Vittorio Veneto 1 ในเรือประจัญบานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของกองทัพเรืออิตาลี

vittorio veneto

   
    เรือรบ vittorio veneto เป็นเรือประจัญบานลำที่ 2 ในชั้น littorio class battleship ตัวเรือยังมีพี่น้องอีก 3 ลำคือ roma และ impero และ littrio ตัวเรือได้ถูกสั่งให้ต่อขึ้นในช่วงปี 1934 ชื่อตัวเรือนั้นถูกตั้งมาจากสมรภูมิ battle of vittorio veneto ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่กองทัพอิตาลีมีชัยเหนือแก่กองทัพของฝ่ายกลาง ออสเตรีย-ฮังการี อย่างงดงาม และการต่อเรือชั้น littrio class ซึ่งเป็นชั้นของตัวเรือ veneto ก็เปรียบเหมือนเป็นการฉีกสนธิสัญญาวอชิงตันที่ว่าด้วยการจำกัดอาวุธและห้ามต่อเรือที่มีระวางขับเกิน 35000 ตัน เพราะตัวเรือ veneto เองพร้อมกับเรือ littrio class ลำอื่นๆกลับมีระวางขับถึง 45000 ตัน!
    ตัวเรือถูกวางกระดูกงูในวันที่ 28 ตุลาคม 1934 ที่เมืองท่า Trieste โดยวางกระดูกงูของเรือพร้อมๆกับเรือประจัญบาณ littrio ในเวลาวันเดียวกัน ต่อมาเรือได้ถูกปล่อยลงจากอู่ในวันที่ 25 มิถุนายน 1937 ในช่วงที่ตัวเรือถูกปล่อยลงน้ำและถูกนำไปติดตั้งอาวุธ ก็เกิดปัญหาความล่าช้าเนื่องจากตัวเรือนั้นมีปัญหากับตัวอาวุธและแผ่นเกราะก่อนที่การติดตั้งอาวุธบนตัวเรือจะถูกยกเลิก และเรือได้เดินทางไปแล่นทดสอบทางทะเลโดยเดินทางไปที่เมือง venice ประเทศอิตาลี เพื่อแล่นไปทำการติดตั้งอาวุธที่นั่น ในวันที่ 4 ตุลาคมปีเดียวกัน ในการเดินทางไปอู่เรือ venice ส่วนหนึ่งก็เพราะ อู่เรือที่ venice เป็นอู่เรือเพียงไม่กี่แห่งของอิตาลีที่สามารถรองรับกับเรือที่มีขนาดถึง 45000 ตันได้
    หลังจากติดตั้งอาวุธและเรดาร์รุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพ และมันยังเป็นเรดาร์เรือรบในยุคแรกๆในตอนนั้นที่ถือว่าทันสมัยมากในยุคนั้น อย่างเรดาร์ EC 3 ter หรือชื่อเรียกสั้นๆว่า Gufo เสร็จเรียบร้อย และทดสอบความเสถียรของตัวเรือเสร็จสิ้น ตัวเรือก็ได้เดินทางออกจากอู่เรือที่เมือง venice ไปยังเมืองท่าที่ trieste อีกครั้งเพื่อนำไปตัวเรือไปทดสอบขั้นสุดท้ายก่อนขึ้นระวางประจำการ การทดสอบได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 1939 ยาวจนไปถึงเดือน มีนาคม 1940 หลังจากการทดสอบทั้งหมดผ่านไปด้วยดี ตัวเรือก็ได้เข้าระวางประจำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 เมษายน 1940 แต่หลังจากเข้าประจำการเพียงไม่นาน ตัวเรือก็ได้พบข้อบกพร่องก่อนที่จะเดินทางไปที่เมือง la spezia เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและติดอาวุธเพิ่มเติม ตัวเรือได้อยู่ที่นั่นจนถึงเดือน พฤษภาคม 1940 ตอนนี้ตัวเรือพร้อมที่จะรบและบดขยี้ทำลายเรือของเหล่าสัมพันธมิตรทั้งหลายอย่างใจจดใจจ่อแล้ว ตัวเรือได้เดินทางไปร่วมกับกองเรือที่ 9 ที่เมืองท่า Taranto โดยที่มีเรือพิฆาตอิตาลี Ascari และ Carabiniere ร่วมเดินทางไปด้วย
แผนผังของตัวเรือ



