วันที่ 8 ธันวาคม 1941 กองทัพญี่ปุ่นได้ย่างตราทัพเข้าสู่ประเทศไทย เวลาประมาณ 02.00 น. กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ปัตตานีและบางปูสมุทรปราการ และบุกเข้าประเทศไทยทางบกที่อรัญประเทศ เป้าหมายคือมลายู และสิงค์โปร แต่ทว่าสิ่งที่กีดขวางไม่ให้กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้าสิงค์โปรได้โดยสะดวก นั่นก็คือเรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์
*********************
เรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์
******************************
เรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์
( เรือปริ๊นซ์ออฟเวลล์ ( Prince of Wales) เป็นเรือประจัญบานรุ่นใหม่ของอังกฤษชั้นเดียวกับเรือคิงยอร์ทที่ 5 ( King George IV ) ติดตั้งปืนใหญ่ 14 นิ้ว มีระวางขับน้ำ 43,786 ตัน มีประวัติในการทำการรบกับเรือบิสมาร์กและปริ๊นซ์อูเก้นของเยอรมันในการรบที่ช่องแคบเดนมาร์ก ร่วมกับเรือประจัญบานฮูด ) ประสิทธิภาพของมันไม่ต้องพูดถึง เมื่อมันถูกสร้างโดยหนึ่งประทเศที่มีกองทัพเรือที่ดีสุดในโลก
ญี่ปุ่นจะต้องหาทางทำลายเรือทั้งสองเสีย หาไม่แล้วการบุกของญี่ปุ่น ไม่มีทางเลยจะทำได้สำเร็จ แต่ปัญหาคือจะทำอย่างไร และทำได้ยังไง
ซาดาโอะ ทาไก หนึ่งในนักบินของญี่ปุ่น ที่ร่วมกันปฏิบัติการในครั้งนั้น ได้บันทึกไว้ว่า
“เรารู้ว่า เราบุกมลายูแล้ว มีเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดจากสิงค์โปร มาช่วยป้องกัน ทหารของเรา ไม่ให้ทำการบุกได้ง่ายดายนัก แต่ที่น่าแปลกใจคือเรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ ไปไหนเสีย หากเรือทั้งสองเข้าร่วมการต้านทานการบุกด้วย เราก็คงจะแหลกกันไปเสียหมด เราได้ข่าวว่าวันนี้ เรือบรรทุกทหารของเราถึงโกตาบารูเล้ว แต่ก็ไม่มีแม้แต่วี่แวว เรือทั้งสองหายไปไหน หากเป็นกองทัพเรือของเรา คงจะเอาเรือทั้งสองมาร่วมป้องกันด้วยอย่างแน่นอน “
************
โกตาบารู
ภารกิจของกองบินในประเทศเวียดนาม คือต้องหา เรือทั้งสองลำให้ได้แล้วทำลายเสีย
แต่ในที่สุด ปริศนาก็ได้รับคำตอบ วันที่9 ธันวาคม 1941 เครื่องบินลาดตระเวณ แบบที่ 88 ของญี่ปุ่นได้ถ่ายภาพทางอากาศและรายงานมาทางวิทยุ ว่าเรือทั้งสองยังอยู่ที่ท่าเรือสิงค์โปร ซึ่งนับเป็นข่าวดีของกองทัพญี่ปุ่น
เพราะว่าทหารที่กำลังทำการบุกอยู่ที่โกตาบารูจะไม่พบกับอันตรายแต่อย่างใด ทางด้านกองทัพเรือญี่ปุ่น นายพลเรือตรี มัตสุนากะได้เรียกเหล่าเสนาธิการ เพื่อประชุมหารือว่าจะทำลายเรือทั้งสองนี้ได้อย่างไรจะใช้ระเบิด ตอปิโด จะโจมตีขณะ เรืออยู่ในท่า หรือออกมาสู่ทะล ความลึกของอ่าว การไหลของน้ำ ทุกๆข้อมูล รูปขบวนที่จะเข้าโจมตี ทิศทางการเข้าโจมตี ทุกๆแผนการโจมตีที่เคยร่างไว้ ถูกนำมาใช้ทั้งหมด
เครื่องบินลาดตระเวณ แบบที่ 88 ( Kyushu Q1W Tokai )
ทางด้านพวกนักบินก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ข่าวที่ได้รับว่าเจอเรือทั้งสองแล้วทำให้นักบินตื่นเต้นกันมาก นี่เป็นโอกาศดีที่จะสร้างชื่อ นักบินรอคำสั่งอย่างวุ่นวายใจ ทุกคนเตรียมพร้อมในชุดนักบินตั้งแต่เช้าตรู่
