เรียนถามสมาชิก... ขณะที่ทำงานอยู่ บางขณะเกิดสัญญาถึงผญ. ที่ได้คุยกัน แล้วเกิดความกำหนัด... สภาวะนี้ เรียก นิวรณ์ ?

ข้อกามฉันทะใช่หรือไม่ครับ...

อนึ่ง... เคยอ่านงานของท่านพุทธทาสเรื่องกิเลส ท่านแบ่งเป็น สาม ระดับ
หยาบ กลาง ละเอียด...

ระดับหยาบแสดงออกมาทางกาย วาจา
ระดับกลางนี่ ตริตรึกอยู่ในใจ คือ นิวรณ์(กามฉันทะ, พยาบาท, ถีนมิทธะ, อุทธัจจะกุกกุจจะ, วิจิกิจฉา)
ระดับละเอียด คือชั้นในสุด เรียก อนุสัย... คือ เชื้อกิเลสที่มีอยู่ในระดับจิตใต้สำนึก(น่าจะนะ) นอนเป็นตะกอนอยู่... ถ้าไม่มีชนวน เชื้อนี้ก็จะนอนเป็นตะกอน
ซึ่งดูเหมือนไม่มี แต่จริง ๆ มี... เป็นกิเลสชั้นในสุด

ผมทำงานอยู่... นึกถึง ผญ.ที่ได้คุยกันเมื่อวันก่อน... รูปลักษณ์และการแต่งตัวของเธอมีอานุภาพกระตุ้นสัญชาติญาณทางเพศนัก.... วันนี้นั่งทำงานตอนเช้า...
ภาพเธอในวันที่เจอกันแว้บเข้ามา... แว้บเข้ามาระหว่างทำงาน แว้บเป็นพัก ๆ และระหว่างทำงานเกิดความ "กำหนัด" เป็นพัก ๆ เมื่อคิดนึงถึงเธอ... ผมต้องคอยข่มใจตน และหาทางเข้าสมาธิในงานนั้น จนงานสำเร็จระดับนึง... ก็ได้เวลาพัก... ความคิดเป็นภาพเธอพร้อมความกำหนัดก็เข้ามาอีก... คราวนี้ความรู้สึกค่อนข้างแรงกว่าตอนที่ทำงานอยู่ด้วย... อุปมาเหมือนฝูงชนยืนรอรถเมลล์ เมื่อรถเมลล์มาถึงแต่ละคนก็มีท่าทีรีบเร่งทำให้บรรยากาศค่อนข้างชุลมุน...

จึงอยากถามท่านสมาชิกว่า... สภาวะเช่นนี้ คือ นิวรณ์"กามฉันทะ" ใช่ไหมครับ ?

อีกคำถามนึง... ที่ว่านิวรณ์เป็นเครื่องขัดขวางไม่ให้ทำความดี... ขัดขวางอย่างไร มีเหตุมีผลอย่างไร... ?

แต่ที่ชัดเจนอย่างนึงคือ... ไม่ว่าจะเป็น โทสะ, ปฏิฆะ, ราคะ, อิจฉาริษยา, วิตกกังวล เป็นต้น อารมณ์เหล่านี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วรบกวนจิตใจ...
ทำให้ จิตไม่ตั้งมั่นเท่าที่ควร... หรือกว่าจะตั้งมั่นได้ก็ใช้เวลาอยู่...(ต้องย้ำซ้ำวนอยู่หลายรอบ) หากไปคิดปรุงแต่งต่อ ก็ไปเป็นทุกข์กับมันอีก แทนที่จะเห็นมันเป็นสภาวะ ก็ธรรมดาของคนที่ยังไม่อาจแยกสภาวะอย่างนึง จิตอย่างนึง ไตรลักษณ์อย่างนึง... คือยังเป็นก้อนตัวตนอยู่... เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมถูกกระทบ คลุกไปในอารมณ์นั้น... เสมอ ๆ...

ตอนนี้แลเห็นว่า เมื่อจิตไปข้องแวะกับสิ่งใด ๆ สิ่งนั้น ๆ ย่อมถูกป้อนไปในตัว "สัญญา" โดยอัตโนมัติ...
เมื่ออยู่ในอารมณ์นิ่ง ๆ สัญญา ต่าง ๆ ที่ไปกระทบ ก็อาจจะโผล่ขึ้นมา ไปตามเหตุตามปัจจัยที่ไปกระทบมา...
ในกรณีนี้คือ ได้ข้องแวะพูดคุยกับ ผญ. ที่มีรูปลักษณ์ทรวดทรงที่ยวนนัก "รูปารมณ์"นี้ถูกปรุงแต่ง... ซึ่งมีอานุภาพสูงในการปลุกราคานุสัยให้ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
และอารมณ์นี้ยังไม่หาย ไปจากสัญญา... ยังไม่หายจากช่วงเวลานี้...

และยังคงให้ผลของมันอยู่...


นี่กระมัง ที่พระธรรมท่านว่า ให้สำรวมระวัง... หรือถึงขั้นไม่ให้มอง ไม่ให้คุย เลี่ยงได้เลี่ยง...

ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กิเลสยิ่งนัก... เหมือนทำสงครามกันอยู่... การหายใจยาว ๆ ก็ทำให้อารมณ์ตึงเครียดภายในผ่อนคลายได้ การบังคับตนให้ทำในสิ่งที่สมควรทำก็ช่วยทำให้จิตหนีอารมณ์นี้ได้พอสมควร... การสวดมนต์ก็ช่วย การเจริญสมาธิเพื่อลงไปพิจารณาอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นก็น่าจะทำให้อารมณ์นี้เบาบางขึ้น(อุปมาเหมือนการเข้าไปสู้รบในสมรภูมิ ปะทะกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ณ ตรงนั้นเลย ซึ่งอันนี้ยังไม่ได้ทำ...)

ท่านสมาชิกทั้งหลายอ่านมาถึงตรงนี้... ถ้าเห็นสิ่งใดว่าพอจะแนะนำสั่งสอนได้ ก็ตักเตือน ให้ความรู้ ชี้ทาง เพื่อจะได้ฉลาดขึ้นมาบ้างครับ...
ขอบพระคุณในจิตเอื้อเฟื้อทั้งหลาย... ขอบพระคุณครับ

พาพันขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่