-สงครามโลกครั้งที่ 2-
    หลังจากอิตาลีเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ ในช่วงวันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน 1940 ในช่วง Operation hat ตัวเรือพร้อมกองเรือรบอิตาลีที่ประกอบด้วยเรือประจัญบาน 5 ลำ เรือลาดตระเวณ 10 ลำ พร้อมเรือพิฆาตอีก 34 ลำ ได้รับหน้าที่ให้เดินทางไปสกัดกั้นกองเรือสินค้าที่มีกองเรือรบอังกฤษคุ้มกันอยู่ แต่ด้วยการสื่อสารที่มีปัญหาและการลาดตระเวณที่ย่ำแย่ บวกกับเครื่องบินลาดตระเวณของกองทัพอังกฤษได้มาเห็นกองเรือขนาดใหญ่ของอิตาลีซะก่อน ทำให้กองเรือรบและเรือขบวนสินค้าของอังกฤษไหวตัวจึงได้ทำการหลีกเลี่ยงหลบหนีกองเรือของอิตาลีไปได้ในที่สุดตอนนี้ตัวเรือ veneto ยังไม่สามารถหาเหยื่อมาสังเวยกระสุนนัดแรกของตนได้
    หลังจากภารกิจแรกของตัวเรือล้มเหลว ต่อมาในวันที่ 6 กันยายน 1940 ตัวเรือพร้อมกองเรืออิตาลีได้รับหน้าที่ไปสกัดกั้นกองเรือของอังกฤษที่กำลังเดินทางออกจาก gibralta มุ่งสู่ทางใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อขนส่งกองกำลังทหารของตัวเองไปยังเมือง malta แต่สุดท้ายก็ยังแห้วเหมือนเดิม เพราะกองเรืออังกฤษไหวตัวทันและได้ทำการหลบหนีไปได้(อีกแล้ว) ก่อนที่กองเรืออิตาลีทั้งหมดจะเดินทางกลับไปยังท่าเรือที่ taranto เพื่อรอรับคำสั่งสำหรับภารกิจต่อไป
    ในวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 1940 กองเรืออังกฤษที่ทะเลเมดิเตอร์ริเนี่ยน ได้ทำการโจมตีท่าเรือที่เมือง taranto ตัวเรือที่จอดอยู่แถวนั้นพอดีได้พบกับกองทัพอากาศของอังกฤษประกอบด้วยเครื่องบินทิ้งตอร์ปิโดปีก 2 ชั้นแบบ swordfish อันโด่งดังจากเรือบรรทุกเครื่องบิน hms illutrious ได้เข้าทำการโจมตีท่าเรือที่ taranto โดยแบ่งเป็น 2 ชุดในการเข้าตี โดยการทั้ง 2 ชุดของ swordfish ไม่ได้ทำความเสียหายอะไรกับตัวเรือ veneto ที่จอดอยู่ในท่าเรือที่ taranto เลยแต่เรือประจัญบานที่จอดอยู่แถวนั้น 3 ลำกลับได้รับความเสียหาย โดยมี 2 ลำที่อยู่ในสภาพเสียหายอย่างหนัก ในรุ่งเช้าวันถัดมาตัวเรือได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเรือธง ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้การ  Inigo Campioni ได้เดินทางไปที่ท่าเรือที่เมือง naple ประเทศอิตาลี