จนกระทั่ง เวลา 17.00 น.เหตุการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้าม กับที่เครื่องบินลาดตระเวณรายงานมา นั่นก็คือข่าวจากเรือ ดำน้ำ I 56 ซี่งทำการลาดตระเวณอยู่ทางตะวันออกของสิงค์โปร ได้รายงานมาว่า เวลา15.30 น. พบเรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ และกำลังเดินทางขึ้นเหนือ
เรือ ดำน้ำ I 56
*********
ข่าวนี้ทำให้เหล่าเสนาธิการ ต้องตกตะลึงเพราะข่าวแรก บอกว่า เรือลาดตระเวณหนัก รีพัลล์ และเรือประจัญบาณปริ๊นออฟเวลล์ อยู่ที่ท่าเรือของสิงค์โปร ข่าวไหนผิดพลาดกันแน่ แต่ถึงอย่างไร หน่วยบินเกนซานก็ถูกสั่งให้ติดตอปิโดเตรียมพร้อมเอาไว้ เหล่าเสนาธิการ นักบิน และหัวหน้าหน่วยอย่างซาดาโอะ ทาไก ทุกคนอยากรู้ว่า เรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ ยังอยู่ที่ฐานทัพ หรือออกมาแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะดูผิดไปดูเรือลาดตระเวณเป็นเรือประจัญบาน กรณีที่เลวร้ายไปกว่านั้น มีเรือประจัญบานลำอื่นเล็ดรอดสายตาหน่วยข่าวกรอง เข้ามาเสริมกำลังให้กับสิงค์โปร
อย่างไรก็ตามหากเรือทั้งสองลำ บ่ายหน้าขึ้นเหนือจริงๆ ก็จะไปพบกองกำลังญี่ปุ่นที่กำลังบุกไปยังโกตาบารูอย่างแน่นอน หากพบเรือขนทหาร กองทัพญี่ปุ่นก็จะพบกับหายนะ
แน่นอนเหล่าเสนาธิการ ย่อมไม่ปล่อยความสงสัยนี้ไว้ เครื่องบินลาดตระเวณแบบ 98 ถูกสั่งให้ลงที่ไซง่อน แล้วนำภาพถ่าย มาล้างและตรวจดูอย่างเร็วที่สุด เพื่อพิสูจน์ว่าข่าวไหนถูกต้องกันแน่
และแล้วความจริงก็ปรากฏ ภาพถ่ายถูกนำมาขยายและวิเคราะห์ ดูใหม่ ผลปรากฏว่า ข่าวเครื่องบินลาดตระเวณแบบ 98 ผิดพลาด เรือที่พบในภาพถ่ายคือ เรือขนส่งขนาดใหญ่ที่ถูกปลอมแปลงให้เหมือนเรือทั้งสอง ข่าวของเรือดำน้ำ ถูกต้อง เรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ กำลังเดินหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปสกัดกั้น กองทัพญี่ปุ่นที่โกตาบารู
ปฎิบัติหักเขี้ยวสิงโต เมื่อญี่ปุ่นจมเรืออังกฤษ
*********************
เรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์
******************************
เรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์
( เรือปริ๊นซ์ออฟเวลล์ ( Prince of Wales) เป็นเรือประจัญบานรุ่นใหม่ของอังกฤษชั้นเดียวกับเรือคิงยอร์ทที่ 5 ( King George IV ) ติดตั้งปืนใหญ่ 14 นิ้ว มีระวางขับน้ำ 43,786 ตัน มีประวัติในการทำการรบกับเรือบิสมาร์กและปริ๊นซ์อูเก้นของเยอรมันในการรบที่ช่องแคบเดนมาร์ก ร่วมกับเรือประจัญบานฮูด ) ประสิทธิภาพของมันไม่ต้องพูดถึง เมื่อมันถูกสร้างโดยหนึ่งประทเศที่มีกองทัพเรือที่ดีสุดในโลก
ญี่ปุ่นจะต้องหาทางทำลายเรือทั้งสองเสีย หาไม่แล้วการบุกของญี่ปุ่น ไม่มีทางเลยจะทำได้สำเร็จ แต่ปัญหาคือจะทำอย่างไร และทำได้ยังไง
ซาดาโอะ ทาไก หนึ่งในนักบินของญี่ปุ่น ที่ร่วมกันปฏิบัติการในครั้งนั้น ได้บันทึกไว้ว่า
“เรารู้ว่า เราบุกมลายูแล้ว มีเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดจากสิงค์โปร มาช่วยป้องกัน ทหารของเรา ไม่ให้ทำการบุกได้ง่ายดายนัก แต่ที่น่าแปลกใจคือเรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ ไปไหนเสีย หากเรือทั้งสองเข้าร่วมการต้านทานการบุกด้วย เราก็คงจะแหลกกันไปเสียหมด เราได้ข่าวว่าวันนี้ เรือบรรทุกทหารของเราถึงโกตาบารูเล้ว แต่ก็ไม่มีแม้แต่วี่แวว เรือทั้งสองหายไปไหน หากเป็นกองทัพเรือของเรา คงจะเอาเรือทั้งสองมาร่วมป้องกันด้วยอย่างแน่นอน “
