างยอมแพ้ระหว่างตัวแทนจากกองทัพสหรัฐ นายทหารอาวุโสและตัวแทนภาคประชาชนของญี่ปุ่นในการลงนามยอมรับเงื่อนไขของทั้ง 2 ฝ่าย ใน OperationMagic Carpet ที่เป็นการพานาวิกโยธินและกองทัพสหรัฐในส่วนต่างๆทั่วโลกพากลับไปยังบ้านเกิดของตนเองอีกครั้งหลังจากได้จากมานานแสนนานนับปี

        เรือได้แล่นเดินทางขนส่งทหารสหรัฐกว่า 600 คนจากท่าเรือ Pearl Harbor ข้ามคลอง Panama ไปส่งยังเมือง Portland รัฐโอรีกอน ต่อมาในวันที่ 27 ตุลาคม 1945 เรือได้มีส่วนร่วมในงาน Navy day เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองต่อชัยชนะของกองทัพเรือสหรัฐที่มีเหนือกว่ากองทัพญี่ปุ่นที่ปราชัย หลังจากนั้นในช่วงเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม 1945 เรือก็ได้รับภารกิจให้แล่นเดินทางไปมาระหว่างทวีปยุโรปกับสหรัฐ เพื่อส่งทหารสหรัฐที่อยู่ตามจุดต่างๆในทวีปยุโรปกลับมายังบ้านเกิดของตนเองอีกครั้ง

         ในวันที่ 11 มีนาคม 1946 เรือได้แล่นเดินทางไปจอดยังท่าเรือที่เมือง Philadelphia รัฐเพนซีวาเนีย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 1946 เรือก็ได้ถูกปลดประจำการ และถูกส่งต่อให้กับกองเรือสำรองของสหรัฐ ในตลอดศึกแปซิฟิกที่ผ่านมา เรือได้ผ่านสมรภูมิใหญ่ๆในแปซิฟิกมาอย่างโชคโชน มันสู้อย่างสมเกียรติเหรียญกล้าหาญจำนวน 16 ดวงคือเครื่องพิสูจน์ความกล้าหาญของมัน แต่น่าเสียดายที่เมื่อสงครามจบก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธความเป็นจริงได้ว่ามันคือเศษเหล็กขนาดใหญ่ ล้าสมัย หมดคุณค่าทางการรบและตกยุค ไม่มีความพยายามในการซื้อตัวเรือไปทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ในที่สุดวันที่ 1 มีนาคม 1959 เรือก็ได้ถูกขายให้กับบริษัทเอกชน Union Mineral and Alloys Corp เพื่อเอาไปแยกชิ้นส่วน ในวันที่ 6 ตุลาคม 1959 เรือได้แล่นเดินทางไปเทียบท่ายังท่าเรือที่เมือง New york ก่อนจะเดินทางไปยังอู่เรือ ที่ท่าเรือเมือง Panama City(คนละอันกับคลอง Panama)รัฐฟลอริด้า เพื่อทำการแยกชิ้นส่วนในช่วงปี 1960-1961 เป็นการปิดฉากตำนานเรือลำนี้ไปในที่สุด

รายละเอียดโดยรวม

อาวุธ : ปืนใหญ่หลักขนาด 8 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานแท่นเดี่ยวขนาด 5 นิ้ว 8 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานแท่นเดี่ยวขนาด 47 มิลลิเมตร 2 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 40 มิลลิเมตร แท่นคู่ 4 แท่น แท่นละ 2 กระบอก และแท่นรวมอีก 4 แท่น แท่นละ 4 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 20 มิลลิเมตร 12 กระบอก
ความเร็วสูงสุด 32.7 น็อต
ลูกเรือ 807 คน
ระวางขับน้ำ 9950 ตัน
เครื่องบินทะเล 3 ลำ พร้อมรางปล่อยเครื่องบินอีก 2 ราง


อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Leyte_Gulf#
https://en.m.wikipedia.org/wiki/USS_Portland_(CA-33)
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Portland-class_cruiser

กดโหวตและถูกใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ เพี้ยนเงือกเพี้ยนเงือก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่