-ยุทธนาวี Battle of Cape Spartivento-
    ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1940 ตัวเรือพร้อมเรือประจัญบานแบบ Giulio Cesare พร้อมกองเรืออีก 20 ลำ ได้รับภารกิจให้ไปสกัดกั้นกองเรือสินค้าของอังกฤษที่กำลังเดินทางไปยัง malta หลังจากที่เครื่องบินลาดตระเวณอิตาลีสามารถถ่ายภาพและระบุพิกัดของกองเรือสินค้าอังกฤษก็พบว่ากองเรือสินค้าเหล่านั้นมีกองเรือรบของอังกฤษซึ่งเป็นกองเรือขนาดใหญ่โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Ark Royal เดินทางมาด้วยกำลังคุ้มกันอยู่ Campioni นั้นพบว่ากองเรืออังกฤษมีความเหนือกว่ากองเรือของตัวเองมากจึงไม่อยากเสี่ยงส่งตัวเรือ veneto และ cesare ที่เป็นเพียงเรือประจัญบาน 2 ลำในกองเรือไปยันกับกองเรืออังกฤษที่มีความเหนือกว่า แต่ยังไม่ได้ทันจะได้คิด กองเรืออังกฤษก็ได้ตรวจพบกองเรืออิตาลีเข้า ก่อนที่จะแล่นวิ่งเข้ามาสกัดกั้นกองเรืออิตาลีที่กำลังแล่นเข้าไปโจมตีกองเรือสินค้าของตน

-ถอยกลับอย่างเร่งด่วน-
      เมื่อกองเรือรบทั้ง 2 ประเทศได้เผชิญหน้ากัน การแลกห่ากระสุนก็ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด โดยตัวเรือ veneto สามารถทำความเสียหายแก่เรือลาดตระเวณ HMS Berwick ได้เพียงเล็กน้อย ก่อนที่ HMS Ark Royal จะทำการยิงตอร์ปิโดใส่ตัวเรือ แต่โชคดีที่ตัวเรือหลบได้ทัน ก่อนที่กองเรืออิตาลีทั้งหมดจะได้รับคำสั่งให้ถอยเนื่องจากท่าเรือที่เมือง naple ประเทศอิตาลี ถูกโจมตีจากกองกำลังทางอากาศของอังกฤษ กองเรือทั้งหมดถูกสั่งให้เดินทางไปที่เมืองท่าที่ Sardinia   ก่อนที่จะแล่นเดินทางกลับไปป้องกันเมืองท่าที่ naple ให้หลัง 6 วันหลังจากนั้น
      ในคืนวันที่ 8-9 มกราคม 1941 อังกฤษได้ส่งกองกำลังทางอากาศโจมตีท่าเรือที่เมือง naple อีกครั้ง ก็เหมือนครั้งก่อนๆตัวเรือไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ในขณะที่เรือประจัญบาน Giulio cesare ที่จอดอยู่ใกล้ๆกันได้รับความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่ตัวเรือจะได้รับทำหน้าคุ้มกันเรือประจัญบาน Giulio cesare ที่ได้รับความเสียหายและกองเรืออิตาลีบางส่วนที่จะเดินทางไปยังเมืองท่า la spezia  ในวันถัดมา โดยตัวเรือตอนนี้เป็นเรือประจัญบานเพียงลำเดียวเท่านั้นในกองเรือที่อยู่ในสภาพพร้อมรบ ในเดือน กุมภาพันธ์ 1941 เรือประจัญบาน Giulio cesare เรือประจัญบาน andrea doria และเรือประจัญบานอื่นๆอีก 3 ลำได้ทำการซ่อมเสร็จ และได้เดินทางไปกับเรือ veneto เพื่อไปสกัดกั้นและทำลายกองเรือ force h ของอังกฤษที่กำลังระดมยิงถล่มเมืองท่าที่ genoa แต่สุดท้ายกองเรือทั้งคู่หากันไม่พบและได้เลือกหลีกเลี่ยงจะเผชิญหน้ากัน ก่อนที่สุดท้ายกองเรืออิตาลีก็ได้เดินทางกลับไปที่เมืองท่า la spezia