************
โกตาบารู
ภารกิจของกองบินในประเทศเวียดนาม คือต้องหา เรือทั้งสองลำให้ได้แล้วทำลายเสีย
แต่ในที่สุด ปริศนาก็ได้รับคำตอบ วันที่9 ธันวาคม 1941 เครื่องบินลาดตระเวณ แบบที่ 88 ของญี่ปุ่นได้ถ่ายภาพทางอากาศและรายงานมาทางวิทยุ ว่าเรือทั้งสองยังอยู่ที่ท่าเรือสิงค์โปร ซึ่งนับเป็นข่าวดีของกองทัพญี่ปุ่น
เพราะว่าทหารที่กำลังทำการบุกอยู่ที่โกตาบารูจะไม่พบกับอันตรายแต่อย่างใด ทางด้านกองทัพเรือญี่ปุ่น นายพลเรือตรี มัตสุนากะได้เรียกเหล่าเสนาธิการ เพื่อประชุมหารือว่าจะทำลายเรือทั้งสองนี้ได้อย่างไรจะใช้ระเบิด ตอปิโด จะโจมตีขณะ เรืออยู่ในท่า หรือออกมาสู่ทะล ความลึกของอ่าว การไหลของน้ำ ทุกๆข้อมูล รูปขบวนที่จะเข้าโจมตี ทิศทางการเข้าโจมตี ทุกๆแผนการโจมตีที่เคยร่างไว้ ถูกนำมาใช้ทั้งหมด
เครื่องบินลาดตระเวณ แบบที่ 88 ( Kyushu Q1W Tokai )
ทางด้านพวกนักบินก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ข่าวที่ได้รับว่าเจอเรือทั้งสองแล้วทำให้นักบินตื่นเต้นกันมาก นี่เป็นโอกาศดีที่จะสร้างชื่อ นักบินรอคำสั่งอย่างวุ่นวายใจ ทุกคนเตรียมพร้อมในชุดนักบินตั้งแต่เช้าตรู่
จนกระทั่ง เวลา 17.00 น.เหตุการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้าม กับที่เครื่องบินลาดตระเวณรายงานมา นั่นก็คือข่าวจากเรือ ดำน้ำ I 56 ซี่งทำการลาดตระเวณอยู่ทางตะวันออกของสิงค์โปร ได้รายงานมาว่า เวลา15.30 น. พบเรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ และกำลังเดินทางขึ้นเหนือ
เรือ ดำน้ำ I 56
*********
ข่าวนี้ทำให้เหล่าเสนาธิการ ต้องตกตะลึงเพราะข่าวแรก บอกว่า เรือลาดตระเวณหนัก รีพัลล์ และเรือประจัญบาณปริ๊นออฟเวลล์ อยู่ที่ท่าเรือของสิงค์โปร ข่าวไหนผิดพลาดกันแน่ แต่ถึงอย่างไร หน่วยบินเกนซานก็ถูกสั่งให้ติดตอปิโดเตรียมพร้อมเอาไว้ เหล่าเสนาธิการ นักบิน และหัวหน้าหน่วยอย่างซาดาโอะ ทาไก ทุกคนอยากรู้ว่า เรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ ยังอยู่ที่ฐานทัพ หรือออกมาแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะดูผิดไปดูเรือลาดตระเวณเป็นเรือประจัญบาน กรณีที่เลวร้ายไปกว่านั้น มีเรือประจัญบานลำอื่นเล็ดรอดสายตาหน่วยข่าวกรอง เข้ามาเสริมกำลังให้กับสิงค์โปร
อย่างไรก็ตามหากเรือทั้งสองลำ บ่ายหน้าขึ้นเหนือจริงๆ ก็จะไปพบกองกำลังญี่ปุ่นที่กำลังบุกไปยังโกตาบารูอย่างแน่นอน หากพบเรือขนทหาร กองทัพญี่ปุ่นก็จะพบกับหายนะ
แน่นอนเหล่าเสนาธิการ ย่อมไม่ปล่อยความสงสัยนี้ไว้ เครื่องบินลาดตระเวณแบบ 98 ถูกสั่งให้ลงที่ไซง่อน แล้วนำภาพถ่าย มาล้างและตรวจดูอย่างเร็วที่สุด เพื่อพิสูจน์ว่าข่าวไหนถูกต้องกันแน่
และแล้วความจริงก็ปรากฏ ภาพถ่ายถูกนำมาขยายและวิเคราะห์ ดูใหม่ ผลปรากฏว่า ข่าวเครื่องบินลาดตระเวณแบบ 98 ผิดพลาด เรือที่พบในภาพถ่ายคือ เรือขนส่งขนาดใหญ่ที่ถูกปลอมแปลงให้เหมือนเรือทั้งสอง ข่าวของเรือดำน้ำ ถูกต้อง เรือลาดตะเวณประจันบาน รีพัลล์ และเรือประจัญบานปริ๊นออฟเวลล์ กำลังเดินหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปสกัดกั้น กองทัพญี่ปุ่นที่โกตาบารู