-ถอยทัพสไตร์อิตาลี-
    ตัวเรือได้เดินทางกลับไปยังเมืองท่าที่ naple หลังจากนั้น 4 วันตัวเรือพร้อมกองเรือลาดตระเวณ 8 ลำและเรือพิฆาตอีก 9 ลำได้รับคำสั่งให้ไปขับไล่และทำลายกองเรือของอังกฤษให้ออกจากกรีซ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศที่ 10 ของเยอรมันในการโจมตีครั้งนี้ แต่ในขณะที้กองเรืออิตาลีกำลังเดินเรือไปทางตะวันออกของกองเรืออังกฤษ เพื่อจะการตีขนาบข้างก็เกิดอาการหลงทิศและไขว้เขว ในตอนนั้นเรือลาดตระเวณ HMS Oripons  ของอังกฤษที่แล่นเรืออยู่แถวๆนั้นก็ได้เผอิญมาพบกองเรือที่อิตาลีที่กำลังสับสนเข้า การแลกห่ากระสุนของทั้ง 2 ฝั่งก็ได้เริ่มขึ้น แต่ด้วยทัศนวิสัยที่เลวร้ายบวกกับม่านควันที่ HMS Orions ได้ทำไว้เพื่ออำพรางตัวทำให้ตัวเรือ veneto ที่ซัดกระสุนไป 92 นัด และการระดมยิงจากกองเรืออิตาลีทั้งหมดแทบไม่โดน HMS Oriens แม้แต่นัดเดียว โดยตัวเรือ HMS Orions ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะแล่นหนีไปรวมกับกองเรือหลักของอังกฤษที่กรีซ
    ตัวเรือพร้อมกองเรืออิตาลีได้แล่นตาม HMS Orions ไปติดๆหมายที่จะจมเรือสัญชาติอังกฤษลำนี้ให้ได้ แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักเมื่อฝูงเครื่องบินบรรทุกตอร์ปิโดอังกฤษจากเรือ HMS Formidable  ที่อยู่ในกองเรือหลักที่กรีซ ได้เริ่มเดินทางมาช่วยและเริ่มบินมาถล่มกองเรืออิตาลี แถมมีกองเรืออังกฤษจากเมดิเตอริเนี่ยนเข้ามาเสริมอีก โดยกองเรืออังกฤษทั้งหมดเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกองเรืออิตาลีและเลือกที่จะส่งกองกำลังทางอากาศมาถล่มแทน เมื่อกองเรืออิตาลีเห็นเครื่องบินจำนวนมากของอังกฤษหมายที่จะบินมาถล่มกองเรือของตนเอง โดยที่ยังไม่ลั่นกระสุนเลยซักนัด กองเรืออิตาลีก็เลือกที่จะถอยทัพทันที(อ้าวไอ้\@//':;'":;)
vittorio veneto ขนาดกำลังระดมยิง HMS Orions
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
-ได้รับความเสียหายอย่างหนัก-
    แต่อังกฤษนั้นกัดไม่ปล่อย โดยทางอังกฤษได้ส่งฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิด Blenheim ที่มีฐานทัพอยู่กรีซ เข้าไล่จี้ทิ้งระเบิดใส่แก่กองเรืออิตาลีที่กำลังถอยหนอยู่อย่างติดๆ ในขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Formidable ก็ได้ส่งเครื่องบินแบบ Swordfish ชุดที่ 2 ไล่ตามไปติดๆเช่นกัน ก่อนที่ตอร์ปิโดที่ปล่อยลงจาก swordfish ลำหนึ่งจะยิงถูกด้านข้างของตัวเรือ veneto ก่อนที่ swordfish ลำนั้นจะถูกยิงตกเช่นกันจากปืนต่อต้านอากาศยานบนตัวเรือ แต่มันสายไปเสียไปแล้วน้ำเริ่มทะลักเข้าตัวเรือและระบบขับเคลื่อนมีปัญหา ก่อนที่เครื่องบินทิ้งระเบิด Blenheim จะบินเข้ามาทิ้งระเบิดซ้ำที่ด้านหลังตัวเรือ ตัวเรือต้องกลายเป็นเป้านิ่งไปประมาณ 10 นาทีหลังจากระบบขับเคลื่อนมีปัญหา หลังจาก 10 นาทีแห่งนรกได้ผ่านไป ลูกเรือสามารถทำให้ตัวระบบหางยิ้มลับมาได้อีกครั้งแต่ความเร็วเรือลดลงเหลือเพียง 20 น็อตเท่านั้น แต่ความเร็วเพียงเท่านี้ไม่อาจหลยหนีจากฝูงเครื่องบินของอังกฤษที่กำลังตามล่าอย่างไม่ลดละไปได้ เรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Formidable ได้ส่งฝูงเครื่องบิน swordfish ชุดที่ 3 อีก 9 ลำเข้าไปถล่มซ่ำแก่กองเรืออิตาลีที่กำลังแล่นหนี ก่อนที่เรือลาดตระเวณอิตาลี pula จะจมลง โดยผลจากศึกแห่งความอัปยศครั้งนี้กองเรืออังกฤษนั้นไม่เสียเรือเพียงซักลำเดีย และมีเพียงเรือลำเดียวที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อยนั่นก็คือ HMS Oriens พร้อมกับลูกเรือที่เสียชีวิตเพียงแค่ 3 คน ในขณะที่อิตาลีเสียหายหนักกว่านั้นมาก เรือประจัญบาน veneto ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เรือลาดตระเวณ 3 ลำถูกจม เรือพิฆาตอีก 2 ลำมีชะตาไม่ต่างกัน ลูกเรือกว่า 2300 คนเสียชีวิต มันคือการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มเสียเลย

-ล้มเหลวอีกครั้ง-
     ในช่วงวันที่ 22-25 สิงหาคม 1941 กองเรืออิตาลีพร้อมตัวเรือ veneto และ littrio ได้รับคำสั่งไปทำการขัดขวางกองเรืออังกฤษที่กำลังเดินทางไปที่เมืองท่า livorno ซึ่งอังกฤษจะใข้ที่นั่นเป็นฐานทัพอากาศในการส่งเครื่องบินโจมตีทางเหนือของเมืองท่า sardinia จากหน่วยข่าวกรองที่อยู่ในสเปน พบว่ากองเรืออังกฤษจะเดินทางมาจาก gibralta กองเรืออิตาลีที่อยู่ห่างลงไปทางใต้ของ gibralta พอดีรีบแล่นเข้าไปทำการสกัดกั้นกองเรืออังกฤษขณะที่กำลังเดินทางออกจาก gibralta แต่สุดท้ายด้วยข่าวสารที่ย่ำแย่ บวกกับการลาดตระเวณที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้กองเรืออิตาลีหากองเรืออังกฤษไม่พบ และภารกิจก็ได้ล้มเหลวอีกครั้ง

-ถอยทัพสไตร์อิตาลีอีกแล้ว-
    ในวันที่ 27 กันยายน 1941 กองเรืออิตาลีในตอนนี้ที่มีเรือประจัญบาน 2 ลำ เรือลาดตระเวณ 5 ลำและเรือพิฆาตอีก 14 ลำ ได้รับคำสั่งภารกิจให้โจมตีขบวนกองเรืออังกฤษที่กำลังเดินทางจาก gibralta ไปยัง malta โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังติดกับเข้าอย่างจัง กองเรืออังกฤษนั้นรับรู้ถึงการมาอิตาลีอยู่แล้วก็ได้จัดของสัมนาคุณรอกองเรืออิตาลีไม่ว่าจะเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือประจัญบาน 3 ลำ เรือลาดตระเวณ 5 ลำ เรือพิฆาต 18 ลำ เรือดำน้ำ 8 ลำ รอถล่มกองเรืออิตาลีอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เครื่องบินจากกองทัพอากาศอิตาลีที่ได้สนธิกำลังกองทัพเรือได้ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีอังกฤษเป็นชุดแรกก่อน พบว่ากองเรือของอังกฤษนั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่ามากและอยู่ในสภาพที่กำลังพร้อมอัดกองเรืออิตาลีให้เป็นชิ้นๆ จึงได้แจ้งข่าวไปยังกองเรือตาลีที่กำลังแล่นตามมาติดๆให้ทราบหลังจากการโจมตีเสร็จ เมื่อกองเรืออิตาลีได้ทราบเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ก็ได้แล่นถอยทัพกลับไปที่ท่าเรือทันทีโดยที่ยังไม่ได้แลกกระสุนกันซักนัด
     ในวันที่ 13 ธันวาคม 1941 ตัวเรือ veneto พร้อมกองเรืออีตาลีได้รับหน้าที่คุ้มกันขบวนเรือสินค้าไปยังแอฟริกาเหนือ หลังจากกองเรืออิตาลีทราบข่าวว่ามีกองเรืออังกฤษอยู่แถวๆนั้นและกำลังมุ่งหน้ามาหากองเรือของตน โดยที่ยังไม่ทันแลกกระสุนกันซักนัด กอเรืออิตาลีทั้งหมดได้ตัดสินใจยกเลิกภารกิจทั้งหมดและถอยทัพกับท่าเรือทันที  ในขณะที่กำลังแล่นถอยกลับไปยังท่าเรืออยู่นั้น ตัวเรือ veneto ก็โดนเรือดำน้ำอังกฤษ HMS Urge ที่แล่นอยู่แถวๆช่องแคบเมสสิน่า ยิงตอปิโดเข้าใส่ด้านข้างตัวเรือจนได้รับความเสียหายเป็นรูขนาดถึง 15 เมตร ตัวเรือได้แล่นกลับไปซ่อมแซมความเสียหายยังเมืองท่าที่ taranto จนถึงช่วงต้นปี 1942
vittrio veneto ขนาดกำลังซ่อมแซมความเสียหายอยู่ในท่าเรือที่ taranto


-ล้มเหลวอีกครั้งและอีกครั้ง-
     ต่อมาในวันที่ 14 มิถุนายน 1942 ตัวเรือและเรือประจัญบาน littorio พร้อมเรือลาดตระเวณ 5 ลำและเรือพิฆาตอีก 12 ลำได้รับภารกิจให้โจมตีกองเรือสินค้าอังกฤษที่กำลังแล่นเดินทางจากเมืองท่า alexandria ไปยัง malta กองเรืออังกฤษที่ทำหน้าที่คุ้มกันเรือสินค้าได้รับรู้ถึงการมาของกองเรืออิตาลีอย่างรวดเร็ว และได้ส่งเครื่องบินไปต้อนรับกองเรืออิตาลีที่กำลังเดินทางมาหา หลังจากเจอฝูงเครื่องบินของอังกฤษเดินทางมาหา กองเรืออิตาลีก็ได้ทำการต้องรับทันทีด้วยการยิงปืนต่อสู้อากาศยานขึ้นใส่เครื่องบินของกองทัพอังกฤษทันที การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้สร้างเสียหายอะไรแก่กองเรืออิตาลีมากนัก มีเพียงเรือลาดตระเวณ trento ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักก่อนที่จะจมในภายหลังจากเรือดำน้ำของอังกฤษ
    หลังจากดีใจอยู่ได้ไม่นาในช้าวันถัดมา ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ b 24 จากกองทัพอากาศสหรัฐก็ได้เข้าทำการโจมตีกองเรืออิตาลี จนกองเรืออิตาลีเกือบทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ b 24 ของสหรัฐ และตัวเรือก็โดนระเบิดเข้าไป 1 ลูกได้รับความเสียหายเช่นกัน ก่อนที่กองทัพอากาศของอังกฤษจะบินเข้ามาสมทบการโจมตีของเครื่องบิน b 24 ของสหรัฐ โชคดีที่กองทัพอากาศเยอรมันและอิตาลีเข้ามาช่วยสมทบและขับไล่เครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐและอังกฤษออกไปได้ และในภายหลังภารกิจโจมตีกองเรือสินค้าของอังกฤษได้ถูกยกเลิกเนื่องจากในตอนนั้นกำลังเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน ซึ่งจะทำให้กองเรืออิตาลีนั้นเสียความได้เปรียบแก่กองเรือรบของสัมพันธมิตรไป และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ภารกิจล้มเหลวอีกครั้งของกองเรืออิตาลี

-operation torch-
    ใน operation torch ที่กองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตรได้เริ่มทำการตอบโต้ครั้งใหญ่ต่อกองทัพเยอรมันและอิตาลีที่ประจำอยู่ในแอฟริกา ตัวเรือที่พึ่งซ่อมเสร็จได้เดินทางจากเมืองท่าที่ naples ไปยังเมืองท่าที่ taranto เพื่อตอบโต้กองกำลังของสัมพันธมิตร ในขณะที่เดินทางไปยังเมืองท่าที่ taranto ตัวเรือก็โดนเรือดำน้ำของอังกฤษ HMS Umbra เข้าโจมตีแต่โชคดีที่ตัวเรือไม่ได้เป็นอะไร
    ในวันที่ 4 ธันวาคม 1942 กองทัพอากาศของสหรัฐก็ได้ทำการโจมตีท่าเรือที่ taranto ทำให้กองเรืออิตาลีที่จอดอยู่ในท่าเรือต้องรีบแล่นถอยทัพกลับไปยัง la spezia เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากกองทัพอากาศสหรัฐ
    ในวันที่ 5 มิถุนายน 1943 กองทัพอากาศสหรัฐได้เข้าทำการโจมตีท่าเรือที่ la spezia ตัวเรือที่จอดอยู่ในท่าเรือตอนนั้นพอดีได้โดนระเบิดขนาดใหญ่ 2 ลูก ลูกแรกด้าน แต่ลูกที่ 2 ได้วิ่งทะลุผ่านด่านฟ้าเรือเข้าไประเบิดข้างในจนทำให้ตัวเรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก ก่อนที่ตัวเรือจะได้จะแล่นกลับไปซ่อมแซมความเสียหายที่เมืองท่าที่ genoa

-เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร-
     ในวันที่ 3 กันยายน 1943 อิตาลีได้ทำสนธิสัญญายอมรับข้อตกลงยอมแพ้และได้เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรแล้ว ตัวเรือและเรือประจัญบาน littorio ที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น italia และเรือประจัญบาน roma ได้เดินทางไปยัง malta  ก่อนที่ 6 วันต่อมากองทัพอากาศเยอรมันได้เข้าทำการโจมตีท่าเรือที่ malta ผลจากการโจมตีตัวเรือไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด แต่เรือประจัญบาน italia ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่วน roma นั้นจมจากการโจมตีของกองทัพอากาศเยอรมันในครั้งนี้
    ต่อมาเรือได้แล่นเดินทางไปยังเมืองท่าที่ alexandria ในวันที่ 14 กันยายน 1943 และแล่นเดินทางไปที่ suez canal ในวันที่ 17 ตุลาคม 1943 และอยู่ประจำการอยู่ที่นั่นจนสงครามได้จบลง
ตัวเรือขนาดกำลังแล่นเดินทางไปที่ malta


-สุดท้าย-
    ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1947 ตัวเรือได้อยู่ในข้อตกลงโดยจ่ายเป็นค่าปฏิกรรมสงครามให้แก่อังกฤษในสนธิสัญญาสันติภาพที่อิตาลี  ก่อนที่จะถูกขายแก่เอกชนเพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1948 ก่อนที่ตัวเรือจะถูกนำไปแยกชิ้นส่วนขายในที่สุดในช่วงทศวรรศที่  1950 เป็นการปิดฉากเรือประจัญบานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดลำหนึ่งของกองทัพเรืออิตาลีไปในที่สุด


ข้อมูลโดยรวม
อาวุธ : ปืนใหญ่ขนาด 15 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
          : ปืนรองขนาด 6 นิ้ว 4 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 4.7 นิ้ว 4 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 3.5 นิ้ว 12 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 1.5 นิ้ว 20 กระบอก
          : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 20 มิลลิเมตร 10 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
          : เรดาร์เรือแบบ ec3 ter 'gufo'
ระวางขับน้ำ 45000 ตัน
ลูกเรือ 1950 คน
ความเร็วสูงสุด 30 น็อต
อากาศยานประจำเครื่อง 3 ลำ พร้อมรางปล่อยอากาศยานอีก 1 ราง


อ้างอิง
http://www.chuckhawks.com/warship_pictures.htm
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Italian_battleship_Vittorio_Veneto

กดโหวตและถูกใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับเจ้าเริงร่าเจ้าเริงร่า

กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่